Jump to content


Photo
- - - - -

มหากาพย์ MH370 ไตรภาค


  • Please log in to reply
26 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 serithai11

serithai11

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 863 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 13:50

 

 

ยิ่งกว่าเจมส์ บอนด์ เศร้าจริงๆ ~ ควรรู้ทันเหตุการณ์ แต่...(โปรดใช้วิจารณญาณ ในการอ่าน นะครับ)

มหากาพย์ MH370 ไตรภาค
ก่อนที่ความจริงของเที่ยวบิน MH370 จะถูกเปิดเผย ผมขอคาดคะเนเหตุการณ์จากข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานชัดเจนตามที่ปรากฏเป็นข่าว 

1. Transponder และ ACARS ตั้งใจปิดจากใครบางคน ในห้องนักบิน เพื่อไม่ให้จับตำแหน่งของ MH 370 ตอนประมาณ 1721 z (หลัง takeoff 40 นาที)
2. เครื่องเปลี่ยนทิศบินมาทางตะวันตก 
3. มีการไต่ระดับขึ้นสู่ความสูง 45,000ฟุตซึ่งเกิน Limitation ของ B777 หลังจากนั้นได้ลดระดับมาที่ 23,000 ฟุต
4. เครื่องไม่ตกกระแทก เพราะ ELT ไม่ส่งสัญญาณฉุกเฉิน
5. เครื่องไม่ตกน้ำ (ในช่วงแรก) เพราะ Black box ไม่ส่งสัญญาณฉุกเฉิน
6. ดาวเทียม 1 ดวง รับรู้สัญญาณจาก MH370 เวลาประมาณ 0011z หลังจากเหตุในข้อ 1 แล้ว เกือบ 7 ชั่วโมง
7. มีผู้โดยสาร 2 คนใช้ passport ปลอม

เรื่องเริ่มจากชาวอิหร่าน 2 นายที่ใช้ passport ปลอมถูกอุ้มโดยมือพระกาฬจากหน่วยงานลับของอเมริกัน ปลอมตัวเดินทางมากับ MH370 ซึ่งต้องการของบางอย่าง จากใครบางคนบนเครื่องนี้ ที่อันตรายต่อสหรัฐเป็นอย่างยิ่ง

ลูกเรือคนหนึ่ง อยู่ในทีมนี้ด้วย ทำให้สามารถ Hijack เครื่องได้โดยง่าย หลัง Takeoff มาสัก 40 นาที นักบินมาเลย์ ทั้งสองถูกทำให้สลบในพริบตาจากมือพระกาฬที่เชี่ยวชาญด้านจารกรรม ทั้งอาวุธและมือเปล่า 

Transponder ถูกปิดลง ตามมาด้วย ACARS โดย hijacker มือพระกาฬ ซึ่ง ATC มาเลย์ทวงถามว่า ตอนนี้รับตำแหน่งไม่ได้แล้ว เครื่องมีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่ง Hijacker ตอบกลับว่า อยู่ในการควบคุมของเวียดนามแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง " All right Good night" เป็นข้อความสุดท้ายที่ส่งมาจากมือพระกาฬ หนึ่งในสองคน นี้ 

MH370 ถูกบังคับเลี้ยวด้วย hi bank angle มาทาง ทิศตะวันตก ไต่ขึ้น 45,000 ฟุต เพื่อหลบการชนกันกับเครื่องอื่นๆ ที่มีมากมายในบริเวณนี้ นอกจากนั้นทำให้ระบบ pressurization เกิด CABIN ALTITUDE warning ซึ่งผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดต้องนั่งกับที่ใส่หน้ากากอ๊อกซิเจน ไฟฟ้าในห้องโดยสาร ติดสว่างอย่างอัตโนมัติจากนั้น Hijacker ตัดระบบอ๊อกซิเจนของผู้โดยสารออก แล้วบังคับ outflow valve แบบ manual ให้ fully OPEN ปล่อยให้ cabin altitude ขึ้นไป 45,000 ฟุต ทำให้ผู้โดยสารทั้งหมดเสียชีวิตภายในไม่กี่วินาทียกเว้น ทีมพระกาฬ 3 คน ควบคุมเครื่องบินได้อย่างอิสระ จากนั้น ลดระดับลงมาที่ 23,000ฟุต เดินทางต่อมาอีก 4 ชั่วโมง เหนือมหาสมุทรที่ radar จับไม่ได้ จนถึงเกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรอินเดีย

กองกำลังลับ อีกจำนวนหนึ่งรอรับอยู่ ณ เกาะแห่งนี้ เมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว ทีมช่างที่เตรียมไว้ ได้ถอด ทั้ง ELT , Flight recorder และ voice recorder ออกทั้งหมด ต่อจากนั้นเครื่องบินถูกติดเครื่องอีกครั้งหนึ่ง ใช้นักบินคนเดียวที่ใส่ชุดเตรียมพร้อมเพื่อจมเครื่องลำนี้ใต้มหาสมุทรลึก เป็นการอุ้มที่สมบูรณ์แบบ สะท้านโลกยุค 2014 

ปฏิบัติการสมบูรณ์แบบตามแผน เครื่องถูก takeoff จากเกาะแห่งนั้น แล้วบินต่ออีกประมาณ 2 ชั่งโมง จนน้ำมันหมด ไม่มีล่องลอยจากน้ำมันที่กระจายตัวให้เห็น เมื่อเครื่องและผู้โดยสารอีก 236 คน ถูกจมลงใต้มหาสมุทรลึก 

.. แต่วินาทีสุดท้ายที่ไฟฟ้าดับลง เข้าสู่ระบบ แบตเตอรี่สำรอง ปรากฏว่า GPS ของเครื่องกลับมาทำงาน ping สัญญาณ กับดาวเทียมดวงหนึ่ง (อย่างไม่ตั้งใจ) ทำให้รู้ว่าเครื่องบินทั้งลำถูกอุ้ม และหายไปหลังออกเดินทางจาก กัวลาลัมเปอร์ แล้ว 7 ชั่งโมง 

คอยดูเหตุการณ์นี้ว่าใครจะเป็น แพะ

 

 

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

ข้อมูลสอดคล้องกับเพจ แฉ..ความลับ

 

ที่มา facebook



#2 SeraphUriel

SeraphUriel

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 393 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 14:32

ร่วมด้วยช่วยแชร์ค่ะ

เครดิตจากเฟซบุ๊กชาวบ้าน

 

มาดูความจริงของ MH370 ที่วิเคราะห์โดยเสธน้ำเงิน จริงๆเคยอ่านมาแล้วแต่ตอนนั้นไมาอยากจะเชื่อเสธซักเท่าไหร่ เพราะงงว่าเครื่องบินจะไปโผล่ที่ออสเตรเลียได้อย่างไร แต่ผลวิเคราะห์นั้นวันนี้พวกเราชาวโลกก็เห็นข่าวกันแล้ว น่ากลัวมากพวกประเทศที่มีขั้วอำนาจใหญ่ๆเค้าทำกันได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ สงสารชีวิตของผู้บริสุทธิ์ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของประเทศมหาอำนาจจริงๆ อ้อ แถม ด้วยเรื่องราวของไอ้เหลี่ยมกะฮุนเซนด้วย เพื่อนๆลองตามไปอ่านดูค่ะ

https://www.facebook...44770444&type=1
24 มี.ค.57 ไขปริศนา..บทสุดท้าย MH370 และหักเหลี่ยมโหด สองโคตรไอ้***ม

ในที่สุดก็เป็นไปตามที่คาดคำนวณจุดสูญหายไปของเที่ยวบิน MH370 พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารอีก 239 คน ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อมี 3 ประเทศเริ่มออกมายืนยันจุดเครื่องจมลงไปใต้ทะเล คือ อินเดีย จีน และมาเลย์ ว่าเครื่องบินน่าจะตกในทะเล เพราะดาวเทียม บ. Inmarsat ของอังกฤษ มีการค้นพบชิ้นส่วนต้องสงสัยขนาดใหญ่ อยู่บริเวณทิศใต้ ของมหาสมุทรอินเดีย อยู่ทางฝั่งตะวันตก ของเมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย ห่างไปราว 2,400 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลมาก และมหาสมุทรก็ลึกเกินจินตนาการ มีสภาพคลื่นลมแรง และอากาศหนาวเย็น

สอดคล้องกับที่ เสธ เคยวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ ว่าการสูญหายของเครื่องบินนี้ ต้องถูกทำให้จมลงจุดบริเวณนี้เพื่ออำพราง ส่วนคนอื่นจะมีสมมุติฐานอย่างไร ก็แล้วแต่ความเชื่อ แต่การข่าวเชิงลึกระหว่างประเทศที่ได้รับมา ประมวลสรุปโดยย่อๆ คือ 

เริ่มต้นจากลุงแซม ขนวัตถุนิวเคลียร์และอาวุธชีวภาพใส่คอนเทนเนอร์ ด้วยเรือที่ติดธงสัญชาติตัวเอง มาที่เกาะเล็กๆ ชื่อสาธารณรัฐเชสเซลเลส ที่อยู่ทางตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย จากนั้นขนต่อมาที่มาเลย์ และใส่ตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นเครื่องบินลำนี้ จะนำไปลงที่ปักกิ่ง ของจีน 
(ไม่แน่ชัดว่าองค์กรใดสั่งของนี้) และประจวบกับมีการขนชิพคอมพิวเตอร์วงจรไฮเทค โดยผู้โดยสารไต้หวันกลุ่มหนึ่ง ไปลงเครื่องที่ปักกิ่ง ของจีน เช่นกัน ซึ่งชิพนี่สามารถทำให้ขีปนาวุธตรวจไม่พบด้วยเรด้าห์ เพื่อไปขายและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้จีน 

เมื่อจีนและรัสเซียรู้ระแคะระคาย จึงวางแผนจะบังคับเครื่องบินเที่ยวนี้ ไปลงที่สนามบินไหหลำ ของจีน เพื่อตรวจดูว่ามันคือสินค้าอะไรกันแน่ที่ในตู้คอนเทนเนอร์ แต่ก่อนเครื่องบินจะขึ้นมีความผิดปกติคือไม่รู้หน่วยใด มีการสังหารหน่วยซีลลุงแซมนอกราชการ ที่มีความเชี่ยวชาญการรบสูง และออกมาทำงานลับ จำนวน 2 คน ที่มาเลย์ เพื่อคุ้มครองสินค้ามีมูลค่าสูง ให้กับบริษัทลุงแซม ลักษณะคล้ายๆ ฆ่าตัดตอน หรือฆ่าปิดปาก

เมื่อเครื่องบินเทคออฟขึ้นจากมาเลย์ช่วงเที่ยงคืนกว่า มุ่งหน้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงไปทางทะเลจีนไต้ ราว 1.30 ชม. จากจุดเริ่มต้นบิน เข้าใกล้เรดาห์พาณิชย์ของเวียดนาม ได้มีเครื่องบินชนิดรบกวนสัญญาณ Primary เรด้าห์ (เรดาห์พื้นฐานชนิดที่เห็นทั่วไปที่สนามบินใช้ จะมีระบบอยู่ที่พื้นดิน โดยมีเสาอากาศที่หมุนได้ เพื่อส่งพลังงานวิทยุออกไปเป็นห้วงสั้นๆ เมื่อกระทบกับ เครื่องบิน ก็จะส่งสัญญาณนั้นกลับมายังเสาอากาศของเรดาร์ ประมวลผลแล้วจึงแสดงออกมาทางจอภาพ) เช่น AWAC บินจากจุดระยะทำการที่ใดสักแห่ง ประกบเครื่องบินนี้ทำให้สัญญาณ Primary เรด้าห์ตรวจไม่พบ แล้วก็มีเครื่องบินล่องหนจากเรดาห์ได้ เสตลล์ รูปร่างคล้ายจานบินสีดำ บินประกบอีก 1-2 ลำ เพื่อควบคุมทิศทางเครื่องบินตามต้องการ

ส่วนภายในเครื่องบิน ทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่แฝงตัวมา อาจร่วมกับลูกเรือ หรือนักบิน ทำการเข้าไปในห้องนักบิน ทำการปิดระบบ Secondary เรด้าห์ที่ใช้เป็นสากล (คล้ายระบบ SMS เป็นอีกระบบ หนึ่งมีส่วนประกอบอยู่สามส่วน ที่เพิ่มเติมจากแบบแรก คือ Decoder = มีหน้าที่ควบคุม interrogator และ แปลข้อมูลที่ส่งมาจาก transponder, Interrogator = เป็นอุปกรณ์ติดตั้งกับเสาอากาศของเรดาร์ทำหน้าที่ส่งสัญณาณ และรับสัญาณที่ส่งมาจาก transponder, และ transponder = เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่บนเครื่องบิน) สำหรับส่งตำแหน่งเครื่องบินพาณิชย์ ให้หอควบคุมการบินทราบตำแหน่งละติจูด และลองติจูด โดยมีการปิดระบบนี้ระยะห่างเวลา 10-14 นาที ทำให้สัญญาณตำแหน่งเครื่องบินหายวับไปจากจอ Secondary เรด้าห์ภาคพื้นดินทันที ก่อความโกลาหลขึ้นในเวลาต่อมา

จากนั้นผู้จี้ควบคุมเครื่องบิน ก็หันทิศทางเครื่องบินกลับด้าน ย้อนมาทางเดิมมุ่งหน้าทิศตะวันตกเฉียงไต้ เพื่อไม่ให้ผ่านประเทศไทย เพราะอาจจะโดนโจมตีด้วยเครื่องบินขับไล่ได้ แล้วเตรียมพร้อมสำหรับทีมตัวเอง โดยใส่อุปกรณ์หน้ากากอ๊อกซีเจนรับการเปลี่ยนแปลงความดันเฉียบพลัน (อุปกรณ์ป้องกันเหมือนนักบินเจ๊ตขับไล่เหนือเสียง) และคนพวกนี้ต้องมีประสบการณ์ และถูกฝึกมาให้ทนต่อแรงกด และ G (แรงโน้มถ่วง) มหาศาล ทำการปรับเพดานบินจาก 25,000 ฟุต พุ่งโด่งขึ้นสูงลิ่วเกินกำหนดไปที่ 45,000 ฟุต 

และทิ้งตัวลดเพดานบินลงต่ำอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้หน้ากากอ๊อกซิเจนจะตกลงมาอัตโนมัติ ผู้โดยสารจะรีบคว้ามาครอบปากและจมูก แต่เขาก็ตัดอ๊อกซิเจนในห้องผู้โดยสารทั้งหมดอีก เหลือไว้เฉพาะพวกบังคับเครื่องบิน จนเพดานบินลดต่ำเหลือ 5,000 ฟุต ส่งผลให้ผู้โดยสาร และลูกเรืออื่นน๊อคสลบไปทันที (เด็ก 2 คนอาจตายทันทีช่วงนี้) จากการเปลี่ยนแปลงความดัน โดยไม่มีใครสามารถต่อต้านการบังคับใดๆ ได้เลย เป็นเวลานานหลายชั่วโมง

ส่วนเครื่องบิน เสตลล์ และ AWAC ก็ทำหน้าที่นำทางเครื่องลำนี้ที่ตกอยู่ในสภาพเหมือนคนตาบอด เครื่องบินทั้ง 3 ชนิด ได้บินผ่านมาทางใกล้ชายแดนทางตอนไต้ของไทย ผ่านน่านฟ้ามาเลย์ จุดนี้เรดาห์ชนิด Primary เรด้าห์ของชายชุดฟ้าของไทย และของทหารมาเลย์ จับสัญญาณเครื่องบินพาณิชย์นี้ได้ แต่จับตำแหน่งเสตลล์ และ AWAC ล่องหนเรดาห์ไม่ได้ ในตำแหน่งใกล้เคียง และเวลาใกล้เคียงกัน อีกทั้งมีชาวบ้าน ชาวประมงทั้งไทย และมาเลย์ จำนวนมากจากหลายจุด ได้ยินเสียงบูมกระแทกอากาศดังสนั่น พร้อมเห็นเครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่ และเสตลล์สีดำ ด้วยตาเปล่า บินประกบเครื่องบินลำนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แต่มาเลย์ไม่ยอมแถลงทันที เพราะว่าอับอายที่ต้องเปิดเผยว่า ประเทศตนเองมีช่องว่างในระบบการป้องกันภัยความมั่นคงทางอากาศ เมื่อเครื่องบินๆ ต่ำผ่านช่องแคบมะละกาไปได้ เครื่องบินทั้ง 3 ชนิด ก็ปรับเส้นทางใหม่อีกครั้ง โดยเชิดหัวขึ้นความสูงปกติ มุ่งหน้าขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือสู่ตอนเหนือของมหาสมุทรอินเดีย ตามเส้นทางการบินพาณิชย์ปกติ คาดเดาว่าเพื่ออำพรางเครื่องบินให้แฝงตัว เข้าไปในหมู่เครื่องบินพาณิชย์จำนวนมาก ที่กำลังบินไปเส้นทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต และยังเกี่ยวเนื่องกับสนามแม่เหล็กโลกด้วย เพราะโลกมีการหมุนรอบตัวเอง

แล้วก็บินคงระยะห่างจากฝั่งสม่ำเสมอ เพื่อให้พ้นรัศมี Primary เรด้าห์ ของประเทศอินเดีย และศรีลังกา โดยมีเครื่องบิน 2 ชนิดบินประกบอารักขาและนำทางตลอดเวลา ต่อมาเครื่องบินปรับทิศทางลดต่ำเฉียงลงไปทางไต้อีกครั้งตรงเรื่อยๆ แต่ก่อนเข้าถึงหมู่เกาะมัลดีพ ได้ปรับเพดานบินลงต่ำลงมากอีกครั้ง เพื่อหลบ Primary เรด้าห์ ผ่านไปที่เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งทางตอนไต้ของหมู่เกาะมัลดีพ จนชาวบ้านจำนวนมากเห็นตัวเครื่องบินในระยะต่ำมาก ขนาดเห็นประตูเครื่องบินชัดเจน และมองแถบสีของเครื่องบินชัดเจนทีเดียว เมื่อผ่านมัลดีพแล้วก็ตรงลงไต้ไปอีก โดยมีเรือพิฆาตของลุงแซมอารักขา บินต่ออีกสักพักก็ถึงเกาะดิเอโก้ กราเซีย ฐานทัพลับในมหาสมุทรอินเดียของลุงแซม ในเช้าวันที่ 9 มี.ค.57

เครื่องบินลำนี้ลงจอดที่สนามบินของกองทัพลุงแซม ที่มีรันเวย์ขนาดรองรับได้อย่างสบาย เมื่อเครื่องบินจอดสนิท กระบวนการขนถ่ายคอนเทนเนอร์ลงจากเครื่องบิน และค้นเอาชิพวงจรไฮเทคจากตัวผู้โดยสารไต้หวัน ก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตามแผนที่วางไว้ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่บริษัทผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ที่เขาต้องติดอุปกรณ์ติดตามเครื่องยนต์เขาทุกเครื่อง จับสัญญาณได้ว่าเครื่องยนต์เขายังทำงานอยู่ด้วยระยะเวลา 6-7 ชั่วโมงจากจุดสูญหายครั้งแรก 

และเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด การข่าวว่ามีการถอดกล่องดำบันทึกการบิน 3 จุดในเครื่อง ออก เพื่อไม่ให้ค้นพบไขความจริงได้ในอนาคต จากนั้นให้นักบินลุงแซมใส่ชุดประดาน้ำ ขับเครื่องบินโดยสารดังกล่าวเทคออฟขึ้นจากฐานทัพนั้นอีกครั้ง พร้อมเครื่องบินอีกลำหนึ่งพร้อมหน่วยช่วยเหลือ โดยบินมุ่งหน้าไปทิศทางตะวันออกเฉียงไต้จนน้ำมันเครื่องบินหมด เพื่อไม่ให้เกิดคราบน้ำมันให้เห็นตรวจพบจากผิวน้ำได้ แล้วนักบินคนนั้นได้ออกจากตัวเครื่องก่อนที่ลำตัวเครื่องบินจะกระแทกพื้นน้ำ ขณะนั้นสัญญาณ ping ก็เปิดตัวเองขึ้นอัตโนมัติเป็นครั้งสุดท้าย จนดาวเทียมอังกฤษจับสัญญาณได้ ในเช้าวันที่ 9 มี.ค. 57 นั่นเอง

ส่วนนักบินของลุงแซมคนนั้น ก็ขึ้นเครื่องบินที่รอรับและช่วยเหลือกลับขึ้นเครื่องไป ปล่อยทิ้งให้เครื่องบิน MH370 พร้อมผู้โดยสารทั้งหมด จมลงในทะเลลึก ทิศไต้ของมหาสมุทรอินเดีย มีระยะห่างจากเมืองเพิร์ธ ของออสเตรเลีย ราว 2,400 กิโลเมตร ดำดิ่งจมลงก้นทะเลที่ลึกสุดขั้วเกินจินตนาการ คลื่นขนาดใหญ่มหาศาล สภาพอากาศแปรปรวนและเลวร้าย ญาติของผู้โดยสาร ลูกเรือ และนักบิน วันนี้คงต้องทำใจ รอเพียงว่าจะกู้เอาซากเครื่องบินลำนี้ขึ้นมาได้อย่างไร เพราะมันยากแสนยาก และต้องใช้งบประมาณอีกมหาศาลจริงๆ 

แต่การข่าวที่เผยแพร่ออกมา จะไม่มีทางที่จะบอกความจริงนี้ต่อสาธารณะไปได้ เพราะมันยากที่จะทำใจยอมรับในความโหดร้ายของมนุษย์ด้วยกันเอง ดังนั้นการออกข่าวต่อไปนี้จะมีเพียงเครื่องบินลำนี้ บินตรงจากช่องแคบมะละกา ลงไปทางตะวันตกเฉียงไต้ จนไปตกที่จุดนี้เท่านั้น และมันจะมืดมิดปกปิดอยู่ให้เป็นตำนานเล่าขานตลอดไป ขนาดข่าวของนิตยสารลุงแซมฉบับหนึ่ง ที่น่าจับคนเขียนข่าวเอาหัวโขกผนังบ้าน คือ ออกข่าวว่าพบร่องรอยการจอดเครื่องบินลำนี้บนดวงจันทร์ไปโน่น..แม่เจ้า ยังดีนะที่ไม่ออกข่าวว่าพบปีกเครื่องบินที่ดาวอังคาร และหางเครื่องบินที่ดาวพฤหัส...นี่แหละฝีมือการออกข่าวบิดเบือนของหน่วยข่าวกรองลุงแซมล่ะ

ส่วนสถานสงครามในยูเครนนั้น รัสเซียได้ยึดเอาดินแดนไครเมียมาเป็นของตัวเองเอาดื้อๆ และลงนามในกฎหมายอย่างสมบูรณ์เมื่อวันศุกร์ แล้วมีการเสริมทัพตนเองเข้าไปใกล้พรมแดนยูเครนอีก โดยทหารรัสเซีย พร้อมอาวุธหนัก ได้บุกเข้าโจมตีควบคุมค่ายทหารของยูเครนในไครเมีย ได้แล้วเกือบ 190 แห่งแล้ว และชักธงชาติรัสเซียขึ้นสู่ยอดเสา แทนธงชาติยูเครน ทหารยูเครนที่มีจุดนี้เพียง 2,000 นาย จากทั้งหมด 18,000 นาย สู้ไม่ไหวและล่าถอยออกไปจากไครเมียแล้ว

สถานการณ์ตอนนี้ทหารยูเครน ถูกปิดล้อมโดยกองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัสเซีย เพื่อกดดันที่ให้ยูเครนถอนทหารทั้งหมดออกจากไครเมีย ตอนนี้รัฐบาลยูเครน ได้ตัดสินใจแล้วเกิน 90% ที่จะทำสงครามกับรัสเซีย ขณะที่ประธาธิบดีรัสเซีย ไม่สนใจที่จะเจรจาใดๆ กับยูเครน และ มหาอำนาจตะวันตก แถมซ้ำร้ายรัสเซียเตรียมขยายอาณาเขต โดยเตรียมยกกำลังทหารยกทัพบุกดินแดนของ มอลโดวา อีกแล้ว (มอลโดวาเคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต) 

ตอนนี้กองกำลังพันธมิตรยุโรป ได้กดดันนาโต้อย่างหนัก ให้เตรียมกำลังทหารและอาวุธให้พร้อม เพื่อเข้าสู้รบกับรัสเซีย หากพยายามเข้าบุกมอลโดวา..จึงพอจะเห็นทิศทางการก่อสงคราม และคงมีการล้มตายของมนุษย์อีกจำนวนมากเพิ่มขึ้นในไม่นานต่อจากนี้

จากสถานการณ์ภายนอกประเทศ มาแฉ สถานการณ์ที่คาบเกี่ยวระหว่างไทยกับอีก 2 ประเทศ คือ การที่มีการเปลี่ยนม้ากลางศึก เอาคากคกตู่ มาเป็นประธาน นปช.แทนนกแสก โดยมีการเลื่อยขา หักหลัง แตกกันเอง แย่งผลประโยชน์กันเองเละเทะ ตามที่เคยแฉไปแล้วนั้น อีกเหตุผลการเปลี่ยนที่สำคัญ คือ ชายดูไบสิ้นท่าทุกหนทาง จึงหันกลับมาใช้บริการแก๊งค์แบ่งแยกดินแดน นปช.อีกครั้ง 

การข่าวมาว่า เพราะเกิดการหักเหลี่ยมโหด สองโคตรไอ้***ม ขึ้นระหว่างชายดูไบ กับฮวยเซ็ง แห่งเขมร ที่เคยสัญญากันว่า จะส่งทหารมาร่วมช่วยปฎิบัติการเผาเมืองไทยให้วอดวาย เหมือนปี 53 อีก แต่เกิดเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น มีการลูบคม หลอกแดกกันอีกแล้ว จนสายสัมพันธ์ทั้ง 2 คน ขาดสะบั้นตัดเป็นตัดตาย ถึงขนาดไม่เผาผีกัน เรื่องมันมีอยู่ว่าฮวยเซ็ง ที่ช่วงหลังโดนสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านเขมร ที่มีเสียง ส.ส.มากสูสีกับรัฐบาล ฮวยเซ็ง จัดชุมนุมประท้วงอยู่บ่อยๆ แถมดันมีลุงแซมหนุนหลัง สม รังสี ซะอีกแล้ว (ฮวยเซง มีฝรั่งเศสหนุนหลัง)

เมีย สม รังสี เองก็ออกมาเผยล่าสุดว่าฮวยเซง มาขอเจรจาว่าให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมความผิดให้ (อ้าว..มันติดนิสัยใครมาวะ) และ ฮวยเซง ก็ยังโทรไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการขนสมบัติหนีออกนอกประเทศ คือ ชายดูไบ ว่าถ้าเกิดเกิดแพ้ทางการเมืองแล้วจะทำยังไงดี ชายดูไบอมยิ้มมุมปาก แล้วให้คำแนะนำอย่างผู้มีประสบการณ์ว่า ให้รวบรวมสมบัติมีค่า เงินดอลลาร์ ทองคำ ขนเอาไปไว้ที่รัฐบาลมาเฟียมอนเตรเนโก ซิ รับรองปลอดภัยเพราะเขาทำมาเยอะแล้ว เดี๋ยวเขาจะเคลียร์ทางโน้นให้ทางสะดวก

ฮวยเซง ก็ดีใจ รีบทำตามคำแนะนำทันที จัดขนสมบัติใส่คอนเทนเนอร์ ส่งคาร์โก ขึ้นเครื่องบินตรงไปมอนเตรเนโก แต่ไอ้หย๋า..เกิดการหักเหลี่ยมโหด สองโคตรไอ้***มขึ้น เมื่อของไปถึงมอนเตรเนโก ชายดูไบยกหูโทรไปหาผู้ใหญ่ประเทศนั้น แต่ไม่รู้พูดอย่างไร สมบัติฮวยเซงทั้งหมดโดนรัฐบาลมาเฟียยึดไว้หมดเลย จนปริศนาดำมืดจนถึงบัดนี้ ( น่าจะเป็นลักษณะโจรก็หักหลังโจร 2 ทอด ไม่มีสัจจะในหมู่โจรว่างั้นเถอะ) ฮวยเซ็งนั้นแค้นแสนแค้น น้ำท่วมปาก ทวงคืนก็ไม่ได้ ช่วงหลังๆ นี้ทหารเขมรรับจ้างมาก่อเหตุรุนแรง จึงถูกฮวยเซงเรียกตัวกลับหมด หายแซ๊บ หายสอยไป..ฮา (ใช้สำนวนคนเหนือให้เข้ากับชายดูไบซะหน่อย) 

นอกจากทหารเขมรยังไม่มาไม่มาตามนัดแล้ว คราชายดูไบบินไปหม่องเพื่อสะเดาะเคราะห์ ดูหมอดู และไปนอนเฝ้าขอเข้าพบผู้นำเขา แต่เขาก็ไม่ยอมให้เข้าพบ เพราะพิษจากคลิปถั่งเช่าที่โดนชายชุดเขียวไทย หักเหลี่ยม เอามาแฉนี่แหละ เพราะเนื้อหาที่ชายดูไบคุยโทรศัพท์กับลูกน้องนั้น มันดูถูกเหยียดหยามทหารหม่องแบบไร้ราคา ทำให้เขาแสนอับอายประชาชนชาวหม่อง

ต่อมาชายดูไบขอเข้าพบ ผบ.ทหารหม่องอีก เพื่อขอให้ช่วยส่งทหารมาฆ่าคนไทยให้หน่อย และขอใช้พื้นที่ไทยใหญ่เพื่อฝึกกองกำลังติดอาวุธเสื้อแดง แลกกับเงินที่จะขนเข้าไปลงทุนในพม่า และเงินสินบน ( ตามที่เคยเล่าให้ฟังแล้วที่ https://www.facebook...44770444&type=3 )

แต่ ผบ.ทหารหม่องไม่เล่นตามเกมส์ด้วย เพราะรู้ธาตุแท้ว่าไอ้หมอนี่มันจอม 18 มงกฎระดับโลก โครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ก็จะไม่ให้ชายดูไบเข้ามาเกี่ยว เพราะชื่อเสียงขี้โกงฮวยเซง แห่งเขมร กลิ่นมันแรงไปถึงหม่องโน่น สังเกตไหมล่ะทั้งชายดูไบ ปูเน่า และสมุน ไม่ขยันไปพม่ามาพักหนึ่งแล้ว 

จะบอกให้คนเสื้อแดงที่มาส่องดิ้นๆๆ พราดๆๆ อีกว่า เวรกรรมที่ทำร้ายประเทศเท่านั้นยังน้อยไป บ้านพักชายดูไบที่สร้างไว้รองรับปูเน่าไปลี้ภัย และตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ก็ถูกรัฐบาลมาเฟียมอนเตรเนโกสั่งปิดตาย และสั่งห้ามเข้าประเทศอีกซะงั้น แถมดูไบอีกแห่งก็ไม่ให้เขาเข้าประเทศ มาพักใหญ่แล้วเพราะเกรงตูม!! จากมุสลิมอัลกออีดะห์ขู่ไว้ และต้องเข้าข้างมุสลิมด้วยกัน จีนก้ไม่ให้ชายดูไปอาศัย แต่ไล่ไปอยู่ฮ่องกงโน่น โดยมีข้อแม้ว่าต้องอยู่เงียบๆ และห้ามก่อความวุ่นวาย เพราะจีนนับถือสถาบันเบื้องสูงไทยมาก ถ้าเขาไม่ฟังจีนก็จะไล่ออกจากฮ่องกงอีก เขาจึงคงป้วนเปี้ยนได้แถวฮ่องกง ที่ซื้อบ้านให้สมุนคอยไปหลบภัย และสิงค์โปร์ที่ผลประโยชน์บางอย่างร่วมกันนี่แหละ

ขืนชายดูไบไปโผล่หัวเขมรตอนนี้..ไม่ถึงมือกลุ่มอัลกออีดะห์ แน่ๆ ฮวยเซ็งนี่แหละจะฝังดินมันที่เขมรด้วยมือเอง แก้แค้นที่โดนหลอกหักเหลี่ยม เอาสมบัติมหาศาลไปทิ้งต่างประเทศซึ่งๆ หน้า เอาคืนก็ไม่ได้ มันแค้นนน..กรอดๆ..ฮา

ไอ้พวกแกนนำโจรแบ่งแยกดินแดน พวกอันธพาล สารพัดแก๊งค์ในสังกัดอั้งยี่แดง ถ้าคิดว่าจะมาก่อเหตุรุนแรง เม.ย. – พ.ค. 57 แล้วจะหนีข้ามไปกบดานในเขมร มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ก็เพราะนายตัวเองดันไปสร้างโจทย์ใหญ่ฮวยเซ็ง นักฆ่า 1 ล้านศพสมัยเขมรแดง จะรอเช็คบิลทุกคนของแก๊งค์อั้งยี่แดงนี้ โดยนั่งลูบปืน ขึ้นลำกระสุนเต็มแม๊ก รอกองโจรแดงหนีข้ามฝั่งพรมแดนไป ให้ทหารเขมรจับตัวเอามา แล้วเอาปะทัดยักษ์ยัดตูด ดึงชนวนออก แล้วจับตัวไปเป็นเป้านิ่งมัดกับต้นไม้ ซ้อมยิงปืนใส่หัวเล่น ปังๆๆ..สมองกระจุย

ส่วนเจ้ากฤษดา ไชยแค ที่หนีหมายจับคดีปาระเบิดอนุสาวรีย์ชัย และคนอื่นๆ ที่หนีข้ามชายแดนเขมรตามไป ญาติๆ ทำบูญอุทิศส่วนกุศลส่งไปให้ได้เลย เพราะตอนนี้ฮวยเซ็ง เดือดปุดๆ มาก..ป่านนี้คงสบายตัว..แต่ไม่สบายรูที่หัวไปแล้ว..ฮา 

ส่วนชายชุดเขียวของไทย ตอนนี้ก็ฟิตจัดมาก สั่งกำลังพลทุกหน่วย ซ้อมยิง “เป้านิ่ง” ทุกวันให้เกิดความเคยชินไปก่อน ด้วยการงัดปืนนานาชนิด เช่น Tarvo 21 ฯลฯ เอามาให้กำลังพลเรือนแสนยิงให้เคยมือ และประเมินระยะหวังผลด้วยตนเอง

เมื่อซ้อมยิง “เป้านิ่ง” จนชำนาญแล้ว เดือนเมษานี้ กำลังพลก็จะได้ทดลองฝึกยิง “เป้าวิ่ง” ของจริง..ฮา 

@เสธ น้ำเงิน
ที่มา https://www.facebook.com/topsecretthai


#3 สิงห์สนามซ้อม

สิงห์สนามซ้อม

    คนดีไม่กลัวการตรวจสอบ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,757 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 15:28

น่าคิด -_-


" ประกาศบอยคอต ช่อง 3 ไม่ว่าจะข่าว ละคร หรือการ์ตูนลูก  กรูไม่ดู !!! "


#4 utopia

utopia

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 5 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 16:26

อ่านเพลินๆมาสะดุดตอนที่น้กบินคนที่เอาเครื่องไปทิ้งนี่ เค้าจะออกมาจากเครื่องโดยวิธีใดครับ
เพราะจะให้เครื่องแลนดิ้งบนทะเล? และเดินทางกลับมายังไง?

#5 คุณนายนอกบ้าน

คุณนายนอกบ้าน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,281 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 16:27

เรื่องนี้ จีนคงไม่ยอมจบง่ายๆ



#6 เรื่อยๆเอื่อยๆ

เรื่อยๆเอื่อยๆ

    There is a face beneath this mask, but it isn't me.

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,223 posts

ตอบ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 18:21

อย่าเรียกว่าบทวิเคราะห์เลย จิ้นล้วนๆ

#7 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 08:49

ยอมรับว่าจิันได้สมจริงมักๆ

มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#8 5250401101

5250401101

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 461 posts

ตอบ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 10:27

ผมก็ติดตาม เสธ.น้ำเงิน อยู่ครับ บางเรื่องคิดว่าน่าจะหมดยุคไปแล้วในยุคนี้ แต่ว่ามันก็กลับมามีอีกจนได้ เช่นการใช้ความรุนแรงของคนในชาติเดียวกัน หรือระหว่างประเทสต่อประเทศ ดังนั้นในกรณีถ้าจะเป็นอย่าง เสธ.น้ำเงิน วิเคราะห์ก็ไม่น่าแปลกครับ



#9 stormtrooper

stormtrooper

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 356 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 16:18

คนที่เอาเครื่องบินไปทิ้งมีวิธีออกจากเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย  โดยสั่งให้เครื่องบินด้วย auto pilot แล้วใช้วิธีกระโดดร่มออกทางประตูด้านหลัง  เหมือนกรณีของ D.B. Cooper ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1971

 

ส่วนการเดินทางออกจากพื้นที่  จะมีเรือดำน้ำของ ทร. สหรัฐฯ ไปรับตรงจุดที่นัดหมายไว้  เหมือนในหนัง Act of Valor

 

เคยดู series ทางโทรทัศน์มั้ยครับ Ripley’s Believe It or Not  บรรยากาศเป็นแบบนั้นเลยเชียว



#10 kanokporn

kanokporn

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,330 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 16:25

ตรงนั้นในข่าว เขาเขียนว่า คลื่นสูง 30 เมตร ใครจะเสี่ยงลงไปในทะเลหนอ

เสธ.แก มีทฤษฎีใหม่อีกแล้วว่า ไม่ต้องมีคนขับแล้วยิงให้ตกไปเลย เศษมันเลยแตกกระจุยกระจาย (แต่เก็บศพก่อนนะ ยิงแต่เครื่อง) :mellow:



#11 konba555

konba555

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 163 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 17:19

 

...อันนี้...ยากที่สุด...ยากกว่าบนบก...ลงแล้วไม่พัง...ถ้าจะลงให้พัง...ง่ายกว่ามากๆ...เอาไปทิ้ง...ยิ่งง่ายใหญ่...ถึงจุด...ปักหัวลงไปง่ายๆ...

...ทดสอบบินด้วยเครื่องบินพาณิชย์...โดยไม่มีคนขับ...มีมานานแล้ว...แต่ยังติดเรื่องความ...รู้สึก...ปลอดภัย...เมื่อมีกัปตันเป็นคน...อยู่บนเครื่องกับผู้โดยสาร...

...กระโดดร่ม...จากเครื่องบินพาณิชย์...เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด...ปัจจัยเสี่ยงเยอะมาก...ไม่มีใครอยากทำ...แค่ประตูเปิด...อาจโดนดูดไม่ทันตั้งตัว...



#12 ควันหลง

ควันหลง

    I am Royalist

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,696 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 17:23

คนที่เอาเครื่องบินไปทิ้งมีวิธีออกจากเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย  โดยสั่งให้เครื่องบินด้วย auto pilot แล้วใช้วิธีกระโดดร่มออกทางประตูด้านหลัง  เหมือนกรณีของ D.B. Cooper ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1971

 

ส่วนการเดินทางออกจากพื้นที่  จะมีเรือดำน้ำของ ทร. สหรัฐฯ ไปรับตรงจุดที่นัดหมายไว้  เหมือนในหนัง Act of Valor

 

เคยดู series ทางโทรทัศน์มั้ยครับ Ripley’s Believe It or Not  บรรยากาศเป็นแบบนั้นเลยเชียว

D.B. Cooper แกโดดออกจากประตูท้าย 727-100 นะครับ ซึ่งเครื่อง 777-200 ER นั้นไม่มี แล้วประตูเครื่องสมัยใหม่จะถูกออกแบบให้ปิดแน่น เมื่อบินสูงขึ้นไปในอากาศ เพราะความกดอากาศภายในเครื่องจะดันประตูไว้กับกรอบ แต่ไม่แน่ใจว่าเครื่องขึ้นไปแล้ว จะเปิดประตูออกมั้ย อันนี้ผมไม่รู้ครับ 

 

ใครมีแฟนเป็นแอร์ตอบหน่อยยเร็วววววว  :lol: 



#13 hinotori

hinotori

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,899 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 17:46

ผมไม่รู้ รู้แต่ว่า สงสารเด็กน้อยสองคนนั่นจับใจ



#14 Benten

Benten

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 474 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 18:16

รู้แต่ว่าไม่มีวันหาเจอทั้งคนทั้งเครื่อง กลายเป็นปริศนาต่อไป



#15 Quezonla

Quezonla

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 259 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 21:02

คนร้ายอาจจะหลอกให้กัปตันคิดว่าตนจะสามารถพาลูกเรือกลับโดยปลอดภัย โดยที่แท้จริงมุ่งหวังให้ตายยกลำก็ได้ 


Edited by Quezonla, 29 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 21:19.


#16 Quezonla

Quezonla

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 259 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 22:22

ขอใช้ทฤษฎีสมคบคิดด้วยคน

 

-Paul Weeks ออกจากบ้านที่ออสเตรเลีย และโดยสารเครื่องบินมรณะเที่ยวนี้ เพื่อไปรับงานใหม่ที่เหมืองแห่งหนึ่งในมองโกเลีย  ก่อนไปเขาถอดแหวนแต่งงานและนาฬิกาข้อมือให้ภรรยา Danica Weeks ไว้ และบอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ให้มอบแหวนแต่งงานนี้ให้ลูกชายคนโต Lincoln (3 ขวบ) เมื่อเขาแต่งงาน ส่วนนาฬิกาให้มอบให้ลูกชายคนเล็ก Jack (11 เดือน) ระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ เขาได้ส่งข้อความมาหาภรรยา ว่า เขาคิดถึงภรรยาและลูกมาก และพวกเขา mean the world to him

 

ชายคนนี้รู้อนาคต หรือเป็นแค่ลางสังหรณ์ 

 

http://www.cnn.com/v...ht-370.cnn.html

 

http://www.nzherald....jectid=11216852

 

 

weeks.jpg

 

-และที่น่าแปลก ใน google มี Paul Weeks อีกคน ที่ทำงานบริษัทโบอิ้ง  ด้วย อยู่แผนก Product Review Engineer II - 777 Wing & Final Body Join Integration เรื่องเหล่านี้อ่านเจอในเน็ตเลยหามาให้อ่านดูค่ะ

 

weeks2.jpg

 

-ยังมีอีกเรื่องนึงคือภรรยาและลูกๆทั้ง 3 คน ของกัปตัน ได้หายไปจากบ้านพัก 1 วัน ก่อนเหตุการณ์เครื่องบินหาย

http://news.national...position-party/

 

-เครื่องบินลำนี้เคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน เมื่อเดือนสิงหาคม ปี พศ. 2555 โดยปีกของเครื่องนี้ไปเกิดการเฉี่ยวชนกับหางของเครื่องบินอีกลำหนึ่งที่สนามบิน ผู่ตง ที่เซี่ยงไฮ้

800164-aa435092-a793-11e3-94c1-d923b8b77

http://www.dailytele...2-1226849800220


Edited by Quezonla, 29 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 21:18.


#17 แสงดาวแห่งศรัทธา

แสงดาวแห่งศรัทธา

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 951 posts

ตอบ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 23:00

เศร้าอ่ะ มันไม่น่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลย

#18 zeedzaad

zeedzaad

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,963 posts

ตอบ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 01:02

เขียนนิยายกันสนุกดี
“A fool's brain digests philosophy into folly, science into superstition, and art into pedantry. Hence University education. ”George Bernard Shaw

#19 konba555

konba555

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 163 posts

ตอบ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 10:42

 

คนที่เอาเครื่องบินไปทิ้งมีวิธีออกจากเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย  โดยสั่งให้เครื่องบินด้วย auto pilot แล้วใช้วิธีกระโดดร่มออกทางประตูด้านหลัง  เหมือนกรณีของ D.B. Cooper ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1971

 

ส่วนการเดินทางออกจากพื้นที่  จะมีเรือดำน้ำของ ทร. สหรัฐฯ ไปรับตรงจุดที่นัดหมายไว้  เหมือนในหนัง Act of Valor

 

เคยดู series ทางโทรทัศน์มั้ยครับ Ripley’s Believe It or Not  บรรยากาศเป็นแบบนั้นเลยเชียว

D.B. Cooper แกโดดออกจากประตูท้าย 727-100 นะครับ ซึ่งเครื่อง 777-200 ER นั้นไม่มี แล้วประตูเครื่องสมัยใหม่จะถูกออกแบบให้ปิดแน่น เมื่อบินสูงขึ้นไปในอากาศ เพราะความกดอากาศภายในเครื่องจะดันประตูไว้กับกรอบ แต่ไม่แน่ใจว่าเครื่องขึ้นไปแล้ว จะเปิดประตูออกมั้ย อันนี้ผมไม่รู้ครับ 

 

ใครมีแฟนเป็นแอร์ตอบหน่อยยเร็วววววว  :lol:

 

...ถึงจะไม่เกี่ยวโดยตรงกับคำถาม...แต่...เนื้อหามีความใกล้เคียงกับคำตอบที่ต้องการ...น่าจะใช้เป็นแนวได้...เพราะ...องค์ความรู้ในด้านการบิน...ใช้หลักเดียวกัน... :)

http://www.hflight.n...บินถึงจะไม่มีร/



#20 เช never die

เช never die

    มหาอำมาตย์แดง ชั้นที่ 1.(ระดับเดียวกับท่านตู่,ท่านเต้น)

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 11,845 posts

ตอบ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 16:44

เอาเครื่องร่อนลงน้ำในพิกัดที่นัดแนะใว้กับเรือดำน้ำ แล้วนักบินที่ใส่ชุดประดาน้ำก็หิ้วถังอ็อคซิเจนเปิดประตูเครื่องลอยตัวออกมานิ่มๆหลังจากน้ำเข้าไปเต็มเครื่องแล้ว แล้วกํมุดขึ้นเรือดำน้ำไปไปโผล่ที่ฐานทัพเรือดำน้้ของสหรัฐที่ที่เกาะคล้้ากส์ที่ฟิลิปปินส์

ตอนนี้กำลังนั่งกินแมคอยู่ที่มะนิลาพร้อมๆกับอ่านกระทู้นี้ไปด้วย

Edited by เช never die, 29 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 16:45.

มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล


#21 stormtrooper

stormtrooper

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 356 posts

ตอบ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 01:40

ว้า  ทฤษฎีของผมตกไปซะแระ

 

 

 

คนที่เอาเครื่องบินไปทิ้งมีวิธีออกจากเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย  โดยสั่งให้เครื่องบินด้วย auto pilot แล้วใช้วิธีกระโดดร่มออกทางประตูด้านหลัง  เหมือนกรณีของ D.B. Cooper ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1971

 

ส่วนการเดินทางออกจากพื้นที่  จะมีเรือดำน้ำของ ทร. สหรัฐฯ ไปรับตรงจุดที่นัดหมายไว้  เหมือนในหนัง Act of Valor

 

เคยดู series ทางโทรทัศน์มั้ยครับ Ripley’s Believe It or Not  บรรยากาศเป็นแบบนั้นเลยเชียว

D.B. Cooper แกโดดออกจากประตูท้าย 727-100 นะครับ ซึ่งเครื่อง 777-200 ER นั้นไม่มี แล้วประตูเครื่องสมัยใหม่จะถูกออกแบบให้ปิดแน่น เมื่อบินสูงขึ้นไปในอากาศ เพราะความกดอากาศภายในเครื่องจะดันประตูไว้กับกรอบ แต่ไม่แน่ใจว่าเครื่องขึ้นไปแล้ว จะเปิดประตูออกมั้ย อันนี้ผมไม่รู้ครับ 

 

ใครมีแฟนเป็นแอร์ตอบหน่อยยเร็วววววว  :lol: 

 

 

โธ่  ไก่กำลังเคลิ้ม ๆ  ท่านอ้างเหตุผลมาอย่างนี้ไก่ก็ตื่นหมดเซ่



#22 stormtrooper

stormtrooper

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 356 posts

ตอบ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 01:44

เอาเครื่องร่อนลงน้ำในพิกัดที่นัดแนะใว้กับเรือดำน้ำ แล้วนักบินที่ใส่ชุดประดาน้ำก็หิ้วถังอ็อคซิเจนเปิดประตูเครื่องลอยตัวออกมานิ่มๆหลังจากน้ำเข้าไปเต็มเครื่องแล้ว แล้วกํมุดขึ้นเรือดำน้ำไปไปโผล่ที่ฐานทัพเรือดำน้้ของสหรัฐที่ที่เกาะคล้้ากส์ที่ฟิลิปปินส์

ตอนนี้กำลังนั่งกินแมคอยู่ที่มะนิลาพร้อมๆกับอ่านกระทู้นี้ไปด้วย

 

กะจะแซวใครรืเปล่าครับ  ผมไม่อยากกินแมคหรอกนะ  ถ้าเป็นอาหารตำรับของต่างชาติ  ผมอยากกิน curry rice สไตล์ญี่ปุ่น

 



#23 stormtrooper

stormtrooper

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 356 posts

ตอบ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 01:55

ญาติผู้โดยสารที่ต้องเจ็บปวดจากน้ำมือของชาติมหาอำนาจ

 

13ss5.jpg



#24 สมชายสายชม

สมชายสายชม

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,564 posts

ตอบ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 02:26

ถ้าเครื่องบินตกในทะเล ต้องมีวัตถุที่ลอยน้ำได้ลอยไปติดตามชายฝั่ง

 

เป็นไปได้ที่อาจจะตกในป่าเขา  หรือไม่ก็บินกลับไปลงจอดที่มาเลเซีย เพราะว่าวันแรกๆญาติโทรเข้ามือถือได้แต่ไม่มีการรับสาย

...


ชาวนา เกษตรกร กรรมกร และประชาชน เป็นเจ้าของประเทศ
แต่ หลงจู๊ ผู้รับเหมา นายทุน และนักการเมือง เป็นเจ้าของโฉนด

 

คนชั่วที่ชอบใช้ประชาธิปไตยเป็นข้ออ้างว่า "มาจากการเลือกตั้ง"

ก็ไม่ต่างกับพระปลอมที่นำ "จีวร" มาห่มเพื่อหลอกชาวบ้าน


#25 น้องจุบุจุบุ

น้องจุบุจุบุ

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,006 posts

ตอบ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 02:40

Malaysian plane: 20 passengers worked for ELECTRONIC WARFARE and MILITARY RADAR firm A US technology company which had 20 senior staff on board Malaysia Airlines Flight MH370 had just launched a new electronic warfare gadget for military radar systems in the days before the Boeing 777 went missing.

 

“Four days after the missing flight MH370 a patent is approved by the Patent Office, four of the five Patent holders are Chinese employees of Freescale Semiconductor of Austin TX.

“Patent is divided up on 20 per cent increments to five holders.

“Peidong Wang, Suzhou, China, (20 per cent); Zhijun Chen, Suzhou, China, (20 per cent); Zhihong Cheng, Suzhou, China, (20 per cent); Li Ying, Suzhou, China, (20 per cent); Freescale Semiconductor (20 per cent).

“If a patent holder dies, then the remaining holders equally share the dividends of the deceased if not disputed in a will.

“If four of the five dies, then the remaining one Patent holder gets 100 per cent of the wealth of the patent.

 

http://www.express.c...defence-company

 

 

ตอนนี้ผมไม่สนใจนะวาหายไปใหนแต่ผมสนใจว่าทำไมมันถึงต้องหาย 

ประเด็ดที่ยกมาฝากผมให้ค่ามากที่สุดละเพราะถ้ามันจริงอย่างที่ข่าวว่า

มูลค่ามันคงมหาศาลจริงๆ

ิิ



#26 chaidan

chaidan

    กา... กา... กา...

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,999 posts

ตอบ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 08:26


 

 

ฆ่าเอา patent เหรอเนี้ย ...

:unsure:


ใครที่บอกว่า "กาขาว" เป็นฝรั่ง....ผมว่าไม่ใช่......

#27 prisonbreak

prisonbreak

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,138 posts

ตอบ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 12:30

บทวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการหายไปของ MH370 จากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่อเมริกามี ... เน้นว่า ข้อมูลของอเมริกา ไม่ใช่ของมาเลเซีย

ทำไมอเมริกาถึงไม่ใช่ข้อมูลของมาเลเซีย ? มาเลเซียโกหก ในกรณีที่บอกว่า ping เครื่องยนต์ Rolls-Royce ไม่มีความผิดปกติ แต่อเมริกาตรวจสอบแล้วได้ข้อมูลว่า ping เครื่องยนต์ Rolls-Royce มีความผิดปกติคือ เวลา 01.35 น ของวันที่ 8 เครื่องบินบินอยู่ที่ระดับ 45,000ฟีต
ต่อมาเครื่องบินหันหัวไปทางทิศตะวันตก ก่อนที่จะลดระดับการบินมาอยู่ที่ 23,000ฟีต แถวๆเกาะปีนัง และได้เปลี่ยนระดับการบินไปที่ 35,000ฟีต แต่ทางการมาเลย์บอกว่าเครื่องยนต์ไม่มีความผิดปกติใดๆทั้งสิ้น นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้อเมริกาไม่เชื่อทางการมาเลเซีย

อเมริกาวิเคราะห์ข้อมูลว่า นักบินหรือผู้โดยสารของ MH370 นั้นอาจมีส่วนในการหายไปของเครื่องบิน โดยมีรายละเอียดดังนี้

วันที่ 7 มีนาคม ( 1 วันก่อนเครื่องออกบิน ) นักบิน Zaharie Ahmad Shah เดินทางออกจากบ้าน (ที่บ้านมีเครื่องจำลองการบินที่ทันสมัยมากอยู่) ไปยัง Putrajaya ซึ่งห่างออกไปประมาณ 15 ไมล์จากบ้านเค้า เพื่อที่จะไปศาลที่มีการตัดสินของผู้นำการเมืองที่เค้าชื่นชอบ

โดยศาลตัดสินให้ผู้นำ (Anwar Lbrahim) จำคุกเป็นเวลาทั้งสิ้น 5 ปี และนักบิน Zaharie Ahmad Shah มีท่าทางโกรธและไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

ในเวลา 21.00น นักบิน Zaharie Ahmad Shah ได้เดินทางมายังสนามบิน

วันเสาร์ที่ 8 เวลา 00.41น เครื่องบินบินออกจากมาเลเซีย ซึ่งห่างจากกรุงปักกิ่งไป 2,700 ไมล์

หลังจากเครื่องได้บินออกจากสนามบินไปได้ 45 นาที เครื่องบินได้ออกจากหน้าจอการตรวจจับของเรดาร์ (บริเวณอ่าวไทย) โดยนักบินได้สื่อสารกับพื้นดินว่า "All right Good Night" ณ เวลานั้นเครื่องบินมีเชื่อเพลิงที่บินได้ประมาณ 7 ชม อยู่ที่ความสูง 35,000 ฟีต

หลังจากนั้นเครื่อง Radar Transponder (เครื่องสื่อสารกับเรดาห์ที่จะเป็นตัวส่งข้อมูลความเร็ว เส้นทาง และระดับความสูงกลับมายังพื้นดิน) ถูกปิดลง (เจ้าหน้าที่อเมริกา ย้ำว่า เครื่อง Transponder ของ MH370 นั้นถูกปิดลง ไม่ได้เสียแต่อย่างใด)

ถึงแม้ว่าตัว Transponder จะถูกปิดลงไปแต่ถ้ายังอยู่ในรัศมีของเรดาห์ภาคพื้นดิน ยังไงก็ต้องสามารถระบุตำแหน่งเครื่องบินได้

หลังจากนั้นช่วงเวลา 01.35น เครื่องบินได้บินไปอยู่ที่ระดับ 45,000ฟีต หันหัวไปยังทิศตะวันตกเล็กน้อยก่อนที่จะลดระดับการบินอย่างเฉียบพลันมาอยู่ที่ 23,000ฟีตแถวๆเกาะปีนัง และหลังจากนั้นก็เพิ่มระดับการบินไปที่ 35,000ฟีต

เครื่อง Boeing 777-200 นั้นจะบินได้สูงสุดอยู่ที่ระดับ 43,100 ฟีตเท่านั้น ถ้าบินสูงกว่านี้ จะทำให้ผู้โดยสารขาดอากาศหายใจและสลบไปได้

จากนั้นอเมริกาได้ข้อมูลจาก ดาวเทียมของอังกฤษโดยยืนยันว่า เครื่องบินนั้นได้ทำการบินทั้งหมด 7 ชม 30 นาทีหลังจาก take-off ที่ KL

ดาวเทียมอังกฤษ ไม่มีข้อมูลว่าเครื่องบินนั้นได้บินไป ณ ตำแหน่งใด แต่จากข้อมูลที่มีทำให้อเมริกาคาดการณ์ได้ว่าเครื่องบินบินไปที่ไหน

อเมริกาได้บอกว่ามีสถานที่ถึง 634 จุดที่มีความเป็นไปได้ว่าเครื่องบินจะอยู่ที่นั้น เริ่มจาก ออสเตรเลีย ไปยังมัลดีฟ จนถึง ปากีสถาน

หน่วยสืบสวนอเมริกาบอกว่า การที่เครื่องบินบินไปอยู่ที่ระดับ 45,000 นั้นถือว่าผิดปกติ และเป็นไปได้ว่านักบินต้องการให้ผู้โดยสารสลบไป

โดยอเมริกาให้ข้อมูลว่า การค้นหาเครื่องบิน MH370 จะทำได้ยากมากเพราะมหาสมุทรอินเดียลึกประมาณ 23,000ฟีต และมีเกาะร้างจำนวนมาก

อเมริกาให้ข้อมูลคร่าวๆว่า ประเทศที่สามารถหาเส้นทางของ #MH370 นั้นได้ร่วมช่วนค้นหาด้วย

ทีมสอบสวนอเมริกาให้ข้อมูลอีกว่าเป็นไปได้สูงว่านักบินZaharie Ahmad Shah ต้องการประท้วงรัฐบาลมาเลเซียและจับผู้โดยสารเป็นตัวประกันอยู่ที่เกาะ

อเมริกาตั้งข้อสังเกตุอีกว่า สายการบิน มาเลเซียไม่ยอมใช้บริการการตรวจสอบเครื่องบินแบบ Real-Time จาก Boeing ซึ่งเป็นระบบที่สามารถช่วยหาตำแหน่งของเครื่องบินรวมถึงแจ้งเตือนภาคพื้นดินถ้าเครื่องบินมีปัญหา แบบ real-time

ทางเจ้าหนี้ที่อเมริกายังระบุอีกว่า ถ้าตัว Transponder นั้นถูกปิดลง เรามีความกังวลว่าการทำงานของกล่องดำนั้นจะถูกปิดลงไปด้วย

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่อเมริกาให้เหตุผลในการที่มุ่งประเด็นไปที่ตัวนักบิน หรือ ผู้โดยสารว่า เครื่องบินนั้นเลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทางในช่องรอยต่อเขตควบคุมการเดินทางทางอากาศของมาเลเซียและเวียดนาม ซึ่งจุดนั้น เรดาห์ภาคพื้นดินจะไม่สามารถตรวจหาเครื่องบินได้

มีการพบรูปนักบิน Zaharie Ahmad Shah ที่ใส่เสื้อบอกว่า "ประชาธิปไตยนั้นได้ตายลงไปแล้ว" http://t.co/GaT82wQYT4

อเมริกายังตั้งข้อสังเหตุอีกว่า ในวันเสาร์ที่ 15ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียได้ออกมาดราม่าว่าการหายไปของเครื่องบินนั้นต้องโทษคนบนเครื่องโดยหลังจากนั้นทางการมาเลเซียก็ให้ข้อสรุปว่าเครื่องบินนั้นถูกจี้ไป โดยหลังจากนั้นทางการมาเลเซียก็ให้ข้อสรุปว่าเครื่องบินนั้นถูกจี้ไป

อเมริกาย้ำว่า เครื่อง HM370 นั้นไม่ได้ตกอย่างแน่นอน และยังเป็นชิ้นเดียวอยู่

โดยอเมริกาได้ตรวจสอบเจออีกว่า เครื่องสื่อสารและรายงานข้อมูลเครื่องยนต์ร่วมถึงพิกัดการบินของเครื่อง MH370 นั้นถูกปิดลง(รบกวน)

จนท เมกาบอกอีกว่า คนที่จะปิดเครื่องรายงานข้อมูลนั้นได้ (Acars) จะต้องมีความคุ้นเคยกับเครื่อง Boeing 777 เป็นอย่างมาก

และสุดท้ายอเมริกาให้เหตุผลว่า เครื่อง Transponder นั้นถูกปิดลงโดยคน และเครื่อง MH370 นั้นยังเป็นชิ้นเดียวอยู่เพราะ ระยะเวลาที่เครื่อง Transponder กับ Acars ถูกปิดลงนั้น มีเวลาห่างกันถึง 14 นาที ซึ่งถ้าหากเครื่องตกจริง ช่วงเวลาต้องสั้นกว่า 14 นาทีมาก

และข้อมูล Ping ที่ระบุว่าเครื่องยนต์ของเครื่องบินนั้นทำงานหลังจาก take-off เป็นเวลาถึง 7 ชม 30 นาที นั้นมีความน่าเชื่อถือมาก

และข้อมูล Ping ที่ระบุว่าเครื่องยนต์ของเครื่องบินนั้นทำงานหลังจาก take-off เป็นเวลาถึง 7 ชม 30 นาที นั้นมีความน่าเชื่อถือมาก

โดยขณะนี้ทีม Boeing ใน Seattle และ Florida กำลังเร่งสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมอยู่

และขณะเดียวกัน FBI กำลังสืบประวัติของผู้โดยสาร/นักบิน/แอร์/ ทุกคนรวมไปถึงญาติของคนบนเครื่องด้วย

cr : @PatricLand




ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน