http://www.manager.c...D=9570000057452
สื่อนอกชี้ “กรุงเทพฯ” กลับคืนสู่ความสงบหลัง “รัฐประหารแบบไทยๆ”
เอเอฟพี - สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานบรรยากาศในกรุงเทพมหานครกลับสู่ความสงบเรียบร้อยหลังกองทัพยึดอำนาจการปกครอง ประชาชนส่วนใหญ่ออกไปทำงานและใช้ชีวิตกันตามปกติในเช้าวันนี้ (23 พ.ค.) หลังผ่านพ้นช่วงเวลาเคอร์ฟิวยามค่ำคืนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการ “รัฐประหารแบบไทยๆ”
สภาพการจราจรในกรุงเทพมหานครเช้านี้ (23) ไม่หนักหนาสาหัสเหมือนเช่นทุกวัน เนื่องจากกองทัพประกาศให้สถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชนปิดทำการ แต่ประชาชนทั่วไปยังเดินทางออกจากบ้านไปทำงาน และแวะซื้ออาหารจากแผงลอยที่เริ่มเปิดขายหลังคำสั่งเคอร์ฟิวสิ้นสุดลงเมื่อเวลา 05.00 น.
เอเอฟพีชี้ว่า บรรยากาศโดยทั่วไปถือว่าแตกต่างอย่างมากจากการรัฐประหารเมื่อปี 2006 เพราะไม่มีรถถังออกมาแล่นไปมาตามท้องถนน มีเพียงทหารที่ถูกส่งไปดูแลความสงบเรียบร้อยตามสถานที่ราชการสำคัญเท่านั้น
กลุ่มบุคคลที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการรัฐประหารคือนักการเมืองระดับสูง ซึ่งถูกเรียกให้ไปรายงานตัวต่อกองทัพ แต่สำหรับชาวบ้านทั่วไปแล้ว ประกาศเคอร์ฟิวออกจะเป็นเรื่องขำๆ สำหรับสังคมไทยซึ่งเรียนรู้ที่จะอดกลั้นกับสถานการณ์เช่นนี้ เนื่องเหตุจลาจลทางการเมืองเรียกได้ว่าเป็นของคู่กันกับประวัติศาสตร์ไทยยุคใหม่
ธนาคาร แฉล้มประเสริฐ หนุ่มช่างกลวัย 21 ปี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีว่า สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจมากที่สุดคือไม่ได้ดูรายการโทรทัศน์ที่ชอบ เนื่องจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งระงับการถ่ายทอดรายการปกติทั้งหมด และร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ก็ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“ผมหิว... ก็ต้องทนกินแต่มาม่าที่บ้าน... โทรทัศน์ก็ไม่มีอะไรให้ดู ถ้าทหารอยากให้เราอยู่บ้านก็น่าจะมีรายการดีๆ ให้ดูบ้าง”
สถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุทั่วประเทศล้วนถ่ายทอดเพลงปลุกใจ โดยมีประกาศจากโฆษก คสช.ออกอากาศสลับกันเป็นระยะ ขณะที่ย่านการค้าใจกลางกรุงเทพมหานครซึ่งได้ชื่อว่าไม่เคยหลับใหลก็กลับกลายเป็นเมืองร้าง มีเพียงตุ๊กตุ๊กและรถแท็กซี่วิ่งหาผู้โดยสารเมื่อใกล้ถึงเวลาเคอร์ฟิว
ชาวต่างชาติส่วนใหญ่รีบเดินทางกลับโรงแรมที่พัก มีเพียงบาร์ไม่กี่แห่งแอบฝ่าฝืนกฎเคอร์ฟิวจำหน่ายเบียร์ให้นักท่องเที่ยวที่รู้สึกตื่นเต้นกับสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติ
นอกจากคำสั่งควบคุมกิจการสื่อและเสรีภาพส่วนบุคคล รวมถึงห้ามการชุมนุมเกินกว่า 5 คนแล้ว สัญญาณที่บ่งบอกถึงการยึดอำนาจยังไม่ปรากฏชัดเจนนัก
เช้าวันนี้ (23) ทหารได้เข้าควบคุมการทำความสะอาดพื้นที่ชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาล หลังจากกองทัพออกคำสั่งให้ผู้ประท้วงทุกฝ่ายเดินทางกลับภูมิลำเนาในทันที
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีเห็นทหารบางนาย “ใส่บาตร” พระสงฆ์จากวัดใกล้ๆ ขณะที่รถแทรกเตอร์ก็ดำเนินการขนย้ายกระสอบทรายออกจากพื้นที่ชุมนุมในย่านประวัติศาสตร์ใจกลางกรุง
ชาวกรุงเทพมหานครบางคนเริ่มมีความหวังว่า การรัฐประหารอาจจะนำมาซึ่ง “ทางออก” ที่ทุกคนรอคอย หลังประเทศไทยต้องเผชิญเหตุประท้วงของกลุ่มการเมือง 2 ฝ่ายจนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 28 ราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา
“ตอนแรกผมก็คิดว่ารัฐประหารไม่ใช่ทางออกที่ดี แต่ตอนนี้ผมว่ามันอาจจะดีก็ได้ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้คนไทยหยุดต่อสู้กัน” วิชิต กรีอักษร วัย 27 ปี ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
อย่างไรก็ดี ยังมีประชาชนบางกลุ่มที่ไม่พอใจการแทรกแซงของทหาร หลังจากที่คนไทยต้องแตกแยกเป็นฝักฝ่ายนับตั้งแต่รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐีโทรคมนาคม ถูกกองทัพโค่นจากอำนาจเมื่อปี 2006
“พอมีประกาศเคอร์ฟิวแล้วแย่มากๆ พวกผมไม่มีลูกค้า เพราะนักท่องเที่ยวกลัวกันหมด” วาณิชย์ คนขับแท็กซี่วัย 50 ปี ให้สัมภาษณ์
“ตอนนี้ทหารจะทำอะไรก็ได้ คนธรรมดาอย่างเราๆ ไม่มีสิทธิ์รู้”