Jump to content


Maruay

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 26 ตุลาคม 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2557 21:53
-----

#675624 รถไฟความ..(เลว)เร็วสูง ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับจีนแล้ว

โดย Maruay on 12 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:59

อยู่เชียงใหม่มายี่สิบกว่าปี

 

ที่ทำงานก็อยู่ติดกับสวนสัตว์

 

แต่ไม่เคยเห็นทั้งพ่อแม่ (คำเอ้ย คำอ้าย) และลูก (หลินปิง)

 

แถมคนเชียงใหม่ ยังดูเฉย ๆ ซะอีก พ่อตาผมและญาติ ๆ ภรรยาก็แดงเต็มขั้นสุดแรงเกิด ยังเฉย ๆ

บอกด้วยซ้ำว่าไม่กระทบอะไรหรอก




#669943 โอบามา ยอมหักเงินเดือนตัวเอง 5%

โดย Maruay on 6 เมษายน พ.ศ. 2556 - 20:52

ในความเห็นผม การเป็นผู้นำจำเป็นต้องเสียสละครับ

 

ผมจำได้ว่าสมัยเรียน MBA มีกรณีศึกษาของ CEO บริษัทหลายแห่งเช่น Chrysler และ Apple ที่ผู้บริหารต่างก็ยอมเสียสละโดยรับเงินเดือนในอัตราที่ต่ำมาก ๆ เพื่อกอบกู้บริษัทให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

 

แม้แต่ในปัจจุบัน บริษัทลูกค้าผมหลายรายในเชียงใหม่ ผู้บริหารยอมลดเงินเดือนตัวเอง เพื่อเพิ่มค่าแรงให้คนงานระดับปฏิบัติการโดยไม่ต้องปลดคนงานและรับมือกับวิกฤติเงินบาทแข็ง ออเดอร์น้อย ส่งออกไม่ได้ เหมือนกัน

 

ผมอยากให้นักการเมืองไทยเสียสละเพื่อประชาชนบ้าง (แม้จะรู้ว่า ยิ่งกว่า Mission impossible ก็ตาม)




#665528 เลือกตั้งซ่อมเชียงใหม่ "เจ๊แดง" ชนะชัวร์ล้านเปอร์เซ็นต์ สิงห์ฟันธง

โดย Maruay on 2 เมษายน พ.ศ. 2556 - 14:42

เห็นด้วยล่ะครับ ก็ทั้งผู้สมัครที่เป็นหญิง ทั้งเบอร์สองกับสาม ชื่อ แดง ทั้งคู่




#618597 เห็นมติชนเค้าบอก นพดล กรรณิกา เหน็บชนชั้นนำแสดงตนเลือกใคร ชี้นำยิ่งกว่าโพลล์

โดย Maruay on 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 20:07

นพดล กรรณิกา เหน็บชนชั้นนำแสดงตนเลือกใคร ชี้นำยิ่งกว่าโพลล์
จุดยืนเอแบคโพลล์ ในการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.[/size]
โดย ดร.นพดล  กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
 [/size]
ผมไปอ่านมา อ่านไปก็หัวเราะไป ก็ขอสรุปคร่าวๆ ดังนี้คือ [/size]อธิบายถึงความหมายการทำโพลล์  และ[/size]ถ้าจะทำโพลล์ก็ต้องคำนึงถึงสองส่วนใหญ่ๆ คือ ความสนใจของสาธารณชน และความสนใจของนักทำโพลล์ ทั้งพูดเหมือนจะตอกย้ำถึงความแม่นยำของโพลล์เอแบค [/size]เพราะ[/size]การทำโพลล์เลือกตั้งผู้ว่า กทม.[/size]ของเอแบค[/size]จะมีนักสถิติมาทำการกำหนดขนาดตัวอย่างว่าจำนวนเท่าไหร่ถึงจะมากพอในการวิเคราะห์ การกำหนดขนาดตัวอย่างจะใช้สูตรคำนวนแต่ “ไม่ใช้” ตารางสำเร็จรูปเหมือนอย่างที่นักวิจัยคนไทยนิยมใช้กันทั้งๆ ที่ไม่ทราบว่าตารางสำเร็จรูปนั้นเหมาะกับการเลือก[/size]
 
รวมทั้งแก้ข้อกล่าวหาที่ว่าเป็นโพลรับจ้างโดยเอาศัพท์ภาษาอังกฤษมาช่วยอธิบายเพื่อเพิ่มความขลัง โดยอ้างถึงขั้นตอนสำคัญในการทำโพลล์เอแบค ที่เริ่มจาก[/size] หลักเกณฑ์การสุ่มตัวอย่าง[/size] ที่เป็นธรรม [/size]การเก็บรวบรวมข้อมูล[/size] ที่ต้องมีการอบรมพนักงานอย่างดีและการเก็บข้อมูล “ต้องกลับไปตรวจสอบได้” โดยสามารถเดินทางกลับไปหาคนตอบแบบสอบถามนั้นๆ ได้ [/size]สุดท้ายคือ [/size]การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ [/size]การใช้หลักสถิติเข้ามาช่วยวิเคราะห์เพื่อช่วย “ลดทอนอคติ” และ “ลดทอนการชี้นำ” ของผู้คน และนี่คือจุดแห่งความแตกต่างระหว่าง ข้อมูลจากโพลล์ กับข้อมูลจากความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบของผู้คนในสังคม โดยเฉพาะข้อมูลจากผู้ใหญ่ที่เป็นที่เคารพนับถือของสาธารณชน[/size]
 
นพดลย้ำว่า จึงต้องฝากกระซิบไปยังผู้ใหญ่หรือชนชั้นนำในบ้านเมืองที่ต่างประเทศเรียกกันว่า อีลีท (Elite) ว่า การที่ท่านออกมาแสดงตนว่าจะเลือกใคร การที่ท่านออกมาบอกสังคมว่าอยู่กลุ่มใดพรรคใดล้วนแต่มีส่วนชี้นำมีส่วนจูงใจและน่าจะมีอิทธิพลยิ่งกว่าข้อมูลผลโพลล์เสียด้วยซ้ำ [/size]เพราะนั่นคือ เรื่องราวส่วนตัวล้วนๆ แต่กลับนำออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนที่ไม่มีกฎหมายเลือกตั้งใดมาห้ามการชี้นำเหล่านี้ ส่งผลให้ช่วงนี้ข้อมูลที่เข้ายึดพื้นที่ข่าวจูงใจประชาชนจึงมาจากชนชั้นนำ เช่น นักวิชาการ กลุ่มผู้นำทางความคิด คอลัมนิสต์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนักการเมือง เป็นต้น [/size]จึงขอแสดงจุดยืนเอแบคโพลล์ว่า สำนักวิจัยเอแบคโพลล์เป็นพวกไม่เลือกข้าง (Nonpartisan) ในทางการเมืองและไม่ฝักใฝ่ทางการเมืองในการเลือกตั้งทุกครั้ง
 
http://www.matichon....atid=&subcatid=
 
ที่ผ่านมาคนเค้าออกมาด่าว่าไอ้โพลล์ทั้งหลายแหล่ของเอแบคนั้นเป็นโพลล์ชี้นำ ไม่มีใครเค้าบอกว่าผลโพลล์นั้นไม่เที่ยงตรง หรือมีความคลาดเคลื่อนสูง นพดลจึงควรที่จะชี้แจงว่าเอแบคโพลล์ไม่มีการชี้นำ โดยนพดลต้องอธิบายถึงหลักการทำโพลล์ ให้ครบถ้วน ว่ามีอะไรบ้าง เพราะรู้สึกว่านพดล จะลืมขั้นตอนการออกแบบแบบสอบถาม (questionnaire) ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำโพลล์ เพราะการชี้นำมันมาจากตรงนี้ ว่า คุณอยากจะให้เค้าตอบอะไร กับ คุณอยากรู้ว่าเค้าคิดอะไร เช่น คุณจะเลือกพงศพัศหรือไม่? กับ ผู้ว่า กทม คุณจะเลือกใคร ต่างกันนะครับ 
 
ส่วนคำว่า อีลีท (Elite) ถ้าเป็นชาวบ้านอย่างผมที่ไม่ได้เรียนจบจากต่างประเทศจะเข้าใจว่าเป็นชนชั้นสูง เชื้อพระวงศ์ ไม่ใช่ผู้ใหญ่หรือชนชั้นนำอย่างที่คุณพูด คุณคงจะอิจฉาซิครับว่า ผู้ใหญ่หรือชนชั้นนำ เหล่านั้นนำเรื่องส่วนตัวมาเปิดเผยต่อสาธารณแสดงการสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์  แต่ไม่มีใครออกมาสนับสนุน"จูดี้" พรรคเพื่อไทย เป็นสาเหตุให้คะเเนนเสียงจูดี้ตก :lol:  :lol:  :lol: 

เห็นด้วยมาก ๆ ตรงที่ว่า ที่มาของแบบสอบถามต้องไม่ชี้นำหรือไม่มี Bias ในการถาม
นอกจากนี้ผมตั้งข้อสังเกตว่า เค้าตัดแค่ส่วนเดียวของบทความวิชาการมาเพื่อเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า ส่วนหนึ่งของบทความคือ
“บทความนี้ได้จากการทบทวนเอกสารศึกษาด้านระเบียบวิธีวิจัยเชิงสำรวจและนโยบายสาธารณะจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน มหาวิทยาลัยคอร์แนล และมหาวิทยาลัยจอร์ชทาวน์ สหรัฐอเมริกา หากนักวิชาการและนักศึกษาจะนำไปอ้างอิงในงานวิชาการของตนเองขอให้ระบุแหล่งที่มาของบทความนี้”

ผมสงสัยตรงการอ้างอิงเชิงวิชาการนี่แหละครับ เพราะปกติการอ้างอิงเชิงวิชาการควรระบุว่าด้วย Author หรือผู้แต่งคือใคร (ตัวมหาลัยเองคงไม่สามารถแต่งได้กระมัง) นั่นจึงน่าจะมีชื่อคนและพ.ศ. เพื่อให้เกียรติต้นฉบับคนเขียนเดิมด้วย ไม่ใช่อ้างชื่อม. ลอย ๆ แล้วก็จบ (ขอกระแดะบ้างว่า ภาษาอังกฤษเค้าเรียก Citation หรือการอ้างอิงผลงานเชิงวิชาการ)
ดังนั้น ผมคิดว่า ตัวบทความคงมาจากต้นฉบับจริงโดยตัดแปะ หลาย ๆ บทความวิจัยแล้วก็ตีขลุมสรุปความว่าโพลตนเองทำได้ตามมาตรฐานสากลแล้ว (แต่ไม่กล่าวถึง การสร้างแบบสอบถามอย่างที่ จขกท. ตั้งข้อสังเกต?)

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าจะพูดแต่กลับไม่กล่าวถึงเลย ความคลาดเคลื่อนจากทำโพล เพราะคุณเลือกตัวอย่างไม่ใช่ ถามทุกคน 100% เมื่อว่าในบทความจะพยายามอธิบายว่ามีการฝึกอบรมคนให้เก็บข้อมูลอย่างถูกต้องแล้วก็ตามแต่ความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้นได้ครับ

ส่วนประเด็น Elite ขอไม่แสดงความเห็นนะครับ เพราะไม่เก่งภาษาเท่าใดนักครับ


#613096 โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง มาช่วยกันวิเคราะห์หน่อย

โดย Maruay on 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 21:03

แม้ว่าจะไม่อยากให้เกิดขึ้น
แต่ความเชื่อส่วนบุคคลของผมคือ แม้ว่าเพื่อไทยจะชนะ อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้
ปชป.จะได้ตาสว่างและปรับกลยุทธ์ของตนเองเสียใหม่ แทนที่จะหลอกตัวเองว่าเรายังสู้ได้
ส่วน ประชาชนจะได้เห็นฝีมือและความสามารถของเพื่อไทยบ้างเสียที

จะรู้จักสวรรค์ได้อย่างไร ถ้าไม่เคยเห็นนรก


#586291 โฆษกรัฐบาลสหรัฐชี้ไทยควรพิทักษ์เสรีภาพการแสดงออกตามหลักสากล

โดย Maruay on 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 11:13

งั้นผมขอเรียกร้องให้สหรัฐ ปล่อยทุกคนที่ขู่ฆ่าโอบามา เช่นกันนะครับ
เพื่อส่งเสริมสิทธิเสรีภาพตามที่อเมริกาเรียกร้อง


#583452 ลดการบ้านคือคำสั่งเร่งด่วนของกระทรวงศึกษาธิการ?

โดย Maruay on 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:40

ในความเห็นผม ขอติติงเรื่องการกำหนดนโยบายการศึกษาของรัฐบาล

ผมคิดว่าในแง่ของวิชาการแล้ว การจะกำหนดนโยบายอะไรสักอย่างควรมีการศึกษาข้อมูลหรือวิจัยอย่างจริงจังเสียก่อนนะครับ
เพราะเมื่อกำหนดนโยบายไปปฏิบัติโดยขาดการศึกษาวิจัยผลกระทบที่ตามมาแล้ว แทนที่จะทำให้เกิดผลดีอาจเกิดผลเสียได้ครับ

ผมยอมรับว่าการมอบหมายการบ้านหรืองานให้เหมาะสมกับระดับและพัฒนาการของเด็กแต่ละวัยเป็นสิ่งจำเป็น เด็กควรเรียนรู้ทักษะทางกายและความจำก่อน (รู้ เข้าใจ วิเคราะห์ สังเคราะห์) ตามแต่ละระดับ ยกตัวอย่างลูกผมที่เรียนโรงเรียนอินเตอร์
เค้าจะมอบหมายการบ้านแค่วันจันทร์เท่านั้น และเป้าหมายชัดเจนว่า งานชิ้นนี้จะสร้างทักษะ หรือพัฒนาการด้านใดให้กับลูกเรา เช่น วัยเด็กอนุบาล ก็วาดเขียน ฝึกการจับดินสอ และทักษะการมอง การใช้สี ผนวกกับจินตนาการ

ก็คงต้องกลับมาที่โจทย์ว่า ก่อนยกเลิกนโยบายนี้ ได้มีการศึกษาอย่างจริงจังแล้วหรือไม่ครับ ว่า การบ้านยุคนี้มันมากเกินไปหรือไม่? (เอาผลการวิจัยเชิงวิชาการจริง ๆ ที่ไม่ใช่ความรู้สึกนะครับ) อย่างน้อยในวงการศึกษา การจะทำอะไรเกี่ยวกับการศึกษาควรมีเหตุผล และระบบการศึกษาก่อนเสนอทางแก้ปัญหาจริงมั้ยครับ


#579021 ติดตามผลงานตลอด 4 ปี และนโยบายของสุขุมพันธุ์

โดย Maruay on 25 มกราคม พ.ศ. 2556 - 08:19

9. สร้างสุขภาพคนกรุง สนามบางกอกอารีน่า

 

20130111082301dWKU.jpg

 

โครงการจักรยานสาธารณะ “ปันปั่น”
โครงการจักรยานสาธารณะ “ปันปั่น”  ส่วนหนึ่งในโครงการที่รณรงค์การลดการใช้พลังงานและเติมสีเขียวให้กับเมืองหลวงของประเทศ ส่งเสริมให้คนกรุงใช้รถจักรยานแทนรถยนต์ด้วยการแบ่งปัน ให้สมาชิกเช่ารถจักรยานและนำส่งคืนที่สถานีบริการปลายทางได้ โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยควบคุมการใช้งานและการชำระเงินผ่านสมาร์ทการ์ดที่มีความสะดวกปลอดภัย พร้อมสร้างสถานีบริการจักรยานใจกลางเมืองให้บริการบริเวณหน้าตึกจามจุรีสแควร์ และสยามสแควร์

 

20130110001255NFf4.jpg

 

เริ่มต้นจากการสร้างสนามบางกอก อารีน่า
สนามแห่งนี้มิได้สร้างขึ้นเพื่อรองรับการแข่งขันฟุตซอลโลก เพียงอย่างเดียว แต่จะใช้เป็นศูนย์กลางการกีฬาและสุขภาพแห่งใหม่ในโซนกรุงเทพฯตะวันออก พร้อมพัฒนาเป็นสนามกีฬาและสันทนาการที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯด้านตะวันออก พร้อมพัฒนาเป็นสนามกีฬาและสันทนาการที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ และโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีกำหนดก่อสร้างเสร็จตามสัญญาในเดือนเมษายน 2556จากการติดตามอย่างใกล้ชิด และจัดการแข่งขันทดสอบสนาม กทม. มั่นใจว่าสนามแห่งนี้สามารถใช้ในการแข่งขันได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าฟีฟ่าจะไม่ได้ใช้สนามแห่งนี้ ด้วยเหตุผลในทางลับที่ให้กับข้าราชการกรุงเทพมหานครว่า “Your boss has a big enemy.”สร้างสุขภาพคนกรุงด้วยศูนย์กีฬาด้านตะวันออก

 

20130109231441V7nc.jpg

 

เพิ่มเติมสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียว
ให้ชาวกรุงเทพฯ ได้รับอากาศบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นมากกว่า5,000 ไร่ คิดเป็นอัตราเฉลี่ยพื้นที่สีเขียว 4.73 ตารางเมตร
ต่อคน พร้อมผลักดันโครงการสวนสาธารณะในเขตบางบอนพื้นที่ 100 ไร่ สวนสาธารณะที่ทางแยกต่างระดับถนน
วัชรพล พื้นที่ 21 ไร่ และสวนสาธารณะบริเวณถนนเพชรเกษม พื้นที่ 70 ไร่

โดยส่วนตัวผมชอบโครงการนี้นะครับ

โครงการจักรยานเป็นโครงการที่ดี และได้ประโยชน์หลายทาง รวมทั้งใช้ระบบเหมือนต่างประเทศทีเดียว (ผมเห็นแล้วนึกถึงเมืองควิเบค สมัยไปเรียน)

ส่วนโครงการสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวก็ทำให้มีอากาศบริสุทธ์ในเมืองมากขึ้น 

พออ่านกระทู้นี้แล้ว เริ่มคิดว่าสิ่งที่คุณชายทำไว้มีผลงานเป็นรูปธรรมไม่น้อยเหมือนกันตลอดสี่ปี เพียงแต่สิ่งที่ ปชป. ขาดมาก ๆ คือ การขาดประชาสัมพันธ์
บางทีอาจเป็นเพราะนิสัยคนไทยโดยทั่วไปไม่ชอบคนโอ้อวดก็ได้ (แม้ว่าจะทำจริง แต่การโฆษณาว่าตนเองมีผลงานเยอะ ๆ จะกลายเป็นที่หมั่นไส้ได้) ยิ่งพรรคที่ออกแนวอนุรักษ์นิยม อย่าง ปชป. ทำอะไรต้องรอบคอบไว้ก่อน เลยดูเหมือนจะขาดการโฆษณาและมีภาพลักษณ์ทำงานช้าได้ แต่พอได้ทำแล้วผลงานก็เป็นประโยชน์จริง ๆ

ขอชื่นชมกับผลงานและความดีที่ทำไว้นะครับ เสียดายผมย้ายสัมโนครัวออกจาก กทม.แล้วจึงไม่มีสิทธิ์ ได้แต่เป็นคนดูและคอยให้กำลังใจนะครับ




#576847 เกิดอะไรกับ 'เทมาเส็ค' ไม่มีปัญหาใหญ่ไม่น่าพบกับผู้นำฝ่ายค้านของไทยนะ ?

โดย Maruay on 22 มกราคม พ.ศ. 2556 - 21:23

ขอนอกเรื่องหน่อยครับ

ที่จริงจากเนื้อข่าว เป็นแนวทางหนึ่งที่ดีในการพัฒนาขนส่งมวลชนบ้านเรานะครับ "ควบคุมจำนวนรถด้วยการจำกัดการออกทะเบียนในแต่ละปีและให้มีการประมูลทะเบียนรถ" อย่างน้อยก็ดีกว่า ปล่อย ๆ ให้ออกมาโดยที่ไม่มีความจำเป็นแบบรถคันแรก




#570664 มีใครคิดเหมือนผมไหม ไอ้เรื่องรถติดมันติดกันมาตั้งนานแล้ว มันไม่ใช่เพิ่งมาติด...

โดย Maruay on 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:56

ตั้งกระทู้แบบนี้สงสัยไม่เคยขับรถยนต์

เอาแค่ในเชียงใหม่ที่ผมอยู่ก็ได้ บ้านอยู่ติดถนนใหญ่ในตัวเมือง
รถไม่เคยติด แต่ทุกวันนี้สี่โมงถึงหกโมง ไม่ใช่เวลากลับบ้านซะแล้ว ถ้าไม่อยากติดแหง่กบนถนน

ขนาดเมืองใหญ่ ยังติดปานนี้ ไม่ต้องพูดถึง กทม. ที่ปริมาณรถยนต์ไปไกลลิบลิ่ว (ดูแค่ป้ายทะเบียนก็ได้ วิ่งไปหลายแสนแล้ว)


#564076 เรายังศรัทธา..............................ในความดี.......................ยังอ...

โดย Maruay on 9 มกราคม พ.ศ. 2556 - 17:19

ปัจจุบันผมทำงานในสองอาชีพ คือ แวดวงราชการ กับ ภาคเอกชน (ประกอบวิชาชีพอิสระ) 

แน่นอนว่า เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ที่ว่า การทำความดีในปัจจุบันนั้นยากยิ่ง โดยเฉพาะแวดวงราชการ.... อันเป็นยุคที่เรียกได้ว่า คนมีปัญญาแพ้คนหน้าด้าน

เก่งแค่ไหน ขาดคนอุปถัมภ์ เลียไม่เป็น ประจบไม่เก่ง ยากที่จะเจริญ 

จนผมเองอยากลาออกมาประกอบวิชาชีพอิสระเต็มตัว 

มีเพียงสิ่งเดียวที่ยึดผมไว้คือ พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่ี่งมีใจความตอนหนึ่งว่า (ผมขออนุญาตอันเชิญมาแปะไว้นะครับ)

 

“...การทำดีนั้นทำยาก และเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่และจะพอกพูนอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว บุคคลแต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลังในการสร้างเสริมและสะสมความดีอยู่ทุกเมื่อ ทั้งต้องหมั่นสำรวจตรวจสอบความดีของตัวเองอยู่เสมอๆ ด้วยว่ายังบริบูรณ์ดีอยู่ หรือบกพร่องวิปริตในส่วนใดข้อใดไป จักได้รีบปฏิบัติปรับปรุงแก้ไขให้ทันการ และการสร้างความดีนี้ สำคัญที่สุด จะต้องกระทำให้พร้อมกันทั่วทุกคน ผลการปฏิบัติจึงจะมีประสิทธิภาพเต็มที่ และช่วยให้บ้านเมืองมีความปรกติเรียบร้อยได้  ถ้าปฏิบัติไม่พร้อมเพรียงกัน หรือพากันละเลย ไม่รักษาความดีแล้ว ความปั่นป่วนระส่ำระสายก็จะเกิดตามมา...”

 

ด้วยหลักยึดข้างตนทำให้ ผมมีหลักยึดประจำใจในการทำงานไม่ถอดใจไปเสียก่อนนะครับ

(แปะไว้บนโต๊ะทำงานเพื่อระลึกเวลาท้อแท้เสมอ)




#538248 เมื่อนางลอยตัวแต่คนชาบู หน้าหล่อเล่นทุกเรื่องแต่คนเกลียดขี้หน้า

โดย Maruay on 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:36

ผม "เคยคิด" อยากแบ่งปันสิ่งเราและเค้ารู้นะครับ โดยเฉพาะคนเสื้อแดงรอบตัว

แต่ข้อสรุปที่ได้จากการทดลองแบ่งปันความรู้นั้นคือ "อย่าเสียเวลาอธิบายอะไรที่ อีกฝ่ายไม่พร้อมจะฟัง"

ทุกวันนี้ผมจึงคิดแค่ว่า รอให้ความจริงมันปรากฏ ให้เค้าตาสว่าง เมื่อภัยมาถึงตัวจะดีกว่านะครับ


#521609 งาน....ในยุค 15 000 300 บาท ความจริงที่กำลังเกิดขึ้น

โดย Maruay on 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 08:43

ผมคนนึงล่ะที่ต้องปรับตัวให้เข้า AEC เพราะอยู่ในวิชาชีพบัญชี ซึ่งกำลังจะเปิดเสรี เมื่อผนวกกับการปรับฐานเงินเดือนให้เป็น 15,000 บาท
สิ่งที่เกิดขึ้น คือ จากเดิมผมให้ป.ตรีสตาร์ท 12,000 บาท (ถือว่าอยู่ได้เพราะในเชียงใหม่นั้น อัตรานี้ก็สูงกว่าหลาย ๆ ที่อยู่) พนักงานเดิมแห่กันไปสอบข้าราชการ
เพราะเห็นว่าได้มากกว่า เด็กจบใหม่ ก็เรียกร้อง 15,000++

โชคดีที่ในเครือข่ายลูกค้าที่ดูแลมีองค์กรระหว่างประเทศ เช่น มูลนิธิหรือสมาคม จำนวนไม่น้อย (กว่าครึ่งอยู่ในสิงคโปร์) จึงพอปรับตัวได้โดยใช้วิธีการคล้าย ๆ กับเจ้าของกระทู้ คือ ลดพนักงานในสำนักงานลง คนเดิมลาออก ก็ไม่รับเพิ่ม แล้วไปขึ้นเงินเดือนให้พนักงานเดิมเป็น 1.5 เท่า (ขึ้นพรวดเดียว 50%) แล้วให้ทำงานมากขึ้น
ปรากฎว่า กลับกลายเป็นดี เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการบริการคุณภาพมากกว่า (คนที่เหลือสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ตอบคำถาม แก้ปัญหาลูกค้าได้)

ถ้าจำเป็นต้องทำงาน Routine รับนักศึกษาฝึกงานเอา ค่าแรงถูกกว่ามาก และไม่น่าเชื่อว่า มีนักศึกษาแลกเปลี่ยน ของเวียตนามมาเรียน และมาทำงาน
นักศึกษาเวียตนามคนเดียว ทำงานได้มากกว่า อดีต Staff ของเราสองคนรวมกัน ตอนแรกคิดว่านักเรียนที่มาเรียนอาจเป็นหัวกะทิ เลยลองรับรุ่นถัดมา
ยอมรับครับว่า นักศึกษาเวียตนามมีความอดทน ขยัน และรับผิดชอบมากกว่าเด็กไทยในปัจจุบัน

มาถึงจุดนี้ผมก็มีคำถามในใจว่า เราพร้อมสำหรับ AEC และ การปรับค่าแรงให้สูงขึ้นโดยไม่สอดคล้องกับ Productivity ของแรงงานไทยหรือไม่ครับ
อันนี้เป็นมุมหนึ่งจากภาคบริการหนึ่งที่ต้องเข้าสู่ AEC นะครับ เป็นความเห็นส่วนตัวจากประสบการณ์ของผม


#520279 ฝากถามป้าธิดา "ป้าพูดถึงประเด็นอภิปรายไว้ตรงไหนบ้างครับ ?"

โดย Maruay on 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 21:00

ก็มันไม่ได้เงินนี่ ครับ สู้แล้วไม่รวย จะให้ป้าสู้เหรอ


#520220 เล่าสู่พี่น้องสรท.:แม่ผมบอกว่า "อย่าให้เขาหลอกลูกไปออกนโยบายโจมตีฝ่ายตรงข...

โดย Maruay on 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 20:22

ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้นะครับ
ส่วนตัวผม คนรอบตัวมีทั้งแดง (หลัก ๆ คือ ท่านพ่อตาและเพื่อนสนิทสองสามคน) และไม่แดง
คนที่แดง ยังไงก็รักทักษิณ ชื่นชมทั้งวันว่า คุณยิ่งลักษณ์นี่งามสง่า สมเป็นผู้นำ (แม้ว่าผมจะทำปากแบะใส่บางทีก็ตาม แต่ไม่สามารถแสดงออกมากได้เพราะเกรงใจภรรยา)
และไม่มีทางที่เค้าจะยอมรับ พรรคอื่นได้เด็ดขาด แม้แต่เพื่อนสนิทผมคนนึงที่มีการศึกษาดีมาก จบจากเมืองนอก แต่เป็นแดงแท้ (และเราไม่คุยการเมืองมานานมาก)
ทุกครั้งที่พูดคุยกันเรื่องนโยบายรัฐ (ล่าสุด ค่าแรงสามร้อย) เค้าก็เข้าข้างรัฐบาลเสื้อแดงเสมอ แม้ว่าโรงงานเค้าจะปลดคนงานตอนสิ้นปีนี้แล้ว
ดังนั้น ผมไม่คิดว่า ความขัดแย้งนี้จะยุติได้โดยง่าย เพราะมันฝังรากลึกมาก อย่างไรก็ดี ผมมีความหวังจากคนรอบข้างที่ไม่ใช่คนเสื้อแดง และคนที่เคยเป็นแดง
คนกลุ่มนี้ เมื่อได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง (ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ เสรีไทยทุกท่านที่ทำให้ผมมีข้อมูลไปโต้แย้ง) หลายคนตาสว่างและหันหลังให้ทักษิณ

ผมจึงมีความหวังลึก ๆ ว่า เมื่อคนส่วนใหญ่ตาสว่าง และรับรู้ด้วยว่าใครที่ห่วงใยและทำงานเพื่อชาติอย่างแท้จริง วันนี้ความปรองดองแบบยั่งยืนจะเกิดขึ้น
ซึ่งก็หวัง (อีกเช่นกัน) ว่ากลุ่มคนรักชาติจะไม่ท้อถอย ไปเสียก่อน....