อ่านกระทู้ฮอตที่ http://pantip.com/topic/31724552
ดิฉันรู้สึกป่วยกับทัศนติของโรงเรียนสาธิตปทุมวัน**เนื่องจากหลายท่านเข้าใจประเด็นไม่ตรงกัน จึงขอแนะนำท่านที่พึ่งอ่าน อ่านตรงเพิ่มเติ่มด้านล่างนิดนึงนะคะ เน้นหนักๆค่ะ ว่าดิฉันไม่ได้ห้ามการสอนคุณธรรมศีลธรรม แต่มีปัญหากับตัวเนื้อหาและวิธีการที่การศึกษาไทยสอนกันมานมนาน และดิฉันอยากให้เป็นประเด็นของทั้งระบบไม่ใช่แค่โรงเรียนสาธิตปทุมวันเท่านั้น ขอบคุณค่ะ**
จากข่าวนี้คะ
http://goo.gl/xT2SqB
สาธิตมศวปทุมวัน'เข้มใช้คุณธรรมสอบเข้าม.1
สังคมวิกฤติขาดต้นแบบคนดี 'สาธิตมศวปทุมวัน'รับม.1 ทุกคนต้องผ่านการสอบคุณธรรม – จริยธรรม
1มี.ค.2557 นางอรพินธ์ คะนึงสุขเกษม ผอ.โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ปทุมวันเปิดเผยว่า ในวันที่ 1-2 มีนาคม 2557 ทางโรงเรียนรับสมัครนักเรียนเพื่อสอบเข้าม.1 โดยก่อนที่นักเรียนจะสมัครเข้าเรียนนั้น ทุกคนต้องเข้าห้องอบรมจากนั้นทางโรงเรียนจะฉายวิดีทัศน์ที่สอนเรื่องคุณธรรมจริยธรรมความเป็นไทย คุณสมบัติของคนดีให้นักเรียนได้ดูพร้อมๆ กัน และอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเรื่องคุณธรรมจริยธรรมว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร เมื่อนักเรียนดูวีดิทัศน์จนจบเราก็จะให้นักเรียนสอบถาม
จากนั้นจะให้เด็กเข้าสู่ขั้นตอนการปฏิบัติ ในเรื่องของการไหว้ การกราบ การเดินผ่านผู้ใหญ่ การส่งของรับของ และพูดคุยกับนักเรียนเพื่อให้รู้จักวิธีคิดของเด็กๆ ก่อนจะตัดสินว่าเด็กคนไหนผ่านที่จะเข้าไปสมัครสอบเรียนชั้นม.1 ที่สาธิตมศว ปทุมวันได้ เด็กคนไหนผ่านการปฏิบัติก่อนก็จะมีโอกาสเข้าไปสมัครเข้าเรียนก่อน เด็กบางคนยังไม่ผ่านการทดสอบด้านคุณธรรมจริยธรรม ก็ต้องซ่อมจนกว่าจะผ่านแล้วถึงจะเข้าไปสมัครได้
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นนโยบายของผู้บริหารมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ที่ส่งผ่านมาถึงโรงเรียนสาธิต มศว ทุกแห่ง ให้ปฏิบัติเช่นที่ว่านี้ เพื่อเราจะได้บอกแก่พ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนตั้งแต่มาสมัครว่า โรงเรียนสาธิตมศว ปทุมวัน จึงดำเนินวิธีการนี้และมีจุดยืนในเรื่องคุณธรรมจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง ทางโรงเรียนต้องบอกจุดยืนด้านคุณธรรมจริยธรรมให้ ผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาสมัคร รับทราบตั้งแต่แรก
เมื่อนักเรียนผ่านการสมัครแล้วก็มาถึงกาสอบเข้า ใครผ่านการสอบเข้ามาเรียน ทางสาธิตปทุมวันพาไปเข้าค่ายอบรมคุณธรรมจริยธรรมเพื่อเน้นคุณงามความดี ความกตัญญูรู้คุณ บาปบุญคุณโทษ ความรักชาติรักแผ่นดิน รักศาสนาและพระมหากษัตริย์ เน้นการไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิและสอนเรื่องการมีจิตอาสา จะเห็นว่าสาธิตมศว ปทุมวันไม่ได้เน้นแต่วิชาการอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญเราเน้นคุณธรรมความดีความงามในจิตใจด้วย
“ประเทศไทยวิกฤติเรื่องผู้นำที่มีคุณธรรมจริยธรรมอย่างมาก หากเราเป็นสถานศึกษาไม่ตระหนักและใส่ใจเรื่องเหล่านี้ เด็กจะเติบโตขึ้นเขาจะมองไม่เห็นต้นแบบที่ดีงาม เราจึงต้องหมั่นอบรมและให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง ชีวิตเด็กปัจจุบันผูกติดกับการใช้ชีวิตบนออนไลน์ แชตคุยกับเพื่อน เล่นเฟสบุกส์ ซึ่งเรื่องราวในเรื่องคุณธรรมจริยธรรมหาแทบไม่ได้ ดังนั้นผู้บริหารโรงเรียน ครูประจำชั้น ผู้ปกครองต้องร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้เด็กๆ” นางอรพินธ์ กล่าว
---------------------------------
ดิฉันขอแสดงทัศนคติที่แสนป่วยของผู้บริหารโรงเรียน และยิ่งน่าเศร้าเมื่อทราบว่ามันเป็นนโยบายที่มาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของชาติ
1. ดิฉันถามคำถามแรกเลยนะคะว่าอะไรคือ "ความเป็นไทย" คะ?
2. เราดำเนินไปสู่โลกสมัยใหม่ทุกวัน โลกที่อยู่บนความหลากหลายของมนุษย์ไม่ว่าจะชาติพันธุ์ ความคิด และความเชื่อ แต่โรงเรียนนี้ยังคงอยู่บนความล้าหลังทางความคิด พยายามปลูกฝังให้เด็กทุกคนมีความคิดไปในทางเดียวกันที่เรียกว่า "ความเป็นไทย" ไม่ให้เด็กอยู่บนความคิดที่หลากหลาย มีแต่แบบนี้เท่านั้นที่เรียกว่าความเป็นไทย (และทำให้คนที่แตกต่างกลายเป็นคนนอกโดยปริยาย)
3. โรงเรียนมีหน้าที่สำคัญคือสร้างให้เด็กรู้จักคิด รู้จักตั้งคำถาม และรู้จักวิเคราะห์ ไม่ว่าจะต่อความเชื่อใดก็ตาม แต่โรงเรียนกลับยัดเยียดความคิดเพียงด้านเดียวให้แก่เด็ก แถมยังมีการคัดกรองก่อนรับสมัครอันเป็นการปิดกั้นเด็กที่มีความสามารถ แต่ไม่มีจริตตรงกับความต้องการของผู้บริหารโรงเรียน ให้พ้นไปจากระบบ แล้วแบบนี้ชาติจะคาดหวังเด็กคุณภาพที่คิดเป็นได้อย่างไรคะ?
4. ความดี ไม่ใช่สิ่งสัมบูรณ์ ไม่ใช่สิ่งสากล ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนมีให้เหมือนกัน สิ่งสำคัญที่โรงเรียนควรจะสอนคือการสอนให้เรารู้จัก "เคารพ" สิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น ไม่ละเมิดแก่กัน แค่นั้นก็เป็นการทั้งเคารพกฏหมาย และเคารพคนอื่นอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็น "ศีลธรรม" แบบหนึ่งในโลกสมัยใหม่
5. ดิฉันถามหน่อยเถอะค่ะ ว่าวิธีการพวกนี้มันไม่ขัดต่อสิทธิและทำลายเสรีภาพของเด็ก ต่อการแสวงหาความรู้และตัวตนในโรงเรียนอย่างไรคะ?
6. ความคิดเรื่องระเบียบ คุณธรรม ศีลธรรม ที่สอนสั่งมาในโรงเรียนนั้นล้วนเป็นผลผลิตจากกากเดนเผด็จการทหาร แต่ไม่ว่าจะกี่รัฐบาลประชาธิปไตยก็ไม่เคยคิดจะยกเลิกมัน เพราะมันฝังลึกในชาติเรามายาวนานและเป็นส่วนหนึ่งที่ฉุดรั้งให้การศึกษาเราไม่พัฒนา
7. จะเห็นว่าโรงเรียนพยายามใช้วิถึพุทธศาสนามากำกับนักเรียนให้อยู่กรอบ โดยไม่คำนึงถึงนักเรียนที่ต่างศาสนา ต่างความเชื่อ แม้แต่นักเรียนที่ไม่มีศาสนาก็ตาม!
ดิฉันขอเรียกร้องไปยังโรงเรียนทุกโรงเรียน และครูทุกท่านว่า
1. เลิกยัดเยียดความคิดการเป็นคนดี มีศีลธรรม แบบเดิมๆ แต่ควรเปิดให้นักเรียนมีสิทธิที่จะ "เลือกเรียน" "เลือกเชื่อ" และ "เลือกปฏิบัติ" ได้
2. เปิดพื้นที่และปลูกฝังการถกเถียงต่อความเชื่อต่างๆอย่างเสรี เพื่อให้เด็กฝึกการใช้ความคิด ใช้เหตุผล รวมถึงการอดทนต่อควาเห็นที่แตกต่าง
3. สอนให้นักเรียน(และครู) รู้จักเคารพและไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น ซึ่งไม่ต่างอะไรกับชุดศีลธรรมอย่างหนึ่งที่จะทำให้สังคมอยู่ร่วมกันได้บนความหลากหลาย
4. สังคมทุกวันนี้อยู่บนความหลากหลาย ไม่ว่าจะเชื้อชาติ ศาสนา ความคิด ความเชื่อ เพศสภาพ ฯลฯ หมดยุคชาตินิยมแล้วค่ะ เราสอนเขาผ่านประวัติศาสตร์ถึงความเป็นมาของชาติได้ค่ะ ภายใต้เงื่อนไขของการถกเถียงอย่างอิสระ
5. โปรดสอนให้นักเรียนเขาแยกแยะความดี ความชั่วเองเถอะค่ะ ไม่ใช่ทำแบบนี้เรียกดี ทำแบบนี้เรียกชั่ว สังคมไม่ใช่สีดำกับขาว มันคัลเลอร์ฟูลกว่าที่เราคิด "กฏหมาย" และ "สิทธิความเป็นมนุษย์" สามารถตอบแทนในเรื่องคุณธรรมได้ค่ะ
ดิฉันรู้สึกเพลียมากๆที่ยังมีความคิดนี้ผุดมาจากผู้บริหารการศึกษา หนำซ้ำยังมาจากมหาวิทยาลัยที่เราคาดหวังถึงความเป็นสมัยใหม่ ความเป็นสากล แต่ยังผลิตคติล้าหลังซ้ำๆซากๆสู่สังคม
ถ้าใครจะบอกว่า ก็อย่าไปเรียนสิ โรงเรียนของเขา ขอโทษนะคะ ถ้าคิดแบบนี้ไม่ต้องพัฒนาอะไรหรอกค่ะ อยู่แบบดักดานในกะลาต่อไปดีไหมคะ? ดิฉันพิมพ์มาทั้งหมดด้วยความหวังดีต่อระบบการศึกษาและอนาคตของชาติ และมองเห็นว่าระบบที่ปลูกฝังกันมาในการศึกษาไทยก็ได้สะท้อนออกมาผ่านความแตกแยกทางการเมืองด้วยเช่น ในเรื่องของชาตินิยมความเป็นไทย
เราบ่นกันมาตลอดไม่ใช่หรือคะว่าการศึกษาไทยมันตกต่ำ ว่าเด็กไทยไม่ค่อยใช้ความคิด อยากเห็นการศึกษาพัฒนา เราควรจะช่วยหาทางออก ช่วยกันร่วมถกเถียงนะคะ แม้ปัญหาข้างต้นจะไม่ใช่ปัญหาทั้งหมด แต่ดิฉันเชื่อว่านี่คือรากฐานความคิดสำคัญของสังคมไทย ที่เป็นจุดบอด และจุดตายของสังคมไทยมานับสิบปี
ขอบคุณค่ะ
---- เพิ่มเติม ----
- ดิฉันไม่มีลูกค่ะ และดิฉันก็เลยการสอบเข้าม.1มานานแล้วค่ะ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับโรงเรียนค่ะ แค่เคยเข้าไปครั้งหนึ่งสมัยเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ
- ดิฉันไม่ปฏิเสธการสอนคุณธรรมหรือจริยธรรม แต่ดิฉันปฏิเสธการสอนแบบการศึกษาไทยทำอยู่ตอนนี้ คือการยัดเยียดข้อมูลศีลธรรมเพียงชุดเดียวสอนเป็นไม้บรรทัดว่าการเป็นคนดีต้องอย่างไร ปราศจากการถกเถียง การใช้เหตุผลคิดวิเคราะห์ออกมา ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเด็กควรได้มี case study หรือชุดข้อมูลหลายๆชุด เพื่อให้เขามีสิทธิเลือกและใช้ความคิดอภิปรายถึงเหตุผลแต่ละชุดออกมา
- กระทู้นี้นอกจากมองเพียงแค่โรงเรียนนี้แล้ว อยากให้มองออกไปเป็นทั้งระบบ ว่าการศึกษาไทยนั้นกดทับความคิดของเด็กนักเรียนมากเพียงใด ซึ่งเป็นผลจาก Militarism (ทหารนิยม) ในไทย ดังนั้นไม่ว่าจะเรียนที่ไหนในไทยล้วนเจอกับระบบการศึกษาแบบนี้ (ยกเว้นพวกนานานาชาติ) ดังนั้นดิฉันจึงออกมาเขียนเพื่อส่งเสียงไปยังสังคมค่ะ
---------------------------------
ขอบคุณ kdunagin ค่ะ ที่นำข้อมูลการสอนในโรงเรียนของสหรัฐอเมริกามาอธิบาย (ความเห็นที่ 52)
ดิฉันขอชี้แจงคุณดังนี้นะคะ
1.
ประโยคดิฉันที่ว่า
โรงเรียนในสหรัฐให้อิสระเสรีทางความคิด รัฐไม่กรอกหูว่าต้องเป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรมแบบที่ไทยสอน
ตรงนี้ดิฉันยังไม่เห็นว่าแย้งอย่างไรคะ* (*แก้จาก ตรงนี้ดิฉันกล่าวผิดตรงไหนคะ) ซึ่งในหลายความเห็นต่อมาดิฉันไม่ได้ปฏิเสธการสอนจริยศาสตร์ แต่ที่ดิฉันเน้นคือ
ไม่สอนแบบไทย
ซึ่งเป็นการสอนลักษณะผูกขาดข้อมูลชุดเดียวและยัดเยียดให้นักเรียนปฏิบัติตามโดยปราศจาการถกเถียงอย่างเสรี ในขณะที่ข้อมูลที่คุณ kdunagin นำมานั้นเขาก็เขียนไว้ชัดเจนว่าเขาเปิดกว้างต่อการสอนเช่นไร ทั้งยังมีการร่วมตีความความหมายที่หลากหลายอีกด้วย แตกต่างจากบริบทการศึกษาไทยอย่างสิ้นเชิง
2.
ประโยคที่ว่าเคร่งครัด ดิฉันอาจใช้คำไม่ดีเองค่ะ กล่าวคือโรงเรียนในสหรัฐนั้นมีความแตกต่างกันตามแต่ละรัฐแต่ละเมือง แต่องค์กรของรัฐไม่ว่าจะศาลหรือรัฐส่วนใหญ่ให้ความสำคัญและเคร่งครัดต่อการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของนักเรียนมากๆ ต่างกับที่ไทยที่ยังคงล้าหลังใช้วิธีแบบทหารนิยมในการจัดการเรียนการสอน