เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เวลา 13.35 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญนิติบัญญัติ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาเป็นประธานประชุม พิจารณา พ.ร.ก. 2 ฉบับได้แก่ พ.ร.ก.กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ.2555 และ พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ.2555 ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อจากวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งอภิปรายยาวนานกันจนถึงเวลา 00.30 น. โดยภายหลังเสร็จสิ้นการตั้งกระทู้ถามสดซึ่งบรรยากาศปั่นป่วนต่อเนื่องแล้ว นายสมศักดิ์ได้แจ้งต่อที่ประชุมให้รับทราบถึงการลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย 2 คนคือ นายนิวัฒน์ธำธง บุญทรงไพศาล และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ทำให้จำนวน ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรเหลือเพียง 497 คน จากนั้นที่ประชุม ได้พิจารณา พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับ โดยระหว่างที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านอภิปรายไปได้เพียง 3 คน ปรากฏว่า นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปปช. ได้ขอใช้สิทธินับองค์ประชุม เนื่องจากเห็นว่านายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีไม่มีใครอยู่ในห้องประชุมแม้แต่คนเดียว ทำให้ ส.ส.จำนวนมากต่างรีบวิ่งเข้าห้องประชุมเพื่อเตรียมนับองค์ประชุม แต่เมื่อ ส.ส.เข้าห้องประชุมจนครบองค์ประชุมแล้ว นายบุญยอดได้ลุกขึ้นขอถอนสิทธิการนับองค์ประชุม จนถูกส่งเสียงโห่จาก ส.ส.รัฐบาล จากนั้นนายบุญยอดได้ยืนยันว่าเมื่อมีเสียงโห่เช่นนี้ ก็ขอยืนยันการใช้สิทธินับองค์ประชุมเช่นเดิม ซึ่งที่ประชุมได้ลงมตินับองค์ประชุมได้ 279 เสียง ถือว่าครบองค์ประชุม
จากนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติปิดการอภิปรายสวนทันทีต่อที่ประชุม โดยระบุ สภาได้พิจารณา พ.ร.ก.ทั้งสองฉบับมายาวนาน 14 ชั่วโมง ได้อธิบายเหตุผลอย่างครอบคลุม ครบถ้วนแล้ว สิ่งที่อภิปรายส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เท้าความไปถึง พ.ร.ก.อีกสองฉบับ และมีเนื้อหาอภิปรายซ้ำวนไปมา หลังจากนี้ก็ต้องมีการพิจารณา พ.ร.ก.อีก 2 ฉบับ ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย จึงถือว่ามีความเพียงพอที่จะลงมติได้แล้ว
ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายค้านต่างลุกขึ้นคัดค้าน โดยระบุว่า ฝ่ายค้านยังเหลือผู้อภิปรายไม่เกิน 20 คน ใช้เวลาอีกไม่มาก ซึ่ง พ.ร.ก.ทั้งสองฉบับเป็นกฎหมายสำคัญ มีการกู้เงินเป็นแสนล้านบาท อีกทั้งวิปทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าจะให้อภิปรายครบทุกคน จึงไม่ควรใช้เสียงข้างมาก หรือใช้ความรู้สึกไม่พอใจเรื่องถูกนับองค์ประชุมมาสั่งปิดการอภิปราย อย่างไรก็ตาม นพ.ชลน่านยังยืนกรานญัตติให้ปิดอภิปราย
จากนั้นนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง ปชป. เสนอญัตติให้เปิดอภิปราย ในที่สุดนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุมแทนนายสมศักดิ์ ได้ขอมติที่ประชุมเพื่อลงมติว่าจะปิดการอภิปรายหรือไม่ โดยที่ประชุมมีมติให้ปิดการอภิปรายด้วยคะแนน 265 คะแนนต่อ 94 คะแนน ทำให้นายสาทิตย์กล่าวอย่างมีอารมณ์ ว่า “ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบ พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับเต็มที่แล้ว แต่ฝ่ายรัฐบาลใช้เสียงข้างมากปิดปากตัวแทนประชาชน จึงไม่สามารถร่วมสังฆกรรมในการลงมติกฎหมายทั้งสองฉบับได้ จึงขอวอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม” จากนั้นสมาชิกพรรค ปชป.ทั่งหมดเดินออกจากห้องประชุมทันที
จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติ พ.รก.ทีละฉบับ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับ พ.ร.ก.กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ.2555 ด้วยคะแนนเสียง 263 เสียงงดออกเสียง 14 เสียง ไม่ลงคะแนน 5 เสียง และเห็นชอบ พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ.2555 ด้วยคะแนน 263 เสียง งดออกเสียง 14 เสียง ไม่ลงคะแนน 5 เสียง จากนั้นนาวิสุทธิ์แจ้งที่ประชุมสภาได้เห็นชอบ พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับแล้ว ก่อนจะรีบปิดประชุมทันทีในเวลา 14.35 ชั่วโมง รวมเวลาการอภิปราย พ.ร.ก.ทั้งสองฉบับ ในเวลา 2 วัน กว่า 15 ชั่วโมง
ถ้าไม่เคารพและยึดถือในหลักการของระบอบประชาธิปไตย แล้วเข้ามาเป็นผู้แทนประชาชนในระบอบการปกครองแบบนี้ทำไมครับ?