nattapat_a

ขอประทานโทษเพื่อนๆนะครับ...ผมขอนุญาตก้าวร้าวกับพวกที่ข่มขู่ผ่านทางเฟซบุ๊คสักครั้ง ปกติไม่เคยหยาบคายผ่านทางเฟซบุ๊คครับ และอดทน นิ่งเฉยมาหลายเดือนแล้ว ผมขอให้เศษขยะแผ่นดินได้โปรดทราบด้วยว่า ... 
1) การที่ผมไม่พอใจและประกาศตัวเป็นศัตรูกับพวกคุณที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อาฆาต มาดร้าย ประกาศตนเป็นศัตรูต่อพระเจ้าอยู่หัวฯนั้น ...ผมผิดที่ตรงไหน???
2) ผมได้อ่าน จม.ข่มขู่ 18 ฉบับ และรับสายโทรศัพท์ข่มขู่จากเศษขยะแผ่นดินของพวกคุณมากกว่า 100 ครั้งแล้ว ...ขอบอกตรงๆว่าไม่ได้มีสาระที่ทำให้ผมหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อยนิด ...อ่านแล้วก็ทราบได้ว่าเป็นแค่ 'กุ๊ย' ธรรมดาๆ หากมีโอกาสขอให้ไปตรวจสอบประวัติอดีตผู้อำนวยการกองกำลังพล กรมแพทย์ทหารบก ระหว่างปี พ.ศ.2546-2548 เสียก่อนแล้วค่อยมาทะลึ่งกับผมจะดีกว่ามั้งครับ

แชร์ถึง ราชองครักษ์ ทหารรักษาพระองค์ ทหารทุกนาย ทุกเหล่าทัพ ว่า 

เมื่ออริราชศัตรู ดังเช่น โกตี๋ และกลุ่มบุคคลที่ปรากฎตัวตนชัดเจน ทั้งยังได้ประกาศตนเป็นศัตรูกับฝ่าลองธุลีพระบาท ดังคลิปข่าวที่ปรากฎต่อสาธารณชนอย่างชัดเจนแล้ว โดยที่รัฐบาลและผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายหาได้ใส่ใจดำเนินการตามกฎหมายใดๆต่อกลุ่มคนเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งรัฐบาลและผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายยังมีพฤติกรรมที่ปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจในการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องฝ่าละอองธุลีพระบาทเสียด้วยซ้ำ 

ดังนั้นทหารทุกนายจึงต้องปฏิบัติการพิทักษ์และปกป้องฝ่าลองธุลีพระบาท โดยไม่ต้องรอให้ผู้บังคับบัญชาสั่งการใดๆกันอีกแล้ว เพราะทหารได้ถวายคำสัตย์ปฏิญาณตนอย่างชัดเจนแล้วว่า

“...ข้าพระพุทธเจ้าจะยอมตายเพื่อรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ... ข้าพระพุทธเจ้า จะจงรักภักดี และถวายความปลอดภัยต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จนชีวิตหาไม่...”


คำสัตย์ปฏิญาณตนที่ได้ถวายสัตย์แล้วนั้น จึงเป็นคำสั่ง ‘สูงสุด’ ของทหารทุกนายอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ผู้บังคับบัญชาสั่งการใดๆอีกแล้ว ผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพก็ได้ถวายคำสัตย์ปฏิญาณตนนี้ด้วยเช่นเดียวกันกับทหารทุกนาย ...ส่วนทหารแต่ละนายจะดำเนินการอย่างไรนั้น ก็สุดแล้วแต่ดุลพินิจของทหารจะกระทำ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นจะต้องเป็นการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อไม่ให้กลุ่มคนพวกนี้เหิมเกริมกันในแผ่นดินไทยนี้อีกต่อไป

ส่วนตัวของผม ...ผมขอประกาศให้ทราบว่า ...ผมขอประกาศตนเป็นศัตรูต่อกลุ่มคนที่ประกาศตนเป็นศัตรูและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วยเช่นกัน ...การกระทำใดที่กลุ่มคนเหล่านี้ได้กระทำหรือจะกระทำต่อฝ่าละอองธุลีพระบาท ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความรุนแรงหรือไม่ก็ตาม...การกระทำเหล่านั้นก็จะบังเกิดผลสท้อนกลับต่ออริราชศัตรูเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรมในทำนองเดียวกัน …

ทหารหรือประชาชนที่พร้อมเป็นศัตรูต่อกลุ่มคนเนรคุณแผ่นดินเกิดเหล่านี้ได้โปรดติดต่อผมโดยตรงทางช่องไมค์หรือ IN-BOX ด้วยครับ

พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
9 เม.ย.57

'รัฏฐาธิปัตย์-กฎอัยการศึก'
บทความโดย เปลว สีเงิน
ไทยโพสต์ ๙ เมษายน ๒๕๕๗

หยุด ๓ วัน ให้คนอื่นเขาเที่ยว ก็กลับกันมาแล้ว ฉะนั้น วันนี้ ผมไปเที่ยวปล่อยแก่ "ก่อนสงกรานต์" บ้าง จึงต้องทำการบ้านล่วงหน้า เรื่องน่าสนใจมีเยอะ ขอหยิบเรื่อง "รัฏฐาธิปัตย์" กับเรื่อง "กฎอัยการศึก" มาคุยดีกว่า แต่ท่านล่ะ...ว่ามันน่าสนใจมั้ย?
 

เรื่องรัฏฐาธิปัตย์ การเอาอำนาจอธิปไตยมาไว้ที่ตน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างสานเจตนาอย่างใด-อย่างหนึ่งไปสู่เป้าหมายที่มุ่งหวังนั้น ความเป็นใหญ่ในแผ่นดินลักษณะนี้ ไม่ใช่ของใหม่ มีมาแล้ว ทำกันมาแล้ว คู่กับโลก คู่กับมนุษย์ เมื่ออยู่รวมกันเป็นสังคมหนึ่งๆ ปัญหามีอยู่ว่า "สุกงอม" พร้อมกันแล้วหรือยังเท่านั้น?
 

คำว่า "สุกงอม" ไม่ได้หมายถึงสถานการณ์ แต่หมายถึง "การตกลงปลงใจ" ของทุกคน-ทุกฝ่ายที่ประกอบเป็นสังคมชาตินั้นๆ เป็นหลักใหญ่ ไม่เช่นนั้น.... ถึงทำได้ แต่จบไม่ได้!
 

เพราะอะไร....ยกเป็นตัวอย่างเพื่อเข้าใจกันง่ายๆ อย่างที่กำนันสุเทพประกาศเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ คือการจะนำอธิปไตย "อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ" มาไว้ที่ตนนั้น ถึงมีมวลมหาประชาชนสนับสนุน ผมก็สนับสนุน แต่ต้องคำนึงด้วยว่า ก่อนประกาศเป็นองค์รัฏฐาธิปัตยนั้น ก็มีผู้ครองอำนาจบริหารและปกครองอยู่แล้ว คือรัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ และนั่น...คนระบบรัฐ คือข้าราชการ ทหาร ตำรวจ สถาบัน-องค์กร ทั้งหลาย เห็นความเลวร้าย และพร้อมใจ "ไม่ยอมรับนับถือ" ในอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พร้อมเขี่ยทิ้งกันแล้วหรือยัง? และพร้อมจะสนับสนุนกำนันสุเทพ ในฐานะองค์รัฏฐาธิปัตย์หรือไม่ ตั้งแถวรอรับคำสั่งและนโยบาย พร้อมมารายงานตัว "พร้อมปฏิบัติ" หรือไม่?
 

เพราะในความเป็นจริง ถ้าประกาศเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์แล้ว ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ สถาบัน-องค์กร เกิดเขาไม่ยอมรับอำนาจนั้น ก็สั่งการอะไรเขาไม่ได้ ถึงสั่งได้ แต่เขาก็ไม่ปฏิบัติ องค์รัฏฐาธิปัตย์ที่ไม่มีกำลังรัฐและกฎหมายรองรับบังคับใช้ มันยากที่จะอยู่ และเดินต่อไปได้ ยิ่งมีประชาชนส่วนหนึ่งที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ" ขับเคลื่อน ซึ่ง ต่างจิต-ต่างใจ-ต่างเจตนา แต่ไม่ต่างเป้าหมาย คือรับใช้ทักษิณ ต่อต้านทุกรูปแบบอย่างนี้ และยังมีข้าราชการ ทหาร-ตำรวจ นักวิชาการ บางส่วน อยากเปลี่ยนธงไตรรงค์ เป็นธงทักษิณ
 

ด้วยสภาพ "ใจสังคมชาติ" ดิบบ้าง-สุกบ้าง เช่นนี้ ขืนประกาศเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ไป ด้วยนิสัย-สันดานชอบเลียนแบบของพวกระบอบทักษิณ เห็นกำนันประกาศเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ได้ ทักษิณ หรือใครที่อ้างอิงทักษิณ ก็จะฉวยโอกาส ชูใครซักคนขึ้นมาประกาศเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์บ้าง! แบ่งประชาชน แบ่งข้าราชการไปคนละส่วน-สองส่วน ลงท้าย ลามไปถึงขั้น "แบ่งประเทศ" ด้วยทึกทัก ฝ่ายตนก็เป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์เช่นกัน แบบนี้ "พระสยามเทวาธิราช" ท่านจะเหนื่อยหนัก?
 

ยิ่งแต่ละขั้นตอนของการเข้าสู่อำนาจ ทั้งตัวนายกฯ ครม.และสภาฯ ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย และต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ในเมื่อ ต่างฝ่าย-ต่างประกาศเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ ขอถามว่า...แล้วเราจะใช้ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" แบบนี้หรือ?
 

พูดถึงคนระบอบทักษิณ นอกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว ในกลุ่ม นปช.ก็ดี ที่แตกแขนงเป็นแดงสาขาต่างๆ ก็ดี กลุ่มนักวิชาการก็ดี เท่าที่ผมสังเกต ใช่ว่าเห็นดี-เห็นงาม ทำด้วยสยบยอมเพื่อทักษิณทั้งหมด หลายพวก-หลายคน อิงทักษิณเป็นฉากบังหน้า เพื่อหาพวก-หาบริวาร หาเงินและหาโอกาสอิงอำนาจไปใช้เสริมสร้างบารมีเพื่อการอื่นของตน และลึกๆ แล้ว เขามีเป้าหมายของเขา โดยเฉพาะพวกนักวิชาการบางคน เขาอิงทักษิณในประเด็น "แอนตีสถาบัน" แล้วใช้เครือข่ายทักษิณเป็นเครื่องมือหล่อเลี้ยงไปสู่เป้าหมายของเขา

ไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าทักษิณมันเลว มันโกง มันกิน ขายกระทั่งชาติ ระดับดอกเตอร์ ระดับอาจารย์มหาวิทยาลัย มันรู้ยิ่งกว่ารู้ แต่พวกนี้ต้องการอาศัยสภาวะหนอนแทะซากทักษิณเลี้ยงตัว เมื่อถึงเวลาก็เปลี่ยนสภาพเป็นผีเสื้อบ้าง ไปเป็น "แมลงปอขย่มตอ" บ้าง การได้เสียดสี สั่นคลอนสถาบัน คือการได้สำเร็จความใคร่ทางวิชาการ เพราะโวหารด้านอื่น ทำแล้วไม่ดัง ไม่โก้ ไม่มีใครยอมรับ ทำเสียชาติเกิดแบบนี้ มีสาวกเสื้อแดงคอเดียวกัน คอยตามตบมือ ได้ออกโทรทัศน์ ได้มีหน้า-มีชื่อลงหนังสือพิมพ์ กระฉูดสุดยอดแล้ว สำหรับนักวิชาการสายพันธุ์นี้!
 

แต่นั่นแหละ ถ้ามองว่า การประกาศเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ของกำนันสุเทพเป็นวิกฤติ ก็อยากบอกว่า นี่แหละคือจุดสร้าง "โอกาสในวิกฤติ"! เพราะต้องตีกันแน่ ถ้าถามว่า แล้วจะถึงขั้น "สงครามกลางเมือง" มั้ย ตรงนี้แหละคือโอกาส โอกาสที่ "ทหาร" จำเป็นต้องประกาศใช้ "กฎอัยการศึก"!
 

รัฏฐาธิปัตย์ โดยปรัชญาของมันคือการมีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ เหมือนการปฏิวัติ อย่าลืมว่า "การปฏิวัติ" ไม่มีกฎหมายรองรับ ทำสำเร็จ ได้ชื่อว่าผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ฉีกรัฐธรรมนูญเขียนขึ้นใหม่ได้ แต่ถ้าทำแล้วไม่สำเร็จ จากผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน กลายเป็น "กบฏใหญ่ในแผ่นดิน" โทษถึงขั้นประหารทันที!
 

รัฏฐาธิปัตย์ก็เช่นนั้น ถ้าเป็นทหารปฏิวัติ ทหารยังมีกองกำลังเป็นเครื่องมือสร้างและรักษาอำนาจให้ แต่ประชาชนปฏิวัติ ถ้าทหาร-ตำรวจ-ข้าราชการ ไม่ร่วมเป็นเครื่องมือสร้างและรักษาอำนาจให้ เสี่ยงมาก!
 

ตรงข้ามกับ "กฎอัยการศึก" นี่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเป็นพระราชบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ ประกาศใช้มาแล้วตั้งแต่ปี ๒๔๕๗ ใช้มาร่วมร้อยปีแล้ว ประกาศใช้วันไหน.....! ผู้ประกาศมีอำนาจเท่ากับผู้เป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ทันที เป็นอำนาจเฉพาะที่รัฐธรรมนูญรับรองให้ ประกาศใช้พื้นที่ไหน พื้นที่นั้นอยู่ภายใต้อำนาจทหารทั้งหมด!
 

ย้ำชัดๆ การประกาศใช้กฎอัยการศึก ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่ล้มรัฐบาล ล้มรัฐสภา เหมือนการปฏิวัติรัฐประหาร ฉะนั้น ถึงแม้ทหารมีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีรัฐบาล ไม่มีประชาธิปไตย ไม่มีรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างมีครบ-อยู่ครบ
 

สมมุติหลังสงกรานต์ ทัพ กปปส.ปะทะทัพ นปช.เป็นเหตุการณ์ร้ายแรง ลุกลาม บานปลาย นั่น...มีความเป็นไปได้ที่ "ทหาร" จะประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่นั้นๆ หรือทั้งประเทศ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง คุ้มครองประเทศ คุ้มครองรัฐ คุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ และประชาชน
 

โดยฝ่ายทหารจะมีอำนาจหน้าที่ "เหนือกว่า" ฝ่ายพลเรือนในส่วนเกี่ยวกับการระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อยทั้งหมด ศาลทหาร มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาบางอย่าง ตามที่ประกาศระบุไว้แทนศาลพลเรือน เจ้าธาริตที่ผยองในอำนาจ ศอ.รส.หรือ ศรส.เที่ยวไล่จับ ไล่ดำเนินคดี ไล่ขู่ฟ่อคนนั้น-คนนี้ ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบทักษิณน่ะ จ๋อยเป็นไอ้จ๋อหาตอไม่เจอละมึ้งงงงง...ตานี้! เพราะประกาศใช้ที่ไหน เมื่อใด ไม่ว่าใคร ต้องอยู่ใต้อำนาจทหารทั้งหมด!

พ.ร.บ.กฎอัยการศึก นี้ มี ๑๘ มาตรา ท่านไปหาอ่านเพื่อ "เก็งกำไร" ล่วงหน้าไว้บ้างก็ดี จะได้รู้ว่ากฎอัยการศึกนั้น ไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่พูดกัน ถ้าใช้ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ แก้ปัญหา "คาประเทศ" ให้บ้านเมืองได้ด้วย! อย่างมาตรา ๖ บอกว่า.....

"ในเขตที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนในส่วนที่เกี่ยวกับการยุทธ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติ ตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร"

โอ้ย...สนุกจะตาย อีกหลายมาตราไปหาอ่านเองละกัน บ้านเมืองที่เดินหน้าไม่ได้เวลานี้ อะไรคือปัญหา อะไรคือตัวทำลายความสงบเรียบร้อย อะไรคือตัวบ่อนทำลายประเทศ ทำลายรัฐ และ....ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์?

ผู้ประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ สามารถใช้อำนาจองค์รัฏฐาธิปัตย์ ทำคุณ "กำจัดมาร" ล้างแผ่นดินให้สิ้นเสนียดได้เลย.