ท่านคิดว่า น้ำจะท่วมกรุงเทพฯหรือไม่
#1
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 21:41
#2
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 21:44
#3
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 21:44
#4
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 21:50
#5
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 21:51
#6
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 21:54
หากจะสมมติต่อไปว่า น้ำที่เข้าถึงกรุงเทพฯได้ มีระดับเท่ากับระดับน้ำที่สูงอยู่ในขณะนี้ ระดับน้ำในกรุงเทพฯทั้งหมดก็จะเท่ากับระดับน้ำนั้น
#7
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 21:54
จะนาน จะเร็ว
อยู่ที่การจัดการน้ำ
#8
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 22:01
และไม่มีการจัดการกระจายน้ำออกจาก ต้นทาง เขื่อนยังปล่อยน้ำ
ตอนนี้มารุมแก้ปัญหาในกรุงเทพ แต่ไม่มีใครจัดการส่วนที่ยังเหนือขึ้นไป
เป็นปัญหาการจัดการจริงๆ และคนสุพรรณยังพูดเอง ทุกปีน้ำต้องมาแล้ว แต่ปีนี้ไม่มา
สุพรรณน้ำไม่ท่วม ก็เรื่องจริง เสียดายรีบขึ้นไปทำงาน ถ่ายรูปมาไม่ทัน
#9
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 22:04
ผมคิดว่าเวลานี้มันเลยเวลาของการจัดการน้ำไม่ให้ท่วม กทม ไปแล้ว
#10
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 22:05
บอกตรงๆอาจท่วมเล็กน้อยบางพื้นที่
แต่รับรองไม่ท่วมเหมือนอยุธยา
เอาล๊อกอินเป็นประกัน
#11
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 22:12
ไม่ท่วมครับ เชื่อมือท่านผู้ว่า...
บอกตรงๆอาจท่วมเล็กน้อยบางพื้นที่
แต่รับรองไม่ท่วมเหมือนอยุธยา
เอาล๊อกอินเป็นประกัน
ยังเหลือมวลน้ำขนาดใหญ่จากนครสวรรค์และน้ำที่ต้องทยอยเปล่อยจากเขื่อนลงมาอีก มันเป็นเรื่องยากสุดวิสัยครับ และหากไม่สามารถดันผ่านให้ออกไปได้ อีกหนึ่งเดือนน้ำเอ่อดันไหลย้อนเข้ากรุงเทพฯ พร้อมๆกับมวลน้ำก้อนสุดท้าย อันนี้มันอาจจะหนักมากกว่า
#12
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 22:14
ผมไม่มีความรู้อะไรในเรื่องการจัดการน้ำท่วมจะวิเคราะห์นะครับ
แต่เชื่อว่า มันเป็นเดิมพันความน่าเชื่อถือของทางการเมืองที่จะสร้างอะไรต่อไปได้อีกหลายอย่าง
ลองนึกภาพหากกรุงเทพฯ น้ำไม่ท่วมดูสิครับ ภาพของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะเป็นอย่างไร
ต่อให้วันข้างหน้า จะมีการพยายามขโมยผลงานอะไรไปได้ก็ตามที แต่ยังไม่พอหรอกครับ
สาวกในนี้ก็ดาหน้ากันออกมาแก้ตัวกันแล้ว ว่าต่อให้ใครก็ทำไม่ได้
หากผู้ว่าทำได้ล่ะ
น้องปูเราจะกลายเป็นน้องหมาไปทันที
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#13
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 22:17
ท่วมแน่นอนครับ ผมเชื่อว่า วันนี้ มีความพยายามให้กรุงเทพฯ น้ำท่วมเสียยิ่งกว่าความพยายามไม่ให้อยุธยาท่วมเสียอีก
ผมไม่มีความรู้อะไรในเรื่องการจัดการน้ำท่วมจะวิเคราะห์นะครับ
แต่เชื่อว่า มันเป็นเดิมพันความน่าเชื่อถือของทางการเมืองที่จะสร้างอะไรต่อไปได้อีกหลายอย่าง
ลองนึกภาพหากกรุงเทพฯ น้ำไม่ท่วมดูสิครับ ภาพของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะเป็นอย่างไร
ต่อให้วันข้างหน้า จะมีการพยายามขโมยผลงานอะไรไปได้ก็ตามที แต่ยังไม่พอหรอกครับ
สาวกในนี้ก็ดาหน้ากันออกมาแก้ตัวกันแล้ว ว่าต่อให้ใครก็ทำไม่ได้
หากผู้ว่าทำได้ล่ะ
น้องปูเราจะกลายเป็นน้องหมาไปทันที
อันนี้ก็ย่อมรับว่าเป็นไปได้จริงสูง ใครก็ดูออก ชาวบ้านก็ยังเข้าใจตามนั้น
#14
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 22:18
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
#15
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 22:38
หากน้ำท่วมโดยธรรมชาติ ผมเชื่อว่าหัวใจคนกรุงแทบทุกคนคงยอมรับได้
เพราะมันคงไม่ต่างจากคนอื่นโดนมา
แต่หากเป้นเพียงพื้นที่เดียวที่ท่วมเพราะเกมการเมือง
วันนี้ เราอาจได้ร่วมกันเป็นเครือข่ายประชาชน ฟ้องร้องรัฐบาลได้
แวบนึง ผมอยากเห็นตั๋วเฮียบางตัวที่ออกแอคชั่นอยู่เวลานี้
ได้เข้าไปกร่างในคุกดูบ้างเหมือนกัน
เหมือนข่าวท่าน สส ดอนเมือง พาพวกพังคันกั้นน้ำ
หากมีหลักฐานจริง ถือว่าเป็นความพยายามที่จะทำให้เกิดน้ำท่วม
ซึ่งตรงนี้ฟ้องร้องเข้าคุกได้แน่ อยู่ที่มีหลักฐานเพียงพอมั๊ย
ผมอยากให้คนกรุงเทพฯ ตื่นตัวเรื่องนี้กันให้มากครับ
รักษาสิทธิ์ของตัวเอง
เราไม่ได้ทำเพื่อให้ต่างจังหวัดต้องรับน้ำแทนเรา
แต่เราแค่ป้องกันตัวเอง รวมถึงเราต้องไม่ให้ใครมากลั่นแกล้ง
เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเรานะครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
#16
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 22:41
ต้องดูฝีมือ อ.ปราโมทย์
#17
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 22:47
ส่วนตัวผมในฐานะเป็นวิศวกรโยธา ผมอยู่กับ ระยะ ฉาก ดิ่ง และระดับมาตลอด ตั้งแต่สายยางวัดระดับน้ำ ผมมองกรุงเทพฯที่เต็มไปด้วยท่อ นั่นก็คือสายยางระดับน้ำใต้ดินในสายตาของผม ระดับน้ำที่สามารถไหลถึงกันได้ในท่อในสายยาง ระดับผิวน้ำมันจะเท่ากันเสมอ ดังน้ันไม่ว่าน้ำจะเข้ามาเข้าถึงกรุงเทพฯทางใดทางหนึ่ง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของท่อระบายใต้ดินในกรุงเทพฯนี่แหละ มันจะไหลถึงกันไปหมด และเท่ากันด้วย ไม่ว่าท่อมันจะลาดเอียงสูงต่ำไม่เท่ากันก็ตาม น้ำมันก็จะเอ่อออกที่ปากบ่อพักออกมา หากที่ดินหรือผิวดินตรงนั้นมีระดับสูง น้ำก็จะไม่ท่วม แต่น้ำโดยรอบ มันก็จะเท่ากันทั้งกรุงเทพฯ หากที่ต่ำกว่าระดับน้ำที่เข้าถึงกรุงเทพฯ ที่ตรงนั้นก็ท่วมแน่นอน หากจะสมมติต่อไปว่า น้ำที่เข้าถึงกรุงเทพฯได้ มีระดับเท่ากับระดับน้ำที่สูงอยู่ในขณะนี้ ระดับน้ำในกรุงเทพฯทั้งหมดก็จะเท่ากับระดับน้ำนั้น
ถ้าผมจำไม่ผิด ตัวเมืองขั้นในต่ำกว่าริมแม่น้ำเจ้าพระยานะครับ ทำไมไม่เห็นท่วมเลยล่ะครับ
หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.
#18
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 23:01
ไม่ท่วมครับ เชื่อมือท่านผู้ว่า...
บอกตรงๆอาจท่วมเล็กน้อยบางพื้นที่
แต่รับรองไม่ท่วมเหมือนอยุธยา
เอาล๊อกอินเป็นประกัน
ผมก็มั่นใจว่าท่านผู้ว่ามีความสามารถครับ แต่วันนี้อำนาจการตัดสินใจเด็ดขาดไม่ไดอยู่ในมือของท่านผู้ว่าไปแล้ว
ซึ่งต่อให้ท่านผู้ว่าทุ่มเท หรือมีแผนการที่ดียังไง แต่ขาดการให้ความร่วมมือเนื่องจากบางหน่วยงานต้องฟังคำสั่งนายกมากว่า ทุกอย่างก็จบ
เพราะปัญหาใหญ่ๆ ยากๆ แบบนี้ ทุกอย่างมันต้องเป๊ะๆ หากไม่เป็นไปตามแผนที่ท่านผู้ว่าวางไว้แม้แต่นิดเดียว น้ำท่วมแน่นอน
#19
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 23:17
#20
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 23:30
ดูยังไงก็คงไหลตามคลอง คู ท่อ ลงทะเลไม่ทันแน่นอน
#21
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 23:44
#22
ตอบ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 23:55
เอาคนโง่ๆ มาบริหารก็งี้แหละ
#23
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 00:32
ส่วนตัวผมในฐานะเป็นวิศวกรโยธา ผมอยู่กับ ระยะ ฉาก ดิ่ง และระดับมาตลอด ตั้งแต่สายยางวัดระดับน้ำ ผมมองกรุงเทพฯที่เต็มไปด้วยท่อ นั่นก็คือสายยางระดับน้ำใต้ดินในสายตาของผม ระดับน้ำที่สามารถไหลถึงกันได้ในท่อในสายยาง ระดับผิวน้ำมันจะเท่ากันเสมอ ดังน้ันไม่ว่าน้ำจะเข้ามาเข้าถึงกรุงเทพฯทางใดทางหนึ่ง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของท่อระบายใต้ดินในกรุงเทพฯนี่แหละ มันจะไหลถึงกันไปหมด และเท่ากันด้วย ไม่ว่าท่อมันจะลาดเอียงสูงต่ำไม่เท่ากันก็ตาม น้ำมันก็จะเอ่อออกที่ปากบ่อพักออกมา หากที่ดินหรือผิวดินตรงนั้นมีระดับสูง น้ำก็จะไม่ท่วม แต่น้ำโดยรอบ มันก็จะเท่ากันทั้งกรุงเทพฯ หากที่ต่ำกว่าระดับน้ำที่เข้าถึงกรุงเทพฯ ที่ตรงนั้นก็ท่วมแน่นอน หากจะสมมติต่อไปว่า น้ำที่เข้าถึงกรุงเทพฯได้ มีระดับเท่ากับระดับน้ำที่สูงอยู่ในขณะนี้ ระดับน้ำในกรุงเทพฯทั้งหมดก็จะเท่ากับระดับน้ำนั้น
ถ้าผมจำไม่ผิด ตัวเมืองขั้นในต่ำกว่าริมแม่น้ำเจ้าพระยานะครับ ทำไมไม่เห็นท่วมเลยล่ะครับ
ที่ผ่านมามีการกันน้ำในลักษณะประตูน้ำกั้นไม่ให้น้ำไหลถึงกันทั้งหมดทั้งระบบ บางแห่งก็เป็นประตูน้ำ หรือบางแห่งก็กั้นเป็นระดับเหมือนฝาย เพื่อพยุงระดับน้ำให้คงที่เพื่อเดินเรือ ดังนั้นในสภาวะปรกติหรือยังไม่เปิดประตูน้ำหรือลดระดับกำกับน้ำ ให้ทะลวงถึงกันได้ น้ำก็ไม่เท่ากันทั้งหมดครับ
#24
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 00:43
ต้นเหตุคือการบริหารน้ำ เหมือนการค่อยๆ ปล่อยตดออกมา อย่าให้มีเสียง
แต่หัวหน้า รบ. คงเป็นสาว (สังเกตุจาการที่แกเป็น นส.) จึงไม่กล้าปล่อยตด อั้นไว้ไปหาส้วมขี้ทีเดียว
พอถึงส้วม ก็ปล่อย ป้าด เบ้อเร่อเลย ทั้ง solid liquid gas หึ่งไปหมด
#25
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 00:46
ปริมาณน้ำมหาศาลครับ
ดูยังไงก็คงไหลตามคลอง คู ท่อ ลงทะเลไม่ทันแน่นอน
สภาพของน้ำ ไม่ได้เป็นน้ำท่าแล้วครับ ปัจจุบันน้ำเป็นอยู่สองลักษณะ
หนึ่ง น้ำหลาก ในพื้นที่ลาดชันหรือทางน้ำแคบหรือมีปริมาณน้ำดันมาพร้อมกันมากๆในพื้นที่ลุ่มไม่กว้าง เป็นสภาพน้ำหลาก การไหลหลากเป็น flood drain หรือ surface drain อย่างนี้เป็นสภาพการไหลที่ลำคลองแม่น้ำระบายไม่ทันหรือเอ่อขึ้นสูงเกินระดับท่าน้ำปรกติแล้วครับ
สอง น้ำทุ่ง คือน้ำที่เอ่อสูงกว่าระดับน้ำท่า หรือท่าน้ำ ล้นลำคลองแม่น้ำไหลบ่าท่วมพื้นที่ ในพื้นที่ลุ่มมีความลาดชันน้อย อัตราการไหลเท่าเดิม แต่ความเร็วน้อยเพราะกระจายออกไปวงกว้าง เราจะเห็นว่าน้ำมันค่อยๆยกระดับขึ้นเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ทันระวังตัว
หากรวมลักษณะหรือสภาพน้ำจากต้นน้ำหรือแหล่งที่มาของน้ำโดยธรรมชาติแล้ว ก็จะมีอีกสองลักษณะ คือน้ำท่า น้ำที่ไหลในระดับท่าน้ำในลำคลองแม่น้ำ และน้ำป่า คือน้ำที่มาตามน้ำฝนโดยทันทีในที่ลาดชันเช่นภูเขา เมื่อดินอุ้มน้ำฝนไม่ไหวแล้วก็จะไหลหลากมา หลังจากฝนตกแล้วและโดยเราไม่รู้ทันเพราะมาจากที่ห่างไกลของที่ต่ำที่เราอาศัยอยู่ และไม่สามารถกำหนดบังคับทิศทางหรือคาดเดาปริมาณปริมาตรได้ชัดเจน
#26
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 00:48
มันต้องแก้ที่ต้นเหตุครับ อันนี้มันปลายเหตุแล้ว
ต้นเหตุคือการบริหารน้ำ เหมือนการค่อยๆ ปล่อยตดออกมา อย่าให้มีเสียง
แต่หัวหน้า รบ. คงเป็นสาว (สังเกตุจาการที่แกเป็น นส.) จึงไม่กล้าปล่อยตด อั้นไว้ไปหาส้วมขี้ทีเดียว
พอถึงส้วม ก็ปล่อย ป้าด เบ้อเร่อเลย ทั้ง solid liquid gas หึ่งไปหมด
ถ้าตากอีก 7 แดด ได้เรื่องเลยครับ
#27
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 00:55
ถึงตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าศปภ.จะทำให้มันท่วมก็ได้ หรือไม่ท่วมก็ได้ เล่นยากครับ ไม่เล่นดีก่า
#28
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 01:00
แต่แค่ ยังไม่ทุกพื้นที่เท่านั้นเองคับ
ไงผมก้เชื่่อ ฝีมือท่านผู้ว่า คงจะท่วมไม่นาน คงเป็นแค่ทางผ่าน
#29
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 01:06
เพื่อทุยทำน้ำท่วมเป็นเกมการเมืองไปแล้ว
ถึงตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าศปภ.จะทำให้มันท่วมก็ได้ หรือไม่ท่วมก็ได้ เล่นยากครับ ไม่เล่นดีก่า
อืมมมมม มันก็เป็นเช่นนั้นแล แต่เพียงไม่ควรพูดในห่วงเวลานี้เท่านั้นเอง มันจะกลายเป็นการทิ้งประชาชน
#30
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 01:09
และถ้าจะให้พูดชัดๆคือ กรุงเทพไม่ใช้ฐานเสียงเพื่อไทย ดังนั้นกรุงเทพท่วมได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะเดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำบริเวณสถานีสูบน้ำพระโขนง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีความเข้าใจว่า กทม. ยังไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำในบางจุดอย่างเต็มที่ ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี โดยเจ้าหน้าที่ได้อธิบายถึงศักยภาพในการระบายน้ำของสถานีนี้ว่า หากจะใช้เพื่อระบายน้ำทั้งหมด ก็เท่ากับการเอาหลอดกาแฟไปดูดสระน้ำ ซึ่งไม่มีทางทำได้ เพราะเกินศักยภาพของกทม. เนื่องจากระบบท่อของกทม. ออกแบบมารองรับการระบายน้ำฝนที่ท่วมขังในกรุงเทพฯ ซึ่งทุกปีที่ผ่านมา กทม.ก็ระบายน้ำตามระบบที่วางไว้โดยไม่มีปัญหา แต่ปีนี้น้ำมีมาก ทำให้ทะลักไปในบริเวณอื่น นอกจากคลองตามปกติที่ไหลเข้าท่อกทม. เพื่อสูบออกทะเล
ดังนั้นหากมีการผันน้ำเข้า กทม. เพิ่มอีก ก็ไม่มีประโยชน์ในการระบายน้ำลงทะเลให้เร็วขึ้นเหมือนอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่จะทำให้เกิดน้ำท่วมขังใน กทม. เป็นบริเวณกว้างแทน ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์ในการแก้ปัญหาแต่อย่างใด
ส่วนที่มีการมองว่าระดับน้ำในคลองแสนแสบยังมีปริมาณต่ำนั้น ก็เป็นเพราะว่าระบบของ กทม. ใช้คลองแสนแสบเป็นจุดสูบน้ำ จึงต้องทำให้ระดับน้ำต่ำ เพื่อให้น้ำไหลมาสู่สถานีสูบน้ำออกสู่ทะเล เพราะหากให้คลองแสนแสบมีระดับสูง ก็จะยิ่งทำให้ระบายน้ำไม่ได้ เนื่องจากน้ำจะไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ
ทั้งนี้ กทม.จะใช้วิธีการหลอกด้วยการปล่อยให้ระดับน้ำในคลองแสนแสบสูงขึ้นก็ได้ แต่กทม.ไม่คิดทำ เพราะทำแล้วไม่มีประโยชน์อะไรในการแก้ปัญหา จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจด้วย
**แนะระบายไปลงแม่น้ำบางปะกง
นอกจากนี้ น้ำบางส่วนก็ยังไหลมาไม่ถึง เพราะติดในเรื่องของกายภาพบางพื้นที่ ซึ่งเป็นแอ่งกะทะ ทำให้น้ำขังไม่ไหลเข้าสู่ระบบการระบายน้ำของกทม. นอกจากนี้ยังมีปัญหาการระบายน้ำที่ควรผันน้ำไปแม่น้ำบางปะกงเพิ่มขึ้น แต่ก็เกิดปัญหาว่า กรมชลประทาน ยังไม่มีการระบายน้ำไปในบริเวณดังกล่าวเท่าที่ควร
"ศักยภาพในการระบายน้ำของสถานีนี้ สามารถระบายน้ำได้วันละ 5.6 ล้าน ลบ.ม. ลองคิดดูว่า หากน้ำมาเป็นหมื่นล้านลบ.ม. ในขณะที่กทม. มีศักยภาพเท่านี้ อะไรจะเกิดขึ้นกับกรุงเทพมหานคร ดังนั้นแนวทางแก้ไขที่ถูกต้อง คือ กรมชลประทานซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ ต้องทำให้ระบบการระบายน้ำสัมพันธ์กันให้ได้มากที่สุด แต่ตอนนี้หลายพื้นที่กรมชลประทาน ไม่สามารถดำเนินการระบายน้ำได้ เพราะติดปัญหาประชาชนต่อต้าน " นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** สูบน้ำแค่ 4 เครื่องจาก 20 เครื่อง
จากนั้นขบวนของนายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางต่อไปยังสถานีประตูน้ำคลองประเวศบุรีรมย์ ซึ่งเป็นจุดสูบน้ำไปยังคลองด่าน และแม่น้ำบางปะกง แต่พบว่า มีการเดินเครื่องสูบน้ำเพียง 4 เครื่อง จากทั้งหมด 20 เครื่อง โดยเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ที่ดูแลจุดดังกล่าว อธิบายว่า ไม่สามารถเเครื่องสูบน้ำอย่างเต็มที่ เพราะชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงต่อต้าน เนื่องจากเกรงว่าน้ำจะเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านตัวเอง อีกทั้งการระบายน้ำลงทะเล ก็ยังติดปัญหาช่วงทางผ่านของน้ำ ที่จะไหลลงสู่ทะเลเป็นคลองขนาดเล็ก เหมือนคอขวด ทำให้น้ำไหลช้า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังการตรวจสถานีระบายน้ำทั้ง 2 จุดว่า อยากให้ กทม.และรัฐบาล ประสานในเรื่องการนำน้ำลงสู่ทะเล ซึ่งที่ผ่านมากทม.เปิดประตูระบายน้ำอย่างเต็มที่แล้ว เพียงแต่น้ำที่จะผ่านไปยังคลองต่างๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯชั้นใน ทำได้เพียงเท่านี้
ส่วนที่ประชาชนสงสัยว่า ทำไมระดับน้ำในเมืองยังอยู่ที่ต่ำอยู่นั้น ก็เป็นเพราะ กทม.มีเจตนาที่จะให้น้ำไหลลงไปสู่สถานีสูบน้ำ เพื่อระบายน้ำ ซึ่งการระบายน้ำในส่วนตะวันออก ก็ยังมีการเปิดประตูน้ำอยู่ แต่ทำได้แค่สี่บาน จาก 20 บาน ก็เป็นปัญหาว่าจะทำให้น้ำไหลลงทะเลได้มากแค่ไหน เพื่อไม่ให้ขัดแย้งกัน ทั้งระหว่าง กทม. และรัฐบาล และไม่ให้เกิดความยัดแย้งระหว่างประชาชนใน กทม. และปริมณฑล ด้วย
** ใช้ถนนวิภาวดีระบายน้ำทำได้ยาก
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เชื่อว่า กทม.ได้เปิดประตูเพื่อระบายน้ำอย่างเต็มที่แล้ว เหมือนที่เจ้าหน้าที่อธิบายว่า ความสามารถของ กทม. เหมือนหลอดดูดในสระน้ำ ก็ทำได้เพียงเท่านี้ ซึ่งหวังว่าเมื่อ ผู้ว่าฯกทม.ได้พานายกรัฐมนตรีมาดูในพื้นที่ ก็คงจะมีความเข้าใจที่ชัดเจน เพื่อกำหนดแนวทางแก้ปัญหาต่อไป และควรเลิกใช้วิธีโทษกันไปมาว่า กทม.ไม่ยอมระบายน้ำ เป็นสาเหตุให้น้ำท่วม แต่ควรปรับเข้าหากัน เพราะทุกคนเห็นตรงกันว่า ต้องเร่งระบายน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุด
ส่วนที่มีนักวิชาการเสนอให้ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต เป็นทางผ่านในการระบายน้ำนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะต้องศึกษาธรรมชาติของพื้นที่ เพราะบางทีอาจเข้าใจผิด คิดว่าสามารถควบคุมทิศทางการไหลของน้ำได้แต่ความจริงน้ำจะไหลจากที่สูงไปที่ต่ำ และที่บอกว่าจะเปิดเข้ามา ก็ไม่ทราบว่าเปิดเข้ามาอย่างไร ที่สำคัญไม่ได้หมายความว่าน้ำจะระบายออกมาตามทางดังกล่าว ซึ่งอาจกลายเป็นทำให้น้ำท่วมขังได้ ดังนั้นจึงต้องดูเส้นทางที่จะลงทะเลให้เร็วที่สุดมากกว่า
#31
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 01:12
ผมว่า น้ำมันท่วมกทม.แล้วน่ะตอนนี้
แต่แค่ ยังไม่ทุกพื้นที่เท่านั้นเองคับ
ไงผมก้เชื่่อ ฝีมือท่านผู้ว่า คงจะท่วมไม่นาน คงเป็นแค่ทางผ่าน
ส่วนตัวผมก็มั่นใจและไว้ใจหม่อมนะ ส่วนจะเชื่อว่ารักษาหรือบริหารจัดการได้ดีแค่ไหน มันเป็นเรื่องเกินปรกติมนุษย์ในสภาวะหลากหลาย
อีกอย่างหนึ่งที่ผมไว้ใจหม่อมก็คือวังตะไคร้ของแกก็โดนอย่างนี้อยู่บ่อยๆ การที่จะให้น้ำหลากผ่าน หรือผันผ่านแกมีประสบการณ์ดีมากครับ
แกรู้ดีว่าน้ำมันจะเป็นจะไปอย่างไร แต่การบริหารจัดการในเมืองที่มีสิ่งปลูกสร้างและประชากรมากต่างจิตต่างใจท่านต้องให้กำลังใจไว้ก่อน
ส่วนความรับผิดชอบ ผมมั่นใจและไว้ใจได้ว่าแกแสดงออกความรับผิดชอบแน่นอน หม่อมแกไม่ยึดติด แกทุ่มเท และแกเป็นคนรักษาสัจจะ
#32
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 01:34
อ่านสัมภาษณ์แล้วรู้สึกได้ว่าคุณอภิสิทธิ์สมควรเป็นผู้บริหารประเทศมากกว่าชีอีก..ดูรู้และเข้าใจเรื่องน้ำดีมากเลย..ถ้าเป็นนายกตอนนี้ประเทศคงไม่เป็นแบบนี้ เฮ้อแปลคำพูดระหว่างบรรทัดคือ คนในรัฐบาลไม่ยอมให้น้ำเข้าท่วมฐานเสียงตัวเอง...
และถ้าจะให้พูดชัดๆคือ กรุงเทพไม่ใช้ฐานเสียงเพื่อไทย ดังนั้นกรุงเทพท่วมได้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะเดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำบริเวณสถานีสูบน้ำพระโขนง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีความเข้าใจว่า กทม. ยังไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำในบางจุดอย่างเต็มที่ ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี โดยเจ้าหน้าที่ได้อธิบายถึงศักยภาพในการระบายน้ำของสถานีนี้ว่า หากจะใช้เพื่อระบายน้ำทั้งหมด ก็เท่ากับการเอาหลอดกาแฟไปดูดสระน้ำ ซึ่งไม่มีทางทำได้ เพราะเกินศักยภาพของกทม. เนื่องจากระบบท่อของกทม. ออกแบบมารองรับการระบายน้ำฝนที่ท่วมขังในกรุงเทพฯ ซึ่งทุกปีที่ผ่านมา กทม.ก็ระบายน้ำตามระบบที่วางไว้โดยไม่มีปัญหา แต่ปีนี้น้ำมีมาก ทำให้ทะลักไปในบริเวณอื่น นอกจากคลองตามปกติที่ไหลเข้าท่อกทม. เพื่อสูบออกทะเล
ดังนั้นหากมีการผันน้ำเข้า กทม. เพิ่มอีก ก็ไม่มีประโยชน์ในการระบายน้ำลงทะเลให้เร็วขึ้นเหมือนอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่จะทำให้เกิดน้ำท่วมขังใน กทม. เป็นบริเวณกว้างแทน ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์ในการแก้ปัญหาแต่อย่างใด
ส่วนที่มีการมองว่าระดับน้ำในคลองแสนแสบยังมีปริมาณต่ำนั้น ก็เป็นเพราะว่าระบบของ กทม. ใช้คลองแสนแสบเป็นจุดสูบน้ำ จึงต้องทำให้ระดับน้ำต่ำ เพื่อให้น้ำไหลมาสู่สถานีสูบน้ำออกสู่ทะเล เพราะหากให้คลองแสนแสบมีระดับสูง ก็จะยิ่งทำให้ระบายน้ำไม่ได้ เนื่องจากน้ำจะไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ
ทั้งนี้ กทม.จะใช้วิธีการหลอกด้วยการปล่อยให้ระดับน้ำในคลองแสนแสบสูงขึ้นก็ได้ แต่กทม.ไม่คิดทำ เพราะทำแล้วไม่มีประโยชน์อะไรในการแก้ปัญหา จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจด้วย
**แนะระบายไปลงแม่น้ำบางปะกง
นอกจากนี้ น้ำบางส่วนก็ยังไหลมาไม่ถึง เพราะติดในเรื่องของกายภาพบางพื้นที่ ซึ่งเป็นแอ่งกะทะ ทำให้น้ำขังไม่ไหลเข้าสู่ระบบการระบายน้ำของกทม. นอกจากนี้ยังมีปัญหาการระบายน้ำที่ควรผันน้ำไปแม่น้ำบางปะกงเพิ่มขึ้น แต่ก็เกิดปัญหาว่า กรมชลประทาน ยังไม่มีการระบายน้ำไปในบริเวณดังกล่าวเท่าที่ควร
"ศักยภาพในการระบายน้ำของสถานีนี้ สามารถระบายน้ำได้วันละ 5.6 ล้าน ลบ.ม. ลองคิดดูว่า หากน้ำมาเป็นหมื่นล้านลบ.ม. ในขณะที่กทม. มีศักยภาพเท่านี้ อะไรจะเกิดขึ้นกับกรุงเทพมหานคร ดังนั้นแนวทางแก้ไขที่ถูกต้อง คือ กรมชลประทานซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ ต้องทำให้ระบบการระบายน้ำสัมพันธ์กันให้ได้มากที่สุด แต่ตอนนี้หลายพื้นที่กรมชลประทาน ไม่สามารถดำเนินการระบายน้ำได้ เพราะติดปัญหาประชาชนต่อต้าน " นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** สูบน้ำแค่ 4 เครื่องจาก 20 เครื่อง
จากนั้นขบวนของนายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางต่อไปยังสถานีประตูน้ำคลองประเวศบุรีรมย์ ซึ่งเป็นจุดสูบน้ำไปยังคลองด่าน และแม่น้ำบางปะกง แต่พบว่า มีการเดินเครื่องสูบน้ำเพียง 4 เครื่อง จากทั้งหมด 20 เครื่อง โดยเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ที่ดูแลจุดดังกล่าว อธิบายว่า ไม่สามารถเเครื่องสูบน้ำอย่างเต็มที่ เพราะชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงต่อต้าน เนื่องจากเกรงว่าน้ำจะเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านตัวเอง อีกทั้งการระบายน้ำลงทะเล ก็ยังติดปัญหาช่วงทางผ่านของน้ำ ที่จะไหลลงสู่ทะเลเป็นคลองขนาดเล็ก เหมือนคอขวด ทำให้น้ำไหลช้า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังการตรวจสถานีระบายน้ำทั้ง 2 จุดว่า อยากให้ กทม.และรัฐบาล ประสานในเรื่องการนำน้ำลงสู่ทะเล ซึ่งที่ผ่านมากทม.เปิดประตูระบายน้ำอย่างเต็มที่แล้ว เพียงแต่น้ำที่จะผ่านไปยังคลองต่างๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯชั้นใน ทำได้เพียงเท่านี้
ส่วนที่ประชาชนสงสัยว่า ทำไมระดับน้ำในเมืองยังอยู่ที่ต่ำอยู่นั้น ก็เป็นเพราะ กทม.มีเจตนาที่จะให้น้ำไหลลงไปสู่สถานีสูบน้ำ เพื่อระบายน้ำ ซึ่งการระบายน้ำในส่วนตะวันออก ก็ยังมีการเปิดประตูน้ำอยู่ แต่ทำได้แค่สี่บาน จาก 20 บาน ก็เป็นปัญหาว่าจะทำให้น้ำไหลลงทะเลได้มากแค่ไหน เพื่อไม่ให้ขัดแย้งกัน ทั้งระหว่าง กทม. และรัฐบาล และไม่ให้เกิดความยัดแย้งระหว่างประชาชนใน กทม. และปริมณฑล ด้วย
** ใช้ถนนวิภาวดีระบายน้ำทำได้ยาก
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เชื่อว่า กทม.ได้เปิดประตูเพื่อระบายน้ำอย่างเต็มที่แล้ว เหมือนที่เจ้าหน้าที่อธิบายว่า ความสามารถของ กทม. เหมือนหลอดดูดในสระน้ำ ก็ทำได้เพียงเท่านี้ ซึ่งหวังว่าเมื่อ ผู้ว่าฯกทม.ได้พานายกรัฐมนตรีมาดูในพื้นที่ ก็คงจะมีความเข้าใจที่ชัดเจน เพื่อกำหนดแนวทางแก้ปัญหาต่อไป และควรเลิกใช้วิธีโทษกันไปมาว่า กทม.ไม่ยอมระบายน้ำ เป็นสาเหตุให้น้ำท่วม แต่ควรปรับเข้าหากัน เพราะทุกคนเห็นตรงกันว่า ต้องเร่งระบายน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุด
ส่วนที่มีนักวิชาการเสนอให้ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต เป็นทางผ่านในการระบายน้ำนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะต้องศึกษาธรรมชาติของพื้นที่ เพราะบางทีอาจเข้าใจผิด คิดว่าสามารถควบคุมทิศทางการไหลของน้ำได้แต่ความจริงน้ำจะไหลจากที่สูงไปที่ต่ำ และที่บอกว่าจะเปิดเข้ามา ก็ไม่ทราบว่าเปิดเข้ามาอย่างไร ที่สำคัญไม่ได้หมายความว่าน้ำจะระบายออกมาตามทางดังกล่าว ซึ่งอาจกลายเป็นทำให้น้ำท่วมขังได้ ดังนั้นจึงต้องดูเส้นทางที่จะลงทะเลให้เร็วที่สุดมากกว่า
#33
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 01:44
แต่ผมคิดว่าท่านผู้ว่ากรุงเทพมหานครน่าจะรับมือเรื่องน้ำได้พอสมควร อย่างเลวร้ายสุดก็น่าจะท่วมบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านเท่านั้น
เพราะคนกรุงเทพและสมุทรปราการมีประสบการณ์น้ำท่วมมาอย่างยาวนานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ดังนั้นน่าจะรับมือได้เป็นอย่างดีครับ
PS. แถวสมุทรปราการน้ำท่วมบ่อยมาก ยกตัวอย่างที่หมู่บ้านทิพวัล แต่ตอนนี้น้ำไม่ท่วมเลยครับหลังจากมีการปรับปรุงการระบายน้ำ และทำบ่อกักเก็บน้ำ
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\
ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!
#34
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 01:50
มันเป็นอะไรที่แก้ยาก ถ้าให้ปูแก้
#35
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 02:26
ถ้าฟังอาจารย์หลายๆท่านวิเคราะห์ให้ดีๆ ทุกคนจะบอกว่าท่วมประมาณนั้นประมาณนี้
แต่ไม่มีใครบอกกรอบระยะเวลาเลย เหมือนกับว่าน้ำทั้งหมดมีแค่นั้น แต่ผมว่าไม่ใช่
ทุกคนประเมินแค่น้ำก้อนที่กำลังมาถึงเท่านั้นเอง ก้อนข้างหลังยังมีอีกมหาศาล
ยิ่งกรุงเทพมีสิ่งกีดขวางชะลอน้ำไว้มากมายน้ำไหลช้ามาก ยิ่งทำให้น้ำก้อนหลังตามมาสมทบได้มากด้วย
น้ำท่วมครั้งนี้กรุงเทพแย่แน่ จากนี้ไปจะมีโรคระบาดรุนแรง การขาดแคลนอาหาร สุดท้ายจลาจลครับ
#36
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 02:32
ท่วมครับ ท่วมสูงด้วยโดยเฉพาะฝั่งธน แต่ทุกคนไม่มีใครกล้าพูดให้มันชัดๆ กลัวคนตกใจมั้ง
ถ้าฟังอาจารย์หลายๆท่านวิเคราะห์ให้ดีๆ ทุกคนจะบอกว่าท่วมประมาณนั้นประมาณนี้
แต่ไม่มีใครบอกกรอบระยะเวลาเลย เหมือนกับว่าน้ำทั้งหมดมีแค่นั้น แต่ผมว่าไม่ใช่
ทุกคนประเมินแค่น้ำก้อนที่กำลังมาถึงเท่านั้นเอง ก้อนข้างหลังยังมีอีกมหาศาล
ยิ่งกรุงเทพมีสิ่งกีดขวางชะลอน้ำไว้มากมายน้ำไหลช้ามาก ยิ่งทำให้น้ำก้อนหลังตามมาสมทบได้มากด้วย
น้ำท่วมครั้งนี้กรุงเทพแย่แน่ จากนี้ไปจะมีโรคระบาดรุนแรง การขาดแคลนอาหาร สุดท้ายจลาจลครับ
ถูกต้องครับ น้ำจะขังนานเป็นประวัติการณ์ โรคภัยจากน้ำท่วมจะตามมามากมาย การขาดแคลนกักตุนเกิดขึ้นแล้ว ขณะนี้น้ำตาล นม ผ้าอนามัย เริ่มมีปัญหาแล้ว การจลาจลเกิดขึ้นแน่นอน แต่อาจจะจบลงในปลายปี ทั้งนี้การฟื้นตัวคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 เดือนแน่นอน
#37
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 10:01
#38
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 10:53
#39
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 11:01
#40
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 11:41
#41
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 11:49
ที่ผมว่าไม่ท่วม ก็หมายถึงไม่ท่วมขนาดอยุธยาที่ต้องลอยคอท่วมครับ แต่ไม่รุนแรงเท่าอยุธยา โดยเฉลี่ยระัดับน้ำน่าจะไม่เกิน 40-50cm.
ผมว่าอย่างมากท่วมนิดหน่อย น้ำลง ก็ลงตาม
#42
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 12:05
ก็ต้องตอบว่า ท่วม
เพราะอย่างน้อย ๆ ตอนนี้สายไหม ดอนเมือง บางพลัด ก็ไปแล้ว
ก็คงท่วมจำกัดปริมาณ คงไม่เลวร้ายมากไปกว่านี้ อย่างใจกลางเมืองคงไม่
อย่างน้อย ๆ บ้านผมคงไม่ท่วมน่า เอิ๊กกก
ข้าจักล้มล้าง ระบอบทักษิณ ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย
#43
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 12:16
แต่ยังเชื่อใจ ผู้ว่า กทม.
ว่าสามารถบริหารจัดการได้มากกว่าคำว่า "เอาอยู่"
แถวอนุสาวรีย์ชัย เริ่ม refer คนไข้ออกต่างจังหวัดกันแล้ว
#44
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 12:19
แต่คงท่วมไม่มาก
#45
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 12:23
ผมเห็นว่ามันไม่เหลือยังไงๆก็ท่วม เพียงแต่เครดิตผู้ว่า กทม ที่ทำให้น้ำยังไม่พรวดเข้ามา ถ้าปล่อยให้อิปูบริหารเหรอครับ
เรียบร้อยไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว
#46
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 12:32
แต่ปัญหาคือเรื่องของน้ำขัง เพราะตอนนี้แถวสมุทรปราการยังไม่ได้ระบายน้ำออกจากพื้นที่หลักได้อย่างเต็มที่เลย
คงต้องทำใจ น้ำครั้งนี้ยาวแน่
#47
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 12:37
#48
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 14:52
ทั้งนี้ไม่ว่าจะท่วมมากน้อยแค่ไหน อยากให้ถือเป็นการซักซ้อมครั้งใหญ่ และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและประชาชนตื่นตัวเตรียมตัวทัน มีส่วนร่วม เพื่อนำทุกสิ่งทุกอย่างไปสู่การวางแผนแก้ไขในระบบและวงจรของน้ำต่อการพัฒนาผังเมืองรวมกรุงเทพฯปริมณฑลต่อไป
#49
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 15:24
1. ระรอกแรกคือขณะนี้
2. ระรอกสองอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ที่น้ำเหนือจะมาอีก
3. รอรอกสุดท้ายอีกประมาณ 4-5 สัปดาห์ ปรากฎการณ์น้ำเอ่อย้อนกลับทั้งอ่าวไทย จะกินเวลาเกือบสัปดาห์
รวมแล้วสภาวะน้ำท่วมและขังกรุงเทพฯครั้งนี้อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 4-6 สัปดาห์
#50
ตอบ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 15:27