ปูกับน้ำท่วมปี 2554
#51
Posted 26 January 2012 - 14:20
ดูประกอบ เพื่อแสดงว่า การระบายน้ำ 4,600+ คิวบิกเมตร/วินาทีจากเขื่อเจ้าพระยาเมือวันที่ 11 ตุลาคม 2554 ซึ่งปริมาตรขนาดนั้นไม่คิดว่าจะเกิดบ่อยนักในประวัติการเปิดน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาที่ชัยนาท
ขนาดที่เห็นนี้ ก็ยังหลังจากระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลปริ่มขอบที่ 1.36 หมื่นล้านคิวบิกเมตร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 หรือก่อนหน้านั้นกี่วันผมไม่ทราบ
น่าเชื่อว่า การระบายน้ำวันละ 100 ล้านคิวบิกเมตรจากเขื่อนใหญ่มีมา 5-6 วันก่อนหน้าที่เห็นตามภาพนี้
#52
Posted 26 January 2012 - 14:48
ภาพเมื่อตุลาคม 2554
หลังจากรัฐบาลปูยังคงไม่แก้ไขความผิดพลาดในการบริหารจัดการน้ำ
นับแต่วันที่ได้รับโปรดเหล้าเข้าบริหารประเทศ (5 สิงหาคม 2554)
วันนั้น พระองค์ตรัสถึงประเด็นที่จะนำมวลน้ำลงอ่าวไทย โดยทรงนำต้นแบบของคลองลัดโพธิ์มาเป็นอุทาหารณ์
เพียงจะสะท้อนว่า ถึงอย่างไรล้นเกล้าก็ทรงไม่ทิ้งประชาชน
#53
Posted 26 January 2012 - 15:00
กรณีที่มาจากน้ำแฝงเสน่ห์ให้เรียนรู้อย่างเป็นระบบได้ชัดเจนตรงไปตรงมากว่าแผ่นดินไหว พายุ และไฟป่า
เพราะน้ำมีความโอนอ่อนกับสิ่งที่รองรับ ทำให้จับต้องได้ และเวลาเคลื่อนที่ปกติก็ไม่เคยไหลจากที่ต่ำไปหาที่สูง
ที่ว่า 20 ปียังน้อยไป ในหลวงทรงให้พระราชดำริเรื่อง floodways ตั้งแต่ปี 2523, 2528 และ 2538
จนถึงวันนี้ ก็ยิ่งมีเรื่อง floodways ให้พูดได้อีกมากกว่าเก่า เพราะไม่ต้องดูอะไรมา
เส้นทางตรงที่สร้างสนามบินสุวรรณภูมิวันนี้เป็น "airways" แทน "waterways/floodways" ไปเสียแล้ว
นี่คือตัวอย่างเดียวที่ทำให้รัฐบาลปู ต้องมีปัญหากับเทศบาลกรุงเทพฯมหานคร เมื่อสองสามเดือนก่อน
ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ ในเมื่อ floodways ถูกบล๊อกไปตั้งแต่ปี 2545
#54
Posted 26 January 2012 - 15:41
เก่งจังครับ ... เอาอดีตมา เล่าเป็นฉากๆ ทีหลัง เล่าตอนเดือนกันยาปีที่แล้วนะครับ ไม่ใช่ ตอนนี้... ถามง่ายๆ แค่ว่า พวกที่ บอกว่า น้ำในเขื่อนเยอะ ต้องปล่อยน้ำออก ตอน กันยา อะ ... ตอนนั้นเคยออกมา เห่าหอนไหมว่า ต้อง ปล่อยน้ำออกได้แล้ว?? ไปขุดกระทู้ เดือนกันยา หรือ ก่อนหน้า มาหน่อย นะครับ ว่า มีท่านไหนบาง ตอนนั้น มี ภูมิปัญญาเหนือ มนุษย์ คาดการณ์ล่วงหน้าได้ ว่า เราควรปล่อย น้ำ จากเขื่อน เดือนกันยา... ถ้ามีผมจะยกย่อง เป็น เทพแห่งการจัดการน้ำประจำ สรท เลยแล้วจะไม่โต้แย้งเรื่องน้ำกับท่านนั้น เพราะ เทพจริง ไม่ใช่ เทพจากการ เอาอดีตมาเล่า... เหอๆ พอผ่านมาแล้ว มีเวลาขุดข้อมูล เก่งกันใหญ่... พอๆกับพวกที่ พอหวยออก 60 แล้วบอกว่า กุว่าแล้วว่า ต้อง 60... เพราะ แมลงสาบ อยู่มา 60ปี ไปนั่น เรียนรู้จาก อดีตไม่ใช่สิ่งผิดครับ ควรทำด้วย แต่ ต้องเข้าใจว่า ถ้าคุณอยู่ตอนนั้น คุณรู้เท่าที่เค้ารู้ คุณทำได้ดีกว่าหรือปล่าว... ไม่ใช้เอาข้อมูล อนาคต ที่ น้ำท่วมไปแล้ว มา ย้อนกลับไปหาว่า ทำไมตอนนั้นไม่ทำโน่นไม่ทำนี่... วิเคราะห์เอาไว้เรียนรู้อะได้ครับ แต่เอามาเป็นข้อมูล ด่ากันนี่น่าละอาย เพราะ จริงๆแล้ว พวกที่ เห่าหอนว่าไม่นำโน่นนี่นั้น จริงๆ ตอนนั้น ก็ clueless เหมือนกัน... ไม่เหมือนบางท่านครับ คนเค้าบอกให้ทำอย่างนั้นสิ อย่าทำแบบนั้น ... แต่เค้าดื้อ เค้ากลัวหน้าเค้าเสีย เค้ากลัวว่าเค้าหาว่าเป็นคนทำร้ายประชาชน... สุดท้าย เค้าก็ได้ ฉายานั้น อยู่ดี... ด้วยความเขลาของเค้าเอง สุดท้าย ก่อนจะไปว่าเค้าว่าทำไมไม่ปล่อยน้ำ ก็ต้องถาม ศาสดาท่านว่า ทำไมไม่ปล่อยเช่นกัน คำตอบของศาสดาท่าน ก็เป็นคำตอบของรัฐบาลนี้เช่นกัน...
พักหลังนี่ คุณโพสต์เหมือนคนสติแตกขึ้นทุกทีๆ นะครับ
๑ ผมมันก็แค่ประชาชนธรรมดาครับ ตอนเดือนกันยาก็เห็นน้ำท่วมภาคเหนือตอนล่าง กับภาคกลางบางส่วน ผมอยู่กรุงเทพฯ บอกตรงๆก็ไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงขนาดนี้ เพราะแถวนั้นน้ำมันท่วมแทบทุกปีอยู่แล้ว ไอ้กราฟเนี่ยผมก็เพิ่งมาเห็นตอนช่วงปลายตุลาคม-พฤษจิกาคม พวกเสื้อแดงด้วยซ้ำเอามาใช้ด่าอภิสิทธิแบบโกหกหน้าด้านๆ
ในทางกลับกัน รัฐบาลในเวลานั้นทำอะไรอยู่ครับ น้ำเข้าเขื่อนมหาศาลขนาดนั้นคุณไม่คิดอะไรเผื่อไว้เลยหรือ ผมจำได้ว่าช่วงนั้นยังเที่ยวไปแนะนำตัวกับต่างประเทศอยู่เลย คนเป็นนายกฯ ข้อมูลต้องเยอะที่สุด ประเทศวิกฤติอยู่กลับทำตัวได้น่าอายมาก หนีความรับผิดชอบ ไม่ให้พวกผมตำหนิหรือ ยิ่งได้เห็นกราฟพวกนี้ในภายหลัง ก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้นำประเทศมันมัวทำอะไรอยู่ น้ำเข้าเขื่อนแบบพุ่งพรวดๆ แต่ไม่ยอมเพิ่มการปล่อยน้ำ ผมว่าผมพอเดาได้นะ ไม่ว่าคนที่ตัดสินใจนั้นคือใคร อาจเป็นนายกฯ รมว.เกษตร หรือใครก็ตาม มันต้องคิดแบบโง่ๆ คือคิดว่าจะเอาอยู่ โดยไม่ดูความเป็นจริงว่าเขื่อนมันรับไม่ไหว
สำหรับคนที่มีข้อมูลแล้ว การตัดสินใจกักเก็บน้ำเอาไว้จนเขื่อนจะทนไม่ไหว นับว่าบัดซบและสร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างไม่น่าให้อภัย
๒ วิเคราะห์กันทำไม ?? จนป่านนี้คุณยังไม่ได้สติอีกหรือครับ ประเทศชาติเสียหายไปแล้วเท่าไหร่?? เพราะการทำงานอันสุดยอดของท่านผู้นำที่คุณเลือกมากับมือ จำนวนครได้มั้ยครับ จะเรียกว่าผลงานสุดบัดซบก็ได้ มีอย่างที่ไหน ตัวเองเป็นรัฐบาลแท้ๆ ระดับผู้บริหารประเทศ ไม่มีปัญญาจะตัดสินได้ว่ากำแพงที่สร้างไว้ทนน้ำได้มั้ย เที่ยวบอกปาวๆกับชาวบ้านว่าเอาอยู่ๆ แล้วสุดท้ายกำแพงแตกเอาวันเดียวกันนั้นเลย
เรื่องนี้ก็เหมือนกัน คนระดับผู้บริหารประเทศ ต้องมองออกตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้วิกฤติ เพราะข้อมูลอยู่กับพวกคุณ แล้วทำไมถึงเพิ่งมาขยับตัวเอาตอนเดือนตุลาคม ตอนที่น้ำกำลังทะลักเข้าท่วมภาคกลาง ก่อนหน้านั้นพวกคุณทำอะไรอยู่ ลองหาข่าวช่วงนั้นดูสิครับ มีแต่ข่าวยิ่งลักษณ์เดินทางไปแนะนำตัว
สำหรับผม การเดินทางไปต่างประเทศของยิ่งลักษณ์ช่วงเดือนกันยายนเป็นสิ่งที่น่าอายมาก
ถ้าจะให้ตอบสั้นๆว่าวิเคราะห์กันทำไม ก็คงต้องตอบว่า เพื่อจะได้เห็นความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของผู้นำประเทศที่คน 15 ล้านคนช่วยกันเลือกมาได้ชัดเจนขึ้น
หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.
#55
Posted 26 January 2012 - 15:49
ขออนุญาตคุยกันเบๆกับปู่ยงที่ทำให้ผมนึกถึงคนละเรื่องเดียวกันสงสัยปูไม่ค่อยได้ดูหนังฝรั่ง ถ้าดูจะเห็นว่า
เวลาเกิดวิกฤต คนที่ผู้นำจะเรียกหา จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ
อย่างกรณีน้ำท่วมนี่ ถ้าเป็นฝรั่ง เค้าจะเรียกผู้เชี่ยวชาญด้านจัดการน้ำอันดับแรก
คนวางผังเมือง หรือสถาปนิกที่รู้เรื่องเขื่อน ถนน คู คลองต่างๆ
คือหลังสงครามโลกครั้งที่สองสหรัฐต้องแบกภาระดูแลเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เคยเป็นของญี่ปุ่น
ตามที่ยูเอ็นจัดให้อยู่ภาวะทรัสตี (US Trust Territory of the Pacific Islands) ก่อนจะให้เอกราช
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะประชากรที่อยู่บนเกาะเล็กเกาะน้อยที่กระจายจากฝั่งตะวันตกของสหรัฐถึงทะเลฟิลิปปินส์
และทั้งที่อยู่เหนือและใต้เส้นศูนย์สูตรนับหมื่นเกาะนี้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รวมกันเป็นประเทศ
ปัญหามันมี เพราะก่อนสงคราม สหรัฐไม่เคยสนใจใครในมหาสมุทรนี้มากเท่าที่อยู่เกาะฮาวาย กวม เวก มิเวย์ มากัส
ปู่ยงเชื่อไหมครับว่า ขนาดฐานทัพสำคัญที่ชื่อ "เกาะทรัก" (Truk IslandS/Lagoon) อันเป็นจุดรวมพลก่อนออกไป โตร่า โตร่า โตร่า ตอนไปถล่มเพิร์ลฮาเบอร์เดือนธันวาคม 2484
สหรัฐก็ไม่คิดที่จะต้องไปตีแก้แค้น ไม่ใช่อะไร ไม่รู้เสียด้วยว่าอยู่ในหมู่เกาะแคโรโลน์
แม่ทัพนายกองไม่ว่าจะเป็นนายพลเอเนสต์ คิง นิมิตซ์ แมคอาเธอร์ ต่อให้มาร์แชล ก็นึกว่าญี่ปุ่นยกทัพเรืือออกมาจากอ่าวโตเกียว
แล้วมุ่งมาฮาวายเลย ไม่ได้แวะที่ไหน
ในหนัง Tora Tora Tora ก็ไม่ได้เอ่ยถึงฐานทัพนี้
จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ 2487 เรือบินสอดแนมของกองทัพเรือสหรัฐจึงมาจ๊ะเอ๋เข้า จากนั้นอีก 10 วันถึงได้ส่งกองกำลัง TF58 พร้อมเครื่องบิน 300 ลำ ไปถล่มทรักจนเหลือแต่ขี้เถ้าหลังควันที่คลุ้งทั่วเกาะจางลง
เมื่อสหรัฐมีเป้าหมายให้ชาวเกาะสามารถปกครองตัวเองได้เป็นเอกราช ดังนั้น นับตั้งแต่ยุค 50s, 60s
ทางการสหรัฐจึงต้องทำความรู้จัก โดยเริ่มจากให้ 2-3 มหาวิทยาลัย อาทิ Stanford, Hawaii, เป็นแหล่งสร้างองค์ความรู้ที่เรียก "Oceania"
เป็นโครงการเรียนรู้วิถีชีวิต ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ และลักษณะผู้นำท้องถิ่นของทุกวัฒนธรรมชาวเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกทั้งหมด
(64 ล้านตารางกิโลเมตร ถ้าความจำผมไม่ทรยศ)
รัฐบาลตั้งกองทุนสร้างผู้เชี่ยวชาญผ่านการลงไปศึกษาลงสนามขนานใหญ่
และไม่ลืมเอาเด็กชาวเกาะหัวดีที่มีแววเป็นผู้นำมาเรียนที่มหาวิทยาลัยสองสามแห่งที่ว่า
มีนักศึกษาอเมริกันคนหนึ่งจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดถูกส่งไปอยู่เกาะย่าน "ไมโครนีเซีย"
โดยทางการสหรัฐขอให้มหาวิทยาลัยผ่อนผันไม่จำกัดเวลาในการรักษาสถานภาพนักศึกษา
ก่อนกลับมาจบโครงการเรียนรับปริญญาเอก
นักศึกษาคนนี้ชื่อ "Frank Mahoney" ผมพบที่เกาะทรัก เขาบอกผมว่าอยู่มา 18 ปีแล้ว
แต่พระเจ้า ท่าทางเขา ภาษา ชีวิตการกินอยู่เป็นชาวเกาะแทบทุกกระเบียดนิ้ว เพียงหน้าตาที่ยังเป็นฝรั่ง
แม้ผิวจะกร้านไปบ้างอ้อ ลืมบอก ลูกสาว 16-17 ปีของแฟร้ง หน้าตาดี
ใช่ครับ แฟร้งแต่งงานกับสาวชาวเกาะตั้งแต่มาถึงไม่นาน มาเครื่องบินทหาร
เพราะสนามบินสมัยสงครามสั้นเกินไป และถ้าต้องขึ้นลงสัก 10 เกาะ เจอพื้นรันเวย์หินปะการังคมๆไปกลับรอบเดียวต้องเปลี่ยนยางล้อชัวร์
ไม่มีสายการบินไหนอยากมาสี่ยงขาดทุน
ยกเว้นแต่จะเป็นของรัฐวิสาหกิจอย่าง Continental (ตอนนี้เป็นของ United แล้ว)ซึ่งก็มาทีหลังแฟร้งค์มาก
ผมเจอแฟร้งกันบนเกาะเล็กๆใน "ทรักลากูน" ได้สามเดือน เขาบอกได้เวลากลับไปสแตนฟอร์ดแล้วหลังจากอยู่มาเกือบยี่สิบปี
และคงยากจะกลับมาอีก ลูกสาวให้อยู่กับแม่เขา แฟร้งว่าอย่างนั้น
ที่ "แอร์สตริป" บนเกาะนั้น ผมไปส่งแฟร้งขึ้นเครื่องบินน้ำ SA-16 รุ่นโคตะระเก่าและหายากแล้ว (แฟร้งไปต่อเครื่องใหญ่ที่ GUam)
ลูกสาวแฟร้งที่มาส่งร้องไห้เหมือนเด็ก เพราะรู้ว่าพ่อแฟร้งไปแล้วไปเลย จะเจอกันอีกเมื่อใดยังไม่รู้
ส่วนแม่ไม่ได้มาส่ง คงทำใจไม่ได้
ประมาณ 5 ปีหลังจากนั้นผมทราบว่า Dr. Frank Mahoney เป็นที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐเกี่ยวกับ Oceania
ก่อนจะเกิดประเทศเอกราชในแถบหมู่เกาะมาเรียนน่าส์ มาแชลส์ และแคโรไลน์ กิลเบิร์ตตามมาหลายประเทศ
ที่ผมจำได้คือ The Federated States of Micronesia
#56
Posted 26 January 2012 - 16:16
#57
Posted 26 January 2012 - 16:35
หากพยายามแกะดูจากภาพจะพบว่าถ่าย(หรืออาจปริ๊นต์) วันที่ 19 ตุลาคม 2554 (111019)
จะว่าเป็นลูกที่ 6 ต่อจาก Nalgaue (ที่เข้ามาถึงฝั่งฟิลิปปินส์ราววันที่ 3 ตุลาคม.และถึงไทยเกือบจะวันเดียวกับที่ตั้งศุนย์ ศปภ.)
ที่ผมนำภาพนี้มาเพื่อจะบอกกับพวกปากหอยปากปูที่เป็นโภคะของสรรพสัตว์ในอุทกธารว่า
รู้จักอ่านและศึกษาด้วยปัญญาบ้าง ก่อนจะแสดงความโง่เขลาดิสเครดิตสะเปะสะปะ
ก็เห็นอ้างกันเหลือเกินว่าปีนี้ธรรมชาติวิปริต เลยเอาไม่อยู่
ใช่ นี่ไง มันมาลูกที่ 6 มากกว่าที่เป็นข่าวด้วยซ้ำ
แต่โทษทีเหอะ ทั้ง ครม. มันห่วยแตกตั้งแต่วันแรกที่มีอำนาจแล้ว แล้วจะดีเพียงแค่ข้ามคืนคงยาก
ยิ่งอยู่ก็ยิ่งซ้ำเติมให้บ้านเมืองวิบัติมากขึ้น คิดดู พอนั่งเมือปุ๊บก็เฉิดฉายไปกราบผู้มีพระคุณของพี่ชายที่บรูไน
พอเข้ากันยา โน่นไปอินโดฯ ก็นึกว่าจะหยุดได้แล้ว เพราะตอนนั้นนับสิบจังหวัดน้ำท่วมหลังคาบ้านนับหมื่นหลังแล้ว
ที่ไหนได้ ร่อนไปกราบฮวยเซ็งต่อที่พนมเปญ
ปล่อยให้บ้านเมืองวินาศเหมือนจงใจ
เมษายนปี 2553 หลังจากพวกเสื้อแดงเข้ามาตั้งแต่ 12 มีนาคม
มาร์คตอบรัฐบาลออสเตรเลียกระทันหันแค่สองวันว่ายกเลิกการเดินทางไปเยือน ก็มันทำท่าจะผาเมือง
แล้วมันก็เผาจริงในเดือนต่อมา
จึง
#58
Posted 26 January 2012 - 16:38
#59
Posted 26 January 2012 - 16:39
#61
Posted 26 January 2012 - 18:53
ไม่น่าเชื่อว่าพรรคที่คนฝากความหวังไว้ซะมาก
กลับนำพาความพินาศหายนะมาให้เท่าเทียมโดยทั่วกัน
#62
Posted 26 January 2012 - 20:24
สวัสดีคุณรุ้งย้อนหลังครับจริงค่ะ เหมือนจงใจทำเพื่อเอางบฟื้นฟูประเทศ
ไม่น่าเชื่อว่าพรรคที่คนฝากความหวังไว้ซะมาก
กลับนำพาความพินาศหายนะมาให้เท่าเทียมโดยทั่วกัน
สะดุดที่ว่าเป็นพรรคที่คนฝากความหวังไว้มาก
ผมเป็นคนหนึ่งละที่ไม่ฝาก
ส่วนที่ฝากคุณรุ้งแน่ใจว่าเป็นคนหรือครับ
#63
Posted 26 January 2012 - 20:35
นึกว่า Grand Old Party ที่ไหนเสียอีก
#64
Posted 26 January 2012 - 20:36
สวัสดีคุณรุ้งย้อนหลังครับ
จริงค่ะ เหมือนจงใจทำเพื่อเอางบฟื้นฟูประเทศ
ไม่น่าเชื่อว่าพรรคที่คนฝากความหวังไว้ซะมาก
กลับนำพาความพินาศหายนะมาให้เท่าเทียมโดยทั่วกัน
สะดุดที่ว่าเป็นพรรคที่คนฝากความหวังไว้มาก
ผมเป็นคนหนึ่งละที่ไม่ฝาก
ส่วนที่ฝากคุณรุ้งแน่ใจว่าเป็นคนหรือครับ
เฮ สวัสดีค่ะสวัสดีคุณรุ้งย้อนหลังครับ
จริงค่ะ เหมือนจงใจทำเพื่อเอางบฟื้นฟูประเทศ
ไม่น่าเชื่อว่าพรรคที่คนฝากความหวังไว้ซะมาก
กลับนำพาความพินาศหายนะมาให้เท่าเทียมโดยทั่วกัน
สะดุดที่ว่าเป็นพรรคที่คนฝากความหวังไว้มาก
ผมเป็นคนหนึ่งละที่ไม่ฝาก
ส่วนที่ฝากคุณรุ้งแน่ใจว่าเป็นคนหรือครับ
อ้าว พรรคเพื่อแม้วนี่ มีหลายต่อหลายคน หลายต่อหลายหมู่บ้าน และหลายต่อหลายจังหวัด
คาดหวัง ฝากความหวัง
เพราะไปสัญญากับเค้าไว้
ว่าจะนำพาสิ่งที่ดีสู่ชีวิต
แบบละครหลังข่าว แค่หวังลมลมแล้งแล้ง ก็ยังดี
คนที่โดนความจริงกัด บางที อีกนานแค่ไหนเค้าถึงจะรู้ตัว
ขอเป็นอีกคนที่ไม่เคยหวังอะไรกะคนพรรคนี้เหมือนกันค่ะ
#65
Posted 26 January 2012 - 20:41
Edited by อารยะ, 31 January 2012 - 16:53.
#66
Posted 26 January 2012 - 20:52
รายนี้สั่งสมบาปไว้มากหลายเกินพรรณนาครับ
ครับ คุณ plunk ผมเองคิดทีแรกเหมือนกันว่าจะตั้งกระทู้ว่า บาปเสี่ยวหาร เหมือนกันครับ
แบบนี้คงต้องมีวิบากกรรมที่ต้องชดใช้อีกมาก
พลุระเบิดนี่แค่เป็นสัญญาณเตรียมตัวซะละมั๊งครับ
สนับสนุนสุดตัว
ตั้งกระทู้เลยครับ ผมคนหนึ่งละที่จะตั้งตารออ่าน
ชอบพูดพลางเลียลิ้นแผลบๆ สมกับที่สารภาพเมื่อปี 2535 ว่า "อดอยากปากแห้งมานานแล้ว"
แกตอบสื่อที่ถามว่าสนับสนุนพล.อ. สุจินดา เป็นนายกจริงหรือ
#67
Posted 26 January 2012 - 20:54
Edited by อารยะ, 31 January 2012 - 16:54.
#69
Posted 26 January 2012 - 21:21
ที่ผู้เบาบางทางปัญญาและสติ
มิได้ใส่ใจ
วันๆเรื่องโง่ๆถนัดนัก
เรื่องประเทืองปัญญา เรื่องเพื่อบ้านเมือง
ไม่ใส่ใจ
บ้านเมืองของเรา
ต้องช่วยกันนะ
ห้ามพึ่งรัฐบ า น เง่าๆ
#71
Posted 26 January 2012 - 21:53
ไม่รู้ว่าเพราะถูกปิดปากหรือว่าปิดข่าว
แต่ว่าน่าจะเรียกร้อง ร้องทุกข์อะไรบ้าง
แบบนี้ไม่เสียก็เหมือนเสียกรุงศรีจริงๆค่ะ
#72
Posted 26 January 2012 - 22:43
1 เดือน หลังจาก “ศปภ.” ตั้งขึ้นมาเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2554 (ให้นักการเมืองที่ไม่รู้แม้กระทั่งธรรมชาติของน้ำที่ต้องไหลจากที่สูงไปต่ำมาบริหารจัดการโดยเฉพาะ) เราก็ได้เห็นทุกจังหวัดที่อยู่ริมน้ำเจ้าพระยาล่มไม่เหลือ จนจ่อถึงด่านสุดท้ายของ กทม. ด้านตะวันตกที่บางบัวทองเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2554 จากนั้นก็ไล่ดะมาบางใหญ่ บางกรวย
ก็จะไปเอาอะไรกับหัวเรือใหญ่อย่าง พล.อ. ประชา พรหมนอก ถึงท้ายแถวที่ไม่มีความรู้อะไรมากไปกว่าการใช้อำนาจรวมศูนย์ "ข้อมูลเอกสารทุกอย่างต้องให้ผมเซนก่อนออกอากาศ" ภายในจึงขัดแย้งกันเอง ส่วนข้าราชการกรมชลฯกลายเป็นแพะรับบาป
นักวิชาการด้านบริหารจัดการน้ำถูกหุบปาก ไม่ฟังแม้กระทั่งยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาที่ต้องช่วยกันขบคิด เช่น ควรวางมาตรการอะไรที่จะให้
1. มวลน้ำท่าที่ไหลลงมาจากเขื่อนไปตามลำน้ำเจ้าพระยาและท่าจีนท่วมสองฝั่งน้อยที่สุด
2. มวลน้ำทุ่งที่ เชื่อว่ามีปริมาณมากกว่ากว่า 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร หรือเท่ากับความจุของเขื่อนภูมิพลกระจายอยู่ทั่วภาคกลางตอนเหนือซึ่งกำลังไหลลงมา ท่วมกรุงเทพมหานครทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกน้อยที่สุด
สัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน 2554 นักการเมืองใน ศปภ. เพิ่งเริ่มตระหนักว่ารัฐบาลพลาดอย่างแรง
ตั้งแต่ไม่ได้เปิดเขื่อนภูมิพลในเดือนสิงหาคมในขณะที่มีระดับน้ำอยู่ที่ 8,000 ล้านคิวบิกเมตร และในเดือนกันยายนที่ 9,000
แทนที่ ศปภ. จะผนึกและระดมสมองระหว่างข้าราชการกรมชลฯ กับนักวิชาการ โดยรัฐบาลและ กทม. รู้ข้อมูลเดียวกันและพร้อมกัน
กลับพบว่าเกิดความไม่ลงรอยระหว่าง ศปภ. กับ กทม.
กลายเป็นประเด็นที่ศปภ. พยายามหาทางลอยตัวหากน้ำท่วมกรุงเทพฯ
จึงไม่แปลกที่ กทม. จะถูกกันมิให้เข้าไม่ถึงปฏิบัติการของประตูระบายน้ำนอกเขต กทม.
แม้กทม. จะแจงเหตุผลว่าจำเป็นต้องร่วมรับรู้และตัดสินใจการเปิดปิดประตูน้ำเหล่านั้น
เพราะเป็นปฏิบัติการที่จะส่งผลโดยตรงต่อระดับน้ำในเขตชั้นใน กทม.
#73
Posted 26 January 2012 - 23:05
แต่ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะช่วงน้ำทะเลขึ้นสูงสุดตอนกลางเดือนตุลาคม มีผลทำให้มวลน้ำจากฝั่งคลองรังสิตไหลท่วมทุ่งลงมาถึงคลองหกว่าสายล่าง
จากนี้ถ้า ศปภ. เชื่อนักวิชาการ ก็จะใช้คลองหกวาสายล่างนำมวลน้ำไหลไปลงคลองบางปะกงได้ แต่เมื่อใช้ "บิ๊กแบ๊ก" กั้น มันไม่อยู่จึงทะลักเข้าดอนเมือง ศปภ. เองก็เจ๊งหนีน้ำแทบจะเอาตัวไม่รอดในช่วงนั้น
ทั้งหลายทั้งปวงช่วงนี้อยู่นอกเหนือเขตของ กทม. ที่แม้พยายามร่วมมือกับ ศปภ. แต่ก็ทำไม่ได้มากกว่าบอกเสียใจกับชาว กทม. โดยเฉพาะในเขตสาบไหมที่ต้องรับผลกรรมจากบาปของ ศปภ. ที่พยายามโยนว่าเป็นความรับผิดชอบของ กทม.
#75
Posted 26 January 2012 - 23:18
นิคมอุตสาหกรรมที่ส่วนใหญ่ตั้งใกล้าริมแม่น้ำ เพียงเจอพิษของอุทก "น้ำท่า" ก็จอด แต่กรณีที่อยุธยาและปทุมธานี ตั้งแห่งแรกที่สหรัตน์ และต่อมา เช่น โจฃรจนะ ฮอนดา มาจนถึงบางกะดีที่ปทุมฯ เจอทั้งน้ำทุ่งและน้ำท่า ไม่ต่างจากฝั่งตะวันตกที่ีบางบัวทอง คือพนังกั้นน้ำจากริมฝั่งพังพร้อมกับน้ำทุ่งจากด้านบนจอมตีพร้อมกัน
แล้วอะไรจะเหลือ
ตัวอย่างอุทกภัยน้ำท่าล้วนๆที่เห็นชัดคือตอนที่เขตบางพลัดพังที่จรัญสนิทวงศ์
Edited by อารยะ, 26 January 2012 - 23:28.
#76
Posted 26 January 2012 - 23:22
ที่กุฎิวัดขนาดหลวงพ่อยังเอาไม่อยู่
ใครอยู่เบื้องหลังการอุ้มฆ่าเอกยุทธ์ อัญชัญบุตร
#77
Posted 26 January 2012 - 23:31
แต่ปูกะลังเอาอยู่คร้า
#78
Posted 27 January 2012 - 00:23
ไหลตีตลบวนเวียน เกรี้ยวกราดจนเอาไม่อยู่ แต่ต้องปล่อยให้ไหลหรือมีทางระบายออกทะเลไปโดยไม่ให้เกิดความเสียหาย
ก่อนอื่นต้องมีแผนการใช้ที่ดินเป็นแม่บทในการจัด “โซนนิ่ง” หรือเขตต่างเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย โรงงานผลิตสินค้า ย่านธุรกิจ นิคมเกษตรหรืออุตสาหกรรม ป่า ที่โล่ง โดยมีข้อกำหนดต่างๆ เช่น ไม่สร้างเขตเศรษฐกิจหรือสร้างเมืองบริเวณเปราะบาง เช่น ริมแม่น้ำ
(ที่ต้องท่วมในฤดูมรสุมอยู่แล้ว) และบังคับใช้แผนแม่บทนั้นอย่างเคร่งครัด
ทางเดินของน้ำลงทะเลที่เรียกว่า "floodways" ในหลวงตรัสครั้งแรกปี 2523 และชัดเจนอีกครั้งเมื่อ 2528
แต่ทำกระท่อนกระแท่นจนพบว่าเสียหายมากในกรุงเทพฯปี 2538
ปีรุ่งขึ้น 39 จึงทำคันน้ำเป็นแนวกั้นกรุงเทพฯด้านตะวันออก (ถ. ร่มเกล้า ถ. กิ่งแก้ว) เพื่อให้น้ำลงสู่บริเวณสมุทรปราการ
กับใช้คลองหกวาฉีกน้ำออกไปทางตะวันออกลงบางปะกง
แนวลงสมุทรปราการเป็นทางกว้าง ควรได้เวนคืนก็ไม่ทำ แถมบริเวณหนองงูเห่าถูกกั้นจากโครงการใหญ่ตั้งแต่ปี 2544
เพื่อทำให้เป็นที่ดอนแบบดอนเมือง
น้ำที่ไหลมาจากด้านบนมาล้นที่ลำลูกกา สายไหม ลำรางในคลองหกวาล่าง ช่องทางนี้เหมาะสมแล้วในการพาน้ำไปลงบางปะกง
แต่ก็กลับตื้นเขิน
อีกทั้งประตูน้ำที่รอระบายออกก็ทำงานได้ไม่ถึงครึ่งของความสามารถที่มี
ศปภ.ผิดที่บริหารจัดการน้ำแบบพยายามไปกำจัดเขา จึงไร้เป้าหมายว่าจะให้หรือไม่ให้ไหลไปจุดใด
ไม่มีการนำร่องหรือหาช่องทางให้เขาเดินทางไปสู่ทะเล
นี่คือบทเรียนวิชาธรรมชาติวิทยาธรรมดา แต่รัฐบาลปูทำไม่ได้ ความเสียหายจึงใหญ่หลวง
เป็นบทเรียนที่แพงเกินไป
#79
Posted 27 January 2012 - 00:24
แต่ก็อย่างว่าคนลงโทษกลายเป็นผู้ที่สมควรโดนลงโทษซะเอง แบบนี้ก็ซวยไปประเทศชาติ เพราะขาดองค์กรมาตรวจสอบและลงโทษคนที่ถือกฎหมายอยู่
น้ำท่วมครั้งนี้ จึงเป็นการลงตัวระหว่างคนโง่กับคนเห็นแก่ผลประโยชน์กับคนบ้า
คนโง่=อีเอาอยู่
คนเห็นแก่ผลประโยชน์=ไอ้เตี้ยบ้ากาม
คนบ้า=พี่ชายอีเอาอยู่
#80
Posted 27 January 2012 - 01:25
ปปช. กำลังสอบสวนอยู่ แต่โจทย์ของ ปปช. รัฐบาลเก่าหรือรัฐบาลใหม่ผิด แล้วก็ดูเรื่องเดียวคือ ใครที่อมน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล
ดูปร๊าดเดียวก็บอกได้แล้ว ประเด็นนี้
ถ้าจะให้ดีต้องดูว่าใครทำลายผังเมืองกรุงเทพฯ จนไม่มีช่องทางระบายน้ำลงสู่อ่าวไทย
ลองดูภาพล่างนี้สิครับ
ผมกำลังหมายถึงการทำลายทางเดินของน้ำลงทะเล หรือ "floodways" ซึ่งในหลวงตรัสครั้งแรกปี 2523
ครั้งที่สอง 2528
และถึงครั้งที่สามในปี 2538 จึงมีการทำคันน้ำเป็นแนวกั้นกรุงเทพฯด้านตะวันออก
โปรดดูด้านล่างของภาพจะเห็นสนามบินสุวรรณภูมิอยู่ขวามือของถนนหทัยราฏร์ ถนนร่มเกล้า ถนนกิ่งแก้ว และถนนบางพลี
ประเด็นคือ สนามบินนี้ไม่ควรมาอยู่ตรงนี้หลังจากมีถนน 4 สายที่เรียงกันเป็นคันกั้นน้ำ (floodways) ตามแนวพระราชดำริ
เพราะหลังจากเริ่มก่อสร้างสนามบินนี้ในปี 2545 กรุงเทพฯไม่มีพื้นที่ให้น้ำไหลลงทะเล
บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิต้องย่อมต้องกลายเป็นพื้นที่ดอน หรือสร้างคูป้องกันน้ำท่วมเสียแล้ว
ถามว่าตอนนี้จะให้น้ำทุ่งเหนือกรุงเทพฯไหลลงไปไหน
คลองหกวาสายล่างที่จะไปออกบางปะกงจึงเป็นคำตอบ
แต่บัดนี้ก็ตื้นเขิน ขุดลอกไม่ทันการใช้สอยจากที่ประสบปัญหา และถึงไม่ตื้นเขินก็ไม่มีประสิทธิภาพดีเท่า "floodways" ตามภาพ
โปรดดูท่อระบายน้ำสีชมพูหลายจุดใต้สนามบินสุวรรณภูมิด้วยครับ
มี 20 ท่อเห็นจะได้ เป็นขนาดยักษ์ที่มาพร้อมกับถนน 4 สายเมื่อ 2539 พร้อมสูบน้ำทุ่งลงอ่าวไทยทันที
แต่ตลอดช่วงตุลาและพฤศจิกาที่ควรจะมีน้ำไหลผ่าน floodways นี้ตามแผน
แต่ปรากฏว่าสูบได้ไม่ถึง 15 % ของความสามารถหรือพลังการสูบ ปัญหาคือไม่มีน้ำมา
ก็ไม่น่าแปลกใจแล้ว เพราะในเมื่อพื้นที่ตรงนั้นกลายเป็นสนามบิน ก็ย่อมต้องปรับพื้นที่มิให้น้ำท่วมรันเวย์
น้ำที่ปกติไหลลงที่ต่ำก็ย่อมไม่มาทางนี้เป็นธรรมดา
#81
Posted 27 January 2012 - 07:34
ผมว่าน้ำจะมาพฤษภาคมหรือมิถุนายน
ผมยังไม่เห็นแนวทางการระบายน้ำจากรัฐเลย
แถมน้าในเขื่อนใหญ่ๆยังเกือบร้อยเปอร์เซนต์
ตายล่ะ
เอาไงต่อกันดี คะ
#82
Posted 27 January 2012 - 08:00
= Gigolo of Pheuthai ครับ
ขอโทษนะครับ ผมพิมพ์คุยกับคุณดีๆ
ไม่ทราบว่าทำไมหยาบคายกับผมอย่างนี้ครับ
หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.
#83
Posted 27 January 2012 - 10:05
Vincent Oldbook
กยน. วงแตกแล้วคร๊าบบ วุ่นแล้วครับ ล่าสุด ปราโมทย์ ไม้กลัด และ สมิทธ ธรรมสโรช ถอดใจไม่เอาด้วยแล้ว เพราะรัฐบาลปูแดง ไม่มีรูปธรรมในการทำงาน ไม่ให้ความสำคัญในการแก้ไขป้องกันน้ำท่วมอย่างจริงจัง ทั้ง ฟลัดเวย์ ทั้งอะไรต่อมิอะไรที่โม้ไว้ว่าจะทำ จะทำ จะทำ มีแต่ลมโม้ล้วนๆ !!!..
ล่าสุด อภิสิทธิ์ ออกมาบอกว่า รัฐบาลปูเน่าไปให้ความสำคัญ ตัวเลขเงินนอกงบประมาณ จำนวนมหาศาลมากไป ไปสนใจเรื่องโอนหนี้ มากกว่าเรื่อง วิธีการลงทุน เพื่อป้องกันน้ำท่วม ..
สรุปสั้นๆง่ายๆก็คือ รัฐบาลปูแดง ให้ความสำคัญ เม็ดเงิน และ ช่องทางคอรัปชั่น มากกว่า เรื่องการช่วยเหลือประชาชา หรือ การป้องกันภัยพิบัติ นั่นเอง !!!..
http://www.tnews.co....hilight_id=2368
#84
Posted 27 January 2012 - 11:18
Edited by อารยะ, 31 January 2012 - 16:55.
#85
Posted 27 January 2012 - 11:34
Edited by อารยะ, 31 January 2012 - 16:56.
#86
Posted 27 January 2012 - 11:45
Edited by อารยะ, 31 January 2012 - 16:56.
#87
Posted 27 January 2012 - 11:49
ตถตา สำหรับกำพืดของทรราชชินวงศ์Vincent Oldbook
กยน. วงแตกแล้วคร๊าบบ วุ่นแล้วครับ ล่าสุด ปราโมทย์ ไม้กลัด และ สมิทธ ธรรมสโรช ถอดใจไม่เอาด้วยแล้ว เพราะรัฐบาลปูแดง ไม่มีรูปธรรมในการทำงาน ไม่ให้ความสำคัญในการแก้ไขป้องกันน้ำท่วมอย่างจริงจัง ทั้ง ฟลัดเวย์ ทั้งอะไรต่อมิอะไรที่โม้ไว้ว่าจะทำ จะทำ จะทำ มีแต่ลมโม้ล้วนๆ !!!..
ล่าสุด อภิสิทธิ์ ออกมาบอกว่า รัฐบาลปูเน่าไปให้ความสำคัญ ตัวเลขเงินนอกงบประมาณ จำนวนมหาศาลมากไป ไปสนใจเรื่องโอนหนี้ มากกว่าเรื่อง วิธีการลงทุน เพื่อป้องกันน้ำท่วม ..
สรุปสั้นๆง่ายๆก็คือ รัฐบาลปูแดง ให้ความสำคัญ เม็ดเงิน และ ช่องทางคอรัปชั่น มากกว่า เรื่องการช่วยเหลือประชาชา หรือ การป้องกันภัยพิบัติ นั่นเอง !!!..
http://www.tnews.co....hilight_id=2368
#88
Posted 27 January 2012 - 11:58
ดูง่ายๆนะครับ เวลาคนมีเงินมาก การฝากเงินหลายสถาบันเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี หรือลงทุนหลากหลายธุกรรมย่อมมีโอกาสขาดทุนน้อยกว่าไปทุ่มที่ใดที่หนึ่ง
แต่พอเป็นหนี้ ถ้าใครมีเจ้าหนี้เดียว ต่อให้ต้นสูงเท่าไร ก็ยังดีกว่ามีเจ้าหนี้บานตะไทน ยิ่งกระจายความเป็นหนี้มากเท่าไรก็ซวยมากเท่านั้น
ผมพูดเพื่อให้เห็นว่า เมืองไทยยุครัฐบาลปู เมืองไทยแม้ยังไม่ได้เป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ แต่ขณะนี้สถานการณ์เลวร้ายกว่ามากมายแล้ว
ทำไมหรือ เดี๋ยวผมจะเรียนสั้นๆ
แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่า ต่อให้รัฐบาลปูออกไปในไม่ช้า รัฐบาลใหม่ก็แทบจะไม่เหลือเครดิตที่ไอเอมเอฟจะรับให้ไทยเป็นลูกหนี้
เพราะบัดนาว ความสามารถในการชำระคืนมันมองไม่ค่ยจะเห็นแล้ว
#89
Posted 27 January 2012 - 11:59
แต่กลับมาเข้าเรื่องน้ำมาต่อ
อจคะ
น้ำยังเต็มเขื่อน ฝนจะมาอีกเมื่อไหร พายุกี่ลูก และข้อมูลสำคัญจำเป็น ที่ควรประกาศเพื่อความรอดของเรากันเอง
เมื่อรัฐพึ่งพาไม่ได้ เราต้องขวนขวายหาเอา
รบกสนด้วยค่ะ
สำหรับเพื่อนสมาชิกที่ถูกพาดพิง ขอร่วมตกใจด้วยค่ะ
และหวังว่าคงทำความเข้าใจกันได้
หวังว่าคงแค่เรื่องเข้าใจผิด และทำความเข้าใจกันได้ เห้อ
#90
Posted 27 January 2012 - 12:12
อยากให้อาจารย์เปิดเป็นกระทู้ใหม่ไปเลยครับวันนี้ทุกคนใน ครม. เพื่อไทยรู้ดีว่า เมืองไทยหลวมตัวตกเป็นหนี้หรือกำลังเข้าสู่วิกฤติการเงินที่เลวร้ายกว่าตอนต้องยืมเงินไอเอ็มเอฟครับ
ดูง่ายๆนะครับ เวลาคนมีเงินมาก การฝากเงินหลายสถาบันเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี หรือลงทุนหลากหลายธุกรรมย่อมมีโอกาสขาดทุนน้อยกว่าไปทุ่มที่ใดที่หนึ่ง
แต่พอเป็นหนี้ ถ้าใครมีเจ้าหนี้เดียว ต่อให้ต้นสูงเท่าไร ก็ยังดีกว่ามีเจ้าหนี้บานตะไทน ยิ่งกระจายความเป็นหนี้มากเท่าไรก็ซวยมากเท่านั้น
ผมพูดเพื่อให้เห็นว่า เมืองไทยยุครัฐบาลปู เมืองไทยแม้ยังไม่ได้เป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ แต่ขณะนี้สถานการณ์เลวร้ายกว่ามากมายแล้ว
ทำไมหรือ เดี๋ยวผมจะเรียนสั้นๆ
แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่า ต่อให้รัฐบาลปูออกไปในไม่ช้า รัฐบาลใหม่ก็แทบจะไม่เหลือเครดิตที่ไอเอมเอฟจะรับให้ไทยเป็นลูกหนี้
เพราะบัดนาว ความสามารถในการชำระคืนมันมองไม่ค่ยจะเห็นแล้ว
#91
Posted 27 January 2012 - 12:14
ไม่ได้เต็มเขื่อนอย่างเดียวครับ บางพื้นที่เพิ่งจะยุบไปไม่ถึงครึ่งตกใจเล็กน้อย
แต่กลับมาเข้าเรื่องน้ำมาต่อ
อจคะ
น้ำยังเต็มเขื่อน ฝนจะมาอีกเมื่อไหร พายุกี่ลูก และข้อมูลสำคัญจำเป็น ที่ควรประกาศเพื่อความรอดของเรากันเอง
เมื่อรัฐพึ่งพาไม่ได้ เราต้องขวนขวายหาเอา
รบกสนด้วยค่ะ
สำหรับเพื่อนสมาชิกที่ถูกพาดพิง ขอร่วมตกใจด้วยค่ะ
และหวังว่าคงทำความเข้าใจกันได้
หวังว่าคงแค่เรื่องเข้าใจผิด และทำความเข้าใจกันได้ เห้อ
ไม่รู้ว่าทำไมกองทัพน้ำมันถึงได้เดินทางลงทะเลไปช้าเหลือเกิน
#92
Posted 27 January 2012 - 12:26
อย่ามาทำเป็นส่งสำเนียงผู้ดีให้คนเข้าใจผิด
= Gigolo of Pheuthai ครับ
ขอโทษนะครับ ผมพิมพ์คุยกับคุณดีๆ
ไม่ทราบว่าทำไมหยาบคายกับผมอย่างนี้ครับ
คุณมันไพร่โดยแท้จากถ้อยคำในโพสต์แรก การทักกระทู้นี้ว่าเป็นเสียงเห่าหอน เสร็จแล้วขี้ขลาดหนีไปเหมือนตีหัวเข้าบ้าน ซ้ำไม่ฟังว่าเขาคุญเรื่องอะไรกัน มันก็สมแล้วที่คุณกลับมาดิ้นเร่าๆอยู่ตรงหน้าบ้านผมนี้
คุณหยุดนิสัยแสร้งโง่หรือพยายามอำพรางที่ปลายเหตุอย่างนี้อีก ผมขอเตือน เพราะคุณท่าทางจะโง่จริงในความหมายว่าไม่รู้จักใช้ปัญญา
ผมขอย้ำว่า GOP = Gigolo of Pheuthai
และหากคุณเดือดร้อนและดิ้นเป็นไส้เดือนโดนขี้เถ้า ก็น่าจะดีใจว่ากำลังชดใช้เวรกรรม
จากนี้ไป (หลังจากผมมาช่วยฟอกวิญญาณของคุณ) คุณก็คงได้ไปเกิดใหม่
และคิดได้ว่าต่อไปนี้ ควรได้มีสติไตร่ตรองมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องที่ตัวเองไม่ค่อยรู้อะไรเป็นพื้นมาก่อน
คุณลอง Quote คำพูดผมมาหน่อยได้มั้ยครับ ตรงไหนที่ผมหยาบคายกับคุณ ??
ตรงไหนที่ผมไม่ได้พูดดีๆกับคุณ ทำไมคุณถึงทึกทักเอาเองได้ขนาดนี้
ช่วยเอามาให้ดูหน่อยได้มั้ย ตรงไหนที่ผมทำตัวเป็น Gigolo of Pheuthai
ถ้าไม่มี กรุณาถอนคำพูดด้วย
หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.
#93
Posted 27 January 2012 - 12:28
Edited by SPDZ, 27 January 2012 - 12:47.
#94
Posted 27 January 2012 - 12:37
เก่งจังครับ ... เอาอดีตมา เล่าเป็นฉากๆ ทีหลัง เล่าตอนเดือนกันยาปีที่แล้วนะครับ ไม่ใช่ ตอนนี้...
บลาๆๆๆ
เอาอดีตมาเล่า เช่น ชั่ง*** กับ เข้าแถว**** หรือครับ
#95
Posted 27 January 2012 - 12:45
สองภาพล่างนี้เพียงเปรียบเทียบระดับน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล
ภาพซ้ายเป็นช่วงฤดุกาลปกติที่ต้องปรับระดับให้ได้ประมาณครึ่งของความจุ
ช่วงนั้นเห็นผู้คนถกเถียงว่าเป็นที่มุมกล้องทำให้ระดับน้ำดูเยอะเกินจริง
ตลกโคตรๆ ดูง่ายๆขนาดนี้ยังจะเถียงกันได้อีก ซื่อบื้อสุดๆ ไม่บอกนะว่าพวกไหน
#96
Posted 27 January 2012 - 12:47
อย่ามาทำเป็นส่งสำเนียงผู้ดีให้คนเข้าใจผิด
= Gigolo of Pheuthai ครับ
ขอโทษนะครับ ผมพิมพ์คุยกับคุณดีๆ
ไม่ทราบว่าทำไมหยาบคายกับผมอย่างนี้ครับ
คุณมันไพร่โดยแท้จากถ้อยคำในโพสต์แรก การทักกระทู้นี้ว่าเป็นเสียงเห่าหอน เสร็จแล้วขี้ขลาดหนีไปเหมือนตีหัวเข้าบ้าน ซ้ำไม่ฟังว่าเขาคุญเรื่องอะไรกัน มันก็สมแล้วที่คุณกลับมาดิ้นเร่าๆอยู่ตรงหน้าบ้านผมนี้
คุณหยุดนิสัยแสร้งโง่หรือพยายามอำพรางที่ปลายเหตุอย่างนี้อีก ผมขอเตือน เพราะคุณท่าทางจะโง่จริงในความหมายว่าไม่รู้จักใช้ปัญญา
ผมขอย้ำว่า GOP = Gigolo of Pheuthai
และหากคุณเดือดร้อนและดิ้นเป็นไส้เดือนโดนขี้เถ้า ก็น่าจะดีใจว่ากำลังชดใช้เวรกรรม
จากนี้ไป (หลังจากผมมาช่วยฟอกวิญญาณของคุณ) คุณก็คงได้ไปเกิดใหม่
และคิดได้ว่าต่อไปนี้ ควรได้มีสติไตร่ตรองมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องที่ตัวเองไม่ค่อยรู้อะไรเป็นพื้นมาก่อน
ไม่ได้อยากจะเข้ามาขวางกระสุนหรอกน๊ะครับ...
แต่ผมเคยอ่านเม้นท์คุณ Gop อยู่หลายครั้ง...
เถียงกันกับหางแดง ในทู้เดียวกันก็หลายครั้ง..คุณ Gop สุภาพกว่าผมแยะ
แต่กลับไปอ่าน ๆ แล้ว สงสัย คุณอารยะ จะยิงผิดตัว.
ลองอ่านเม้นท์ที่ 49 ดูครับ..
เก่งจังครับ ... เอาอดีตมา เล่าเป็นฉากๆ ทีหลัง เล่าตอนเดือนกันยาปีที่แล้วนะครับ ไม่ใช่ ตอนนี้...
ถามง่ายๆ แค่ว่า พวกที่ บอกว่า น้ำในเขื่อนเยอะ ต้องปล่อยน้ำออก ตอน กันยา อะ ... ตอนนั้นเคยออกมา เห่าหอนไหมว่า ต้อง ปล่อยน้ำออกได้แล้ว??
ไปขุดกระทู้ เดือนกันยา หรือ ก่อนหน้า มาหน่อย นะครับ ว่า มีท่านไหนบาง ตอนนั้น มี ภูมิปัญญาเหนือ มนุษย์ คาดการณ์ล่วงหน้าได้ ว่า เราควรปล่อย
น้ำ จากเขื่อน เดือนกันยา... ถ้ามีผมจะยกย่อง เป็น เทพแห่งการจัดการน้ำประจำ สรท เลยแล้วจะไม่โต้แย้งเรื่องน้ำกับท่านนั้น เพราะ เทพจริง ไม่ใช่
เทพจากการ เอาอดีตมาเล่า...
Edited by 55555, 27 January 2012 - 12:48.
#97
Posted 27 January 2012 - 13:12
แต่ผมเข้าใจผิดเอง เพี้ยนว่า hentai ใช้โลโก้ GOP
ต้องขอขอบคุณคุณ GOP ด้วยซ้ำที่ช่วยตอบ hentai ที่เข้ามากล่าวดูแคลนวงเสวนาว่าเป็นการเห่าหอน
คำย่อของ GOP ที่ผมแปร มีเจตนาพาดพิงถึง hentai หาใช่คุณ GOP ไม่
คำพูดในประเด็นที่ผมเข้าใจผิดนี้ย่อมทำให้คุณ GOP ไม่พอใจแน่นอน ผมขอถอน และกราบขอโทษคุณ GOP ครับ
#98
Posted 27 January 2012 - 13:15
ไปดูกระทู้คุณก้อบมา
มีกระทู้นึงชอบมาก จะเอาเป็นต้นแบบการตรวจสองการจัดการน้ำของปูปีนี้ค่ะ
http://webboard.seri...ถูกผันไปทางตะว/
#99
Posted 27 January 2012 - 13:20
จะให้ชื่อกระทู้นี้ว่า โกร่ง กับการสั่งสมหนี้รัฐรอบใหม่หลังน้ำท่วม ดีไหมครับอยากให้อาจารย์เปิดเป็นกระทู้ใหม่ไปเลยครับ
วันนี้ทุกคนใน ครม. เพื่อไทยรู้ดีว่า เมืองไทยหลวมตัวตกเป็นหนี้หรือกำลังเข้าสู่วิกฤติการเงินที่เลวร้ายกว่าตอนต้องยืมเงินไอเอ็มเอฟครับ
ดูง่ายๆนะครับ เวลาคนมีเงินมาก การฝากเงินหลายสถาบันเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี หรือลงทุนหลากหลายธุกรรมย่อมมีโอกาสขาดทุนน้อยกว่าไปทุ่มที่ใดที่หนึ่ง
แต่พอเป็นหนี้ ถ้าใครมีเจ้าหนี้เดียว ต่อให้ต้นสูงเท่าไร ก็ยังดีกว่ามีเจ้าหนี้บานตะไทน ยิ่งกระจายความเป็นหนี้มากเท่าไรก็ซวยมากเท่านั้น
ผมพูดเพื่อให้เห็นว่า เมืองไทยยุครัฐบาลปู เมืองไทยแม้ยังไม่ได้เป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ แต่ขณะนี้สถานการณ์เลวร้ายกว่ามากมายแล้ว
ทำไมหรือ เดี๋ยวผมจะเรียนสั้นๆ
แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่า ต่อให้รัฐบาลปูออกไปในไม่ช้า รัฐบาลใหม่ก็แทบจะไม่เหลือเครดิตที่ไอเอมเอฟจะรับให้ไทยเป็นลูกหนี้
เพราะบัดนาว ความสามารถในการชำระคืนมันมองไม่ค่ยจะเห็นแล้ว
หรือว่าคุณ amplepoor พูดไปหมดแล้ว
อ้อ แต่นั่นพูดถึงบาปของโกร่ง ก็น่าจะเป็นในส่วนที่ BBC ล้มมากกว่า แต่หลังน้ำท่วมนี้ จะเป็นหนี้ประเภทไหน น่าจะคนละพล๊อตกับ BBC และต้มยำกุ้ง
ช่วยกันคุ้ยรอบใหม่ ในอีกกระทู้ก็ดีเหมือนกัน คุณ GOP หายโกรธผมแล้วนะครับ
บอกตรงๆว่าอายจริงๆ เพราะปรากฏว่าคุณ GOP นั้นพูดน่ารักแท้ๆ ไม่น่าต้องถูกกระทบกระเทือนอย่างนั้นเลย
ปู่ยงครับ ผมตกลงเปิดกระทู้ตามที่เรียกร้อง ณ บัดนาว
#100
Posted 27 January 2012 - 13:49