ผมก็หงุดหงิด และค่อนข้างเครียดกับการเปรียบเทียบเรื่องพนักงานบริษัทของพี่บิ๊กตู่ที่ผม ไม่เคยคิดที่จะผลักไสให้ไปอยู่กับฝ่ายตรงข้ามเลย จนกระทั่ง ผมได้อ่านข้อเขียนบนสเตตัสของพี่สุทิน ววรณบวร จากเฟสบุ๊ค Sutin Wannabovorn เชิญอ่านครับ
"อย่าดรามา อย่ามโน อย่าโมโหกันเกินเหตุ"
ครั้งหนึ่งในอดีต ดร.ไตรรงค์ สุรรณคีรี เคยพูดว่าไม่คิดว่าทหารจะใช้กำลังแก้ปัญหา เพราะทหารได้รับฝึกสอนให้อยู่ในระเบียบวินัยและมีหลักการ มีแต่สัตว์เท่านั้นที่มันใช้กำลังต่อสู้กันเพื่อให้ได้เป็นจ่าฝูง คำพูดเปรียบเปรยของ ดร.ไตรรงค์ วันนั้นทำเอาอุณหภูมิการเมืองร้อนเกือบปรอทแตก เพราะมีสื่อสวะมาบิดเบือนคำพูดว่า ดร.ไตรรงค์ “ด่าทหารเป็นสัตว์”
มาวันนี้พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา กำลังตกเป็นเป้าการโจมตี ด่าว่าประณามจากหลายฝ่าย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคำพูดที่ไม่ระมัดระวัง แต่ส่วนใหญ่น่าจะมาจากสื่อสวะที่ แปลงสารเสี้ยมให้คนเกลียดชัง ผบทบ คนนี้ เราได้สอบถามกับนักข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น น้องเขาเล่าให้ฟังว่า
คำเปรียบเปรยของ ผบทบ วันนั้น พูดออกมาในทำนองประชดประชันสื่อมากกว่า เพราะสื่อถามว่าทำไม่ประกาศกฎอัยการศึกตามที่ กปปส เรียกร้อง ประยุทธ์เลยฉุนตามสไตล์ ตอบไปว่าสถานการณ์ยังไม่ถึงเวลาประกาศกฎหมายสำคัญ เวลานี้ประคบประคองเหตุการณ์ไปก่อน เมื่อนักข่าวถามว่า กปปส เรียกร้องให้ปฏิเสธ นายกรักษาการ พี่แกเลยฉุนตอบไปว่าตอบไปในทำนองว่า
“บริษัทที่ข่าวทำงาน คุณไม่พอใจไล่เขาออกถูกต้องไหม”
นักข่าวบอกว่าเป็นคำพูดประชดประชันนักข่าว มากกว่าความหมายว่ายิ่งลักษณ์ เป็นเจ้าของบริษัทประเทศไทย สิ่งที่นักข่าวเล่าให้ฟังจะตรงตามนั้นหรือไม่ก็ตาม เรายังเชื่อมั่นว่า ผบทบ คนนี้ไม่ได้ชั่วช้าเลวทรามถึงกับเป็นสมุนบริวารทักษิณ ตามที่หลายฝ่ายกล่าวหากัน และ เรายังเชื่อมั่นว่า ผบทบ คงไม่สำส่อนมั่วกับผู้หญิงเลวๆเหมือนกับที่หลายๆคนจินตนาการ
ถ้าเรายังมีสติไม่หลงกลสื่อสวะเลวทรามที่พยายามเสี้ยมให้ ประชาชนเกลียุดชังทหาร คงพอจะจำได้บ้างว่า พลเอกประยุทธ์ ทำอารยะขัดขืน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาแล้วกี่ครั้ง ตั้งแต่เรื่องขวาง พรก ฉุกเฉิน ขัดขืนเรื่องให้รื้อบังเกอร์ ส่งกำลังมาดูแลปกป้องประชาชน อย่าลืมว่าเสื้อแดงติดอาวุธที่ถูกจับได้ทุกคดี ล้วนทหารชี้เป้า และ ยังปฏิบัติการทางลับอีกหลายเคสที่ ผบทบ เสี่ยงเพื่อปกป้องประชาชน หลายอย่างที่ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ยืนยันว่า ผบทบ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
ลองใช้ตรรกะง่ายคิดดูบ้าง ว่าแม้แต่คนทั่วไปเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่า ชะตากรรมของรัฐบาลนางดอก ตายยกครอกแล้ว รอเพียงไม่กี่อึดใจ ปปช ศาลรัฐธรธรรมนูญ ศาลฏีฏาแผนกคดีอาญาทางการเมือง ก็จะลงดาบจัดการถอนรากถอนโคนกับรัฐบาลนางดอกไม้และตระกูลทักษิณ แล้วใช้อะไรคิดถึงไปเข้าใจทึกทักเอาว่า ผบทบ ยังฝักใฝ่ได้ปลื้มกับระบอบทักษิณ
พลเอกประยุทธ์ ก็เหมือนกับผู้ทีมีวุฒิภาวะอีกจำนวนมาก ที่ไม่ผลีผลามใช้กำลังหรือกฎหมายพิเศษ ในช่วงเข้าใต้เข้าไฟ เพื่อที่ให้กระบวนบวนยุติธรรม ได้ลงอาญานางดอกไม้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
เราเองก็เข้าใจอารมณ์ของคนที่มีการสูญเสียเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่ก็เข้าใจอีกเหมือนกันว่าทุกครั้งที่เหตุการณ์ลอบกัดลอบทำร้ายจะให้ทหารแอ คชั่นทันทีไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจ และ สถานการณ์ยังไม่มีความชอบธรรมพอจะประกาศกฏอัยการศึกหรือนำกำลังออกมา
รู้ว่าเขียนเชียร์ ผบทบวันนี้จะทำให้คนไม่พอใจมาก แต่ไม่เป็นไรครับเพราะไม่จำเป็นต้องแสดงละครให้ใครรักใครนิยมเพราะในชีวิต นี้ ไม่เคยคิดสมัคร ส.ส.ส.ว.อ.อ.บ.ต.อ.บ.จ. ใดๆทั้งสิ้น สำคัญที่สุดคือไม่เคยคิดจะประกวดร้องเพลงไม่จะว๊อยซ์ เอเอฟ เดอะสตาร์ หรือค่ายไหนทั้งสิ้นจำไม่จำเป็นต้องอ้อนแฟนๆให้ช่วยโหวต
I am who I am and I am confident on army commander in chief
------------------------------------------
ที่ต้องเอาข้อเขียนของพี่เขามาลง เพราะพี่สุทินอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน และสายข่าว สิ่งที่นำมาเปิดเผยนั้น น่าเชื่อถือกว่า สิ่งที่เหมือนพยายามยัดเยียดให้เราเสพ กำนันสุเทพก็คงเห็นแบบนี้เช่นกัน คำปราศัยเมื่อวานนี้ที่เวทีสวนลุมพินี จึงได้กล่าวถึงบิ๊กตู่ เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังโดนครหา
"ผมในฐานะที่ได้ร่วมงานกับพล.อ.ประยุทธ์ในปี 52 ปี53 เห็นว่าเป็นหน้าที่ ที่จะต้องพูดความจริง เมื่อเริ่มการชุมนุม สู้เอาแพ้ชนะเลย ไม่เจรจา แต่วันหนึ่งก็ต้องเจรจาเพราะเกรงใจผู้บัญชาการทั้ง 3 เหล่าทัพ สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตนก็ได้อาศัยกองกำลังเหล่าทัพของพวกท่านมาช่วยแก้ปัญหาจนสำเร็จไปได้ด้วยดี เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทำอะไรเลย ทำให้ทหารหลายคนตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับตนจนถึงทุกวันนี้ นี่คือความสัมพันธ์ที่ตนและพล.อ.ประยุทธ์ทำงานร่วมกัน
“ทหารต้องขมขืนใจ เพราะอดีตพวกมันยิงทหาร แต่ขณะนี้กลับมาเป็นนายกูเสียแล้ว นอกจากนี้ทหารก็ยังมาช่วยเราโดยการตั้งป้อมรอบบริเวณชุมนุม เพื่อป้องกันไม่ให้สมุนทักษิณทำร้ายมวลมหาประชาชน ผมมาชี้แจงตามภาษากำนัน บอกเลยว่า พล.อ.ประยุทธ์ และบรรดาพี่น้องที่เป็นทหารของแผ่นดินและประชาชน ไม่คิดร้ายต่อประชาชนแน่นอน และจำเป็นต้องวางตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ จะพูดจาอะไรต้องระวัง แต่ถูกถามทุกวันก็ต้องมีหลุด ถามมาห้าเดือนแล้ว ทหารไม่ใช่นักการเมืองแบบผมที่จะตอบแบบโน้นแบบนี้ได้ ผมขอความเป็นธรรม อย่าเพิ่งรีบตำหนิ"
ตอนนี้อยู่ในเส้นสายปลายทางสงครามครั้งสุดท้าย ถ้าไม่มั่นคง ทุกสิ่ทุกอย่างที่ตั้งใจทำ จะพังครืนแบบไม่เป็นท่า ถ้าเปรียบเทียบแล้ว ก็เหมือนกับบุคคลในประวัติศาสตร์ชาติจีน 2 ยุค 2 สมัย จิงเคอกับฟานหลี่
จิงเคอมีโอกาส เพียงครั้งเดียว แต่ไม่อาจปลิดชีพจิ๋นซีได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้คือ หัวใจของจิงเคอไม่เคยยอมแพ้ และยอมตาย ตอบรับผลงานที่ผิดพลาด
แต่อีกยุคสมัยหนึ่งก็มีฟานหลี่ ที่ไม่เคยคิดแม้แต่จะทำการอุจอาจห้าวหาญเช่นจิงเคอ แต่ใช้ความสงบ ความอดทน การรอคอย ให้ถึงวันนั้น วันที่ฟูซาชะล่าใจ วันนั้น แผนที่ฟานหลี่วางไว้ให้โกวเจี้ยน จึงสัมฤทธิผล
จิงเคอกับฟานหลี่ แม้จะคนละยุคสมัย และไม่อาจนำมาเปรียบเทียบได้ แต่ทั้งสองมีความภักดีต่อผู้ที่อยู่เหนือตนเป็นที่ตั้ง มีจิตใจที่ไม่ยอมสยบให้ฝ่ายตรงข้ามเหมือนกัน แต่แตกต่างกันคือ วิธีการที่จะนำมาสู่ความสำเร็จ
จิงเคอล้มเหลวจึงจบสิ้น และไม่มีโอกาสต่อไปอีก ส่วนฟานหลี่ กว่าจะทำตรงตามเป้าหมายได้ ก็ต้องแลกด้วยรัก เลือด น้ำตา ความอัปยศ อดสู โดยดูหมิ่นเหยียดหยาม อย่างหาที่เปรียบมิได้
ระบอบทักษิณ ใช้แผนส่งเตียวเสี้ยนมาป่วน สร้างความร้าวฉานจนกว่าจะสำเร็จบรรลุเป้าหมายของตน แต่ถ้าไม่มีฟานหลี่ก็ไม่อาจสำเร็จได้ และที่สำคัญ ไม่มีคนเช่นฟานหลี่อยู่กับระบอบทักษิณ ถ้าอยู่ป่านนี้คงได้กลับประเทศไทย ไปนานแล้ว ที่ผ่านมา ฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ ทำกันมาแล้ว เหมือนชนะ แต่ไม่ชนะเชื้อชั่วไม่ยอมตาย กลับฟื้นคืนชีพทุกครั้งไป หากครั้งนี้ไม่ชนะก็แพ้ ตกเป็นทาสของระบอบทักษิณกันไปทั้งชาติ ทำอย่างไรให้จบ และยุติ อย่างถาวร อยู่ไปอย่างถอดใจ กับมีความหวัง กระตุ้นในชัยชนะ ตลอดเวลา อย่างไร มีคุณค่ากว่ากัน แล้วจะมาสร้างความขัดแย้งขึ้นมา ทำไมอีก เหตุใด ไม่เข้าใจกัน อย่าให้เกมส์เปลี่ยน เพราะความหมั่นใส้ ไม่ยอมลงให้แก่กัน
"นกกระจอกหรือจะรู้เท่าทันพญาอินทรีย์ การศึกไม่เคยหน่ายซึ่งกลอุบาย อย่าผลักไสมิตรแท้ ไปเป็นศัตูร วันเวลามันผ่านไปรวดเร็วราวฝัน เพียงไม่ทันกะพริบตาทุกสิ่งก็แปรเปลี่ยน"
http://www.oknation....4/04/04/entry-1
...
...
...
อืมมมมมมม... ขอรับ