วันนี้ 13 เม.ย. 57 เห็น manager ลงข่าว สลด! ชาวซิมบับเวถูกจระเข้งาบ ดับอนาถอย่างน้อย 17 ศพ ขณะข้ามแม่น้ำหวังไปแสวงหาชีวิตใหม่ในแอฟริกาใต้
มันทำให้นึกถึงปี 2543 ที่ ซิมบับเว เริ่มประสบปัญหาเศรษฐกิจ จากปัญหาเงินทุนไหลออก แล้วเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้ส่งออกแพลตินั่มใหญ่อันดับสองของโลก และได้ชื่อว่า มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากประเทศหนึ่งในทวีปแอฟริกา หากเทียบกับไทยด้วยมูลค่าเงินแล้วไทยเรียกว่าชิดซ้ายไปเลย เพราะอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลเล่ห์ ซิมบับเว เกือบเท่า 1 ดอลล่าห์สหรัฐ ในขณะที่ไทยต้องใช้เงินถึง 20-25 บาท ในช่วงนั้น
ถ้าใครเกิดทันพอจำได้ คงเคยเห็นข่าวชาวซิมบับเว้ต้องเอาเงินใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สามใบ เพื่อไปกินข้าวนอกบ้านสักมื้อ หรือแม้แต่เด็กที่ไปเรียนหนังสือ ต้องถือกระเป๋าสองใบ ใบหนึ่งใส่หนังสือ อีกในใส่ธนบัตรปึกใหญ่เพื่อซื้อน้ำกินสักขวด
สาเหตุเกิดจากหลังจากรัฐบาลมูกาเบ้เข้ามาบริหารประเทศได้พักหนึ่ง รัฐบาลได้ใช้นโยบายประชานิยมแบบไทยนี่แหละ คือเอาเรื่องการเกษตรเข้าล่อคนในประเทศ จนทำให้รัฐบาลถังแตกเงินไม่พอจ่าย จึงพิมพ์ธนบัตรขึ้นมาใช้เอง
ปี 2551 ซิมบับเว ประสบปัญหาเงินเฟ้อถึง ร้อยละ 231,000,000 ต่อปี (พิมพ์ไม่ผิด 231 ล้าน) ทำให้ในเดือน พย.ปีนั้นธนาคารกลางต้องพิมพ์ธนบัตรใบละ 1 แสนล้านดอลล่าห์ มาใช้เพื่อแก้ปัญหาการต้องถือเงินจำนวนมากไปซื้อของ แต่ปัญหายิ่งบานปลายที่ประสบภาวะเงินเฟ้อในปีถัดมาสูงขึ้นเป็น 516,000,000,000,000,000,000 ก็พิมพ์ไม่ผิดอีก เพราะมันคือ 516 ล้านล้านล้านต่อปี ส่งผลให้ราคาสินค้าที่ขายอยู่ในท้องตลาดต้องปรับราคาเป็นสองเท่าทุก ๆ วัน ถ้าคิดง่าย ถ้าวันนี้ซื้อน้ำขวดละ 10 ล้านล้านดอล์ พรุ่งนี้จะซื้อได้ต้องใช้เงิน 20 ล้านล้านดอล แล้ววันต่อไปจะขึ้นราคาเป็น 40 ล้านล้านดอล
ลองนึกภาพ จะเป็นอย่างไร หากพวกคุณเป็นชาวซิมบับเว
ปัญหาการขาดแคลนสินค้าจำเป็นในการดำรงชีวิต ยารักษาโรคขาดแคลน เกิดการกักตุนสินค้า ค่าเงินเสื่อมลงทุกวัน แม้คนที่มีอันจะกินเมื่อวานนี้ ตื่นมากลายเป็นคนไม่มีจะกินไปทันที
ปัญหาของซิมบับเว จึงไม่เห็นหนทางแก้ไขจนทำให้ทุกคนในประเทศเริ่มเห็นว่า ชีวิตนี้ไม่รอดแน่จึงต้องไปตายเอาดาบน้ำ แต่ด้วยซิมบับเว เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทะเล ทางหนีทางเดียวคือการข้ามแม่น้ำ ซึ่งต้องเดินทางผ่านป่า ที่เต็มไปด้วยสัตว์ดุร้าย และที่สำคัญคือจระเข้ที่ดุที่สุด คนที่จะข้ามไปได้ จึงต้องมีบางคนยอมเสียสละชีวิต เพื่อให้อีกหลายคนข้ามไปหาอิสระภาพในประเทศอื่นว่ากันอย่างงั่น
เขียนมานาน ก็เอาเข้าเรื่องสักที จริงๆ แล้ว ซิมบับเว ก็เหมือนไทยอยู่หลายอย่าง คือ เป็นประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ มีเศรษฐกิจที่ดี มีประชากรที่มีคุณภาพ และที่สำคัญ มีรัฐบาลที่ชื่อ มูกาเบ้ เข้าบริหารประเทศ ที่เต็มไปด้วย การทุจริตคอรัปชั่นที่ อีกทั้งความเหมือนที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ รัฐบาลมูกาเบ้ สอนให้คนประเทศแตกแยกกัน บูกาเบ้ สอนให้แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ชาวผิวดำ และ ผิวขาว สร้างวาทะกรรม ไพร่ อำมาตย์ ขึ้นมาปลุกระดม ทำให้คนในชาติคิดไปว่า คนผิวดำโดนรังแก ใช้นโยบายประชานิยม หาเสียงกับคนผิวดำซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ด้วยการออกนโยบายยึดที่ดินของคนผิวขาวเอามาให้คนผิวดำ ซึ่งแน่นอน ทำให้คนผิวดำซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ไม่ลังเลที่เลือกมูกาเบ้ เลือกตั้งกี่ครั้งก็ชนะทุกครั้ง เพราะเป็นเหมือนขวัญใจคนยาก
มูกาเบ้ หลงอำนาจ ทำทุกอย่างที่ได้มาโดยไม่ฟังใคร แม้จะมีเสียงด่า เสียงเตือน จากหลายฝ่าย มูกาเบ้แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค์ต่อการคอรัปชั่น มูกาเบ้ แต่งตั้งพวกฟ้อง และคนในเครือญาติ เข้ามาบริหารประเทศ มูกาเบ้ทำทุกอย่างได้โดยอ้างการเลือกตั้ง ที่ได้รับประชามติจากคนส่วนใหญ่
แล้ววันนี้เป็นอย่างไร เมื่อชาวผิวขาว ซึ่งถือเป็นเสียงส่วนน้อยถูกกำจัด มันก็จึงเหลือคนส่วนใหญ่ที่เลือกมูกาเบ้เข้ามา คนส่วนใหญ่นี้เองที่เป็นเครื่องมือกำจัดคนที่เห็นต่างให้ออกไปได้แล้ว ผลที่ตามมาจึงไม่พ้นที่คนผิวดำถูกฆ่าทั้งเป็นตามมา คนผิวดำซึ่งคิดว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่พวกเขากลับพบความจริงว่า นอกจากชีวิตต้องเผชิญกับปัญหาที่หนักหนาแล้ว พวกเขายังคิดว่าแผ่นดินที่ให้กำเนิดเขามา คงอยู่กันไม่ได้แล้วนับจากนี้ เพราะรัฐบาลเมื่อยึดเอาที่ดินมาจากคนผิวขาวแล้ว ก็เอาไปขายให้คนต่างชาติ ชีวิตพวกเขาจึงเหมือนเป็นทาส ที่รัฐบาลออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติ สามารถทำอะไรก็ได้กับคนในชาติ
จะเป็นอย่างไร ถ้าพวกคุณทำงานวันละ 18 ชั่วโมง โดยได้ค่าจ้างไม่พอแม้แต่ซื้อข้าวกินสักมื้อ จะเป็นอย่างไรถ้าวันหนึ่งมีคนบอกว่า ลูกคุณโตพอที่จะทำงานในเหมืองแล้วโดนเกณฑ์ไปทำงานทันที จะเป็นอย่างไรถ้าลูกสาวแสนสวยของคุณเป็นที่ถูกใจของคนต่างชาติแล้วขอไปเป็นนางบำเรอ แล้วจะเป็นอย่างไรถ้ารัฐบาลบอกคุณเป็นคนหัวรุนแรงที่ต้องจำกัดได้โดยถูกกฎหมาย เหตุการณ์แบบนี้คุณคิดว่ามันเกิดขึ้นได้ในซิมบับเว ก่อนที่มูกาเบ้จะครองอำนาจได้เบ็ดเสร็จจากคะแนนเสียงที่เลือกเขามาแบบถล่มทลาย แต่มันเป็นไปแล้ว
ผมว่ากรณีศึกษา ซิมบับเว ก็คงไม่พ้นต้องมามองดูไทยวันนี้ ที่ระบอบทักษิณ กำลังเอามาใช้กับไทย
หลายคนอาจยังมองไม่เห็นชัด แล้วผมก็ไม่ยืนยันว่ามันจะเหมือนกันได้ทุกเรื่อง เพียงแต่มันมีสัญญาณหลายอย่างเพื่อให้สังคมได้ขบคิดกันแล้วในวันนี้
เพราะความเหมือนที่ดูแล้วมันแทบจะเลียนแบบกันมาแบบที่หาความแตกต่างไม่เจอ โดยเฉพาะการแบ่งแยกคนในชาติออกเป็นสองกลุ่ม คือ คนเสื้อแดง กับคนที่ไม่ใช่เสื้อแดง ซึ่งก็คงเหมือนกับ คนผิวดำ กับ คนผิวขาว การใช้วาทะกรรม ไพร่ อำมาตย์ ที่แยกคนออกเป็นชั้นๆ ทำการแบ่งแยกคนเพื่อให้เกลียดกัน คนชั้นล่าง เกลียดคนชั้นกลาง ชั้นสูง ให้คนชั้นกลาง ชั้นสูง เห็นการกระทำของคนชั้นล่างแล้วรู้สึกหดหู่ใจ เริ่มสอนให้ไล่คนที่ไม่ใช่เสื้อแดงออกไป แล้วประเทศนี้เป็นของคนเสื้อแดงอย่างเดียว
อย่างงี้แล้วจะให้มองเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร ถ้าระบอบทักษิณไม่กำลังทำเหมือน ซิมบับเว เพียงแต่วันนี้ไทยยังไม่เจริญรอยตามมากนัก อาจเป็นมีความแตกต่างอยู่บ้าง ที่วันนี้คนไทยส่วนใหญ่ออกมาต่อสู้ ไม่ใช่เพราะตัวเองเท่านั้น แต่กำลังต่อสู้ในลูกหลานของคนไทย ได้มีที่ยืนในแผ่นดิน
ไม่เหมือนกับซิมบับเว ที่ยอมจำนนต่อมูกาเบ้ ที่แม้จะรู้ว่าจะทำให้ประเทศพินาศฉิบหาย ก็ยอม เพียงเพราะตัวเองได้รับประโยชน์จากการจัดสรรที่ดิน (ที่ยึดมาจากคนผิวขาว) แล้วเป็นอย่างไรตอนนี้ เมื่อมูกาเบ้จำกัดคนที่คิดต่างออกไปได้ ที่ดินเหล่านั้นก็ถูกเวนคืนกลับมาขายให้ต่างชาติ (ทำเหมือง) คนซิมบับเว จึงต้องตกเสมือนเป็นทาสกับรัฐบาลมูกาเบ้ และชาวต่างชาติ ที่คิดจะทำอะไรก็ได้กับคนในชาติ ไม่ว่าจะเป็นการปล้น ฆ่า ข่มขืน เพราะกฎหมายคือรัฐบาล ที่จะออกเพียงแค่รับใช้รัฐบาลเท่านั้น
นี่คือบทเรียนที่ว่า วันนี้ทำไมคนไทยคงต้องออกมาปกป้องประเทศให้ปลอดจากระบอบทักษิณ ที่สร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติ มีการไม่รับกฎหมาย ไม่รับรัฐธรรมนูญ ไม่รับกฎกติกา พยายามสร้างกติกาของตัวเองขึ้นมา โดยมีหลักสำคัญคือ รัฐบาลทำอะไรก็ไม่ผิด แม้แต่จะไปย้ายใครออกเพื่อเอาญาติตัวเองเข้ามารับตำแหน่ง ไม่ว่าเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลทำก็ไม่ผิดใครจะกล่าวโทษไม่ได้ การเห็นเงินชาวนาที่ไม่ได้รับเงินจำนำข้าวเป็นเรื่องปกติไม่ผิด หรือแม้แต่ปล้นแหล่งพลังงานในประเทศไปให้คนต่างชาติก็ไม่ผิด
ผมจึงว่า มันมีความเหมือนของระบอบมูกาเบ้กับทักษิณ เพียงแต่วันนี้ไทยอาจมีความแตกต่างอยู่บ้าง ทีเห็นคนในชาติมองเห็นหายนะของระบอบนี้ก่อนที่ไทยจะเจริญรอยตามซิมบัวเว ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่คนที่เห็นด้วยกับรัฐบาลในระบอบทักษิณ ซึ่งก็หมายถึงคนเสื้อแดงก็คงต้องหนีตายไม่ต่างจากคนซิมบับเวในปัจจุบัน ว่าแต่เมื่อถึงเวลานั้นคนเสื้อแดงคิดหรือยังว่า จะหนึไปประเทศไหน เพราะดูแล้วประเทศเหล่านั้นคงไม่ต้อนรับคนเสื้อแดงสักเท่าไร เพราะคงไม่มีใครอยากรับคนที่แม้แผ่นดินเกิดยังทำลายได้ ก็ไม่อยากคิดหากถึงวันนั้นจริง คนเสื้อแดงอาจเป็นเหมือนชาวโรนินยา ที่ไม่มีประเทศไหนยอมรับ แม้กระทั่งปากีสถาน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของพวกเขาก็ตาม เพราะอะไรก็อยากให้ไปศึกษาประวัติศาสตร์ของพวกเขาดูเอา
แล้วอย่าบอกว่านะว่าที่เขียนมันโอเวอร์ เป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็คงไม่ต่างจากคนซิมบับเว ที่ตอนนั้นหลายคนเตือนรัฐบาลมูกาเบ้ว่าจะเกิดหายนะกับซิมบับเว แต่ตอนนั้นรู้สึกคนที่ชื่มชมรัฐบาลออกมาดาหน้า ฉลองชัยใหญ่โตว่า มูกาเบ้หรือเทพเจ้าแห่งคนยากจะนำพาประเทศเจริญรุ่งเรื่องเทียบกับสหรัฐ แล้ววันนี้เป็นอย่างไร มันก็คงไม่แตกต่างหากระบอบทักษิณยังครอบงำชาติเหมือนอดีตที่ผ่านมา
Edited by no name, 16 เมษายน พ.ศ. 2557 - 12:40.