จากข้อมูลนี้ ถามว่า ก่อน สค2554 รบ. ดช.มาร์ด ทำอะไรบ้าง-วางแผนอะไรกับการรับมือน้ำที่จะไหลลงภาคกลางบ้าง
ทำหอกอะไรบ้าง อธิบายแลกเปลี่ยนข้อมูลกันหน่อย
หนีทหารแล้วยังเอาแต่พูด
ผมงงกับตรรกะของคุณนะ น้ำท่วมภาคเหนือ เป็นลักษณะท่วมแบบเฉียบพลัน หรือภาคกลางตอนบนนั้นบางที่่ท่วมเป็นประจำอยู่แล้ว อย่างสุโขทัย นครสวรรค์นี่ท่วมประจำ ท่วมมากท่วมน้อยว่ากันอีกทีเพราะเป็นที่ลุ่ม ส่วนท่วมแถวเชียงใหม่หรือน่านนั้น ไม่นานน้ำก็ลด เพราะเป็นพื้นที่สูง ดังนั้นรัฐบาลมีหน้าที่รับมือกับปัญหาเฉพาะหน้า การช่วยเหลือต่างๆนั้นใช้เวลาไม่นานส่วนมากเป็นการซ่อมแซมความเสียหายซะมากกว่า
น้ำทีใหลจากภาคเหนือส่วนมากไม่มีปัญหากับภาคกลาง เพราะความจุลำน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยานั้นสูงมาก ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมา เราจะเห็นน้ำท่วมภาคเหนือ แต่ไม่ท่วมภาคกลางจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ผมจึงไม่แปลกใจที่รัฐบาลอภิสิทธิ์จะไม่ได้เตรียมการไว้ที่ภาคกลาง เพราะในตอนนั้นเขื่อนใหญ่ๆยังรับน้ำได้อีกมาก พายุที่เข้ามาก็มีแค่นกเตน เหตุการณ์น้ำท่วมก็จำกัดวงอยู่แค่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบน อย่าลืมความจริงอย่างนึงนะครับ ว่าพายุไม่ใช่สิ่งที่จะทำนายได้ล่วงหน้าเป็นเดือนๆ ไม่มีใครรู้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมหรอกครับ ว่าจะมีพายุเข้ามากี่ลูกในเดือนสิงหาคมหรือกันยายน
ผมมองว่าเหตุการณ์ส่อเค้าวิกฤตินั้นเริ่มประมาณต้นเดือนกันยายน ฝนยังตกไม่หยุดไม่หย่อน พายุเข้ามาเรื่อยๆ น้ำในเขื่อนก็พุ่งสูงขึ้น ช่วงเดือนกันยายนนี้แหละครับที่เป็นช่วงเวลาแห่งการเตรียมการทุกอย่าง เพราะสถานการณ์ต่างๆนั้นแน่ชัดแล้วว่ามันไม่ธรรมดาแน่ ระดับน้ำที่แม่น้ำเจ้าพระยาที่นครสวรรค์เริ่มเกินความจุลำน้ำ น้ำในเขื่อนก็พุ่งสูงขึ้น ผมมองว่าคุณยิ่งลักษณ์ต่างหากที่ไม่เตรียมการให้ดี ดูเบาสถานการณ์ (ความจริงแล้วต้องบอกว่าการตัดสินใจนั้นทำบนความไม่รู้ทั้งนั้น ทั้งที่ตัวเองเป็นนายกฯ ต้องมีข้อมูลมากที่สุด ยังไม่มีปัญญาประเมินเลยว่าคันกั้นน้ำที่สร้างตามนิคมอุตสาหกรรมนั้นสามารถต้านน้ำได้หรือไม่ ถึงได้ออกข่าวผิดๆแบบนั้น)
ลองค้นข่าวดูสิครับ เดือนกันยายน คุณยิ่งลักษณ์ ยังเดินทางไปต่างประเทศเพื่อแนะนำตัวอยู่เลย ทั้งกัมพูชา บรูไน พม่า อินโด ทั้งที่ประเทศตอนนั้นวิกฤติแล้ว คุณไม่รู้สึกบ้างหรือว่าผู้นำแบบนี้มันใช้ไม่ได้