คำถามสั้นๆเรื่องให้กษัตริย์สาบาน
#1
Posted 27 January 2012 - 15:51
ใช่หรือไม่
ถ้าใช่
กษัตริย์ก็ไม่ควรสาบานใต้รัฐธรรมนูญ
เพราะทรงอยู่เหนือการเมือง
#3
Posted 27 January 2012 - 16:28
ผมว่ามันพยายามทำให้กษัตริย์ทรงอยู่ใต้นักการเมืองน่ะเองครับ ต่อไปคงให้นักการเมืองแต่งตั้งกษัตริย์ได้แบบฮุนเซ็นโมเดลน่ะครับ กษัตริย์เขมรเป็นแค่ตราสัญลักษณ์ ทำงานตามสั่งของนายก แล้วนายกก็จะยกตนเป็น"สมเด็จ" ตามฟอร์มพวก "อยากได้อยากมีอยากเป็น"
ตามแบบฉบับของประเทศสุดยอดประชาธิปไตยใช่ไหมครับ
เครดิต: ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต, oknation
#4
Posted 27 January 2012 - 17:06
ผมว่ามันพยายามทำให้กษัตริย์ทรงอยู่ใต้นักการเมืองน่ะเองครับ
ต่อไปคงให้นักการเมืองแต่งตั้งกษัตริย์ได้แบบฮุนเซ็นโมเดลน่ะครับ
ผมขออธิบายตรงนี้ให้ชัดสักหน่อย เพราะมีประเด็นที่คาบเกี่ยวให้เข้าใจผิดได้
เรื่องนักการเมืองแต่งตั้งกษัตริย์
สมัยอยุธยาตั้งกษัตริย์กันยังงัยไม่แน่ชัด
แต่สมัยกรุงเทพเรา เกิดประเพณีพิเศษ คือกษัตริย์ตั้งแต่รัชกาลที่ 3 เป็นต้นมา
ขุนนางข้าราชการเป็นคนเลือก
อาจจะเลือกกันในระดับอีลีท
แต่มันก็ต่างจากการที่ทักษิณควักกระเป๋าแล้วตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าพรรคอยู่มาก
คือมีความเป็นประชาธิปไตยที่เหนือกว่าระบอบฟักแม้วเห็นๆ
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลง 2475 โดยนัยยะแล้ว ก็การขึ้นครองราชย์ก็เปลี่ยนไม่มาก
เพราะขยายวงว่า นอกจากข้าราชบริพารแล้ว
ก็เพิ่มคณะกบฎ เอ้ย คณะราษฎร์เข้ามาอีกคอกนึง
แต่ยังคงเป็นในหลวงที่มาจากการเลือก
เหมือนกันมาตั้งแต่รัฃกาลที่ 3 4 5 6 7 8 9
ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ยอมรับอย่างที่รัชกาลที่ 7 ทรงยอมรับว่า
เพื่อประโยชน์ของชาวไทยทั้งมวล ต้องเปลี่ยนแปลง เจ็บปวดแค่ใหนก็ยอม
ส่วนข้อเสนอของพวกเนรคุณนั้น มีแต่สร้างปัญหา
เดี๋ยวมาต่อว่าสร้างปัญหาอะไรบ้าง
#5
Posted 27 January 2012 - 17:17
#6
Posted 27 January 2012 - 17:18
รอชมตอนจบ นิติราษฎร์ เร็วๆนี้ ....
#7
Posted 27 January 2012 - 17:21
หนังใกล้จะถึงตอนจบแล้วครับ
รอชมตอนจบ นิติราษฎร์ เร็วๆนี้ ....
ไม่ใช่ตอนจบครับ...มันแค่จบตอน...
คอยดูภาคต่อครับ...
จะดุเดือดกว่าเดิมแน่นอน
ประชาธิปไตยแบบแดง: 1. ไม่ใช่แดง เป็นประชาธิปไตยไม่ได้ 2. เสียงส่วนใหญ่ คือเสียงถูกต้อง 3. กฎพวกพ้องต้องเหนือกฎหมาย 4. เบื้องสูงมีไว้เหยียบย่ำ 5. ใครทำก็ผิด แต่แดงต้องไม่ผิด 6. คิดร้ายต่อทักษิณย่อมชั่ว 7. มั่วบิดเบือนหลอกพวกเดียวกัน 8. ปั้นน้ำเป็นตัวแล้วแถ
#8
Posted 27 January 2012 - 17:23
#9
Posted 27 January 2012 - 18:06
ผมขออธิบายตรงนี้ให้ชัดสักหน่อย เพราะมีประเด็นที่คาบเกี่ยวให้เข้าใจผิดได้
เรื่องนักการเมืองแต่งตั้งกษัตริย์
สมัยอยุธยาตั้งกษัตริย์กันยังงัยไม่แน่ชัด
แต่สมัยกรุงเทพเรา เกิดประเพณีพิเศษ คือกษัตริย์ตั้งแต่รัชกาลที่ 3 เป็นต้นมา
ขุนนางข้าราชการเป็นคนเลือก
อาจจะเลือกกันในระดับอีลีท
แต่มันก็ต่างจากการที่ทักษิณควักกระเป๋าแล้วตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าพรรคอยู่มาก
คือมีความเป็นประชาธิปไตยที่เหนือกว่าระบอบฟักแม้วเห็นๆ
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลง 2475 โดยนัยยะแล้ว ก็การขึ้นครองราชย์ก็เปลี่ยนไม่มาก
เพราะขยายวงว่า นอกจากข้าราชบริพารแล้ว
ก็เพิ่มคณะกบฎ เอ้ย คณะราษฎร์เข้ามาอีกคอกนึง
แต่ยังคงเป็นในหลวงที่มาจากการเลือก
เหมือนกันมาตั้งแต่รัฃกาลที่ 3 4 5 6 7 8 9
ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ยอมรับอย่างที่รัชกาลที่ 7 ทรงยอมรับว่า
เพื่อประโยชน์ของชาวไทยทั้งมวล ต้องเปลี่ยนแปลง เจ็บปวดแค่ใหนก็ยอม
ส่วนข้อเสนอของพวกเนรคุณนั้น มีแต่สร้างปัญหา
เดี๋ยวมาต่อว่าสร้างปัญหาอะไรบ้าง
รออ่านความรู้จากท่านแอมฯต่ออย่างใจจดจ่อครับ
เรื่องประเพณีให้ขุนนางเป็นผู้เลือกเริ่มในสมัยรัชกาลที่ 3 นี่ผมไม่เคยทราบมาก่อนจริงๆครับ เป็นความรู้ใหม่ที่มีคุณค่ายิ่ง
แต่เรื่องที่เคยอ่านมาคือตามปกติ
ตำแหน่งกษัตริย์ของไทยนับแต่อยุธยาราชธานีมาจนถึงกรุงธนบุรีจะสืบสันตติวงศ์โดย "พี่ถึงน้อง" ครับ ไม่ใช่ "พ่อสู่ลูก"
เมื่อพี่ชายได้เป็นกษัตริย์ ลำดับการสืบสันตติวงศ์คือพระอนุชา
แต่พอมารัชกาลที่ 1 ท่านทรงเปลี่ยนแปลงใหม่เป็นสืบราชสมบัติโดยพระราชโอรสองค์โต
เหตุผลเพราะอะไรผมไม่ทราบจริงๆครับ วอนผู้รู้มาช่วยแถลงไขเกร็ดประวัติศาสตร์เพิ่มเติมอีกทีนะครับ
ดังนั้นเมื่อสืบโดยโอรส รัชกาลที่ 2 จึงเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระโอรส และรัชกาลที่ 3 จึงเป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
(พระอนุชาซึ่งเป็นผู้สืบราชสมบัติลำดับที่ 2 (คือรัชกาลที่ 4 ในอนาคต) จึงต้องทรงออกผนวช)
การที่กษัตริย์จะทรงเลือกโอรสองค์ใด ก็มีการพระราชทานชื่อกันก่อนว่าใคร
แต่เผอิญทั้งรัชกาลที่ 2 และ 3 ไม่ได้พระราชทานชื่อไว้ให้เรียบร้อย จึงมีการหยั่งเสียงโดยขุนนางว่าใครเหมาะสมที่สุดก็เลือกคนนั้น
กรณีรัชกาลที่ 6 ที่ท่านมีพระธิดา ไม่มีพระโอรส ตำแหน่งกษัตริย์จึง"น่าจะ"เป็นของเจ้าฟ้าจักรพงศ์ภูวนาถ พระอนุชาที่เป็นผู้สืบราชสมบัติลำดับที่ 2
แต่ไปติดขัดที่พระองค์ทรงเสกสมรสกับหญิงต่างชาติ ตำแหน่งกษัตริย์จึงเป็นของพระปกเกล้า พระอนุชาองค์ถัดมา
ขึ้นสถาปนาเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7
ต่อมาหลังจากรัชกาลที่ 7 ทรงสละราชสมบัติ โดยมิได้ทรงสมมติให้เจ้านายองค์ใดเป็นรัชทายาท
นี่คือสาเหตุว่านักการเมืองที่เป็นผู้บีบให้ร.7 สละราชสมบัติในสมัยนั้นคือ คณะราษฎร์ จึงต้องเป็นผู้เข้ามาเลือกกษัตริย์องค์ต่อไป
ลำดับสืบทอดน่าจะเป็น "พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์" (ท่านพ่อของมรว.นริศรา จักรพงษ์ ผู้เป็น 1 ใน 8 ราชนิกุลที่ลงนามแก้ไขมาตรา 112)
ซึ่งเป็นหลานชายสายตรง (คือเป็นลูกของพี่น้องท้องเดียวกัน สืบเชื้อสายจากพระพันปีหลวงเหมือนกัน)
สมัยนั้นคนในแวดวงก็คิดว่าท่านต้องได้ขึ้นเป็นรัชกาลที่ 8 เป็นแน่
แต่คณะราษฎร์เลือกรัชทายาทของเจ้าฟ้ามหิดล ซึ่งไม่ได้เป็นหลานชายสายตรง แต่เป็นลูกของเชื้อสายพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าแทน
(ในทางการเมือง ใครๆก็รู้ว่าคณะราษฎร์เลือกด้วยเหตุผลว่า "สตรีหม้าย กับเด็กเล็ก-คุมง่าย" หารู้ไม่ว่ากำลังพบเจอกับสตรีผู้อ่อนโยนภายนอกแต่หัวใจเพชรเข้าแล้ว)
รัชกาลที่ 8 ทรงสิ้นพระชนม์ก่อนจะได้เสกสมรส ผู้สืบราชสมบัติจึงต้องเป็นน้องชาย (แบบเดียวกับรัชกาลที่ 7 สืบราชสมบัติต่อจาก ร.6)
แต่ต่อมารัชกาลที่ 9 ได้ทรงสถาปนาพระราชโอรสองค์โตเป็น "มกุฏราชกุมาร" หรือ Crown Prince เรียบร้อยแล้ว
ผมก็เลยไม่เข้าใจว่า...พวกนิติเรดกำลังคิดอะไรอยู่
Edited by little bee, 27 January 2012 - 18:11.
#10
Posted 27 January 2012 - 19:01
POPULAR
คนที่มองโลกแคบๆ แบบจิตรภูมิศักดิ์ หรือพวกที่ยึดถือตำราโง่ๆ ของมารกส์
ก็จะมองสถาบันกษัตริย์เหมือนหัวหน้าโจร
คือระดมคนมาได้ ก็ทำลายกำแพงจับกษัตริย์ของเมืองนั้น ตัดหัว ตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์
ที่ทำอย่างนั้น คือเลนินครับ จับพระเจ้าซาร์ทั้งครอบครัว ฆ่าทิ้งอย่างทารุณแล้วปิดเป็นความลับมาร่วมร้อยปี
เพิ่งเจอกระดูก แล้วเอามาตรวจดีเอ็นเอได้ ช่วงที่ยันตระมีปัญหาเรื่องทำผู้หญิงท้องนี่เอง
ระบอบกษัตริย์ของไทยนั้นลึกซึ้งและซับซ้อนกว่าที่พวกคอมมิวนิสต์ป้ายสี
พระเจ้าตาก หนีออกจากรุง พาคนตีฝ่าพม่าไปตั้งหลักที่อ่าวไทยฟากตะวันออก
แล้วรุกคืบกลับเข้ามาหาสูนย์กลางอีกที
เป็นกระบวนการที่ต้องซื้อใจชาวเมือง ผ่านกี่เมืองก็ต้องได้ฉันทานุมัติ มิเช่นนั้นก็ไปต่อไม่ได้
กว่าจะเข้ากรุงศรีอยุธยาได้ ก็ผ่านไปเกือบสองปี
หลังจากนั้นมาสู่การสร้างกรุง ก็ได้สองพี่น้องบุญมา และทองด้วงผู้พี่ กับเหล่าแม่ทัพนายกองร่วมมือกัน
นี่ก็เป็นการสร้างประเทศจากความยินยอมพร้อมใจของประชาชน
เพราะกว่าจะทำสำเร็จ ต้องสู้รบกันเองอีกไม่รู้เท่าไร ไม่รวมสู้พม่า
ประวัติศาสตร์ตั้งแต่เสียกรุงมาถึงสร้างกรุงเทพ ธนบุรี จึงไม่เหมือนกับที่พวกโง่มันเสี้ยมสอน
ยกเอากฏมณเฑียรบาลเก่าแก่มาอ้างว่า แม้แต่สนมกำนัลยังมีที่ดินมากกว่าคนทั่วไป
โดยอ้างตัวเลขศักดินา อย่างไม่มีความเข้าใจจริง
ผมเล่าประวัติศาสตร์มายาว เพราะต้องการชี้ข้อหนึ่งว่า
ประเทศนี้ สร้างขึ้นมาด้วยกำลังของคนไทยด้วยกัน มีกษัตริย์และขุนนางเป็นแกนนำ
การสร้างสมนี้ เรียกว่าประวัติศาสตร์ ประเทศที่มีประวัติศาสร์ ก็สามารถสร้างอนาคต
แต่อนาคต ต้องกระโดดจากรากเง่า ไม่ใช่ตัดต่อความคิดบัดซบของนายมารกส์มาใช้
หรือความคิดบัดซบของนายวรเจตน์ คนที่แม้แต่คำว่ากตัญญูยังไม่รู้จัก
แต่ดันจะมาสร้างรัฐธรรมนูญใหม่
#11
Posted 27 January 2012 - 19:07
เขียนเรื่องการเมือง : ดราม่า ,เขียนเรื่องสังคม : ดราม่า เขียนเรื่องบันเทิง : ดราม่า
แต่พอโพสเรื่องหื่น : มีความเห็นเป็นไปทางเดียวกันเสมอ >3<
#12
Posted 27 January 2012 - 19:16
เท่าที่สืบกลับไปได้ ก็เป็นเช่นนั้น แม้แต่ต่างประเทศก็เป็นเช่นนั้น
ประเทศจะรอดต่อไปได้ ระบบจะต้องมีความสามารถในการปรับตัว
ตอนสิ้นรัชกาลที่ 2 เหตุการณ์เกิดเร็วมาก
ทรงป่วยแล้วก็แน่นิ่งตรัสไม่ได้ 7 วันก็สวรรคต
ตอนนั้น ลูกชายคนโตของท่าน เป็นลูกสนมคือรัชกาลที่ 3 รับราชการมานาน
ลูกชายคนโตจากพระมเสี คือรัชกาลที่ 4 เพิ่งจะบวชเรียน
วัยวุฒิ คุณวุฒิ ห่างกันมาก แม้ว่าชาติวุฒิจะสูงกว่า
สุดท้าย ก็เป็นว่ารัชกาลที่ 4 จะไม่สึก แผ่นดินก็เป็นของรัชกาลที่ 3
ขุนนางทั้งหลายก็พร้อมใจกัน ยกบัลลังก์ถวายโดยไม่กลัวว่าจะเกิดสงครามกลางเมือง
เกิดเป็นประเพณีใหม่ ตอนรัชกาลที่ 3 ป่วยหนักก็เรียกขุนนางผู้ใหญ่มาเฝ้าที่เตียง
สั่งว่า ข้าครองราชย์โดยความยินยอมของขุนนาง บัดนี้ขอมอบแผ่นดินให้
จะเลือกใครก็พิจารณากันเอง
ปลายรัชกาลที่ 4 พอท่านป่วยท่านก็เรียกขุนนางผู้ใหญ่มาพบ สั่งอย่างเดียวกัน
ปลายรัชกาลที่ 5 เป็นเวลาที่การปกครองเป็นปกติดีมาก
การเปลี่ยนแผ่นดินมีกฏมณเฑียรบาลที่ชัดเจนกำกับ การเปลี่ยนรัชกาลก็ชัดเจนตาม
แม้กระนั้น ก็ยังต้องทำตามสามรัชกาลก่อน คือซาวเสียง
การเปลี่ยนมาเป็นรัชกาลที่ 7 ก็เช่นกัน ต้องซาวเสียง
จนมีเรื่องเล่าว่า พอเจ้าฟ้านครสวรรค์ ซึ่งมีศักดิศรีที่จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินได้เหมือนกัน
ก้มกราบพระบาทเจ้าฟ้าประชาธิปก การซาวเสียงก็เป็นอันได้ข้อสรุป
รัชกาลที่ 8 และ 9 เป็นสมัยมีรัฐธรรมนูญแล้ว
ผมก็พูดหลายหนแล้วเหมือนกัน ว่า สภาเป็นผู้โหวตให้ทรงเป็น
นี่คือข้อเท็จจริงเรื่องระบอบกษัตริย์ของเรา
ที่ไม่มีประเทศอื่นเหมือน
Edited by amplepoor, 27 January 2012 - 19:33.
#13
Posted 27 January 2012 - 19:18
#14
Posted 27 January 2012 - 19:31
POPULAR
ราชวงศ์จักรีได้ปกครองประเทศมาถึง 7 รัชกาล และเป็นกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญต่อมาอีก 2 รัชกาล
ความต่อเนื่องสองร้อยกว่าปีนี้ มีน้ำหนัก มีคุณค่าในสังคมไทย
และย้อนประวัติศาสตร์ ระบอบกษัตริย์ก็คือปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ประเทศรอด
ไม่เว้นแม้แต่เมื่อนายปรีดีมาโค่นล้มลง พระบารมีก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลง
ความพยายามของวรเจตน์ จึงเปรียบเหมือนแมลงปอขย่มเสาหิน
หรือมดน้อยพยายามเจาะภูเขา...ไม่มีวันสำเร็จ
ที่ไม่สำเร็จก็เพราะประเทศนี้ไม่ได้มีคนอย่างนายเนรคณวรเจตน์
ยังมีคนอย่างพวกเรา เติบโตและได้รับผลประโยชน์จากระบอบกษัตริย์
รู้สึกและสำนึกว่า ประเทศเราโชคดีที่มีสถาบันนี้
ในยุคใหม่ ประโยขน์ที่เราได้จากสถาบันกษัตริย์ ไม่ใช่แก้วแหวนเงินทองอย่างสมัยก่อน
(สมัยนี้ ได้จากนายทักษิณแทน)
แต่เราได้ความมั่นคง
มั่นคงทั้งทางจิตวิญญาน ทางวัฒนธรรม ทางอุดมการณ์ แม้แต่ทางเศรษฐกิจ
พวกนี้เป็นผลประโยชน์ที่ไม่ได้ได้มาเพราะการเมือง (อย่างน้อยก็ในชั่วชีวิตเรา)
นักการเมืองไม่เคยให้อะไรเรา นอกจากการแลกเปลี่ยนที่เราขาดทุนเสมอ
ในสภาพที่การเมืองของเรา กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิม
เราไม่ควรดึงสถาบันลงมาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
สิ่งเลว จะทำให้สิ่งดีแปดเปื้อน
สถาบันเป็นสิ่งดีได้ ก็เพราะสถาบันมีประวัติศาสตร์รองรับมา 9 รัชกาล
นักการเมืองเพิ่งเริ่มเมื่อ 2475 ยังเด็กมากเมื่อเทียบกับระบอบกษัตริย์
แถมเป็นเด็เกเร เลวทราม บัดซบ เป็นโจรมากกว่าบัณฑิต
การที่เนรคุณวรเจตน์พยายามสร้างแรงกดดันสู่สถาบัน จึงเป็นการนำการเมืองไปแปดเปื้อน
ที่มันทำ ก็ไม่ต่างจากที่แป๊ะสนธิ อ้างว่าในวังสนับสนุน
ต่างก็ใช้วังเป็นบันได..แต่เนรคุณวรเจตน์ดูเหมือนใจร้อน
จะอยากทำให้เป็นลิฟต์อีกด้วย
#16
Posted 27 January 2012 - 20:51
ที่มันทำ ก็ไม่ต่างจากที่แป๊ะสนธิ อ้างว่าในวังสนับสนุน
ต่างก็ใช้วังเป็นบันได..แต่เนรคุณวรเจตน์ดูเหมือนใจร้อน
จะอยากทำให้เป็นลิฟต์อีกด้วย
กรณีสนธิใช้วังเป็นข้ออ้างว่าสนับสนุน เป็นที่มาให้ทักษิณเอาไปขยายผลต่อได้อีกยืดยาว
ผมจึงไม่รู้ว่าผลเสียจากพวกวรเจตน์ผู้เนรคุณ กับสนธิผู้แอบอ้างว่าตนมีบุญคุณ อย่างไหนจะทำร้ายสถาบันของเรามากกว่ากัน
#17
Posted 27 January 2012 - 20:52
ถามอีกคำ สั้นๆ
ถ้าให้กษัตริย์สาบานว่าจะพิทักษ์รัฐธรรมนูญ
ทำไมห้ามกษัตริย์ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองล่ะ
การเมืองคือการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ มิใช่หรือ
โดยแนวเทียบนี้ ทุกคนที่สาบานหรือไม่สาบาน
แต่มีเจตจำนงพิทักษ์รัฐธรรมนูญ
ก็ต้อง
ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองด้วย
#18
Posted 27 January 2012 - 20:53
ใครสนใจลองไปอ่านดูได้น่ะครับ ยาวหน่อย แต่ได้ความรู้ดี http://www.pantip.co...5/K8337465.html
แล้วขอให้อ่านความเห็นที่ 100 จะเห็นได้ว่า มีมานานแล้วในเรื่องของการตั้ง สมเด็จ เหมือนกับประเทศกัมพูชา แต่ของไทยนี้เลย ถ้าเป็นชายจะให้ชื่อว่า สมเด็จเจ้าพญา, ท่านเจ้าพญา, เจ้าพญา, ท่านพญา ฯลฯ ส่วนภรรยาของฐานันดรศักดินาใหญ่นั้นให้เติมคำว่า "หญิง" ไว้ข้างท้าย เช่น "สมเด็จเจ้าพญาหญิง"
ลองไปอ่านดูน่ะครับ ถ้าใครอ่านแล้วก็ขออภัยด้วย ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจดี
#19
Posted 27 January 2012 - 20:54
ที่มันทำ ก็ไม่ต่างจากที่แป๊ะสนธิ อ้างว่าในวังสนับสนุน
ต่างก็ใช้วังเป็นบันได..แต่เนรคุณวรเจตน์ดูเหมือนใจร้อน
จะอยากทำให้เป็นลิฟต์อีกด้วย
กรณีสนธิใช้วังเป็นข้ออ้างว่าสนับสนุน เป็นที่มาให้ทักษิณเอาไปขยายผลต่อได้อีกยืดยาว
ผมจึงไม่รู้ว่าผลเสียจากพวกวรเจตน์ผู้เนรคุณ กับสนธิผู้แอบอ้างว่าตนมีบุญคุณ อย่างไหนจะทำร้ายสถาบันของเรามากกว่ากัน
ยากจะบอกครับ
แต่ผมพิจารณาแล้ว ต่างก็ทำลายจากคนละด้าน
ขุดทองใส่กระเป๋าตัวเองทั้งนั้น
#20
Posted 27 January 2012 - 22:00
#21
Posted 28 January 2012 - 13:41
นั้นเป็นการปกป้องสถาบันกษัตริย์ เพราะถ้ากษัตริย์ปกป้องรัฐธรรมนูญแล้ว ทหาร
จะไม่กล้าปฏิวัติ ที่ผ่านมาเมื่อทหารทำการปฏิวัติ กษัตริย์ก็ต้อง
จำยอมลงพระนามตามทหารที่ปฏิวัติ เขาจึงงงมากที่ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นกษัตริย์
ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามปกป้องสถาบัน ฯ เขามองว่าพวกที่คัดค้านต่างหากที่น่าจะเป็นผู้ที่
ทำให้สถาบัน ฯ เลื่อมลง (ผมจับใจความมานะครับก็อปมาลงไม่เป็น ถ้าใครทำเป็นจะ
ก็อปมาให้สมาชิกวิพากษ์วิจารณ์น่าจะดีนะครับ)
กรณีห้ามกษัตริย์ตรัสสดในที่สาธารณ ผมดูในเวปของนายวรเจตน์ รู้สึกว่าเขาจะมีแนวทาง
ตาม ดร หยุด แสดงอุทัย (เห็นนำมาลงไว้ในเว็ปเขา) และยังนำพระราชดำรัสบางตอนที
ตรัสเกี่ยวกับเรื่องนี้มาลงไว้ ซึ่งก็เหมือนเดิมแหละครับผมก็อปมาลงไม่เป็น ท่านใดสนใจ
ไปก็อปมาลง แล้ววิพากษ์วิจารณ์ตามความเห็นน่าจะดีนะครับ เพราะเขามักอ้างว่าเขา
เสนอเป็นวิชาการ แต่พวกต่อต้านเขา ไม่เป็นวิชาการ ด่าเขาอย่างเดียว
#22
Posted 28 January 2012 - 13:54
#23
Posted 28 January 2012 - 13:55
คือการลากสถาบันลงมาเล่นการเมืองของจริงเลย
รัฐธรรมนูญ มาจากการต่อสู้ถกเถียง มาจากการเสนอความเห็นทางการเมือง
เอาแค่ว่า จะเน้นรัฐสวัสดิการหรือจะเน้นเสรีนิยม
จะเดินทางทุนนิยมสุดกู่หรือจะสังคมนิยมครึ่งๆ ต่างก็สู้กันทางการเมือง
คุณจะให้ในหลวงสาบานที่จะเข้าข้างผู้ชนะหรือ
วันนี้เราใช้รัฐธรรมนูญ 2550 พรุ่งนี้พวกมันจะเอาฉบับปนเปื้อนสีแดงมาใช้
แล้วอีกสิบปี มีฉบับบแปํะลิ้ม อีกสิบห้าปีมีฉบับสรท.....บล่าๆๆๆๆๆ
ในหลวงต้องสาบานทุกฉบับเลยหรือ
หน้าที่ของกษัตริย์ไม่ใช่ปกป้องรัฐธรรมนูญครับ นั่นหน้าที่นักการเมืองและเจ้าหน้าที่
นักการเมืองใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ ทหารใช้อาวุธเป็นเครื่องมือ
สมมติว่าทรงสาบานเสร็จ
ทักษิณพาคนมาล้มเพราะเสียงปืนแตก ล้มอำนาจรัฐได้ ล้มรัฐธรรมนูญด้วย
คุณให้ทรงใช้อะไรไปปกป้องครับ
#24
Posted 28 January 2012 - 14:01
ก็ต้องไม่เอาการเมืองไปกดดันกษัตริย์
ถามว่าระบอบเดิมนั้น ถ้ามีการใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ให้แก้ที่สถาบันหรือแก้ที่คนใช้
ถามว่า ทักษิณบอกแท๊กซี่ว่า นายกไม่รัก ผีที่ใหนจะ......
แบบนี้ทักษิณผิดหรือสถาบันผิด แก้ที่ทักษิณหรือแก้ที่สถาบัน
ถามว่า นิติราดกล่าวหาว่าสถาบันไม่เป็นประชาธิปไตย
ก็ต้องถามต่ออีกว่า จริงหรือ นิติราดไม่เคยตอบข้อนี้เลย
ตอบแต่ 112 ปิดกั้นประชาธิปไตย ซึ่งในฐานะนักกดหัว เอ้ยกฏหมาย
ย่อมต้องรู้ว่า มีกฏหมายอีกนับร้อยข้อ ที่ปิดกั้น ปิดกั้นมากกว่าด้วย
กฏหมายคอมพิวเตอร์งัย ทำไมไม่แตะล่ะ
#25
Posted 28 January 2012 - 14:05
ทั้งๆ ที่ชวนนท์ใช้เสรีภาพในการแสดงความเห็นอย่างเปิดเผย
ทำไมนิติราดไม่เดือดร้อน ไม่เรียกร้องให้ทักษิณถอนฟ้องล่ะ
#26
Posted 28 January 2012 - 14:06
รอฟังคุณแอมตอบ
มีเพื่อนสนิทมากๆ บอกว่าคนไทยตอนนี้แสดงความรักแบบผิดๆ
เค้าสนับสนุนการแก้มาตรา 112
เรายัง งง และงง จนวันนี้
#27
Posted 28 January 2012 - 14:10
บอกว่า อ้ายเจด กรูจะฆ่าปาดคอพ่อแม่ มึ ง
ถ้ายังไม่หยุดแสดงความเห็นทางการเมืองที่กรูไม่ชอบ
กรูจะข่มขืนอีปากเน่า เพื่อนมึ ง ด้วย
จะเผาบ้านไอ้หน้าจืดปิยะตูด
รอรับได้เลย ไม่ช้าไม่นานนี้แน่นอน
ทำอย่างนี้ เพราะผมประทับใจการกระทำของอากง
ผมผิดหรือเปล่า
#28
Posted 28 January 2012 - 14:14
ซึ่งมีลีลาการอธิบายแบบใสซื่อ ผู้อ่านที่ขาดความรู้ในเรื่องเหล่านี้หรือ
ไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้ เมื่อไปอ่านเข้าผมคิดว่ายังไงก็ต้องเคลิ้มตาม
สิ่งที่ผมคิดก็คือ เป็นไปได้หรือไม่ว่า ถ้าเราเอาเรื่องที่เขาอ้างว่าเป็นวิชาการ
ของเขามาถกกันในบอร์ดของเราจนตกผลึกดีแล้ว ก็รวบรวบกลับไปแปะโต้
กับเหตุผลทางวิชาการกับของเขา
#29
Posted 28 January 2012 - 14:54
#30
Posted 28 January 2012 - 14:57
สิ่งที่ผมกังวลคือ เขาใช้สื่อที่มีขอบเขตกว้างขวางในการอธิบายของเขา
ซึ่งมีลีลาการอธิบายแบบใสซื่อ ผู้อ่านที่ขาดความรู้ในเรื่องเหล่านี้หรือ
ไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้ เมื่อไปอ่านเข้าผมคิดว่ายังไงก็ต้องเคลิ้มตาม
สิ่งที่ผมคิดก็คือ เป็นไปได้หรือไม่ว่า ถ้าเราเอาเรื่องที่เขาอ้างว่าเป็นวิชาการ
ของเขามาถกกันในบอร์ดของเราจนตกผลึกดีแล้ว ก็รวบรวบกลับไปแปะโต้
กับเหตุผลทางวิชาการกับของเขา
ลองตั้งประเด็นมาสิครับ
พวกเราจะได้ระดมความเห็นกัน
สำหรับผมเอง อาจจะอ่านจากพวกเขาน้อยไปหน่อย
ประเด็นจะไม่ครอบคลุมครบถ้วน
#31
Posted 28 January 2012 - 15:04
เป็นกฏหมายที่ริดรอนประชาธิปไตยที่สุด
เกี่ยวข้องกับนักเขียนโดยตรง
พวกมันแตะใหม
ทำไมไม่แก้ละ
#32
Posted 28 January 2012 - 15:05
เกี่ยวข้องกับการแสดงออก
การเผยแพร่ความคิดเสรี
แตะใหม
#33
Posted 28 January 2012 - 15:07
เท่ากับคุมกำเนิดการเผยแพร่ข่าวสารเสรี
แตะใหม
ผูกขาดทีวี-วิทยุ ยิ่งกว่าปิดกั้นเสรีภาพเสียอีก
คณะกรรมการที่ยัย 400 ล้านนั่งอยู่
เมื่อไหร่จะทะลายกรงขังเสรีภาพทางข่าวสารนี้เสียที
แตะใหม
#34
Posted 28 January 2012 - 15:17
ที่เขาบอกว่าเขาพูดในเชิงวิชาการ แต่ปัญหาของผมก็คือผมไม่มีความรู้ทางคอม
มากนักก็เลยก็อปเรื่องที่เขาอธิบายมาไม่ได้และก็ไม่เป็นสมาชิกอะไรของเขาด้วย
ผมทำได้แค่จำที่เขาอธิบายมาเท่านั้น ผมเคยเห็นเพื่อนสมาชิกก็อปเรื่องจากเว็ป
ต่าง ๆ มา ถ้าท่านจะอนุเคราะห์ก็อปมาให้เราได้วิเคราะห์เพื่อโต้ตอบเขาได้น่าจะดี
กว่าผมตั้งกระทู้เองครับ
#35
Posted 28 January 2012 - 15:30
ผมเรียนคุณ amplepoor อย่างนี้นะครับ เราน่าจะโต้ตอบการอธิบายของเขา
ที่เขาบอกว่าเขาพูดในเชิงวิชาการ แต่ปัญหาของผมก็คือผมไม่มีความรู้ทางคอม
มากนักก็เลยก็อปเรื่องที่เขาอธิบายมาไม่ได้และก็ไม่เป็นสมาชิกอะไรของเขาด้วย
ผมทำได้แค่จำที่เขาอธิบายมาเท่านั้น ผมเคยเห็นเพื่อนสมาชิกก็อปเรื่องจากเว็ป
ต่าง ๆ มา ถ้าท่านจะอนุเคราะห์ก็อปมาให้เราได้วิเคราะห์เพื่อโต้ตอบเขาได้น่าจะดี
กว่าผมตั้งกระทู้เองครับ
จำอะไรได้ก็นำมาถามเลยครับ
#36
Posted 28 January 2012 - 15:46
อันนี้ผมเห็นในเว็ปของนายวรเจตน์ ซึ่งเขาเอาบทควาเกี่ยวกับความเห็นของ
ดร หยุด แสดงอุทัยในเรื่องนี้ไปลงไว้ และเอาพระราชดำรัสเกี่ยวกับเรื่องนี้ไป
ลงไว้ด้วย ผมเลยเดาว่า แนวคิดของเขาในเรื่องนี้มาจากตรงนี้ แต่ผมจำไม่ได้
หมดหรอกครับ
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ไม่รู้ตัวเขาเองหรือพรรคพวกของเขาที่ไปแสดงความเห็นเกี่ยวกับ
ให้กษัตริย์ปกป้องรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นการปกป้องสถาบันฯ กษัตริย์ ซึ่งผมก็จำมาได้
ไม่มากนักอย่างที่โพสต์อันแรกของผมนั่นแหละครับ
#37
Posted 28 January 2012 - 15:50
#38
Posted 28 January 2012 - 18:26
ให้กษัตริย์สาบาน
แล้วทำไมไม่ให้พลเมืองทุกคนสาบานด้วย
กษัตริย์ต่างกับพลเมืองตรงใหน
#39
Posted 28 January 2012 - 21:07
เปิดข้อเสนอของนิติราษฎร์ ร่างและจัดทำ www pantip.com/cafe/rajdamnern/topic../p
11631726.html (ก็อบไม่เป็นครับ)
ประเด็นเนื้อหาที่นิติราษฎร์ถูกโจมตีอย่างมากก็คือการให้ รธน กำหนดให้ประมุขของรัฐต้อง
สาบานก่อนรับตำแหน่งนั่นเอง
ผมก็งงครับ งงว่า ทำไมต้องโจมตี ด่า ป้ายสีนิติราษฎร์ว่าหมิ่น จ้องล้มสถาบันในเรื่องนี้
ประมุขของรัฐของประเทศไทยก็คือพระมหากษัตริย์ ซึ่ง รธน ทุกฉบับกำหนดไว้ตลอดมาว่า
พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ใต้ รธน นอกจากพระมหากษัตริย์แล้ว กฎหมายบทบัญญัติใด ข้อบังคับใด
ประชาชนทุกคนก็ล้วนอยู่ภายใต้ รธน จะขัด รธน ไม่ได้ และต้องปฏิบัติตาม รธน ทั้งนั้น
เพราะ รธน คือกฎหมายสูงสุดของประเทศ
แล้วการบัญญัติให้ประมุขของรัฐสาบานตนว่าจะพิทักรักษา รธน มันมีอะไรผิดปกติ ?
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องหมิ่นพระเกียรติองค์ประมุขของรัฐนะครับ แต่คือการปกป้อง รธน ปกป้องสถาบัน
บ้านเมืองจะได้ต่อเนื่องเดินหน้าพัฒนาอะไร ๆ ไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
เป็นประมุขได้อย่างไม่มีใครแทรกแซงเข้ามาฉีก รธน เพื่อยึออำนาจเหมือนที่ผ่านมา
คิดดูซิครับ เมื่อมีการปฏิวัติ สถาบันและประมุขของรัฐต้องอยู่ภายใต้อำนาจของคณะปฏิวัติ ที่ตอนนั้น
ถือว่าเป็นองค์รัฐาธิปัตย์ ใหญ่ที่สุดในประเทศ ประมุขแห่งรัฐยังต้องยอมคล้อยตามซึ่งทำให้คณะปฏิวัติ
ได้รับ "ความชอบธรรมอันไม่ชอบธรรม" ขึ้นมาทันที
ทีนี้ หากประมุขของรัฐได้สาบานว่า จะปกป้อง รธน ต่อให้คณะปฏิวัติทำอย่างไร ประมุขของรัฐก็ไม่มีทาง
ที่จะผิดคำสาบานได้ (โดยปกติประมุขของเราก็ไม่เคยทำอะไรผิด รธน อยู่แล้วครับ ทรงปฏิบัติตาม รธน
ทุกประการ ไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ทั้งสิ้น)
เมื่อประมุขแห่งรัฐ ซึ่งก็คือพระมหากษัตริย์ ไม่ผิดคำสาบาน คณะปฏิวัติจะหา "ความชอบธรรมอันไม่เป็นธรรม"
ได้จากที่ไหนครับ มันก็โดนกวาดตกเวทีไปจากประเทศไทยเท่านั้นเอง
สถาบันพระมหากษัตริย์ องค์พระประมุข คือสิ่งที่คนไทยรักหวงแหนเคารพเทิดทูน พวกปฏิวัติรู้ดี จึงสร้างความ
ชอบธรรมให้ตัวเองด้วยการแอบอิงสถาบันและองค์พระประมุข เมื่อพระประมุขต้องปฏิบัติตามคำสาบาน
ประชาชนไม่เอาด้วยกับพวกปฏิวัติ คณะปฏิวัติมันก็หมดทางไป
ชัด ๆ อย่างนี้ แล้วใครมันจะกล้าปฏิวัติ !!!
ประเทศไทยถ้าไม่มีปฏิวัติ ป่านนี้แซงหน้าพม่ากว่านี้เยอะครับ
ข้อเสนอของนิติราษฎร์คือข้อเสนอที่ปรารถนาดี ต่อสถาบัน ต่อบ้านเมือง ต่อประชาธิปไตย
ผมก็แปลกใจที่คนที่อ้างอะไรออกมา ก็บอกจงรักภักดี รักบ้านรักเมือง แต่ดันด่านิติราษฎร์
ก็แหงล่ะ ไอ้พวกที่ด่านิติราษฎร์นี่ ถ้าไม่ใช่พวกชอบปฏิวัติ ก็พวกได้รับประโยชน์จากการปฏิวัติทั้งสิ้น
จะไม่ให้พวกด่านิติราษฎร์ได้ยังไง
แถมด่าด้วยการโหนสถาบันมาด่าด้วยสิ
นี่คือความเห็นเรื่องให้กษัตริย์สาบานจะปกป้อง รธน ที่ผมไปเจอมาแต่ไม่มีปัญญาก็อปมาเลยต้องนั่งลอก
ซะเมื่อยเลย ผมอยากให้คุณ แอม และท่านสมาชิกช่วยวิเคราะห์วิจารณ์ เพราะผมรู้สึกว่าเขาเขียนได้ค่อนข้าง
เนียนมาก ผู้อ่านที่ไม่ค่อยรู้ อ่านแล้วอาจเคลิ้มตาม จึงอยากให้ท่านสมาชิกโต้เชิงวิชาการเผยแพร่ให้คนอ่าน
ได้มีมุมมองที่แตกต่างจากเขาครับ
#40
Posted 28 January 2012 - 22:39
ทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ยุคไหนสมัยไหนก็ใช่
ประเทศไหนๆเค้าก็มีทหารเพื่อความมั่นคง
ทหารเกี่ยวข้องกับการเมืองทุกประเทศ
พวกอารยะทั้งหลายนั่นแหล่ะ
เชื่อพวกนี้เลย
เพื่อการได้มาซึ่งอำนาจ
สามารถพูดและคิดได้ทุกอย่าง
แม้จะไม่ใช่จุดประสงค์แต่เป็นเทคนิคที่จะให้ได้มาซึ่งอำนาจ
ก็พูดได้และรู้ว่าควรพูดแบบไหน
พูดอย่างทำอย่างจริงๆ
#41
Posted 28 January 2012 - 22:58
1 นิติราดต้องการอะไร
2 ความต้องการนั้น บริสุทธิ์ใจหรือเปล่า
ข้อแรกนั้น ตามที่เปิดเผย นิติราดต้องการทำให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
เอาละ ความต้องการนี้ ยอมรับได้
เมื่อยอมรับได้แล้ว ก็ต้องถามต่อไปว่า แล้วประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มากี่ยวอะไรกับในหลวง
ถ้าเราแก้ไขเปลี่ยนแปลงสถาบัน อย่างที่เขาต้องการแล้ว
เราจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์หรือ
พูดอีกทางก็ได้ว่า
แปลว่า สถาบันคือปัจจัยอย่างหนึ่งที่ขัดขวางประชาธิปไตย กระนั้นหรือ
ผมจะหยุดการถกประเด็นนี้ไว้แค่นี้ก่อน เพราอยากจะยกประเด็นที่ 2 มาถามว่า
นิติราดบริสุทธิ์ใจในการทำข้อเสนอพวกนี้แน่หรือ
เขาบอกว่า เขายินดีอธิบายความให้คนที่ไม่เข้าใจจนลมหายใจสุดท้าย
เขาออกมาตอบโต้ข้อวิจารณ์จากฝ่ายไม่เห็นด้วย อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
แต่เมื่อเฉลิมดูแคลนพวกเขาอย่างน่าอาย....นิติราดเงียบ
เมื่อพรรคเพื่อไทยประกาศว่า ไม่สนับสนุนนิติราด......พวกเขาเงียบ
เมื่อเสกสรรบอกว่า ลงชื่อในข้อเรียกร้องเพราะถูกขอร้อง....พวกเขาก็เงียบ
แปลว่าอะไร
แปลได้ชัดๆ เลยว่า พวกเขาไม่หวังผลในทางปฎิบัติ พวกเขาหวังอย่างอื่น
ถ้าหวังผลในทางปฎิบัติ พวกเขาต้องเน้นไปที่พรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคใหญ่ที่เป็นรัฐบาล
ต้องส่งต่อความคิดให้กับคนที่เล่นการเมือง ไปส่งอะไรถึงสถาบันที่อยู่พ้นจากการเมือง
ข้อเสนอของพวกเขา เมื่อพรรคเพื่อไทยคว่ำ ก็ไม่มีวันสำเร็จ
แค่นี้ก็จบแล้วใช่ใหมครับ
ถ้าพวกเขาหวังความสำเร็จจริงๆ ต้องหาลูกค้าให้ถูกเป้า มากดดันอะไรที่ห้องแถลงข่าว
มาล่ารายชื่ออะไรกันข้างถนน แค่พรรคเพื่อไทยบรรจุร่าง ก็เท่ากับนับหนึ่งแล้ว
แต่ไม่ทำ
เอาละครับ มีอะไรจะเพิ่มเติมก็เชิญ ก่อนที่ผมจะลงลึกไปกว่านี้
#42
Posted 28 January 2012 - 23:06
จะคุ้มใหมที่จะดำเนินการตาม
ข้อเสนอของนิติราด มีความชัดเจนจนสามารถคำนวณผลบวกผลลบได้หรือไม่
ตอบได้ว่า ไม่
ตอนที่ฉลาด วรฉัตรเรียกร้องว่า นายกต้องมาจากสส. ผลลัพธ์นั้นชัดเจน
คือเราไม่ต้องการข้าราชการมาเป็นผู้นำประเทศอีกต่อไป
ตอนที่สสร. เสนอระบบสส. สัดส่วน ผลลัพธ์ก็ชัดเจนว่า ต้องการแยกนักการเมืองเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มที่ชาวบ้านพึ่งพิงได้ กับกลุ่มที่ทำงานเชิงนโยบาย เป็นการออกแบบทางการเมืองที่หวังผลเลิศ
แม้กระนั้น นักการเมืองก็ทำให้แบบที่ออกมาอย่างสวยหรู เละเทะในเวลาไม่กี่ปี
แล้วแบบที่สวยหรูของนิติราด จะรอดไปได้สักกี่เดือน
นี่ยังไม่ได้พิจารณาเลยนะครับ ว่า มันเป็นแบบที่เข้าท่าหรือเปล่า
#43
Posted 28 January 2012 - 23:18
แต่ผมคิดว่า ถ้าพระองค์ทรงเข้ามาเกี่ยวกับการเมืองแล้วอะไรจะเกิดขึ้นครับ?
ขนาดตอนนี้พระองค์ทรงไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ลัทธิบางลัทธิ "เคย" อ้างพระองค์เข้ามาเกี่ยวกับการเมืองเลยครับ
ผมลองคิดนะครับว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง...ยกตัวอย่าง
- นักการเมืองบางคนแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตนเอง ซึ่งประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วย
เมื่อประมุขของรัฐสาบานพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญนี้แล้ว ประชาชนบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญนี้ก็ออกมาโจมตีประมุขของรัฐ
พอนานวันเข้าก็จะเกิดลัทธิประหลาด แล้วก็จะเกิด...(ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)
ยังไงผมก็ไม่เห็นด้วยที่ให้ประมุขรัฐมาสาบานพิทักษ์รัฐธรรมนูญครับ...
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\
ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!
#44
Posted 28 January 2012 - 23:36
ถ้าคือข้อตกลงทางการเมือง ก็อย่าดึงสถาบันลงมาปนเปื้อน
มีคนรักรัฐธรรมนูญ ก็มีคนเกลียด
โจรใต้เอง สถาบันก็ถือว่าเป็นพสกนิกรเท่ากับคนที่ไม่ใช่โจร
เสื้อสีอะไรก็เป็นราษฎร ยิ่งลักษณ์เข้าเฝ้า เต้นเข้าเฝ้า มีปัญหาใหมครับ
จะต้องให้ในหลวงเลือกข้างให้เสียความเป็นศูนย์รวมให้จงได้
แล้วต่อไป มีการยึดอำนาจ(ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะไม่เกิด)
ต้องให้สถาบันจับปืนสู้ด้วยหรือ
Edited by amplepoor, 28 January 2012 - 23:37.
#45
Posted 29 January 2012 - 00:26
ยืนยันว่าแก้ รธน แน่นอน แต่ไม่มีประเด็นว่าจะแก้ไขเรื่องอะไร ถ้ามองในภาพ
รวม ๆ แล้ว ให้กษัตริย์สาบานตัว ห้ามกษัตริย์ตรัสสด คือประเด็นที่เราเห็นชัดว่า
เป็นประเด็นแก้ รธน ส่วน ม 112 นั้น ผมเข้าใจว่าเขาทำเพื่อเอาใจพวกนักเขียน
เพราะมันเป็นกฎหมาย ไม่มีใน รธน ประเด็นของผมก็คือเขาอ้างว่าเป็นวิชาการ
และเผยแพร่อยู่ในห้องราชดำเนินของพันทิพย์ ท่านสมาชิกอ่านที่เขาเขียนแล้ว
อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งนะครับ เพราะยังไงผมคิดว่าท่านก็ไม่เห็นด้วย แต่ถ้าเป็น
คนในห้องราชดำเนินล่ะ มันเคลิ้มได้นะครับ และไม่รู้ว่าเขาเผยแพร่ไปที่ไหนบ้าง
นานเข้าเราอาจกลายเป็นคนกลุ่มน้อยได้นะครับ และเมื่อถึงเวลานั้นการตั้ง สสร
เพื่อแก้ไข รธน ไม่ใช่เรื่องยากครับ ปชช ส่วนใหญ่เห็นด้วยที่แก้ไขแบบนี้เขาก็
ร่างออกมา เมื่อ รธน เป็นอย่างนี้ มันก็ต้องย้อนมาแก้ไข ม 112 นั่นแหละครับ
ทำไงดีครับ
#46
Posted 29 January 2012 - 00:38
เรื่องนิติราดนี้ ไม่เกี่ยวกับเสียงส่วนใหญ่หรือส่วนน้อย
ต่อให้เป็นส่วนน้อย ผมก็ไม่กลายเป็นนิติราด
เหมือนผมไม่กลายเป็นพลเมืองแม้ว แม้ว่ามันจะชนะเลือกตั้งมากี่หน
เรื่องนิติราดเป็นเรื่องของอุดมการณ์และประโยชน์ของส่วนรวม
ลองเทียบดูละกัน ว่านักการเมืองมีอำนาจกับสถาบันมีอำนาจ
ควรเลือกแบบใหน
สถาบันมีอำนาจนี่ ไม่ใช่ว่าย้อนไปเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชนะ
เป็นอย่างที่เป็นนี่แหละ เป็นหลักยึดในท่ามกลางสัตว์ชั้นต่ำทางการเมือง
หรือจะเปลี่ยนไปตามประสงค์ของนิติราด จนกลายเป็นแบบเขมร
หรือแย่กว่านั้น คือแบบเนปาล
เมื่อเห็นจุดจบแล้ว คุณยังกลัวว่าจะกลายเป็นคนส่วนน้อย
ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดต่อ
#47
Posted 29 January 2012 - 01:12
เมื่อเปลี่ยนประชาธิปไตยไปเป็นแบบนิติราดแล้ว
อะไรจะเกืดขึ้น
เราได้เห็นตัวอย่างนักการเมืองที่เลวระยำที่สุดในประวัติศาสตร์มาแล้ว
คนนึงชื่อจิ๋ว คนนึงชื่อทักสิน คนนึงชื่อสมัคร
เรากำลังจะได้เห็นปีศาจตัวใหม่ ชื่อยิ่งลัก และยังมีรอคิวอีก ชื่อจตุพร ชื่อกี้ ชื่อนัดวุด
เราได้เห็นคนอย่างไจล์ ได้เห็นคนอย่างจักรภพ ....จารนัยไม่ไหว
คนพวกนี้หรือ ที่เราจะต้องมอบบ้านเมืองให้ดูแล
เอาละ สมมติว่า ไม่มีทางเลือก คนที่ดีกว่านี้ ไม่สามารถแทรกตัวขึ้นมา
คนที่เหมาะสมก็ไม่อยากเปลืองตัว เราจะทำอย่างไร
พวกนี้เหมือนหมาบ้าที่ไม่เคยฝึกวินัย หิวโซ ดุร้าย
แต่ก็พร้อมเลียสัตว์ที่เหนือกว่า ถ้ามันจะได้เนื้อก้อนโตๆ
ขณะนี้ พวกมันถูกล่ามโว่ไว้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง
หนึ่งในนั้นก็คือสถาบันสูงสุด
นิติราดทำเป็นมาอวดมีเมตตา เห็นการณ์ไกล
บอกว่าหมาจะหายดุร้าย ต้องไม่ล่ามโซ่ ต้องป้อนให้อิ่ม
ต้องให้ข้าวให้น้ำ หาสนามให้มัน และกำจัดศัตรูของมันด้วย
ในสภาพที่ถูกล่ามโซ่ไว้เช่นนี้ มันยังเห่าจนหมาเล็กๆหนีกระเจิง
ถ้านิติราดปลดโซ่ให้มันสำเร็จ
จะมีหมาอื่นเข้ามาในสนามที่มันครองใหมครับ
อ่านถึงตรงนี้แล้วก็นึกถึงเมืองที่ถูกเผา การประชุมพัทยาถูกล้ม
รถนายกถูกทุบ และกองกำลังชุดดำยิงกระบาลมวลชน
แล้วจะรู้ว่า นิติราดต้องการอะไร
#48
Posted 29 January 2012 - 01:41
ก็ไม่ได้ป้องกันการรัฐประหาร
ไม่ได้ป้องกันการซื้อเสียง
ไม่ได้ป้องกันอำนาจนิยม
ไม่ได้ทำให้พรรคการเมืองแข็งแก่ง
ไม่ได้ทำให้การเมืองเป็นที่พึ่ง
ไม่ได้ทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็ง
ทำอย่างเดียวคือ
ตัดความผูกพันธ์ระหว่างสถาบันกับประชาชนทิ้ง
ประเทศเรามีทรัพย์อันประเสริฐชื่อว่าพระเจ้าแผ่นดิน
9 รัชกาลต่อกันมาแล้ว ที่ไม่เคยทำให้ประเทศต้องเศร้าหมอง
พระราชากับประชาชนรักไคร่กันจนเป็นที่ชื่นชมของชาวโลก
นิติราดทำให้สภาพการณ์นี้แตกสลายแล้วประชาธิปไตยจะโตหรือ
#49
Posted 29 January 2012 - 07:53
อยากแบ่งแยก
แล้วจะได้ปกครอง ง่ายๆ
หมดศูนย์รวมจิตใจไปแล้ว
คนไทยจะได้โง่งมงายกับหวย กับตำนานการกลับชาติมาเกิดต่อ
เรื่องอะไร
มีพลเมืองรู้คิดรู้แยกแยะได้
ยุ่ง ตาย ห่ะ
#50
Posted 29 January 2012 - 10:31
Edited by KaTi รักพระเจ้าอยู่หัว, 29 January 2012 - 10:33.