หมอตุลย์เผยรถเครื่องเสียงที่ม็อบจตุจักร ใช้ใครๆก็เช่าได้ เตรียมฟ้องจิรายุ อาทิตย์ที่
4 มีนาคม 2555 14:0431 น.นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน หรือกลุ่ม
เสื้อหลากสี กล่าวถึงกรณีที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่ารถเครื่องขยายเสียงที่ใช้ในการชุมนุมประท้วงค่าเช่าแผงทางตลาดนัดสวนจตุจักรเมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) เป็นคันเดียวกับที่ตนเองและกลุ่ม
เสื้อหลากสีใช้ ว่า อยากอธิบายว่ารถคันกล่าวตนเคยใช้บริการจริง
แต่เป็นรถรับจ้างที่ไม่ได้อยู่ในสังกัดตน ใครก็มีสิทธิ์ไปจ้างได้ ซึ่งเขารับจ้างทั่วไป เช่นเดียวกับที่ม็อบจตุจักรเขาไปจ้างรถมาใช้ ซึ่งการที่นายจิรายุกล่าวหาแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก เป็นเรื่องที่คนระดับ ส.ส.ไม่ควรทำ.
ที่มา.http://www.ryt9.com/s/iq02/1357971ปากพาจน..อีกหน่อยคงไม่เหลือทรัพย์ให้ห่วงอีกต่อไปแล้วมั้ง? หมอตุลย์ โต้เพื่อไทย ซัดม็อบจตุจักรใช้รถเสื้อหลากสี น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำพลังอาสาปกป้องแผ่นดิน หรือเสื้อหลากสี กล่าวตอบโต้กรณีที่รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุรถของกลุ่มผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรที่ออกมาประท้วงเมื่อวานที่ผ่านมา ( 3 มี.ค) เป็นรถคันเดียวกับกลุ่มเสื้อหลากสีเคยใช้เคลื่อนไหวทางการเมือง ว่า รถยนต์หรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่กลุ่มเสื้อหลากสีใช้ในการเคลื่อนไหว จะทำการเช่าจากบริษัทเอกชนสัปดาห์ละ 1 ครั้งสำหรับการเคลื่อนไหวแสดงความคิดเห็น ดังนั้นเมื่อเป็นรถเช่าจากเอกชนบุคคลอื่นก็สามารถทำการเช่าได้เช่นกัน โดยการประท้วงของกลุ่มผู้ค้าขณะนี้ ตนไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด แม้ว่าในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตนในฐานะที่เป็นอนุกรรมาธิการของวุฒิสภาจะเคยได้รับเรื่องเกี่ยวกับปัญหาของกลุ่มผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร ซึ่งปัญหาของผู้ค้าเกิดขึ้นมานานตั้งแต่ครั้งที่กรุงเทพมหานครดูแล แต่เมื่อการรถไฟเข้ามาดูแลแทน กทม.ตนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเรื่องนี้ส่วนตัวเห็นว่า ที่ผู้ค้าต้องออกมาประท้วง เนื่องจากจะมีการขึ้นค่าเช่าแผงที่ผู้ค้าคิดว่าเกินความจำเป็น และอาจจะไม่เป็นธรรมที่จะเพิ่มค่าเช่าอีกเพราะผู้ค้าจะเปิดแผงขายสินค้าที่ตลาดนัดจตุจักร แค่ 2 วัน เสาร์-อาทิตย์ ต่อสัปดาห์แล้วผู้ค้ายังต้องแข่งขันการค้ากันเองอีก ขณะที่ยังต้องมีค่าแรกเข้าอีกเป็นด้วยหลักหมื่น จึงเป็นเรื่องที่ต้องเจรจาหาความเหมาะสมสำหรับ 2 ฝ่าย ซึ่งการขึ้นค่าเช่าแผงก็ทำได้แต่ไม่ใช่การขึ้นครั้งเดียวจำนวนมาก ควรจะกำหนดให้เห็นอัตราที่ชัดเจน เช่นจะขึ้นทุก 5 ปีเพื่อการปรับปรุงสภาพตลาด ถ้าจะปรับปรุงสภาพตลาดให้สะอาด เรียบร้อย สะดวกสบาย หลายคนก็คงชื่นชอบ ขณะที่เรื่องนี้เป็นลักษณะของการเจาจรตกลงทางธุรกิจของการรถไฟ ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ กับผู้ค้า จริงๆ แล้วก็น่าจะให้สองฝ่ายตกลงกันโดยการเมืองควรระวังที่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันว่าที่จริงเรื่องนี้ ไม่ต้องถึงระดับรัฐมนตรีก็ได้ที่จะต้องลงมาเจรจา ควรให้การรถไฟดูแลจัดการที่มา.http://bit.ly/zkAjUb
Edited by zeed~ko, 4 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 18:04.