Jump to content


Can Thai

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 3 มกราคม 2555
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2556 07:19
-----

Topics I've Started

'ดร.โสภณ'อ้างถูกวิชามาร ปิดเฟซบุ๊กชั่วคราว3แอคเคาท์

10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 05:13

'ดร.โสภณ'อ้างถูกวิชามาร ปิดเฟซบุ๊กชั่วคราว3แอคเคาท์

"ดร.โสภณ" ผู้สมัครผู้ว่าฯ เบอร์ 4 อ้างถูกวิชามาร แอบปิดเฟซบุ๊กส่วนตัว 3 แอคเคาท์ชั่วคราว วอนชาวกรุงเทพฯ ติดตามผ่านช่องทางอื่นเพิ่มเติม...

9 กุมภาพันธ์ 2556, 14:54 น.
http://www.thairath....tent/pol/325628

"ดร.โสภณ" ผู้สมัครผู้ว่าฯ เบอร์ 4 อ้างถูกวิชามาร แอบปิดเฟซบุ๊กส่วนตัว 3 แอคเคาท์ชั่วคราว วอนชาวกรุงเทพฯ ติดตามผ่านช่องทางอื่นเพิ่มเติม...

เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. วันที่ 9 ก.พ. ดร.โสภณ พรโชคชัย ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 4 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว อ้างถูกมือดีแอบปิดเฟซบุ๊กที่ไว้ใช้หาเสียง 3 แอคเคาท์ชั่วคราว ซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่าเป็นวิชามารกลั่นแกล้งทางการเมือง โดยดร.โสภณ ระบุผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า นับจากวันศุกร์ที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กของตนถูกสั่งปิดไปทั้ง 3 แอคเคาท์ คือ facebook.com/sopon.pornchokchai ซึ่งเป็นสมาชิกมาตั้งแต่ปี 2552 และมีเพื่อนเต็มแล้ว ถูกสั่งปิดไป 30 วัน ส่วน facebook.com/pornchokchai (ซึ่งสร้างในภายหลังและก็มีเพื่อนเต็มแล้ว) รวมทั้ง facebook.com/dr.sopon ก็ถูกสั่งปิดเช่นกัน

ทั้งนี้ เฟซบุ๊กอ้างว่า ได้รับแจ้งจากผู้ใช้อื่นว่า “บัญชีผู้ใช้ของคุณไม่ใช่ของจริง” ทั้งที่ตนเป็นคนตอบและคุยกับเพื่อนๆ ด้วยตัวเองอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดีก็ถูกระงับชั่วคราวไปครั้งหนึ่ง โดยให้ตนยืนยันว่าจำเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กของตัวเองได้หรือไม่ ซึ่งตนก็ยืนยันได้ตามกติกา แต่คล้อยหลังไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้รับแจ้งจากเฟซบุ๊กว่าถูกสั่งปิดไป 30 วัน ซึ่งกว่าจะเปิดใช้ได้อีกหนก็เลยวันเลือกตั้งไปแล้ว

"ผมเชื่อว่านี่เป็นวิชามารที่มุ่งกลั่นแกล้งทางการเมือง เพราะเป็นที่ทราบดีว่า ผมหาเสียงโดยใช้เฟซบุ๊กและโซเชียลมีเดียเป็นสำคัญ เมื่อมีการกลั่นแกล้งในลักษณะนี้ ผมจึงมีโอกาสสื่อสารกับประชาชนได้น้อยลง"

นอกจากนี้ ดร.โสภณ ยังระบุด้วยว่า สามารถติดตามเว็บไซต์หาเสียงของตน ผ่าน www.sopon4.blogspot.com และ twitter.com/Pornchokchai

เอแบคโพลจะหนาไปได้อีกซักเท่าไหร่ ผลงานเก่าของคนทำโพลมันตบหน้าตัวเอง

5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 02:45

เอแบคโพลยังแถ…โพลผมแม่น แต่ผลงานเก่ามันฟ้องว่าโหลยโท่ยจะให้คนเชื่อได้ยังไง?

โพล โพล โพล สารพัดโพลเลือกตั้งที่กำลังทำออกมาชนิดถี่ยิบ จากอย่างน้อย 3 สำนัก

ก็ต้องยอมรับว่ามีการนำโพลไปขยายผลในทางชักจูงใจประชาชนในสื่อต่างๆ ตามแต่ว่าเลือกข้างไหน

จนกระทั่งผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.รายเล็กรายน้อยเข้าร้องเรียนต่อ กกต.ให้สั่งห้ามทำโพลในทันที แต่กกต.ก็ตอบว่า ตามกฎหมายเลือกตั้งห้ามทำโพลหรือประกาศผลโพลในสัปดาห์สุดท้ายเท่านั้น ก่อนสัปดาห์สุดท้ายไม่มีกฎหมายห้าม การทำโพลนั้นต้องมีหลักฐานอ้างอิงตามหลักวิชา หากทำโพลที่ไม่มีหลักวิชาอ้างอิง กกต.อาจพิจารณาว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้เหมือนกัน จึงได้แค่ตัดเตือนผู้ทำโพลผ่านสื่อเท่านั้น…

หลังจากโดนวิพากาษ์วิจารณ์ในทางเสียหาย ล่าสุด คนทำเอแบคโพลได้ออกบทความชี้แจง ตอบโต้ และให้เหตุผลถึงการทำโพล แต่ก็ไม่วายโดนสื่อขี้ข้าพลิกลิ้น พาดหัวข่าวเชิงเยาะเย้ย อ่านแล้วเข้าใจได้ว่า…โพลเค้าแม่นนะ.. เช่น…

คำสารภาพ”คนทำโพล” อย่าเชื่อ (ครับ) แต่ขอโทษคำทำนาย ไม่ค่อยพลาด !!! ( คลิก)

พอเข้าไปอ่านบทสรุปของคนทำเอแบคโพลก็บอกว่า อย่าไปยึดมั่นถือมั่นในโพล ให้ใช้วิจารณญาณในการเลือกตั้ง

เอ…รู้แบบนี้ น่าจะเขียนคำเตือนคนอ่านโพลไว้ที่สลากโฆษณามั๊ยว่า….โพลไม่ใช่เรื่องจริง เป็นแค่การสุ่มตัวอย่าง อย่าเชื่อโพล หากโพลผิด ผู้ทำโพลไม่ขอรับผิดชอบ

บอกกันไปตรงๆ เลยดีมั๊ยจะได้ไม่เหมือน “หมอดูคอมพิวพิวเตอร์” ดังที่สำนักวิจัยของทางราชการเคยได้รับฉายา

บอกไปเลยผลโพลไม่ใช่หวยล็อค ไบ้หวยให้คิดเล่น ๆ หวยไม่ออกไม่ขอรับผิดชอบ…

สำนักโพลทั้งหลายคงไม่เคยสำรวจตลาดเลยกระมังว่า ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ล้วนมี “การพนัน” มาเกี่ยวข้อง วงการต่อรองก็ล้วนมาจากผลโพลทั้งหลายเหล่านี้…

ไม่ลองสำรวจดูละครับว่า มีการใช้โพลไปเป็นข้อมูลต่อรองหรือไม่?

แต่ก็นั่นแหละ ในขณะที่เสียงก้องสะท้อนไปถึงคนทำโพลหนักเข้า สวนดุสิตโพลได้ทำผลสำรวจความเชื่อของประชาชนต่อโพลเลือกตั้ง ออกมาเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2556 ( สัปดาห์ที่ผ่านมา ) ก่อนหน้าที่เอแบคโพลจะแก้ตัวด้วยบทความวันนี้ ผลโพลของสวนดุสิตที่เป็นลักษณะตรวจสอบส่งกระจกตัวเองปรากฎว่า “คนไม่เชื่อโพล” ดังนี้

ประชาชนร้อยละ 35.89 เชื่อว่าไม่มีผล เพราะผลที่ออกมาไม่น่าเชื่อถือ

สวนดุสิตโพล เปิดเผยประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 39 รู้สึกเฉย ๆ กับโพลสำนักต่าง ๆ ที่เผยแพร่ผลการสำรวจการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา โดยร้อยละ 47 เห็นว่าพอเชื่อบ้าง และร้อยละ 35 คิดว่าไม่มีผลต่อการตัดสินใจ

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในหัวข้อ คนกรุงเทพฯ คิดอย่างไร กับโพล โดยในส่วนของคนกรุงเทพฯ คิดอย่างไร กรณีที่โพลสำนักต่าง ๆ เผยแพร่ผลการสำรวจ “การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม” ณ ตอนนี้ พบว่า…

ประชาชน ร้อยละ 39.51 รู้สึกเฉย ๆ และมองเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีการเลือกตั้งจะมีผลโพลของสำนักต่าง ๆ ออกมาเสมอ
ประชาชนร้อยละ 22.13 มองว่าควรมีวิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลต่างๆ อย่าให้โพลมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ และ
ประชาชนร้อยละ 13.88 รู้สึกสงสัย แปลกใจกับผลโพลที่ออกมาไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และไม่เหมือนกัน

ส่วนข้อถามที่ว่า ท่านเชื่อ “ผลโพล” หรือไม่ นั้น
ประชาชนร้อยละ 47.86 มองว่าพอเชื่อบ้าง เพราะดูจากความน่าเชื่อถือของแต่ละสถาบัน โพลเป็นที่รู้จักในสังคมมากขึ้น นำมาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้บ้าง
ประชาชนร้อยละ 20.40 ประชาชนไม่ค่อยเชื่อ เพราะบ่อยครั้งผลที่ออกมาไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ค้านกับความรู้สึก เป็นเพียงกระแสช่วงหนึ่ง ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ และ ประชาชนร้อยละ 18.52 ไม่เชื่อ เพราะผลที่ออกมาไม่แม่นยำ ผิดพลาดบ่อย เป็นการชี้นำ เป็นโพลรับจ้าง

สำหรับผลสำรวจที่ว่า “ผลโพล” มีผลต่อการตัดสินใจเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มากน้อยเพียงใด พบว่า
ประชาชนร้อยละ 35.89 เชื่อว่าไม่มีผล เพราะผลที่ออกมาไม่น่าเชื่อถือ ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะเลือกใคร เชื่อความรู้สึกของตัวเองมากกว่าผลโพล
ประชาชนร้อยละ 29.60 มองว่าค่อนข้างมีผล เพราะบ่อยครั้งที่ผลโพลถูกหยิบยกขึ้นมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และ
ประชาชนร้อยละ 24.69 ไม่ค่อยมีผล เพราะไม่ค่อยได้ติดตามผลโพล การตัดสินใจเลือกผู้สมัครจะดูที่นโยบาย คุณสมบัติ และผลงานมากกว่า ……

ที่จริงเอแบคโพลน่าจะนำผลโพลของสวนดุสิตที่สอบถามความเห็นประชาชนเกี่ยวกับการทำโพลไปอ่านบ้างนะครับ
จะได้ไม่ยึดติดหลักวิชากูเป็นใหญ่แต่ถ่ายเดียว เพราะไม่มีใครสามารถตรวจสอบวิธีวิจัยของคนทำโพลได้ ด้วยความไม่ค่อยนับถือโพล…
โดยเฉพาะโพลการเมืองไทย…จริงๆ นะ

แคน ไทเมือง

http://chaoprayanews.../#comment-66348

พระเอกลิเกมาร์คยังแอ็ค ทำท่าเกี้ยเซี้ยคางคก เก็บฉากได้แล้ว ลิเกเลิก

31 มกราคม พ.ศ. 2556 - 10:49

กรณีคางคกจะขอถอนคำพูดหลังพูดจาปราศรัยหมิ่นมาร์ค เมื่อเช้าพระเอกมาร์คยังทำเท่ บอกว่าต้องเคารพศาล ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิ์ของตัวเอง

ถ้ายังกั๊กๆ จะเกี้ยเซี้ยคางคก ก็เลิกหนุนได้เลยครับ ประเทศนี้ไม่ต้องการพระเอกใจงาม

แต่ต้องการคนเด็ดขาดมาเป็นนักการเมือง

ไม่สนับสนุนพวกเก่งแต่ปากครับ เลิกเชียร์ได้แล้ว

ช่วยส่งหลักฐานให้หัวล้านโฆษกเขมร เรื่องทักษิณลงทุนน้ำมันในเขมรหน่อยครับ

24 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:07

หลักฐานมัดทักษิณทำธุรกิจน้ำมันในอ่าวไทยร่วมกับเขมร

พล.อ.เตีย บัน ยอมรับ ทักษิณ สนใจลงทุนธุรกิจพลังงาน

โดย กรุงเทพธุรกิจ วัน พฤหัสบดี ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 00:00 น.

... รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ของกัมพูชา เผย ทักษิณ เคยเสนออยากลงทุนโครงการพัฒนาพลังงาน และรัฐบาลกรุงพนมเปญก็ยินดีเปิดรับ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายเตีย บัน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกลาโหมของกัมพูชา เปิดเผยระหว่างร่วมพิธีเปิดถนนหมายเลข 48 ที่จังหวัดเกาะกง ของกัมพูชา ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยเสนอที่จะเข้ามาลงทุนโครงการพลังงานในกัมพูชา และรัฐบาลกรุงพนมเปญก็ยินดีเปิดรับการลงทุน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
"คุณทักษิณเป็นนักธุรกิจที่มีศักยภาพ หากเขาเข้ามาลงทุนในกัมพูชาจริง จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตต่อไป" รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชากล่าว
อย่างไรก็ตาม นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งเดินทางมาร่วมพิธีเปิดถนนสายที่ 48 ที่ไทยให้ความช่วยเหลือด้านเงินกู้แก่กัมพูชา กล่าวว่า ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สนใจลงทุนในกัมพูชาจริงหรือไม่ และการก่อสร้างถนนสายนี้ ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับแผนการลงทุนของอดีตนายกฯเนื่องจากรัฐบาลไทย ได้ตกลงให้ความช่วยเหลือเงินกู้มานานแล้ว

0000
(ข้อมูลของขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด

พล.อ.เตีย บัณห์ ระบุว่า “พ.ต.ท.ทักษิณเคยเสนอที่จะเข้ามาลงทุนโครงการพลังงานในกัมพูชา และรัฐบาลกรุงพนมเปญก็ยินดีเปิดรับการลงทุน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักธุรกิจที่มีศักยภาพ หากเขาเข้ามาลงทุนในกัมพูชาจริง จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตต่อไป”
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางถึงการเจรจาเรื่องพลังงานในอ่าวไทยกับประเทศกัมพูชาว่า “ขอดูเรื่องจังหวะก่อน เพราะเราไปครั้งแรก เดี๋ยวจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง”

http://www.thaipost....ws/160911/45108

เลิกพูดเรื่องเก่าซ้ำซาก มาโูว่ารัฐบาลไทยจะทำอะไรกับการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร วันนี้

23 มกราคม พ.ศ. 2556 - 06:21

กระทรวงต่างประเทศ ชี้ ศาลโลกไร้อำนาจตีความปราสาทพระวิหาร เพราะเป็นคดีเก่าแถมยังมีเงื่อนงำซ่อนไว้ในอุทรณ์ แต่ไม่ว่าผลพิจารณาจะเป็นเช่นไร ไทยต้องยอมรับโดยดี

เมื่อ วันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐสภาฯ กรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) พิจารณาคำร้องของกัมพูชาเกี่ยวกับข้อพิพาทบริเวณปราสาทพระวิหารในเดือน เมษายนนี้ โดยได้เชิญนายสุรพงศ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเข้าชี้แจง แต่นายสุรพงศ์ ติดภารกิจจึงมอบหมายให้อธิบดีที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงต่อ กมธ. แทน

ทั้ง นี้ นายดามพ์ บุญธรรม ผอ.กองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า กรอบแนวทางการต่อสู้ในการแถลงคดีด้วยวาจาในวันที่ 15-19 เมษายนนั้น ทีมกฎหมายไทยจะชี้แจงต่อศาลว่าไม่มีอำนาจในการตีความคดีครั้งนี้ โดยประกอบด้วย 3 แนวทาง ได้แก่

1. การชี้แจงคัดค้านว่าศาลไม่มีอำนาจในการตีความพื้นที่ทับซ้อน เพราะถึงแม้ธรรมนูญศาลจะให้อำนาจศาลตีความใหม่ในคดีเดิมที่เคยมีคำพิพากษาไป แล้วโดยไม่มีอายุความ แต่ทางกัมพูชาดำเนินการไม่ถูกต้อง เพราะทางกัมพูชายื่นให้ศาลตีความคดีเดิมในเรื่องใหม่ คือ ให้ตีความพื้นที่ทับซ้อนไม่ใช่ตัวปราสาทเขาพระวิหาร เปรียบเสมือนกัมพูชาซ่อนอุทธรณ์ในการยื่นตีความต่อศาลครั้งนี้

2. ชี้แจงต่อศาลว่าระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ได้เกิดข้อพิพาทใดในเรื่องของการ ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลในปี 2505 โดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของไทยได้อนุมัติให้มีการล้อมรั้วครอบคลุมพื้นที่ทับซ้อน และกัมพูชาไม่ได้มีการโต้แย้งใดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมาเหมือนเป็นการยอมรับสิทธิในพื้นที่ทับซ้อนของไทย

3. ชี้แจงต่อศาลว่า ทางกัมพูชาไม่มีอำนาจในการยื่นตีความ เพราะยื่นตีความโดยไม่ถูกต้อง เป็นในลักษณะการอุทธรณ์ที่ซ่อนรูปในการตีความ ซึ่งแท้จริงแล้วธรรมนูญศาลไม่ได้ให้อำนาจในการอุทธรณ์ในคดีที่มีคำพิพากษา สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่ปี 2505

ด้านาย วรเดช วีระเวคิน อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ประเมินแนวทางคำพิพากษาของศาลไว้ 4 แนวทาง ดังนี้

1. ศาลยกฟ้อง เพราะไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีนี้ ซึ่งส่งผลให้ไทยได้สิทธิตามสถานะเดิมหลังคำพิพากษาในปี 2505

2. ศาลระบุว่าศาลเองมีอำนาจในการพิจารณาคดีและพิพากษาให้ยึดอธิปไตยของไทยเหนือ พื้นที่ทับซ้อนตามที่มติ ครม. ของไทยเมื่อปี 2505 ที่อนุมัติให้มีการล้อมรั้ว

3. ศาลพิพากษาให้อำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่เป็นของกัมพูชา โดยยึดแผนที่ 1:200,000 ที่ทางกัมพูชาใช้กล่าวอ้าง

4. คำพิพากษาของศาลออกมาในแนวทางเป็นกลาง ไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง เนื่องจากมีคณะตุลาการร่วมวินิจฉัยทั้งสิ้นรวม 17 คน โดยศาลอาจออกมาตรการบังคับอื่นแทน ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นแนวทางใด

โดย นายดามพ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดหวังว่าศาลจะมีคำพิพากษาในแนวทางแรก คือ ยกฟ้องการยื่นตีความของกัมพูชา แต่ที่สุดแล้วไม่สามารถไปสรุปแทนศาลได้ว่าคำพิพากษาจะออกมาแนวทางใด อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากมีการแถลงด้วยวาจาแล้ว ศาลจะพิพากษาในราวเดือนตุลาคม โดยยืนยันว่า ไทยจะยอมรับคำพิพากษาของศาล และนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล

ทั้ง นี้ หากไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก อาจเข้าข่ายผิดต่อกฎบัตรสหประชาชาติข้อ 94 ที่ระบุว่า หากผู้เป็นฝ่ายในคดีฝ่ายใดไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันซึ่งตกอยู่แก่ตนตาม คำพิพากษาของศาล อีกฝ่ายหนึ่งอาจร้องเรียนไปยังคณะมนตรีความมั่นคงได้ ซึ่งถ้าเห็นจำเป็นก็อาจทำคำแนะนำหรือวินิจฉัยมาตรการที่จะดำเนินเพื่อให้ เกิดผลตามคำพิพากษานั้น

นอกจากนี้ นายดามพ์ ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มการเมืองบางฝ่ายที่ระบุไม่ให้ไทยรับอำนาจ ศาลโลก และไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลว่า ต้องทำความเข้าใจว่า การไม่รับอำนาจศาลโลกได้นั้นต้องเกิดขึ้นในกรณีที่เป็นคดีความที่เกิดขึ้น ใหม่ แต่คดีนี้เป็นคดีเดียวกับที่ศาลเคยมีคำพิพากษาไปตั้งแต่ปี 2505 ให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา ดังนั้นถือว่าไทยรับอำนาจศาลโลกไปแล้ว แต่ประเด็นในการต่อสู้ครั้งนี้คือ การชี้แจงว่าศาลไม่มีอำนาจในการตีความคดีเดิมที่เสมือนเป็นการอุทธรณ์ตามที่ ทางกัมพูชาได้ยื่นคำร้อง เพราะธรรมนูญศาลโลกไม่ได้ให้อำนาจไว้

ที่ ผ่านมายังไม่พบว่ามีประเทศใดในองค์การสหประชาชาติไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของ ศาลโลก ส่วนกรณีที่นายสมปอง สุจริตกุล อดีตทนายความประสานงานคดีปราสาทพระวิหารระบุว่า สหรัฐอเมริกาไม่ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้นอาจเกิดจากความเข้าใจผิด ทั้งนี้ยอมรับว่า สหรัฐฯ ได้ประหารชีวิตนักโทษเม็กซิโกจริงทั้งที่คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ศาลโลก อันเนื่องมาจากการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศไม่ทันการณ์ โดยรัฐบาลกลางได้ประกาศเจตนารมณ์ชัดที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลกแล้ว เพียงแต่แก้กฎหมายภายในประเทศให้สอดคล้องกับศาลไม่ทันเท่านั้น จึงขอยืนยันว่า สหรัฐฯ ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อศาลโลกแต่อย่างใด

อย่าง ไรก็ตาม ในส่วนที่มีการเรียกร้องให้นายสมปองเป็นหนึ่งในคณะทำงานด้านกฎหมายต่อสู้คดี ปราสาทพระวิหารนั้น ทางกระทรวงต่างประเทศยินดีรับฟังและนำไปพิจารณา แต่จะมีการแต่งตั้งหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ต่างประเทศ