288 ความเห็นในกระทู้นี้

[baezae]

เอ้า โชว์ความฉลาดอีกแล้ว

ตัวเลข ๑ หมื่น ๕ พันล้านน่ะ กระแสเงินหมุนเวียนนะจ๊ะ

ฐานะกองทุนก็เอามาให้ดูไม่รู้กี่รอบแล้วว่า ติดลบ ๑ หมื่น ๕ พันล้าน

http://www.efai.or.t...ney11012555.htm

อธิบายไปหลายรอบแล้ว ว่าไม่ได้ดูที่เฉพาะเงินหมุนเวียน ต้องดูทั้งสองอย่างคือกระแสเงิน และฐานะสุทธิ

แล้วไม่ได้อ่านข่าวที่ผมเอามาลงหรือ กลางธันวา มีกระแสเงินหมุนอยู่ ๖ พันล้าน พอมา มกรา กระแสเด้งมา ๑ หมื่นล้าน มาจากไหน? ก็กู้มาโปะตามมติเมื่อกันยานั่นไง

แถมมาถึง ณ ปัจจุบัน เงินหมุนเวียนก็เหลือน้อย ฐานะสุทธิก็ติดลบบานตะเกียง ยิ่งลักษณ์เก่งมาก

นี่ก็แสดงว่าดูรายงานงบดุล รายงานการประชุม มติอะไรไม่เป็นอีก หรือไม่ก็ไม่ได้ดูเลย

เลือกเชื่อแต่สิ่งที่อยากเชื่อ วนเวียนท่องแต่สิ่งที่อยากเชื่อ แต่ไม่ได้ดูเลยว่าความจริงเป็นอย่างไร

Edited by baezae, 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 22:49.

[evomans136]

วันที่ 31 กรกฎาคม 2554 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีฐานะเบื้องต้นสุทธิติดลบ 524 ล้านบาท


ฐานะกองทุน สุทธิ -15,774
-17,635




ฐานะกองทุนสุทธิ กับฐานะเบื่องต้นสุทธิ มันตัวเดียวกันเปล่าคุณ

ถ้าตัวเดียวกันไอ้มาร์คมันให้มา ติดลบ 524 ล้านแล้ว

อย่าเอา 17000 มาอ้าง

[Bookmarks]

เอาครับเอาไงก็เอาขี้เกียจเถียงจะอะไรก็เชิญตามสบายครับ

ขี้ใจน้อยอีกรายแล้ว

ไม่ใช่ขี้ใจน้อยหรอกครับ น่าจะเป็นว่าต้องรีบไป เพราะจะกลายเป็นว่า ยิ่งเถียงแล้วยิ่งแฉ ว่ารัฐบาลปูเน่าห่วย

[Gop]

หวังว่าคุณ evomans136 จะอยู่คุยต่อที่นี่นะครับ ผมว่ายังมีประเด็นที่น่าคุยอีกหลายเรื่องเช่น

๑ เรื่องเงินกู้ IMF ใครกู้ ใครเป็นคนจ่าย ต้องให้เครดิตใคร??

๒ คดีต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ เรื่องคุณอภิสิทธิ์ จะได้รู้ไปเลยว่าพวกแกนนำแดงหลอกคุณจริงหรือเปล่า

หรือเรื่องอื่นๆก็ได้นะครับ อย่างคดีความทักษิณ เรื่องน้ำท่วม ฯลฯ

เพราะผมเห็นว่าคุณ evomans136 นั้นอย่างน้อยก็มีการหาข้อมูลมาอ้างอิง ผมเบื่อพวกเสื้อแดงปากดีน่ะครับ ชอบแบบนี้มากกว่า

[baezae]

วันที่ 31 กรกฎาคม 2554 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีฐานะเบื้องต้นสุทธิติดลบ 524 ล้านบาท


ฐานะกองทุน สุทธิ -15,774
-17,635




ฐานะกองทุนสุทธิ กับฐานะเบื่องต้นสุทธิ มันตัวเดียวกันเปล่าคุณ

ถ้าตัวเดียวกันไอ้มาร์คมันให้มา ติดลบ 524 ล้านแล้ว

อย่าเอา 17000 มาอ้าง

อ่านไม่รู้เรื่องสินะ หรือไม่ก็ไม่ได้อ่านที่พิมพ์ไปก่อนหน้า

วันที่ ๓๑ กรกฎา มีฐานะเบื้องต้นสุทธิ ลบ ๕๐๐ กว่าล้านจริง ผมก็เป็นคนให้ข้อมูลเองด้วยซ้ำ

แต่เมื่อได้รายรับคงค้างแล้ว วันที่ ๙ สิงหา วันที่รัฐบาลนี้เพิ่งรับตำแหน่ง ติดลบ ๕๕ ล้าน อันนี้ให้ข้อมูลไปแล้ว คาดว่าไม่ได้สนใจอ่าน

อ่ะ ผมต่อให้เลย ติดลบ ๕๐๐ ล้าน

ไม่ทราบอีก ๒ หมื่น ๑ พัน ๕ ร้อยล้าน ณ ปัจจุบัน หากนายกหัวกลวงบริหารดีเก่งกาจอย่างที่หลับหูหลับตาเชื่อนี่ เอาจากไหนมาติดลบอีก?

ไม่นับว่าจริง ๆ แล้วเมื่อเข้ามาบริหารแค่ ๑๕ วัน เงินรายรับคงค้างที่ได้รับเข้ามา ทำให้ฐานะกองทุนสุทธิ เป็นบวก ๑ พันล้านด้วยนะ นี่ก็ให้ข้อมูลไปแล้วอีก

ผมให้ข้อมูลมาตลอดว่า เงินฐานะสุทธิ กับกระแสเงินสดมันคนละตัวกัน แต่มันเกี่ยวโยงกัน เพราะแสดงได้ถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการงาน แต่ดูเหมือนนายอีโวจะไม่เข้าใจ หรือไม่พยายามจะเข้าใจ

เชื่อเฉพาะที่อยากเชื่อ แล้วแถไปข้าง ๆ คู ๆ

Edited by baezae, 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:08.

[Gop]

วันที่ 31 กรกฎาคม 2554 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีฐานะเบื้องต้นสุทธิติดลบ 524 ล้านบาท

http://www.eppo.go.t.../kbg/kbg-89.htm

สิ้นสมัยอภิสิทธิกองทุนน้ำมัน มีฐานะเบื่องต้นสุทธิ ติดลบ 524

เพราะมาทำติดลบไป จากเดิมเริ่มแรก มี 23380 ล้านบาท ตอนนี้ติลบ 524 ล้านบาท

เพราะฉนั้นบวกไป 23380+524 = 23904

เพราะฉนั้นมาร์คทำกองทุนน้ำมัน ลดไป 23904 ล้านบาท


คราวนี้มายุคยิ่งลักษณ์ เริ่มต้น ติดลบ 524 ล้านบาท

4.1 ฐานะกองทุนฯ ณ วันที่ 26 กันยายน 2554 มีเงินสดในบัญชี 16,867 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 18,168 ล้านบาท มีฐานะกองทุนสุทธิติดลบ 1,302 ล้านบาท (รวมเงินฝากโครงการส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันจำนวน 500 ล้านบาท)

http://www.eppo.go.t.../kbg/kbg-98.htm


อันนี้เป็นข้อมูลล่าสุดที่ผมหาได้แล้วครับเพราะ เดือน กพ มีค เมย ผมหาข้อมูลไม่ได้แล้ว

เพราะฉนั้นเดือน มกราคม ยิ่งลักษณติดลบไป 14550

เริ่มรับตำแหน่งยิ่งลักษณ์ ติดลบ 524 เพราะฉนั้นเอามาลบกัน

14550 - 524 = 14026 ล้านบาท

เพราะฉะนั้นยิ่งลักษณ์ทำเงินหายไป 14026 ล้านบาท ใน 6 เดือน จากสิงหาคน - มกราคม

ส่วนมาร์คทำเงินหายไป 23904 ภายใน 6 เดือนเช่นกัน จาก กุมภาพันธ์ - กรกฎาคม

ผมขอถามอีกทีนะครับ

คุณบอกว่านี่คือหลักฐานว่ายิ่งลักษณ์ บริหารกองทุนน้ำมันดีกว่าอภิสิทธิ์ใช่มั้ยครับ เอาชัดๆเลย

[baezae]

วันที่ 31 กรกฎาคม 2554 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีฐานะเบื้องต้นสุทธิติดลบ 524 ล้านบาท

http://www.eppo.go.t.../kbg/kbg-89.htm

สิ้นสมัยอภิสิทธิกองทุนน้ำมัน มีฐานะเบื่องต้นสุทธิ ติดลบ 524

เพราะมาทำติดลบไป จากเดิมเริ่มแรก มี 23380 ล้านบาท ตอนนี้ติลบ 524 ล้านบาท

เพราะฉนั้นบวกไป 23380+524 = 23904

เพราะฉนั้นมาร์คทำกองทุนน้ำมัน ลดไป 23904 ล้านบาท


คราวนี้มายุคยิ่งลักษณ์ เริ่มต้น ติดลบ 524 ล้านบาท

4.1 ฐานะกองทุนฯ ณ วันที่ 26 กันยายน 2554 มีเงินสดในบัญชี 16,867 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 18,168 ล้านบาท มีฐานะกองทุนสุทธิติดลบ 1,302 ล้านบาท (รวมเงินฝากโครงการส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันจำนวน 500 ล้านบาท)

http://www.eppo.go.t.../kbg/kbg-98.htm


อันนี้เป็นข้อมูลล่าสุดที่ผมหาได้แล้วครับเพราะ เดือน กพ มีค เมย ผมหาข้อมูลไม่ได้แล้ว

เพราะฉนั้นเดือน มกราคม ยิ่งลักษณติดลบไป 14550

เริ่มรับตำแหน่งยิ่งลักษณ์ ติดลบ 524 เพราะฉนั้นเอามาลบกัน

14550 - 524 = 14026 ล้านบาท

เพราะฉะนั้นยิ่งลักษณ์ทำเงินหายไป 14026 ล้านบาท ใน 6 เดือน จากสิงหาคน - มกราคม

ส่วนมาร์คทำเงินหายไป 23904 ภายใน 6 เดือนเช่นกัน จาก กุมภาพันธ์ - กรกฎาคม

ผมขอถามอีกทีนะครับ

คุณบอกว่านี่คือหลักฐานว่ายิ่งลักษณ์ บริหารกองทุนน้ำมันดีกว่าอภิสิทธิ์ใช่มั้ยครับ เอาชัดๆเลย

ข้อความที่ว่า อภิสิทธิ์ทำลดมาจาก ๒ หมื่น ๘ พันล้านเค้าก็มั่วครับคุณ Gop

7. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2551 มีเงินสดในบัญชี 16,097 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 7,787 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระเงินชดเชย 7,461 ล้านบาท และงบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 326 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันสุทธิ 8,310 ล้านบาท โดยที่ยังมีหนี้นำเข้า LPG จาก ปตท. ถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2551 อยู่ประมาณ 7,948 ล้านบาท

http://www.eppo.go.t.../kbg/kbg-37.htm

ตรงนี้คือเมื่ออภิสิทธิ์เริ่มเข้ารับตำแหน่ง

หมายความว่ามีเงินหมุน ๑ หมื่น ๖ พันล้าน มีฐานกองทุนสุทธิ ๘ พันล้าน แถมมีหนี้ที่จะต้องนำไปหักอีก ๘ พันล้านซึ่งยังไม่ได้นำมาคิด (จะเห็นได้ว่าแยกข้อความไว้ด้านหลัง)

เงินหมุนทั้ง สิ้น ๑๖ ๐๐๐ ๐๐๐ ลบด้วย
หนี้กองทุน ๗๗๘๗๐๐๐
คงเหลือฐานะสุทธิ ๘๓๑๐๐๐๐ (ตรงนี้ผมคิดว่าถ้าไม่ใช่คิดผิดไป ๒๐ ล้าน ก็มีค่าใช้จ่ายอะไรสักอย่าง)

แต่เอ๊ะ มีหนี้นำเข้า LPG อีก ๗๙๐๐ ล้าน

ตายห่า รับส่งมอบมาจากรัฐบาลสมแต๋วจริง ๆ แล้วแค่ ๔๐๐ ล้านนี่หว่า

แถมเมื่อใช้ไป ชดเชยไป เมื่อส่งมอบให้รัฐบาลหน้าโง่ ณ ปัจจุบัน ด้วยหลัก ๑ พันล้าน ตีความอย่างแย่ก็เสมอตัว

ทีลบไปอีกเป็น ๒ หมื่นล้านน่ะ ความเก่งกาจของนายกฯ หัวกลวงล้วน ๆ

Edited by baezae, 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:23.

[evomans136]

ครับผมพอแล้วครับยิ่งอ่านยิ่งหัวเสีย

ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดครับขอโทษด้วยยิ่งอ่านยิ่งงง

[Gop]

ครับผมพอแล้วครับยิ่งอ่านยิ่งหัวเสีย

ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดครับขอโทษด้วยยิ่งอ่านยิ่งงง

อ้าว ไม่ตอบผมหน่อยเหรอครับ ??

[Gop]

วันที่ 31 กรกฎาคม 2554 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีฐานะเบื้องต้นสุทธิติดลบ 524 ล้านบาท

http://www.eppo.go.t.../kbg/kbg-89.htm

สิ้นสมัยอภิสิทธิกองทุนน้ำมัน มีฐานะเบื่องต้นสุทธิ ติดลบ 524

เพราะมาทำติดลบไป จากเดิมเริ่มแรก มี 23380 ล้านบาท ตอนนี้ติลบ 524 ล้านบาท

เพราะฉนั้นบวกไป 23380+524 = 23904

เพราะฉนั้นมาร์คทำกองทุนน้ำมัน ลดไป 23904 ล้านบาท


คราวนี้มายุคยิ่งลักษณ์ เริ่มต้น ติดลบ 524 ล้านบาท

4.1 ฐานะกองทุนฯ ณ วันที่ 26 กันยายน 2554 มีเงินสดในบัญชี 16,867 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 18,168 ล้านบาท มีฐานะกองทุนสุทธิติดลบ 1,302 ล้านบาท (รวมเงินฝากโครงการส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันจำนวน 500 ล้านบาท)

http://www.eppo.go.t.../kbg/kbg-98.htm


อันนี้เป็นข้อมูลล่าสุดที่ผมหาได้แล้วครับเพราะ เดือน กพ มีค เมย ผมหาข้อมูลไม่ได้แล้ว

เพราะฉนั้นเดือน มกราคม ยิ่งลักษณติดลบไป 14550

เริ่มรับตำแหน่งยิ่งลักษณ์ ติดลบ 524 เพราะฉนั้นเอามาลบกัน

14550 - 524 = 14026 ล้านบาท

เพราะฉะนั้นยิ่งลักษณ์ทำเงินหายไป 14026 ล้านบาท ใน 6 เดือน จากสิงหาคน - มกราคม

ส่วนมาร์คทำเงินหายไป 23904 ภายใน 6 เดือนเช่นกัน จาก กุมภาพันธ์ - กรกฎาคม

ผมขอถามอีกทีนะครับ

คุณบอกว่านี่คือหลักฐานว่ายิ่งลักษณ์ บริหารกองทุนน้ำมันดีกว่าอภิสิทธิ์ใช่มั้ยครับ เอาชัดๆเลย

แค่นี้เองครับ ที่คุณให้มาเองเลย ตอบผมหน่อยได้มั้ย

[evomans136]

วันที่ 3 พฤษภาคม 2554 มีเงินสดในบัญชี 34,518 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 33,548 ล้านบาท แยกเป็นหนี้อยู่ระหว่างการเบิกจ่ายชดเชย 33,340 ล้านบาท งบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 207 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะเบื้องต้นสุทธิ 971 ล้านบาท

http://www.eppo.go.t.../kbg/kbg-76.htm

มาเดือนพฤษภาคม มาร์คเหลือ 971 ล้านบาท

หายไปอีก 10631 ล้านบาท +ของเดิม 11778

10631+11778 = 22409 ล้านบาท



อื้อฉาว !! รัฐบาลเด็ก "มาร์ค" ... 4 เดือน ถลุงเงินกองทุนน้ำมัน 2.8 หมื่นล้าน เกลี้ยง
อื้อฉาวและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางกับการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของรัฐบาลของ "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เนื่องจากเงินที่สะสมไว้ 28,000 ล้านบาทตั้งแต่สมัยนายปิยสัวส์ดิ์ อัมระนันท์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในยุครัฐบาลคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ( คมช.) เพื่อใช้ในการดูแลกลไกราคาพลังงานถูกใช้เกลี้ยงในพริบตาเพียงระยะเวลา 4 เดือนเท่านั้น
ผลงานรัฐบาลชุดนี้โดดเด่นที่การจ่ายเงิน แต่ไม่ชำนาญด้านการหาเงิน ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ในวันนี้เหลือเงินสดอยู่เพียง 4,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้หักรวมหนี้ต่าง ๆ ที่เจ้าหนี้รอแบมือทวงเงินอยู่กว่า 4,000 ล้านบาทต่อเดือน และต้องใช้พยุงราคาน้ำมันดีเซล 1,671 ล้านบาทต่อเดือน เท่ากับวันนี้ความเป็นจริงของกองทุนน้ำมันฯมีสภาพติดลบไปแล้วกว่า 1,600 ล้านบาทต่อเดือน แต่ที่รัฐบาลพยายามประกาศว่ายังมีเงินเหลืออยู่เพื่อพยุงราคาดีเซลจนถึงรัฐบาลชุดหน้านั้น ก็เกิดจากการเบี้ยวจ่ายเงินเจ้าหนี้นั่นเอง
และเจ้าหนี้รายใหญ่คือ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)นั่นเอง ที่ตามทวงหนี้ 2 ก้อนใหญ่ๆ จากกองทุนน้ำมันฯ คือ หนี้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) 2,900 ล้านบาทต่อเดือน และก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์(เอ็นจีวี) 300- 400 ล้านบาทต่อเดือน ยังไม่นับรวมที่กองทุนน้ำมันฯต้องตามชดเชยราคาพลังงานทดแทนอื่นๆ อีก
เนื่องด้วยกระทรวงพลังงานเห็นว่า ปตท. เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายรัฐ ดังนั้นรัฐบาลจึงเห็นว่าสามารถถ่วงเวลาจ่ายหนี้ไปก่อนได้ และภาระหนักก็ตกกับ ปตท.ที่ขณะนี้แบกรับภาระการชดเชยแอลพีจีไปแล้วเกือบ 10,000 ล้านบาท และเอ็นจีวีอีกเกือบ 20,000 ล้านบาท สำหรับเงินกองทุนน้ำมันฯที่หมดไปกับมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรต่อลิตรของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์นั้น เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2553 จนถึงวันนี้ใช้เงินพยุงราคาดีเซลไปแล้วทั้งสิ้น 23,301 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตั้งขึ้นช่วงปี 2523 - 2524 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือชั่วคราวในการทยอยปรับเปลี่ยนราคาน้ำมันให้เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้น โดยใช้วิธีดังนี้คือ เมื่อราคาน้ำมันแพง ก็เอาเงินกองทุนฯไปพยุงราคาไว้ไม่ให้ขึ้นราคาอย่างรวดเร็ว แต่จะค่อยๆ ทยอยขึ้นราคาน้ำมันทีละนิดเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว แต่เมื่อราคาน้ำมันถูกลง ประชาชนยังคงต้องใช้น้ำมันราคาสูงไปสักระยะเพื่อเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯก่อน
ต่อมาเกิดวิกฤติราคาน้ำมันโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี 2522 - 2529 ราคาน้ำมันพุ่งจาก 7 บาทต่อลิตร เป็น 13.45 บาทต่อลิตร ต่อมาประเทศไทยพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยปี 2524 และไทยเริ่มผลิตแอลพีจีได้เป็นครั้งแรก มีการส่งเสริมใช้แอลพีจีในรถยนต์ โดยรัฐบาลอนุมัติให้ขึ้นราคาน้ำมันเบนซินสูงสุดตามตลาดโลกสมัยนั้น 13.45 บาทต่อลิตร แต่ตรึงราคาแอลพีจี 6 บาทต่อลิตร เมื่อมีทางเลือกในการใช้พลังงานแล้วรัฐบาลต่อมาจึงประกาศลอยตัวราคาน้ำมันในปี 2532
ผลจากการลอยตัวทำให้ไม่ต้องใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ จนเมื่อราคาน้ำมันกลับมาสูงอีกครั้งสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2533-2534 ประชาชนแห่มาใช้แอลพีจีอย่างหนัก และรัฐบาลต้องแบกรับภาระชดเชยแอลพีจีเป็นครั้งแรก ดังนั้นเมื่อประกาศลอยตัวราคาน้ำมันไปแล้วทำให้ไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเข้ากองทุนฯได้ ขณะที่ต้องมีภาระชดเชยแอลพีจี ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯติดลบเป็นครั้งแรก 10,000 ล้านบาท และต้องกู้เงินจากธนาคารมาชำระหนี้แอลพีจี
ต่อมายุค พล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีปี 2540 ได้จัดการเคลียร์ปัญหากองทุนน้ำมันฯจนกลับมาเป็นบวก ด้วยการขึ้นราคาแอลพีจี 3 บาทต่อกิโลกรัม และไม่แทรกแซงราคาน้ำมัน แต่แล้วก็เกิดวิกฤติราคาน้ำมันโลกอีกครั้งสมัยรัฐบาลทักษิณ2 ในปี 2548 - 2549 มีการนำเงินไปพยุงราคาดีเซลจนกองทุนติดลบเป็นครั้งที่ 2 ถึง 90,000 ล้านาท จนสมัยนายปิยสวัสดิ์ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในยุครัฐบาล คมช. แก้ไขปัญหาจนกองทุนน้ำมันเป็นบวกกว่า 30,000 ล้านบาท
และแล้วก็มาสู่ยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนล่าสุด ที่ทำให้ตัวเลขทางบัญชีกองทุนน้ำมันฯกลับกลายเป็นลบ นับเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนน้ำมันฯขึ้นมา ปัญหาที่ถมทับกองทุนน้ำมันฯในขณะนี้คือ การพยุงราคาแอลพีจีมานานและรัฐบาลไม่กล้าขยับขึ้นราคาแอลพีจีในประเทศ โดยยังตรึงไว้ 330 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ราคาตลาดโลกพุ่งไป 930 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ที่ผ่านมามีการพยายามจะปรับขึ้นราคาแอลพีจีเป็นระบบขั้นบันได หรือทยอยปรับขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้เริ่มรับรู้ราคาพลังงานจริงที่เกิดขึ้น แต่หลายรัฐบาลไม่กล้า เนื่องจากหวั่นปัญหาคะแนนเสียงทางการเมือง
จนปัญหาด้านราคาเอ็นจีวีมาซ้ำเติม เพราะรัฐบาลตรึงราคาอีกเช่นกันที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาจริงขึ้นไป 13 - 14 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ภาระเพิ่มพูน และบวกภาระการชดเชยราคาดีเซลเข้าไปอีก ท้ายที่สุดกองทุนน้ำมันฯหนีไม่พ้นกลับมาเป็นหนี้ต้องกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินมาใช้หนี้ค้างชำระต่างๆ อีกครั้ง
รัฐบาลยุคนายอภิสิทธิ์ โชคร้ายตรงที่ราคาพลังงานมาปรับสูงขึ้นเกือบทุกอย่าง แต่แล้วก็ไม่มีวิธีการแก้ปัญหาใดๆ ออกมา มีเพียงแต่พยุงราคาเพียงอย่างเดียว จนประชาชนผู้ใช้น้ำมันดีเซลยังไม่ตระหนักรับรู้ว่า ราคาน้ำมันโลกสูงต้องร่วมมือกันประหยัดแล้ว แต่ผู้ใช้น้ำมันเบนซินคงทราบดี เนื่องจากเงินทุกบาทที่จ่ายไปกับการซื้อน้ำมันเบนซินต้องจ่ายเพิ่มไปยังกองทุนน้ำมันฯด้วย และกองทุนน้ำมันฯก็นำไปพยุงราคาให้กับผู้ใช้ดีเซล เอ็นจีวี แอลพีจี เท่ากับวันนี้ผู้ใช้น้ำมันเบนซิน เป็นผู้เสียสละอย่างจำใจ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ดีเซล เอ็นจีวี และแอลพีจี ได้มีพลังงานใช้ราคาถูกกันต่อไป ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มี น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังคงยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้มีเงินสดพอที่จะพยุงราคาน้ำมันดีเซลต่อไปจนยุบสภาและรอรัฐบาลชุดหน้ามาบริหารจัดการภาระหนี้กองทุนน้ำมันฯ แทน
เป็นอันว่า รัฐบาลชุดนี้ใช้เงินหมดแล้ว ใครมาเป็นรัฐบาลชุดหน้าก็แก้ปัญหาไปก็แล้วกัน..... ก็ได้แต่หวังว่ารัฐบาลชุดหน้าจะมีกึ๋นในการบริหารจัดการพลังงานของประเทศได้ดีกว่าทุกวันนี้
แหล่งข้อมูล : สยามรัฐ วันที่ 25 เมย. 54 เวลา 10.59 น.



ตัวเลขค่อนข้างจะตรงวันก็ใกล้ๆกัน

ที่มันไม่ตรงเพราะอาจได้รายได้จากส่วนไหนอีก 6000 ล้าน

หรือแหล่งข่าวงบไม่ตรงกัน




ผมขอคิดของผมครับ มาร์ค ทำกองทุนหายไปประมาณ 20000 ล้าน

เพราะผมก็อุตสาหาข้อมูลเป็นช่วงๆให้แล้วครับและก็มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ไม่ใช่ข่าว

ตัวเลขมันหลอกกันไม่ได้หรอกครับ





จบแล้วครับผมพอแล้วเมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอนครับเพราะหาข้อมูลมานี้แระ


ตอนนี้สมองผมตือหมดแล้วครับ




ลาก่อนครับผมสัญญาจะไม่เข้ามาอีกครับ

Edited by evomans136, 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:45.

[Shart]

ลารอบที่ล้านแล้ว

[Bookmarks]

ครับ ปูหัวกลวง งดกองทุนน้ำมัน ทำให้เป็นหนี้ 2 หมื่นล้าน

แปลกดีเนอะ ทำตามแบบอภิสิทธิ์ ทุกอย่าง แต่คนหน้าเดิม log in ใหม่ บอกว่า รัฐบาลอีปูเก่ง แต่อภิสิทธิ์ห่วย

กพช.ขยับเพดานกู้เงินเพิ่ม 2 หมื่นล้าน โปะกองทุนน้ำมันอุ้มแอลพีจี พร้อมนำร่องโครงการประหยัดพลังงาน ขณะที่ค่าเอฟทีงวดใหม่เดือน พ.ค.จ่อขึ้นอีก 30 สตางค์ โพลชี้คนกรุงไม่เชื่อฝีมือ "ปู" แก้ของแพง

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบการจัดหาเงินให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อเสริมสภาพคล่องของกองทุน ที่ต้องมีภาระในการชดเชยราคาก๊าซแอลพีจี โดยให้กู้เงินจากสถาบันการเงิน หรือออกตราสารหนี้จำนวน 20,000 ล้านบาท ระยะเวลาชำระหนี้ภายใน 3 ปี ขณะที่วงเงินกู้เดิมจำนวน 10,000 ล้านบาทนั้น ได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการชำระคืนหนี้เงินกู้จาก 1 ปี เป็น 3 ปี โดยให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (สบพน.) ขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้คืนได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมหากกองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเหลือไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้

“กองทุนยังมีภารกิจที่ต้องชดเชยราคาก๊าซแอลพีจี หรือก๊าซหุงต้ม ตามแผนเดิม และมีแผนค่อยๆ ปรับราคาขึ้นอย่างช้าๆ เพราะในอดีตเราควบคุมราคาไว้ในระดับต่ำมาก น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของราคาขายในประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นจึงต้องปรับตัว ไม่เช่นนั้นก็จะถูกลักลอบ และต้องไปชดเชยผู้บริโภคที่อยู่นอกประเทศ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกู้เงินเข้ามาให้เกิดสภาพคล่อง โดยวงเงินที่กู้นี้จะทำให้กรอบเงินกู้ขยับไปเป็น 30,000 ล้านบาท และเป็นวงเงินที่ไม่มาก เพราะในอดีตเรามียอดเงินที่สูงกว่านี้หลายเท่า” นายกิตติรัตน์ระบุ

Edited by Bookmarks, 5 เมษายน พ.ศ. 2555 - 23:59.

[Gop]

ผมขอคิดของผมครับ มาร์ค ทำกองทุนหายไปประมาณ 20000 ล้าน เพราะผมก็อุตสาหาข้อมูลเป็นช่วงๆให้แล้วครับและก็มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ไม่ใช่ข่าว ตัวเลขมันหลอกกันไม่ได้หรอกครับ[/color] จบแล้วครับผมพอแล้วเมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอนครับเพราะหาข้อมูลมานี้แระ ตอนนี้สมองผมตือหมดแล้วครับ ลาก่อนครับผมสัญญาจะไม่เข้ามาอีกครับ

ครับ ข้อมูลหลอกกันไม่ได้ เดี๋ยวผมตามเช็คได้

ผมแค่อยากให้คุณยืนยันหน่อยครับ เห็นพูดมาตั้งเยอะ ว่ามาร์คบริหารแย่กว่าคุณปู เพราะทำเงินกองทุนลดมากกว่า

คุณมาร์จาก + อยู่หลักหมื่นล้าน ตอนหลังๆ ติดลบหลักร้อยล้าน นั้นแย่กว่าคุณปูที่

ตอนแรก ติดลบหลักร้อยล้าน ตอนนี้ติดลบหลักหมื่นล้าน

ผมเห็นว่าคุณพยายามชี้ตรงนี้ใช่มั้ยครับ ผมเลยอยากถามย้ำว่า

สิ่งเหล่านี้คือหลักฐานว่าอภิสิทธิ์บริหารกองทุนน้ำมันแย่กว่ายิ่งลักษณ์ใช่มั้ยครับ???

[baezae]

วนเวียนไป วนเวียนมา เชื่อเฉพาะสิ่งที่อยากเชื่อ

อ่ะ สรุปให้อีกที

๑. อภิสิทธิ์รับมาจากสมแต๋ว ฐานะกองทุนสุทธิ ๘ พันกว่าล้าน แต่มีหนี้หมกอยู่อีก ๗ พันกว่าล้าน สรุปเหลือฐานะจริง ๆ แค่ ๔๐๐ ล้าน อันนี้ลิงค์อยู่ด้านบน

๒. ระหว่างการบริหาร จนกระทั่งมกรา ๕๔ ฐานะกองทุนสุทธิ ๒ หมื่น ๕ พันล้าน มีเงินหมุนเวียนทั้งสิ้น ๓ หมื่น ๖ พันล้าน (มันเก็บยังไงของมันวะเนี่ย)

http://202.44.52.249...etail.aspx?id=4

๓. พฤษภาคม เกิดภาวะน้ำมันแพง เงินกองทุนลดลง จนกระทั่งฐานะไปติดลบที่กรกฎาคม ที่ ๕๐๐ ล้าน มีเงินหมุนเวียน ๑ หมื่น ๕ พันล้าน (ถ้าไม่เก็บไว้ก่อนหน้า ป่านนี้ฉิบหายกันไปหมดแล้วกระมัง)

๔. ต้นสิงหา ฐานะกระเตื้องขึ้น ติดลบที่ ๕๕ ล้าน และปลายสิงหาหลังจากเก็บรายรับที่ค้างอยู่ได้ กลับมาบวก ๑ พันล้าน เงินหมุนเวียน ๑ หมื่น ๗ พันล้าน

๕. กันยา รัฐบาลนี้บริหารเต็มตัว เหลือฐานะที่ ๔๐๐ ล้าน

๖. ตุลา ติดลบไป ๑๐๐๐ ล้าน ออกมาตราการกู้ ๑ หมื่นล้าน

๗. มกรา ติดลบ ๑.๕ หมื่นล้าน มีเงินหมุนเวียนตอนธันวา ๖พันล้าน ถ้ากู้มาได้แล้ว ก็คงมีหมุนสัก ๑ หมื่น ๕ ถึง ๖ พันล้าน แหม ตัวเลขเหมาะกับข่าวเด๊ะ

๘. มีนา-เมษา ติดลบ ๒.๒ หมื่นล้าน มีเงินหมุนเวียน ๔ พันกว่าล้าน เตรียมกู้เพิ่ม ๒ หมื่นล้าน

อ่านง่ายดีไหม

[civilrider]

ข้อมูลเพียบไม่น่ารีบจบเลย..รอภาค2ครับ

[Bookmarks]

วนเวียนไป วนเวียนมา เชื่อเฉพาะสิ่งที่อยากเชื่อ

อ่ะ สรุปให้อีกที

๑. อภิสิทธิ์รับมาจากสมแต๋ว ฐานะกองทุนสุทธิ ๘ พันกว่าล้าน แต่มีหนี้หมกอยู่อีก ๗ พันกว่าล้าน สรุปเหลือฐานะจริง ๆ แค่ ๔๐๐ ล้าน อันนี้ลิงค์อยู่ด้านบน

๒. ระหว่างการบริหาร จนกระทั่งมกรา ๕๔ ฐานะกองทุนสุทธิ ๒ หมื่น ๕ พันล้าน มีเงินหมุนเวียนทั้งสิ้น ๓ หมื่น ๖ พันล้าน (มันเก็บยังไงของมันวะเนี่ย)

http://202.44.52.249...etail.aspx?id=4

๓. พฤษภาคม เกิดภาวะน้ำมันแพง เงินกองทุนลดลง จนกระทั่งฐานะไปติดลบที่กรกฎาคม ที่ ๕๐๐ ล้าน มีเงินหมุนเวียน ๑ หมื่น ๕ พันล้าน (ถ้าไม่เก็บไว้ก่อนหน้า ป่านนี้ฉิบหายกันไปหมดแล้วกระมัง)

๔. ต้นสิงหา ฐานะกระเตื้องขึ้น ติดลบที่ ๕๕ ล้าน และปลายสิงหาหลังจากเก็บรายรับที่ค้างอยู่ได้ กลับมาบวก ๑ พันล้าน เงินหมุนเวียน ๑ หมื่น ๗ พันล้าน

๕. กันยา รัฐบาลนี้บริหารเต็มตัว เหลือฐานะที่ ๔๐๐ ล้าน

๖. ตุลา ติดลบไป ๑๐๐๐ ล้าน ออกมาตราการกู้ ๑ หมื่นล้าน

๗. มกรา ติดลบ ๑.๕ หมื่นล้าน มีเงินหมุนเวียนตอนธันวา ๖พันล้าน ถ้ากู้มาได้แล้ว ก็คงมีหมุนสัก ๑ หมื่น ๕ ถึง ๖ พันล้าน แหม ตัวเลขเหมาะกับข่าวเด๊ะ

๘. มีนา-เมษา ติดลบ ๒.๒ หมื่นล้าน มีเงินหมุนเวียน ๔ พันกว่าล้าน เตรียมกู้เพิ่ม ๒ หมื่นล้าน

อ่านง่ายดีไหม

evomans เจ้านี้ เค้า log in ใหม่ แต่หน้าเดิมครับ ไม่ยอมเอาข้อมูลการติดหนี้ของสมัยสมชายมารวมด้วย ที่อภิสิทธิ์ ต้องตามใช้หนี้ให้อยู่ มันเลยกลายเป็นความจริงครึ่งเดียว

ใช่คนเดียวกับคนข้างล่างนี้หรือเปล่า
V
v

กองทุนน้ำมันติดลบ เพราะไม่เอาเงินคนเติมน้ำมันเบนซิน ไปอุ้ม ดีเซล,LPG, NGV

หากรัฐบาลเอาเงินคนเติมน้ำมันเบนซินไปอุ้มแบบไอ้รัฐบาลมาร์ค โดนลิตรละ 6-7 บาท แล้วยังทำให้กองทุนติดลบได้อีกโง่กว่าอีปูนักไอ้มาร์คเนี้ย

Edited by Bookmarks, 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 00:09.

[evomans136]

ผมขอคิดของผมครับ มาร์ค ทำกองทุนหายไปประมาณ 20000 ล้าน เพราะผมก็อุตสาหาข้อมูลเป็นช่วงๆให้แล้วครับและก็มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ไม่ใช่ข่าว ตัวเลขมันหลอกกันไม่ได้หรอกครับ[/color] จบแล้วครับผมพอแล้วเมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอนครับเพราะหาข้อมูลมานี้แระ ตอนนี้สมองผมตือหมดแล้วครับ ลาก่อนครับผมสัญญาจะไม่เข้ามาอีกครับ

ครับ ข้อมูลหลอกกันไม่ได้ เดี๋ยวผมตามเช็คได้

ผมแค่อยากให้คุณยืนยันหน่อยครับ เห็นพูดมาตั้งเยอะ ว่ามาร์คบริหารแย่กว่าคุณปู เพราะทำเงินกองทุนลดมากกว่า

คุณมาร์จาก + อยู่หลักหมื่นล้าน ตอนหลังๆ ติดลบหลักร้อยล้าน นั้นแย่กว่าคุณปูที่

ตอนแรก ติดลบหลักร้อยล้าน ตอนนี้ติดลบหลักหมื่นล้าน

ผมเห็นว่าคุณพยายามชี้ตรงนี้ใช่มั้ยครับ ผมเลยอยากถามย้ำว่า

สิ่งเหล่านี้คือหลักฐานว่าอภิสิทธิ์บริหารกองทุนน้ำมันแย่กว่ายิ่งลักษณ์ใช่มั้ยครับ???

ตอบครั้งสุดท้ายนะครับผมไม่รู้ใครดีกว่ากันแต่มันคนละแบบ

มาร์คใช้เงินอุ้ม ดีเซล จนหมดไป 20000 ล้านครับ

ส่วนงดภาษีผมไม่ขอพูดเพราะยิ่งลักษณ์ช่วงแรกๆก็ใช้มาตรการนี้เหมือนกัน

จากการอุ้มทำให้ราคา ดีเซล ไม่ค่อยเพิ่มประชาชนไม่เดือดร้อน แต่เงินกองทุนก็หายไปมากกว่ายิ่งลักษณ์


ส่วนยิ่งลักษณ์ไม่อุ้ม น้ำมันเท่าอภิสิทธิ์ครับ และโชคดีที่แรกๆน้ำมันลดไปเหลือ 85-86 ในสามเดือนแรก

ส่งผลให้น้ำมันช่วงนั้นยิ่งลักษณ์ถูกกว่าแล้วไม่จำเป็นต้องใช้เงินอุ้มเท่าอภิสิทธิ์

แต่เดือนต่อมาน้ำมันขึ้นอีกครับ เป็น 90 ปลายๆ และแตะร้อยในที่สุด แต่ยิ่งลักษณ์ปล่อยให้ไปตามกลไกตลาดมากกว่า

น้ำมันเลยแพงกว่ามาร์คนิดหน่อย และอีกไม่นานหรือเก็บไปแล้วไม่รู้ จะเก็บภาษีน้ำมันตามเดิม เริ่มจากลิตรละ 1 บาท

ซึ่งจะทำให้น้ำมันแพงขึ้นอีกลิตรละ 1 บาท แต่สรรพสามิตสามารถเก็บภาษีได้



ผมไม่รู้ใครดีกว่ากันครับเพราะมันมีประโยชน์คนละแบบ

Edited by evomans136, 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 01:32.

[evomans136]

วนเวียนไป วนเวียนมา เชื่อเฉพาะสิ่งที่อยากเชื่อ

อ่ะ สรุปให้อีกที

๑. อภิสิทธิ์รับมาจากสมแต๋ว ฐานะกองทุนสุทธิ ๘ พันกว่าล้าน แต่มีหนี้หมกอยู่อีก ๗ พันกว่าล้าน สรุปเหลือฐานะจริง ๆ แค่ ๔๐๐ ล้าน อันนี้ลิงค์อยู่ด้านบน

๒. ระหว่างการบริหาร จนกระทั่งมกรา ๕๔ ฐานะกองทุนสุทธิ ๒ หมื่น ๕ พันล้าน มีเงินหมุนเวียนทั้งสิ้น ๓ หมื่น ๖ พันล้าน (มันเก็บยังไงของมันวะเนี่ย)

http://202.44.52.249...etail.aspx?id=4

๓. พฤษภาคม เกิดภาวะน้ำมันแพง เงินกองทุนลดลง จนกระทั่งฐานะไปติดลบที่กรกฎาคม ที่ ๕๐๐ ล้าน มีเงินหมุนเวียน ๑ หมื่น ๕ พันล้าน (ถ้าไม่เก็บไว้ก่อนหน้า ป่านนี้ฉิบหายกันไปหมดแล้วกระมัง)

๔. ต้นสิงหา ฐานะกระเตื้องขึ้น ติดลบที่ ๕๕ ล้าน และปลายสิงหาหลังจากเก็บรายรับที่ค้างอยู่ได้ กลับมาบวก ๑ พันล้าน เงินหมุนเวียน ๑ หมื่น ๗ พันล้าน

๕. กันยา รัฐบาลนี้บริหารเต็มตัว เหลือฐานะที่ ๔๐๐ ล้าน

๖. ตุลา ติดลบไป ๑๐๐๐ ล้าน ออกมาตราการกู้ ๑ หมื่นล้าน

๗. มกรา ติดลบ ๑.๕ หมื่นล้าน มีเงินหมุนเวียนตอนธันวา ๖พันล้าน ถ้ากู้มาได้แล้ว ก็คงมีหมุนสัก ๑ หมื่น ๕ ถึง ๖ พันล้าน แหม ตัวเลขเหมาะกับข่าวเด๊ะ

๘. มีนา-เมษา ติดลบ ๒.๒ หมื่นล้าน มีเงินหมุนเวียน ๔ พันกว่าล้าน เตรียมกู้เพิ่ม ๒ หมื่นล้าน

อ่านง่ายดีไหม

ผมไม่ได้ดูข้อมูลที่คุณอ้างอิงนะครับเพราะผมตอนนี้มึนมากครับเพราะไม่ได้นอน

เอาเป็นว่าผมเชื่อคุณครับเป็นการให้เครดิตเลย

แต่น้ำมันดิบช่วงแรกๆยุคมาร์ค ไม่แพงครับ สามารถเก็บเข้ากองทุนได้อยู่แล้ว

Edited by evomans136, 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 01:00.

[evomans136]

ผมมีล็อคอินเดียวครับ


ส่วนกู้ 20000 ล้าน ยังไม่กู้นะครับ ส่วน 1 หมื่นล้านกู้ยังผมไม่รู้เอาเป็นว่าผมเชื่อคุณอีกละกัน

แต่อย่าลืมว่าแนวโน้มกองทุนน้ำมันติดลบเรื่อยๆครับเพราะน้ำมันดิบมันแพง

เพราะสถานะการณ์ อิหร่าน จะให้เขาทำกำไลได้ไหมครับ

ถึงจะเป็นมาร์คก็ติดลบ

Edited by evomans136, 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 01:10.

[HiddenMan]

กพช. เห็นชอบกู้เงิน 3 หมื่นล้านหนุนกองทุนน้ำมัน


http://news.voicetv....ness/34576.html

มีเวลาหาข้อมูลมากกมาย แต่กลับไม่เคยรู้ว่ารัฐบาลกู้มาโปะกองทุน

ข่าวจาก Voice TV คงพอเชื่อถือได้นะครับ

Edited by HiddenMan, 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 01:05.

[evomans136]

ยังไม่ได้กู้นะครับ

(ดูจากวันที่ของข่าว23 มีนา ซึ่งไม่สามารถกู้ได้เร็วขนาดนั้นหรอกครับ

ต้องผ่านการประชุม ครม รอ ครม อนุมัติ ไม่ได้คิดจะกู้ก็กู้ได้เลยนะครับ)

แต่ถ้าแนวโน้มราคาน้ำมันดิบไม่ลดก็ต้องกู้ครับ

ถึงเป็นมาร์คก็ต้องกู้หรือจะยอมติดลบ


อย่าลืมว่ารัฐบาลชุดนี้ยังต้องทำงานอยู่อีกนานนะครับ

จะปล่อยให้ติดลบเรื่อยๆเหรอ


ถ้าเป็นมาร์คมาเจอสถานะการณ์นี้ก็ต้องกู้ถ้ายังมีอายุรัฐบาลอีกนานไม่ใช่ใกล้หมดอายุ

แล้วให้รัฐบาลหน้าแก้สถานะการณ์เอา

Edited by evomans136, 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 01:34.

[evomans136]

วนเวียนไป วนเวียนมา เชื่อเฉพาะสิ่งที่อยากเชื่อ

อ่ะ สรุปให้อีกที

๑. อภิสิทธิ์รับมาจากสมแต๋ว ฐานะกองทุนสุทธิ ๘ พันกว่าล้าน แต่มีหนี้หมกอยู่อีก ๗ พันกว่าล้าน สรุปเหลือฐานะจริง ๆ แค่ ๔๐๐ ล้าน อันนี้ลิงค์อยู่ด้านบน

๒. ระหว่างการบริหาร จนกระทั่งมกรา ๕๔ ฐานะกองทุนสุทธิ ๒ หมื่น ๕ พันล้าน มีเงินหมุนเวียนทั้งสิ้น ๓ หมื่น ๖ พันล้าน (มันเก็บยังไงของมันวะเนี่ย)

http://202.44.52.249...etail.aspx?id=4

๓. พฤษภาคม เกิดภาวะน้ำมันแพง เงินกองทุนลดลง จนกระทั่งฐานะไปติดลบที่กรกฎาคม ที่ ๕๐๐ ล้าน มีเงินหมุนเวียน ๑ หมื่น ๕ พันล้าน (ถ้าไม่เก็บไว้ก่อนหน้า ป่านนี้ฉิบหายกันไปหมดแล้วกระมัง)

๔. ต้นสิงหา ฐานะกระเตื้องขึ้น ติดลบที่ ๕๕ ล้าน และปลายสิงหาหลังจากเก็บรายรับที่ค้างอยู่ได้ กลับมาบวก ๑ พันล้าน เงินหมุนเวียน ๑ หมื่น ๗ พันล้าน

๕. กันยา รัฐบาลนี้บริหารเต็มตัว เหลือฐานะที่ ๔๐๐ ล้าน

๖. ตุลา ติดลบไป ๑๐๐๐ ล้าน ออกมาตราการกู้ ๑ หมื่นล้าน

๗. มกรา ติดลบ ๑.๕ หมื่นล้าน มีเงินหมุนเวียนตอนธันวา ๖พันล้าน ถ้ากู้มาได้แล้ว ก็คงมีหมุนสัก ๑ หมื่น ๕ ถึง ๖ พันล้าน แหม ตัวเลขเหมาะกับข่าวเด๊ะ

๘. มีนา-เมษา ติดลบ ๒.๒ หมื่นล้าน มีเงินหมุนเวียน ๔ พันกว่าล้าน เตรียมกู้เพิ่ม ๒ หมื่นล้าน

อ่านง่ายดีไหม

evomans เจ้านี้ เค้า log in ใหม่ แต่หน้าเดิมครับ ไม่ยอมเอาข้อมูลการติดหนี้ของสมัยสมชายมารวมด้วย ที่อภิสิทธิ์ ต้องตามใช้หนี้ให้อยู่ มันเลยกลายเป็นความจริงครึ่งเดียว

ใช่คนเดียวกับคนข้างล่างนี้หรือเปล่า
V
v

กองทุนน้ำมันติดลบ เพราะไม่เอาเงินคนเติมน้ำมันเบนซิน ไปอุ้ม ดีเซล,LPG, NGV

หากรัฐบาลเอาเงินคนเติมน้ำมันเบนซินไปอุ้มแบบไอ้รัฐบาลมาร์ค โดนลิตรละ 6-7 บาท แล้วยังทำให้กองทุนติดลบได้อีกโง่กว่าอีปูนักไอ้มาร์คเนี้ย

แถมให้อีกนิดครับที่รัฐบาลสมชายกองทุนติดลบเพราะรับช่วงมาจากรัฐบาลสมัครน้ำมันช่วงนั้น 110 ตลอด กี่่เดือนติดไม่รู้ไปนับเอา (มีเดือนหนึ่ง 134)

รัฐบาลสมัครเข้ารับตำแหน่ง กุมภา 2008 ครับ

Edited by evomans136, 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 01:31.

[baezae]

อ้าว สมัยสมัคร-สมชาย ใช้เงินกองทุนจากยุค สุรยุทธ์ก่อนหน้ามีอยู่ ๔ พันล้าน หลังจากหักหนี้ทุกอย่างแล้ว โดยมีเงินหมุนอยู่ ๑ หมื่น ๖ พันล้าน

แต่เหลือ ๔๐๐ ล้านให้อภิสิทธิ์ เป็นเพราะน้ำมันแพง????

อภิสิทธิ์ส่งต่อให้ยิ่งลักษณ์ ชนิดเข้ามานั่ง ๑๕ วัน ยังไม่ทำอะไร มีให้ ๑ พันล้าน พร้อมเงินหมุน ๑ หมื่น ๗ พันล้าน เจอทั้งพิษเศรษฐกิจโลกทรุดตัว ทั้งปัญหาการเมือง ปัญหาราคาน้ำมันแพง

อภิสิทธิ์แย่มากครับ ผลาญเงินกองทุนที่รัฐบาลในสมัยตนเก็บไว้ได้ จนหมดเหลือแค่พันล้านให้ยิ่งลักษณ์!!!!!!

ส่วนยิ่งลักษณ์เก่งมากครับ เผชิญน้ำท่วม เผชิญน้ำมันแพงน้อยกว่าอภิสิทธิ์ ทำให้กองทุนน้ำมันติดลบ ๒ หมื่นล้าน

น่าเห็นใจจริง ๆ

[evomans136]

เอาเถอะครับผมไม่เถียงแล้ว

มาร์คเก่งครับ

คงพอใจนะครับ

[เอาเต๊อะ]

ถามคุณ baezae นะครับถ้าจะเอา กระแสเงิน เป็นตัวชี้วัด

สมมุติผมมีเงิน 100000 ล้านเลย แต่ผมสะสมหนี้ ทีละ ล้านๆ ทุกเดือน

ถึงบัญชีผมจะดูดีแต่ผมเป็นหนี้สะสมทุกเดือนไหมครับ

สู้ผมมีแค่ 500 แต่ผมไม่มีหนี้สะสมดีกว่าไหม

แค่นี้ก็จบข่าวแล้ว ไม่ต้องแสนล้านพันล้าน เอาแค่มีเงินหมุนเวียน 10,000.- มีหนี้ 100.- ทุกเดือน กับมีเงินในกระเป๋า 500 ไม่เป็นหนี้ ดีใจตายเลย
แสดงว่าไม่มีมุมมองธุรกิจ ใช้หลักการขอตังค์แม่ใช้อยู่่

[evomans136]

น้ำมันมาร์ค 40 นิดๆ บางเดือน 39 ตั้งหลายเดือนครับ

แล้วมา 60-70

ส่วนน้ำมันของสมัคร 105-134 เจ็ด เดือนติด

เอาตรรกะคิดดีๆนะครับ

ต่อไปคุณเขียนอะไรมาผมไม่ตอบแล้วนะครับหาเรื่องชัดๆ



รัฐบาลมาร์คเก่งครับคงพอใจคุณ

Edited by evomans136, 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 02:58.

[evomans136]

ถ้าคุณอยากมีมุมมองธุรกิจนะครับผมท้าคุณ

คุณไปกู้มาเลย 100000 ล้าน แล้วไปเข้าธนาคารนะ ได้ดอกเบี้ยหลายอยู่

เงินในบัญชีก็สวย แต่ก็เป็น หนี้ 100000 ล้านไม่ติดลบด้วย

แล้วโดนเก็บดอกเบี้ยมากกว่าได้ดอกเบี้ย



เอาเลยครับพ่อนักมุมมองธุรกิจ

หวังว่าจะมีคนธนาคารให้กู้นะตรรกะอย่างนี้


ผมให้โอกาศคุณใหม่นะ

มี 100 ล้าน เป็นหนี้ สะสมทุกเดือนเดือนละ 1000 ล้าน มีรายได้เข้าเดือน ละ 20 ล้าน

กับมีเงิน แค่ 500 มีหนี้สะสมเรื่อยๆ เดือน ละ 50 บาท แต่มีรายได้เข้ามาทุกเดือน 55 บาท


คุณเอาอะไรครับแสดงวิสัยทัศนักธุรกิจมาหน่อย

Edited by evomans136, 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 03:09.

[evomans136]

ไม่ตอบแล้วนะครับ

[baezae]

น้ำมันมาร์ค 40 นิดๆ บางเดือน 39 ตั้งหลายเดือนครับ

แล้วมา 60-70

ส่วนน้ำมันของสมัคร 105-134 เจ็ด เดือนติด

เอาตรรกะคิดดีๆนะครับ

ต่อไปคุณเขียนอะไรมาผมไม่ตอบแล้วนะครับหาเรื่องชัดๆ



รัฐบาลมาร์คเก่งครับคงพอใจคุณ

เดือนที่มันถูกและคุณว่ามาน่ะ รัฐบาลอภิสิทธิ์เก็บเงินมาสำรองได้เป็นกอบเป็นกำนะครับ ไปอ่านข้อมูลดี ๆ จนต้นปี ๕๔ ยังมีเงินหมุนเวียน ๓.๕ หมื่นล้าน ฐานะสุทธิ ๒.๕ หมื่นล้าน

มาสะดุดไอ้ตรงที่น้ำมันมันแพงระดับ ๙๐ บวก จน ๑๑๐ โน่น เงินกองทุนเลยหดลง ตรงนี้ไม่นับหรือครับ?

ถ้าราคามัน ๖๐-๗๐ ทุกเดือน แล้วรัฐบาลอภิสิทธิ์ทำเงินหดหายสิน่าด่า แต่นี่ไม่ใช่

ในขณะที่รัฐบาลปัจจุบัน เริ่มมาที่ ๘๐ ตอนกันยา แต่ไม่ยอมเก็บ มาจนพฤศจิกาขึ้น ๙๐ มกรา เกิน ๑๐๐ จะมาเก็บก็โปะไอ้ที่ติดลบไม่ทันแล้ว

บริหารงานไม่เป็นนี่นา

[evomans136]

เอาใหม่นะเพื่อเราจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ

ถามคุณ baezae นะครับถ้าจะเอา กระแสเงิน เป็นตัวชี้วัด

สมมุติผมมีเงิน 100000 ล้านเลย แต่ผมสะสมหนี้ ทีละล้านๆ ทุกเดือน

ถึงบัญชีผมจะดูดีแต่ผมเป็นหนี้สะสมทุกเดือนไหมครับ

สู้ผมมีแค่ 500 แต่ผมไม่มีหนี้สะสมดีกว่าไหม

แค่นี้ก็จบข่าวแล้ว ไม่ต้องแสนล้านพันล้าน เอาแค่มีเงินหมุนเวียน 10,000.- มีหนี้ 100.- ทุกเดือน กับมีเงินในกระเป๋า 500 ไม่เป็นหนี้ ดีใจตายเลย
แสดงว่าไม่มีมุมมองธุรกิจ ใช้หลักการขอตังค์แม่ใช้อยู่่

Edited by evomans136, 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 03:16.

[evomans136]

น้ำมันมาร์ค 40 นิดๆ บางเดือน 39 ตั้งหลายเดือนครับ

แล้วมา 60-70

ส่วนน้ำมันของสมัคร 105-134 เจ็ด เดือนติด

เอาตรรกะคิดดีๆนะครับ

ต่อไปคุณเขียนอะไรมาผมไม่ตอบแล้วนะครับหาเรื่องชัดๆ



รัฐบาลมาร์คเก่งครับคงพอใจคุณ

เดือนที่มันถูกและคุณว่ามาน่ะ รัฐบาลอภิสิทธิ์เก็บเงินมาสำรองได้เป็นกอบเป็นกำนะครับ ไปอ่านข้อมูลดี ๆ จนต้นปี ๕๔ ยังมีเงินหมุนเวียน ๓.๕ หมื่นล้าน ฐานะสุทธิ ๒.๕ หมื่นล้าน

มาสะดุดไอ้ตรงที่น้ำมันมันแพงระดับ ๙๐ บวก จน ๑๑๐ โน่น เงินกองทุนเลยหดลง ตรงนี้ไม่นับหรือครับ?

ถ้าราคามัน ๖๐-๗๐ ทุกเดือน แล้วรัฐบาลอภิสิทธิ์ทำเงินหดหายสิน่าด่า แต่นี่ไม่ใช่

ในขณะที่รัฐบาลปัจจุบัน เริ่มมาที่ ๘๐ ตอนกันยา แต่ไม่ยอมเก็บ มาจนพฤศจิกาขึ้น ๙๐ มกรา เกิน ๑๐๐ จะมาเก็บก็โปะไอ้ที่ติดลบไม่ทันแล้ว

บริหารงานไม่เป็นนี่นา

ถ้างั้นเราก็เข้าใจกันตรงแล้วนี้้ครับไม่เห็นต้องพูดอะไรอีก

ผมก็บอกแล้วว่าช่วงนั้นเป็นนโยบายหาเสียงของยิ่งลักษณ์ผมถึงไม่ว่าเขาไปหาดู

Edited by evomans136, 6 เมษายน พ.ศ. 2555 - 03:15.

[baezae]

ถ้าคุณอยากมีมุมมองธุรกิจนะครับผมท้าคุณ

คุณไปกู้มาเลย 100000 ล้าน แล้วไปเข้าธนาคารนะ ได้ดอกเบี้ยหลายอยู่

เงินในบัญชีก็สวย แต่ก็เป็น หนี้ 100000 ล้านไม่ติดลบด้วย

แล้วโดนเก็บดอกเบี้ยมากกว่าได้ดอกเบี้ย



เอาเลยครับพ่อนักมุมมองธุรกิจ

หวังว่าจะมีคนธนาคารให้กู้นะตรรกะอย่างนี้


ผมให้โอกาศคุณใหม่นะ

มี 100 ล้าน เป็นหนี้ สะสมทุกเดือนเดือนละ 1000 ล้าน มีรายได้เข้าเดือน ละ 20 ล้าน

กับมีเงิน แค่ 500 มีหนี้สะสมเรื่อยๆ เดือน ละ 50 บาท แต่มีรายได้เข้ามาทุกเดือน 55 บาท


คุณเอาอะไรครับแสดงวิสัยทัศนักธุรกิจมาหน่อย

หลงไปไกลเลย มั่วไปไกลมาก

กองทุนเป็นหนี้ตอนไหนครับ? แค่หลังน้ำมันมันขึ้นแรง ๆ สองเดือนเท่านั้น ก่อนหน้านั้นที่เค้าเก็บสะสมมาเพื่อรับมือกับภาวะน้ำมันพุ่งกระฉูดแบบนั้น มีเงินที่เหลือจากใช้หนี้เป็นหมื่น ๆ ล้านไม่นับ??

ผมถามจริง ๆ เถอะ เห็นบอกรัฐบาลนี้ปล่อยตามกลไกตลาด ไม่ทราบว่ารัฐบาล สส. นี่ เลือกเข้ามาเพื่อปล่อยตามกลไกตลาด กลไกธรรมชาติหรือ?

น้ำท่วมเราปล่อยมันท่วมตามธรรมชาติ น้ำมันแพง ของแพง เราไม่ต้องควบคุมใช่ไหม ปล่อยมันตามกลไกตลาดโลก อะไร ๆ ก็ปล่อยไปตามที่มันจะเป็น

อย่างนี้ไม่ต้องเลือกผู้แทนหรอกครับ เอาหมามานั่งเป็นนายกเป็นรัฐมนตรีก็ได้เหมือนกัน เพราะไม่ทำอะไรเหมือนกัน

รัฐบาลแต่ละรัฐบาลเข้ามาเพื่อ "แก้ปัญหา" ครับ ไม่ใช่ปล่อยไปตามกลไก อะไรจะเป็นก็เป็นไป

และถ้าอยากจะด่าเรื่องทำให้ประเทศเป็นหนี้เป็นหมื่น ๆ ล้านในส่วนกองทุนน้ำมัน ช่วยด่าหน้าเหลี่ยม ช่วยด่านายกปัจจุบันด้วยนะครับ รายแรกน่ะทำเป็นหนี้ ๕ หมื่นล้านอย่างน้อย รายหลัง ๒ หมื่นล้านอย่างน้อย

ส่วนมาร์คน่ะ แย่ ๆ ที่สุดก็ ๕ ร้อยล้าน

ห่างกับคนแรกเท่าไรนะ ๑๐๐ เท่า กับคนปัจจุบันล่ะ ๔๐ เท่าเอง

มัวแต่หลับหูหลับตา มันก็งมเจอแต่โข่งนะครับ

[baezae]

น้ำมันมาร์ค 40 นิดๆ บางเดือน 39 ตั้งหลายเดือนครับ

แล้วมา 60-70

ส่วนน้ำมันของสมัคร 105-134 เจ็ด เดือนติด

เอาตรรกะคิดดีๆนะครับ

ต่อไปคุณเขียนอะไรมาผมไม่ตอบแล้วนะครับหาเรื่องชัดๆ



รัฐบาลมาร์คเก่งครับคงพอใจคุณ

เดือนที่มันถูกและคุณว่ามาน่ะ รัฐบาลอภิสิทธิ์เก็บเงินมาสำรองได้เป็นกอบเป็นกำนะครับ ไปอ่านข้อมูลดี ๆ จนต้นปี ๕๔ ยังมีเงินหมุนเวียน ๓.๕ หมื่นล้าน ฐานะสุทธิ ๒.๕ หมื่นล้าน

มาสะดุดไอ้ตรงที่น้ำมันมันแพงระดับ ๙๐ บวก จน ๑๑๐ โน่น เงินกองทุนเลยหดลง ตรงนี้ไม่นับหรือครับ?

ถ้าราคามัน ๖๐-๗๐ ทุกเดือน แล้วรัฐบาลอภิสิทธิ์ทำเงินหดหายสิน่าด่า แต่นี่ไม่ใช่

ในขณะที่รัฐบาลปัจจุบัน เริ่มมาที่ ๘๐ ตอนกันยา แต่ไม่ยอมเก็บ มาจนพฤศจิกาขึ้น ๙๐ มกรา เกิน ๑๐๐ จะมาเก็บก็โปะไอ้ที่ติดลบไม่ทันแล้ว

บริหารงานไม่เป็นนี่นา

ถ้างั้นเราก็เข้าใจกันตรงแล้วนี้้ครับไม่เห็นต้องพูดอะไรอีก

ผมก็บอกแล้วว่าช่วงนั้นเป็นนโยบายหาเสียงของยิ่งลักษณ์ผมถึงไม่ว่าเขาไปหาดู

นโยบายหาเสียง แต่ทำกองทุนพลังงานติดลบกระจายเป็นผลลัพธ์ น้ำมันแพงเป็นผลลัพธ์ ไม่ว่า?

เออ แปลกดี อภิสิทธิ์เอาเงินไปประคองน้ำมัน ค่าครองชีพ ด่าไอ้มาร์ค ด่าทำเป็นหนี้

รัฐบาลนี้ทำเป็นหนี้เพราะนโยบายที่ไม่เข้าท่า บอกเป็นนโยบายหาเสียง ไม่ว่า

เฮ้อ

[ดูโอลิมปิก5ปีดีจุงเบย]

ลาก่อนครับผมสัญญาจะไม่เข้ามาอีกครับ

ไม่ได้ไล่นะ แต่เมื่อไหร่จะทำตามสัญญาล่ะ

[ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่]

evomans แกบอกแกจะลา จะไม่ตอบมากี่ล้านรอบแล้วเนี่ย?
ใครนับดูถี?

[Ricebeanoil]

ยิ่งแถยิ่งเข้าตัว ไปๆมาๆ ทักษิณมานั่งกุมหัว
"ลูกน้องตรูโง่ทุกตัว" ซะงั้น

[เอาเต๊อะ]

เอาใหม่นะเพื่อเราจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ

ถามคุณ baezae นะครับถ้าจะเอา กระแสเงิน เป็นตัวชี้วัด สมมุติผมมีเงิน 100000 ล้านเลย แต่ผมสะสมหนี้ ทีละล้านๆ ทุกเดือน ถึงบัญชีผมจะดูดีแต่ผมเป็นหนี้สะสมทุกเดือนไหมครับ สู้ผมมีแค่ 500 แต่ผมไม่มีหนี้สะสมดีกว่าไหม

แค่นี้ก็จบข่าวแล้ว ไม่ต้องแสนล้านพันล้าน เอาแค่มีเงินหมุนเวียน 10,000.- มีหนี้ 100.- ทุกเดือน กับมีเงินในกระเป๋า 500 ไม่เป็นหนี้ ดีใจตายเลย แสดงว่าไม่มีมุมมองธุรกิจ ใช้หลักการขอตังค์แม่ใช้อยู่่

haha ครับ งั้นผมก็ต้องขออภัยต่อคุณอีโว่ด้วย ที่อ่านไม่ละเอียดถี่ถ้วนเอง
ขอน้อมรับความผิดพลาดครับ

[Bookmarks]

ยังไม่ได้กู้นะครับ

(ดูจากวันที่ของข่าว23 มีนา ซึ่งไม่สามารถกู้ได้เร็วขนาดนั้นหรอกครับ

ต้องผ่านการประชุม ครม รอ ครม อนุมัติ ไม่ได้คิดจะกู้ก็กู้ได้เลยนะครับ)

แต่ถ้าแนวโน้มราคาน้ำมันดิบไม่ลดก็ต้องกู้ครับ

ถึงเป็นมาร์คก็ต้องกู้หรือจะยอมติดลบ


อย่าลืมว่ารัฐบาลชุดนี้ยังต้องทำงานอยู่อีกนานนะครับ

จะปล่อยให้ติดลบเรื่อยๆเหรอ


ถ้าเป็นมาร์คมาเจอสถานะการณ์นี้ก็ต้องกู้ถ้ายังมีอายุรัฐบาลอีกนานไม่ใช่ใกล้หมดอายุ

แล้วให้รัฐบาลหน้าแก้สถานะการณ์เอา

โทษนะครับ ผ่านประชุม ครม มันถ่ายทอดให้คุณเห็นด้วยหรือครับ แป๊บเดียวก็กู้ได้แล้วล่ะท่าน 1 หมื่นล้านน่ะกู้ไปแล้ว อีก 2 หมื่นล้าน ก็เหมือนได้กู้แล้วนะท่าน เพราะมติออกมาแล้ว

มติกพช.กู้เพิ่ม 2 หมื่นล้านหนุนกองทุนน้ำมัน

นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการรับทราบมติของคณะกรรมนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2555 ที่ประชุมเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า 1.มติของ กพช.มีแนวทางในการจัดหาเงินให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการขยายระยะเวลาการชำระคืนหนี้วงเงินกู้ยืมเดิม 1 หมื่นล้านบาท จาก 1 ปีเป็น 3 ปี และกู้ยืมเงินจากสถาบันหารเงินหรือออกตราสารหนี้เพิ่มอีกในวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท มีระยะเวลาในการชำระหนี้ภายใน 3 ปี ซึ่งจะส่งผลให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) มีวงเงินกู้ยืมไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท โดยให้ขอขยายเวลาการชำระหนี้คืนได้ตามความจำเป็นและความเหมาะสม หากกรณีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีสภาพคล่องคงเหลือไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้และวงเงินสินเชื่อเป็นวงเงินที่ สถาบันการเงินรับรองการเบิกเงินได้อย่างแน่นอน

[Bookmarks]

กองทุนน้ำมัน สมัยสมชายติดลบ เพราะรับมาจากสมัคร สมชายเลยไม่ต้องรับผิดชอบ แต่มาร์ค รับกองทุนน้ำมันติดลบมาจากสมชาย มาร์ค ต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ส่วนที่อภิสิทธิ์ ใช้หนี้ ให้สมชาย ไม่ได้เป็นผลงานของมาร์ค ใดๆ ทั้งสิ้น

ส่วนอีปู รับช่วงมาจากมาร์ค มีเงินบริหารในกองทุนน้ำมันเป็นบวก มาบริหารกองทุนน้ำมันโดยการยกเว้นกองทุนน้ำมัน ทำให้เป็นหนี้กองทุนน้ำมันแล้ว 2 หมื่นล้าน กลับบอกว่า ทำงานดี
กลับมาใช้วิธี เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เหมือนมาร์ค ราคาน้ำมันแพงกว่า รัฐบาลที่ว่าเค้าปาวๆ ว่า นโยบายนี้ห่วย กลับบอกว่า นังปู ใช้วิธีการบริหารที่ดีอีกเช่นกัน ฮาดีครับ

[No more]

น้ำมันมาร์ค 40 นิดๆ บางเดือน 39 ตั้งหลายเดือนครับ

แล้วมา 60-70

ส่วนน้ำมันของสมัคร 105-134 เจ็ด เดือนติด

เอาตรรกะคิดดีๆนะครับ

ต่อไปคุณเขียนอะไรมาผมไม่ตอบแล้วนะครับหาเรื่องชัดๆ



รัฐบาลมาร์คเก่งครับคงพอใจคุณ

เดือนที่มันถูกและคุณว่ามาน่ะ รัฐบาลอภิสิทธิ์เก็บเงินมาสำรองได้เป็นกอบเป็นกำนะครับ ไปอ่านข้อมูลดี ๆ จนต้นปี ๕๔ ยังมีเงินหมุนเวียน ๓.๕ หมื่นล้าน ฐานะสุทธิ ๒.๕ หมื่นล้าน

มาสะดุดไอ้ตรงที่น้ำมันมันแพงระดับ ๙๐ บวก จน ๑๑๐ โน่น เงินกองทุนเลยหดลง ตรงนี้ไม่นับหรือครับ?

ถ้าราคามัน ๖๐-๗๐ ทุกเดือน แล้วรัฐบาลอภิสิทธิ์ทำเงินหดหายสิน่าด่า แต่นี่ไม่ใช่

ในขณะที่รัฐบาลปัจจุบัน เริ่มมาที่ ๘๐ ตอนกันยา แต่ไม่ยอมเก็บ มาจนพฤศจิกาขึ้น ๙๐ มกรา เกิน ๑๐๐ จะมาเก็บก็โปะไอ้ที่ติดลบไม่ทันแล้ว

บริหารงานไม่เป็นนี่นา

ถ้างั้นเราก็เข้าใจกันตรงแล้วนี้้ครับไม่เห็นต้องพูดอะไรอีก

ผมก็บอกแล้วว่าช่วงนั้นเป็นนโยบายหาเสียงของยิ่งลักษณ์ผมถึงไม่ว่าเขาไปหาดู

นโยบายหาเสียง แต่ทำกองทุนพลังงานติดลบกระจายเป็นผลลัพธ์ น้ำมันแพงเป็นผลลัพธ์ ไม่ว่า?

เออ แปลกดี อภิสิทธิ์เอาเงินไปประคองน้ำมัน ค่าครองชีพ ด่าไอ้มาร์ค ด่าทำเป็นหนี้

รัฐบาลนี้ทำเป็นหนี้เพราะนโยบายที่ไม่เข้าท่า บอกเป็นนโยบายหาเสียง ไม่ว่า

เฮ้อ

This guy has a weird sense of logic.

In other words, drifting is his specialty.
Wait, isn't this a red shirts' trademark?

[Gop]

วันที่ 31 กรกฎาคม 2554 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีฐานะเบื้องต้นสุทธิติดลบ 524 ล้านบาท

http://www.eppo.go.t.../kbg/kbg-89.htm

สิ้นสมัยอภิสิทธิกองทุนน้ำมัน มีฐานะเบื่องต้นสุทธิ ติดลบ 524

เพราะมาทำติดลบไป จากเดิมเริ่มแรก มี 23380 ล้านบาท ตอนนี้ติลบ 524 ล้านบาท

เพราะฉนั้นบวกไป 23380+524 = 23904

เพราะฉนั้นมาร์คทำกองทุนน้ำมัน ลดไป 23904 ล้านบาท


คราวนี้มายุคยิ่งลักษณ์ เริ่มต้น ติดลบ 524 ล้านบาท

4.1 ฐานะกองทุนฯ ณ วันที่ 26 กันยายน 2554 มีเงินสดในบัญชี 16,867 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 18,168 ล้านบาท มีฐานะกองทุนสุทธิติดลบ 1,302 ล้านบาท (รวมเงินฝากโครงการส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันจำนวน 500 ล้านบาท)

http://www.eppo.go.t.../kbg/kbg-98.htm


อันนี้เป็นข้อมูลล่าสุดที่ผมหาได้แล้วครับเพราะ เดือน กพ มีค เมย ผมหาข้อมูลไม่ได้แล้ว

เพราะฉนั้นเดือน มกราคม ยิ่งลักษณติดลบไป 14550

เริ่มรับตำแหน่งยิ่งลักษณ์ ติดลบ 524 เพราะฉนั้นเอามาลบกัน

14550 - 524 = 14026 ล้านบาท

เพราะฉะนั้นยิ่งลักษณ์ทำเงินหายไป 14026 ล้านบาท ใน 6 เดือน จากสิงหาคน - มกราคม

ส่วนมาร์คทำเงินหายไป 23904 ภายใน 6 เดือนเช่นกัน จาก กุมภาพันธ์ - กรกฎาคม

ผมขอถามอีกทีนะครับ

คุณบอกว่านี่คือหลักฐานว่ายิ่งลักษณ์ บริหารกองทุนน้ำมันดีกว่าอภิสิทธิ์ใช่มั้ยครับ เอาชัดๆเลย

ข้อความที่ว่า อภิสิทธิ์ทำลดมาจาก ๒ หมื่น ๘ พันล้านเค้าก็มั่วครับคุณ Gop

7. ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2551 มีเงินสดในบัญชี 16,097 ล้านบาท มีหนี้สินกองทุน 7,787 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ค้างชำระเงินชดเชย 7,461 ล้านบาท และงบบริหารและโครงการซึ่งได้อนุมัติแล้ว 326 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันสุทธิ 8,310 ล้านบาท โดยที่ยังมีหนี้นำเข้า LPG จาก ปตท. ถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2551 อยู่ประมาณ 7,948 ล้านบาท

http://www.eppo.go.t.../kbg/kbg-37.htm

ตรงนี้คือเมื่ออภิสิทธิ์เริ่มเข้ารับตำแหน่ง

หมายความว่ามีเงินหมุน ๑ หมื่น ๖ พันล้าน มีฐานกองทุนสุทธิ ๘ พันล้าน แถมมีหนี้ที่จะต้องนำไปหักอีก ๘ พันล้านซึ่งยังไม่ได้นำมาคิด (จะเห็นได้ว่าแยกข้อความไว้ด้านหลัง)

เงินหมุนทั้ง สิ้น ๑๖ ๐๐๐ ๐๐๐ ลบด้วย
หนี้กองทุน ๗๗๘๗๐๐๐
คงเหลือฐานะสุทธิ ๘๓๑๐๐๐๐ (ตรงนี้ผมคิดว่าถ้าไม่ใช่คิดผิดไป ๒๐ ล้าน ก็มีค่าใช้จ่ายอะไรสักอย่าง)

แต่เอ๊ะ มีหนี้นำเข้า LPG อีก ๗๙๐๐ ล้าน

ตายห่า รับส่งมอบมาจากรัฐบาลสมแต๋วจริง ๆ แล้วแค่ ๔๐๐ ล้านนี่หว่า

แถมเมื่อใช้ไป ชดเชยไป เมื่อส่งมอบให้รัฐบาลหน้าโง่ ณ ปัจจุบัน ด้วยหลัก ๑ พันล้าน ตีความอย่างแย่ก็เสมอตัว

ทีลบไปอีกเป็น ๒ หมื่นล้านน่ะ ความเก่งกาจของนายกฯ หัวกลวงล้วน ๆ

ผมถามแบบขำๆน่ะครับคุณ baezae ผมว่าเค้าก็คงรู้ตัวว่าเหตุผลมันเพี้ยน คนหนึ่งบริหารกองทุนเป็นบวกมาตลอด มีติดลบนิดหน่อย แต่อีกคนมีแต่ติดลบลูกเดียวเลย แถมช่วงน้ำมันราคาถูก ก็ยังติดลบเพิ่มได้อีก ใครที่ไหนเห็น ถ้าไม่ติงต๊องก็ต้องรู้แล้วล่ะครับว่าใครบริหารดีกว่ากัน

ผมถามย้ำๆ เพราะหวังว่าเค้าจะอายบ้างน่ะครับ

[ยิ่งรัก(โพย)]

ความหน้าด้านเป็น 1 ในมาตรฐานของเสื้อแดงครับคุณ Gop ถ้าไม่มีอาจจะไม่ผ่าน QC

[Tam-mic-ra.]

ที่จะบอกสุดท้ายนี้ ที่รัฐบาลปู แพงกว่า มาร์ค เพราะตอนนี้เลิกอุ้ม(เก็บภาษีน้ำมันเริ่มจากลิตรละ 1 บาท)แล้ว

ปล่อยไปตามกลไกตลาด ที่รัฐบาล อภิสิทธิ์ ถูกกว่านิดหน่อยเพราะอุ้ม น้ำมันอยู่(งดภาษี ลิตรละ 5 บาท)

ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด





แค่นี้ละครับใครไม่ get ก้ไม่ต้อง get ผมมาบ่นเฉยๆ


บายครับ

ถ้าจะพูดถึงอุ้มแล้วบิดเบือนราคาตลาดล่ะก็ ช่วยย้อนกลับไปสมัยทักษิณเลยครับ เป็นคนริเริ่มกองทุนน้ำมัน

ปล. หลังโดนรัฐประหารไป เลยค้นพบว่า ในยุคทักษิณ ฐานะสุทธิกองทุนน้ำมันติดลบอยู่ ๕ หมื่นล้านนะจ๊ะ

สมัยทักษิณไม่มีการบิดเบือนนะ ถ้ามีขอหลักฐานหน่อย เท่าที่เคยอ่านมาคร่าวๆ มีแต่เพียงการเก็บเข้ากองทุนเพื่อชดเชยเมื่อราคาตลาดผันผวน

มาเริ่มโยกเงินกองทุนไปอุดหนุน+ ไปโปะดีเซล +โปะแก๊สก๊าซ กันมั่วซั่วจนราคาดูเหมือนถูก บิดเบือนราคาจริงที่ไม่ใช่ราคาที่ควรจะเป็น
อีตอนยุคของนายนักพูดอภิสิทธิ์นี่แหล่ะ

แถมมีช่วงนึงพออุ้มดีเซลจนกองทุนเริ่มไม่ไหว พี่แกเล่นลดภาษีสรรพสามิตออกซะลิตรละ 5 บาท เพื่อหยุดการจ่ายชดเชยกองทุนน้ำมัน
http://www.eppo.go.t...kpc/kpc-136.htm

บริหารเก่งโน๊ะ บริหารแบบนี้คนจบ ม.6 ก็ทำได้

และถ้าจะคำณวนกันนี่
ขณะที่มีคนในนี้ดีใจกับกองทุนน้ำมันเป็นบวก แต่สรรพสามิตขาดรายได้ไปเท่าไรแล้วหนอ


และตอนนั้นช่วง รบ.เด็กหนุ่มอุ้มดีเซล ลิตรละไม่เกิน30บาท สินค้าต่างๆก็ไม่ได้ถูกกว่าตอนนี้เลย

[Gop]

ที่จะบอกสุดท้ายนี้ ที่รัฐบาลปู แพงกว่า มาร์ค เพราะตอนนี้เลิกอุ้ม(เก็บภาษีน้ำมันเริ่มจากลิตรละ 1 บาท)แล้ว

ปล่อยไปตามกลไกตลาด ที่รัฐบาล อภิสิทธิ์ ถูกกว่านิดหน่อยเพราะอุ้ม น้ำมันอยู่(งดภาษี ลิตรละ 5 บาท)

ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด





แค่นี้ละครับใครไม่ get ก้ไม่ต้อง get ผมมาบ่นเฉยๆ


บายครับ

ถ้าจะพูดถึงอุ้มแล้วบิดเบือนราคาตลาดล่ะก็ ช่วยย้อนกลับไปสมัยทักษิณเลยครับ เป็นคนริเริ่มกองทุนน้ำมัน

ปล. หลังโดนรัฐประหารไป เลยค้นพบว่า ในยุคทักษิณ ฐานะสุทธิกองทุนน้ำมันติดลบอยู่ ๕ หมื่นล้านนะจ๊ะ

สมัยทักษิณไม่มีการบิดเบือนนะ ถ้ามีขอหลักฐานหน่อย เท่าที่เคยอ่านมาคร่าวๆ มีแต่เพียงการเก็บเข้ากองทุนเพื่อชดเชยเมื่อราคาตลาดผันผวน

มาเริ่มโยกเงินกองทุนไปอุดหนุน+ ไปโปะดีเซล +โปะแก๊สก๊าซ กันมั่วซั่วจนราคาดูเหมือนถูก บิดเบือนราคาจริงที่ไม่ใช่ราคาที่ควรจะเป็น
อีตอนยุคของนายนักพูดอภิสิทธิ์นี่แหล่ะ

แถมมีช่วงนึงพออุ้มดีเซลจนกองทุนเริ่มไม่ไหว พี่แกเล่นลดภาษีสรรพสามิตออกซะลิตรละ 5 บาท เพื่อหยุดการจ่ายชดเชยกองทุนน้ำมัน
http://www.eppo.go.t...kpc/kpc-136.htm

บริหารเก่งโน๊ะ บริหารแบบนี้คนจบ ม.6 ก็ทำได้

และถ้าจะคำณวนกันนี่
ขณะที่มีคนในนี้ดีใจกับกองทุนน้ำมันเป็นบวก แต่สรรพสามิตขาดรายได้ไปเท่าไรแล้วหนอ


และตอนนั้นช่วง รบ.เด็กหนุ่มอุ้มดีเซล ลิตรละไม่เกิน30บาท สินค้าต่างๆก็ไม่ได้ถูกกว่าตอนนี้เลย

๑ ใครๆ ก็บริหารได้ใช่ัม้ยครับ?? งั้นคุณช่วยไปบอกนายกฯ หน่อยได้มั้ยว่าช่วยบริหารให้ได้อย่างอภิสิทธิ์หน่อย กองทุนติดลบไม่หยุด แถมน้ำมันแพงขึ้นเรื่อยๆ ไม่เห็นทำได้อย่างที่โม้ไว้เลย " เราจะกระชากค่าครองชีพลงมา " ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นหรือยัง ยอมรับมั้ยว่านายกยิ่งลักษณ์น่ะขี้โม้ ทำไม่ได้จริงอย่างที่หาเสียงเอาไว้

๒ คุณรอดูเลยแล้วกันครับ ว่าปล่อยราคาน้ำมันขึ้นเอาๆแบบนี้ ชีวิตคุณได้มีความสุขแน่ๆ เตรียมรอดูได้เลยว่าใครทำประชาชนเดือดร้อนกว่ากัน ระหว่างบริหารกองทุนน้ำมันผิดพลาด กับการทำให้สรรพสามิตขาดรายได้ในช่วงสั้นๆ

๒ ขอหลักฐานได้มั้ยครับ ว่าสินค้าต่างๆสมัยอภิสิทธิ์ไม่ได้ถูกกว่าตอนนี้

[Tam-mic-ra.]

คุณกบชอบเนียนๆ มาทำตัวเป็นศาลไต่สวน ท้ายๆกระทู้อยู่เรื่อย

คุณมาแบบไม่มีความรู้เลยครับ มาถามหาข้อมูลเขาเอาข้างหน้าแบบศึกษาไปด้วย
แถมจะพาRepที่เขาคุยกันอยู่ ออกประเด็นใหม่ไปยืดยาว

ผมจะไม่หลงทางแตกประเด็นไปกับคุณละ ช่วยบอกมาก่อนดีกว่า อย่ามาทำตัวสบายเกินไปแบบนี้

1. การที่เลิกภาษีอย่างนึง เพื่อให้กองทุนไม่ต้องจ่าย เด็กๆที่จบ ม.6 ทำไม่ได้อย่างไร ??
2. น้ำมันแพงขึ้นเรื่อยๆ เพราะอะไร ตอบมาแบบวิชาการ??
3.บริหารกองทุนน้ำมันผิดพลาดยังไง?? ผมว่าคนเติมเบนซินเขาดีใจ มีเงินไปใช้อย่างอื่นกันถ้วนหน้า
4.สรรพสามิตขาดรายได้ในช่วงสั้นๆ แล้วทั้งหมดมันเท่าไร ? จงตอบมาเป็นบาท


สินค้าต่างๆสมัยอภิสิทธิ์ไม่ได้ถูกกว่าตอนนี้ ผมจะตอบดู เช่น ไข่ หมู น้ำมันปาล์ม และผมเห็นข้าวแกงจานละ 30เป็น 35 ก็ได้เริ่มช่วงนั้นแหล่ะ
จะเอาแต่หลักฐานๆ คุณไปหามามั่งดีกว่า ว่าที่ผมบอกมันไม่ใช่

http://www.youtube.com/watch?v=mhG9CvRoxMo

[HWD]

ที่จะบอกสุดท้ายนี้ ที่รัฐบาลปู แพงกว่า มาร์ค เพราะตอนนี้เลิกอุ้ม(เก็บภาษีน้ำมันเริ่มจากลิตรละ 1 บาท)แล้ว

ปล่อยไปตามกลไกตลาด ที่รัฐบาล อภิสิทธิ์ ถูกกว่านิดหน่อยเพราะอุ้ม น้ำมันอยู่(งดภาษี ลิตรละ 5 บาท)

ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด





แค่นี้ละครับใครไม่ get ก้ไม่ต้อง get ผมมาบ่นเฉยๆ


บายครับ

ถ้าจะพูดถึงอุ้มแล้วบิดเบือนราคาตลาดล่ะก็ ช่วยย้อนกลับไปสมัยทักษิณเลยครับ เป็นคนริเริ่มกองทุนน้ำมัน

ปล. หลังโดนรัฐประหารไป เลยค้นพบว่า ในยุคทักษิณ ฐานะสุทธิกองทุนน้ำมันติดลบอยู่ ๕ หมื่นล้านนะจ๊ะ

สมัยทักษิณไม่มีการบิดเบือนนะ ถ้ามีขอหลักฐานหน่อย เท่าที่เคยอ่านมาคร่าวๆ มีแต่เพียงการเก็บเข้ากองทุนเพื่อชดเชยเมื่อราคาตลาดผันผวน

มาเริ่มโยกเงินกองทุนไปอุดหนุน+ ไปโปะดีเซล +โปะแก๊สก๊าซ กันมั่วซั่วจนราคาดูเหมือนถูก บิดเบือนราคาจริงที่ไม่ใช่ราคาที่ควรจะเป็น
อีตอนยุคของนายนักพูดอภิสิทธิ์นี่แหล่ะ

แถมมีช่วงนึงพออุ้มดีเซลจนกองทุนเริ่มไม่ไหว พี่แกเล่นลดภาษีสรรพสามิตออกซะลิตรละ 5 บาท เพื่อหยุดการจ่ายชดเชยกองทุนน้ำมัน
http://www.eppo.go.t...kpc/kpc-136.htm

บริหารเก่งโน๊ะ บริหารแบบนี้คนจบ ม.6 ก็ทำได้

และถ้าจะคำณวนกันนี่
ขณะที่มีคนในนี้ดีใจกับกองทุนน้ำมันเป็นบวก แต่สรรพสามิตขาดรายได้ไปเท่าไรแล้วหนอ


และตอนนั้นช่วง รบ.เด็กหนุ่มอุ้มดีเซล ลิตรละไม่เกิน30บาท สินค้าต่างๆก็ไม่ได้ถูกกว่าตอนนี้เลย

น่าเหนื่อยใจกับความเห็นที่อุดมด้วยอคติอย่างนี้

1 กองทุนน้ำมันมีไว้ให้บริหารราคาในตลาดอยู่แล้ว จะบอกว่าทักกี้ไม่บิดเบือนราคาได้อย่างไร ไปดูการชดเชยราคาใน Eppo นั่นแหละ ลองไล่ดูตั้งแต่ปีที่มีปัญหาอย่าง 2547 ประเด็นอยู่ที่ปีไหนมีการผันผวนของราคามากก็จะมีการชดเชยจากกองทุนมาก

2 การใช้มาตราการภาษีสรรพสามิตรหรือการใช้เงินกองทุน คนที่บริหารเป็น ก็จะมองว่ามันคือการมีแผนรองไว้หลายชั้น การใช้เงินกองทุนกระทบคนอื่นน้อยสุดเพราะมีวัตถุประสงค์จำกัดจึงใช้เป็นเครื่องมือหลัก ... การเลือกใช้มาตรการใดในเวลาใด ไม่ใช่เด็ก ม6 จะทำได้ และเป็นเรื่องที่แสดงถึงฝีมือของแต่ละคนต่างหาก .... เพราะนี่คือการตัดสินคล้ายการรบ... ลักษณะการตัดสินใจอย่างนี้ ผมเคยเห็นรัฐบาลไทยพ่ายแพ้อย่างวายป่วง 2 ครั้ง 1 การเอากองทุนสำรองเข้าสู้กับการเก็งกำไรค่าเงิน แต่คาดการณ์พลาดจนนำมาซึ่งการต้องประกาศลดค่าเงินครั้งสำคัญ 2 การเอากองทุนและภาษีเข้าสู้กับความผันผวนของราคาน้ำมันเพื่อประคองราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาท จนกองทุนติดลบมหาศาลและนำมาซึ่งการปล่อยให้ราคานำมันขึ้นตามตลาดจนทะลุ 50 บาท โดยต้องไล่เก็บภาษีและเงินเข้ากองทุนอย่างบ้าระห่ำท่ามกลางการขึ้นของราคาน้ำมัน เป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน.... ทั้งสองครั้งเป็นการตัดสินใจในสมัยทักกี้

3. จาก 2 เงินในกองทุนหรือภาษีสรรพสามิตร เป็นเงินคนละกระเป๋า หรือ คนละบัญชี การจะบอกว่ามีการใช้เงินจากบัญชีนั้นแล้วเกิดความเสียหายหรือไม่ต้องดูว่า เอาเงินจากประเป๋าไปใช้ในภาวะไหน เช่น ถ้าเป็นกระเป๋าอย่างภาษีสรรพสามิตรที่อุดหนุนรายจ่ายหลายตัว ต้องแน่ใจว่ารายจ่ายเหล่านั้นจะไม่มีปัญหา ถ้าติดตามข่าวจะพบว่า นายกรณ์ระมัดระวังเรื่องนี้มาก แม้รัฐมนตรีจากพรรคอื่นที่รับผิดชอบเรื่องน้ำมันจะพยายามขอให้ใช้มาตรการทางภาษีฯ กรณ์ก็ไม่เออออและชี้แจงชัดเจนว่าจะใช้เมื่อเหตุการณ์เหมาะสมเท่านั้น และเมื่อถึงเวลาจำเป็นก็ไม่รีรอที่จะสั่งการให้ใช้มาตรการทางการคลังนี้ทันที และผลก็คือสามารถควบคุมราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ 30 บาทได้ ... ผมถือว่านี่คือความฉลาด และ เป็นชัยชนะต่อการรบเชิงการเงินการคลังได้อย่างใจเย็นและมีขั้นตอนที่ดีมาก

4. การจะตัดสินใจตาม 3 ได้ คุณต้องแน่ใจว่าคุณรู้สายป่านในมือ (working capital) อ่านขาดว่าอนาคตจะมีทิศทางอย่างไร (visionary and strategic positioning) มีแผนสำรองในมือพร้อม (contingency plan) และรู้จักผ่อนหนักเบา (tactical managent) ผมเห็นสิ่งเหล่านี้ ภายใต้การกุมบังเหียนของคุณกรณ์ในฐานะแม่ทัพและสบายใจมากในสถานการณ์ที่ดูเหมือนน่ากลัว แต่รัฐนาวากลับแล่นฉิวจนตัวเลขทั้งการเงิน การคลัง และคะแนนความสามารถของคุณกรณ์พุ่งลิ่วอย่างไม่เคยเห็นในรัฐบาลอื่นใดมาก่อน

5. ราคาข้าวของจะแพงหรือไม่ มีปัจจัยหลักอยู่ที่ต้นทุน การควบคุมต้นทุนได้ ก็ย่อมรักษาเสถียรภาพราคาและสภาวะทางเศรษฐกิจมวลรวมได้อย่างดี ... เราคุยกันแค่ประเด็นตรงนี้ เรื่องความรู้สึกของคุณว่าราคาข้าวของสมัยนี้ไม่แพงกว่ารัฐบาลก่อน เป็นอีกเรื่อง ต้องดูกันต่อไป

[เรื่อยๆเอื่อยๆ]

กองทุนน้ำมัน ภาษีสรรพสามิต เป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการควบคุมราคาน้ำมัน
บริหารเก่งไม่เก่ง ก็ต้องดูว่า ใครสร้างสมดุลให้กับราคาน้ำมัน เงินในกองทุนและรายได้จากภาษี ได้ดีกว่ากัน

สมัยมาร์ค ราคาน้ำมันคงที่ เงินในกองทุนเป็นบวก ภาษีเก็บได้ทะลุเป้า
สมัยปู ราคาน้ำมัน.... เงินในกองทุน.... ภาษีเก็บได้....

เพราะฉะนั้นจึงสรุปว่า ปูเก่ง มาร์คห่วย

ปล. .... = ใครๆก็รู้

[Tam-mic-ra.]

คุณ HWD #247

คุยกันตามข้อๆของคุณนะ

1. ดูการชดเชยราคาใน Eppo ตรงไหน? ขอลิ๊งค์ข้อมูลด้วยครับ ว่าสมัยทักษิณเอาเงินไปโป๊ะราคาน้ำมันดีเซล+แก๊สก๊าซ ผมเพิ่งมาศึกษาครับ
2. อันนี้ไม่มีข้อมูล ขอผ่าน
3. ถ้าเราเอาตารางโครงสร้างราคาน้ำมันมาดู เราจะจิ้มเอาต้นทุนช่องไหนออกไป อันไหนเอาใส่เพิ่ม .... เพื่อให้มันลงตัวที่ 29.99 บาท ผมคิดว่ามันไม่ยากและเป็นทางออกที่น่าอายครับ ผมคิดแบบนี้ครับ ถ้าคิดผิดขออภัย
4. ผมว่า รบ.มาร์ค อ่านขาด ว่าอนาคตจะมีทิศทางที่ทำให้ตัวเลขเงินกองทุนน้ำมันดูดี เพื่อเอามาคุยอ้างได้แบบกระทู้นี้ไงครับ แต่ประชาชนอีกกลุ่มใหญ่ๆที่ใช้เบนซิน ได้ประโยชน์ไหมครับ
5. ได้ยกคลิปมาลงไว้ข้างบนแล้วนะครับ

[ต้นหอม]

ที่จะบอกสุดท้ายนี้ ที่รัฐบาลปู แพงกว่า มาร์ค เพราะตอนนี้เลิกอุ้ม(เก็บภาษีน้ำมันเริ่มจากลิตรละ 1 บาท)แล้ว

ปล่อยไปตามกลไกตลาด ที่รัฐบาล อภิสิทธิ์ ถูกกว่านิดหน่อยเพราะอุ้ม น้ำมันอยู่(งดภาษี ลิตรละ 5 บาท)

ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด





แค่นี้ละครับใครไม่ get ก้ไม่ต้อง get ผมมาบ่นเฉยๆ


บายครับ

ถ้าจะพูดถึงอุ้มแล้วบิดเบือนราคาตลาดล่ะก็ ช่วยย้อนกลับไปสมัยทักษิณเลยครับ เป็นคนริเริ่มกองทุนน้ำมัน

ปล. หลังโดนรัฐประหารไป เลยค้นพบว่า ในยุคทักษิณ ฐานะสุทธิกองทุนน้ำมันติดลบอยู่ ๕ หมื่นล้านนะจ๊ะ

สมัยทักษิณไม่มีการบิดเบือนนะ ถ้ามีขอหลักฐานหน่อย เท่าที่เคยอ่านมาคร่าวๆ มีแต่เพียงการเก็บเข้ากองทุนเพื่อชดเชยเมื่อราคาตลาดผันผวน

มาเริ่มโยกเงินกองทุนไปอุดหนุน+ ไปโปะดีเซล +โปะแก๊สก๊าซ กันมั่วซั่วจนราคาดูเหมือนถูก บิดเบือนราคาจริงที่ไม่ใช่ราคาที่ควรจะเป็น
อีตอนยุคของนายนักพูดอภิสิทธิ์นี่แหล่ะ

แถมมีช่วงนึงพออุ้มดีเซลจนกองทุนเริ่มไม่ไหว พี่แกเล่นลดภาษีสรรพสามิตออกซะลิตรละ 5 บาท เพื่อหยุดการจ่ายชดเชยกองทุนน้ำมัน
http://www.eppo.go.t...kpc/kpc-136.htm

บริหารเก่งโน๊ะ บริหารแบบนี้คนจบ ม.6 ก็ทำได้

และถ้าจะคำณวนกันนี่
ขณะที่มีคนในนี้ดีใจกับกองทุนน้ำมันเป็นบวก แต่สรรพสามิตขาดรายได้ไปเท่าไรแล้วหนอ


และตอนนั้นช่วง รบ.เด็กหนุ่มอุ้มดีเซล ลิตรละไม่เกิน30บาท สินค้าต่างๆก็ไม่ได้ถูกกว่าตอนนี้เลย

ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2546 ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นอีกหลังจาก ที่ราคาได้อ่อนตัวลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ทั้งนี้เนื่องจากการผลิตน้ำมันเบนซินของโลกไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โรงกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปหลายแห่งปิดซ่อมบำรุง และประเทศจีนได้ลดการส่งออกน้ำมันเพื่อสะสมไว้ใช้ในช่วงตรุษจีน ประกอบกับสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางการเมืองโดยเฉพาะในตะวันออกกลาง และการเก็งกำไรจากกองทุนเพื่อการลงทุน (Hedge Fund) ในตลาดค้าน้ำมันระหว่างประเทศ ทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก และ อาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน จากระดับราคาสินค้า ค่าบริการ และค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน นายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2546 จึงได้มีนโยบายบรรเทาผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนในช่วงราคาน้ำมันแพงโดยให้นำมาตรการตรึงราคาขายปลีกมาดำเนินการอีกครั้งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2547 ได้มีมติเห็นชอบให้จ่ายเงินชดเชยจากกองทุน น้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อตรึงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอีกครั้ง โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ กรุงเทพมหานคร ของน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 และดีเซลหมุนเร็วไว้ที่ระดับ 16.99, 16.19 และ 14.59 บาท/ลิตร ตามลำดับ
ระหว่างวันที่ 10 มกราคม 2547 ถึง 20 ตุลาคม 2547 กระทรวงพลังงานได้ทยอยปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน และ ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2547 ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 91 อยู่ที่ระดับ 22.39 และ 21.59 บาท ตามลำดับ ซึ่งราคาดังกล่าวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับราคาในตลาดโลก รวมทั้งประชาชนเริ่มปรับตัวยอมรับกับราคาจริงของน้ำมันเบนซินที่อยู่ในระดับสูง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานจึงได้เห็นชอบให้ยกเลิกการตรึงราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และ 91 โดยปล่อยให้ราคาน้ำมันเบนซินกลับสู่ระบบราคาลอยตัวตามตลาดโลกเช่นเดิม ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2547 เป็นต้นไป ยังคงตรึงเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไว้ที่ระดับ 14.59 บาท/ลิตร ซึ่งภายหลังการประกาศระบบราคาน้ำมันลอยตัวในเดือนพฤศจิกายน ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินทุกชนิดลดลง 3 ครั้งๆ ละ 40 สตางค์/ลิตร และเดือนธันวาคมได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลดลง 5 ครั้ง รวม 1.90 บาท/ลิตร และจากการดำเนินนโยบายตรึงราคาน้ำมันขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 จนถึง 5 มกราคม 2548 รวม 362 วัน กองทุนน้ำมันฯ ได้จ่ายเงินชดเชยสะสมไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 60,283.01 ล้านบาท
http://www.eppo.go.t...547/part-5.html
หลักฐานที่ท่านเรียกหา ทักษิณตรึงทั้งเบนซิน ดีเซล ทำให้กองทุนบักโกรก เวปก็เวปเดิม ทำไมท่านไม่ดูย้อนหลังไปในช่วงที่อดีตท่านผู้นำบริหารอยู่ ท่านลองดูที่บทวิจารณ์ช่วงนั้นก็ดีนะคะเพราะนักวิชาการด่ากันให้ขรมว่าหาเสียง ส่งผลกระทบมาให้ถึงยุคขิงแก่ต้องเก็บเงินคืนกองทุน