Jump to content


RakBanHao

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 19 เมษายน 2555
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2556 18:37
-----

Topics I've Started

ผอ.รพ.ภูเก็ต และผู้อาวุโส จากเนชั่น จวก แกนนำกปปส ปลูกฝังเด็กให้เป็น นาซี(ฮิตเลอร์)

25 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:29

 

1387972471-1497577191-o.jpg

 

"มีคลิปเด็กถีบภาพใบหน้าตำรวจอีก 
ตกลงตอนนี้สังคมไทยมีหน่วยยุวชนนาซี 
ยุวชนเรดการ์ดแล้วใช่ไหมคะ 
คุณพ่อคุณแม่คนดีตั้งใจเลี้ยงลูกให้โตมาแบบไหนคะ 
แกนนำบนเวทีควรปรบมือให้ตัวเองหลายๆ รอบนะคะ 
คุณทำได้แล้ว กระพือโหมความเกลียดชัง
ให้ครอบงำทั้งชีวิตจิตใจมนุษย์ (ที่ยังจะคงความเป็น
มนุษย์มีสติสัมปชัญญะอีกนานแค่ไหนไม่รู้)"
"เศร้าจริงๆ คุณหมอ"
 
นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ 
ผู้สื่อข่าวอาวุโสเครือเนชั่น
Nithinand Yorsaengrat
โพสต์ในเฟชบุ้คส่วนตัว
25 ธ.ค. 56
 
ปล.ยุวชนเรดการ์ด ไม่ใช่เสื้อแดงในไทยครับ แต่คือพวกที่เหมาเจ๋อตุงตั้งขึ้นมาครับ เดวเข้าใจกันผิด
 
1387973131-1529152440-o.jpg

CP ALL ขอโทษประชาชน กรณีพนักงาน ว่านายกยิ่งลักษณ์ เป็นหมา

24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 20:40

1477371_635089556557952_346230812_n.jpg

 

 

FACEBOOK >> https://th-th.facebo...meline&filter=2


บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย 80 อันดับ ได้เป็น สส. ทุกคน

24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:40

เพราะพรรคปชป ไม่ส่งคนลง ลองไปคำนวนดู  แล้ว สส. แบ่งเขตก็จะได้มากขึ้นด้วย ไม่แปลกใจทำไมคนเข้าพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้น ทั้งที่เครดิต ตกลงไปมาก

 

***ดังนั้น เพื่อไทย ได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นจากปี 2554 อย่างแน่นอน ส่วนคะแนน No vote คงไม่มาก เพราะ สุเทพไม่เอาเลือกตั้ง จึงไม่มีเหตุใด คนจะไปใช้สิทธิ์ วันที่ 2 กพ 

(ถ้าไปใช้สิทธิ ก็เหมือนว่า การเลือกตั้งมีความชอบธรรม เหมือนที่มีฝ่ายค้านไป Vote ในสภา)

 

 

**ปล.ความชอบธรรมของเพื่อไทย มีเต็มรูปแบบ ไม่รู้ ปชป คิดผิดหรือคิดถูก ที่บอยคอตในครั้งนี้


นักข่าวช่อง9 ช่อง3 ถูกผู้ชุมนุม กปปส รุมทำร้าย

22 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:07

ม็อบกปปส.ราชดำเนิน ชกผู้สื่อข่าวช่อง9 - ช่อง3 นักข่าวหญิงหวิดโดนอีก - See more at: http://www.newsplus....h.1qqKl42t.dpuf
 
ล่าสุดเย็นนี้มีอีกแล้ว ตามข่าวข้างล่าง (แหล่งข่าวอื่นๆมีทั้งตบหน้านักข่าว เอาธงไล่แทงนักข่าวด้วย)
 
ผู้สื่อข่าวรายงานจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า การชุมุนมกลุ่มกปปส. ตั้งแต่ช่วงเช้ามีผผู้ชุมนุมมปักหลักอยู่บริเวณรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยติดตามกิจกรรมบนเวทีที่มีต่อเนื่องสลับกับติดตามการรายงานสดการเดินขบวนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. จากวงเวียนใหญ่ไปยังสวนลุมพินี และตั้งแต่ช่วงบ่ายผู้ชุมนุมเพิ่มมากขึ้นจนเต็มพื้นที่ตั้งแต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปจนล้นแยกผ่านฟ้าลีลาศ  ขณะที่ด้านหลังเวทีปราศรัยจากอนุสาาวรีย์ประชาธิปไตยถึงแยกคอกวัวและเต็มพื้นที่สองฝั่งถนนดินสอ โดยผู้ชุมนุมส่วนใหญ่แบกสัมภาระเพื่อพักค้างคืนบริเวณดังกล่าวด้วย และร่วมฟังการปราศรัยของนายสุเทพในเวลา 18.00น. หลังเคารพเพลงชาติ  
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา16.00 น.ระหว่างที่น.ส.เพ็ญพรรณ แหลมหลวง ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย กำลังปฏิบัติหน้าที่รายงานสดสถานการณ์การชุมนุม อยู่บนรถถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท.ที่จอดอยู่หน้ากองสลากเก่าซึ่งเป็นมุมสูงได้ถูกผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งตะโกนด่าทอพร้อมเป่านกหวีดใส่และเมื่อลงมาจากรถคันดังกล่าวก็ถูกต่อว่าและพยายามทำร้ายร่างกาย ทั้งนี้น.ส.เพ็ญพรรณกล่าวว่า ระหว่างที่รายงานก็กล่าวถึงบรรยากาศการชุมุนมและภารกิจของแกนนำ กปปส. โดยไม่ได้พูดถึงจำนวนผู้ชุมนุมแต่อย่างใด แต่เมื่อลงจากรถปรากฎว่าชายคนหนึ่งตะโกนว่า"ขี้ข้าทักษิณ รายงานได้อย่างมีผู้ชุมนุม 3 พันคน"จากนั้นผู้ชุมนุมที่เป็นชายฉกรรจ์เข้ามาล้อมรถ และตนก็พยายามขอโทษพร้อมยืนยันว่าไม่ได้รายงานจำนวนคน แต่ไม่ได้ผล สุดท้ายผู้ชุมนุมสาดน้ำเข้าที่หน้า และชายคนหนึ่งชกแขนซ้ายของตน รวมทั้งกระชากแขนไม่ให้ขึ้นรถออกนอกพื้นที่ นอกจากนี้มีการทำร้ายผู้ช่วยช่างภาพโดยผลักจนล้มและจะกระทืบแต่มีการห้ามปรามทัน ทั้งนี้ทีมข่าวพยายามนำรถออกนอกพื้นที่ก็ยังถูกขว้างขวดน้ำ ทุบรถ สสุดท้ายทีมข่าวนำรถออกไปได้และทั้งหมดได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สน.ดุสิต แล้ว
 
นอกจากนี้ในช่วงเช้าขณะที่ทีมข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง3 กำลังรายงานสถานการณ์การชุมนุม บริเวณหน้าศาลาว่าการกทม. มีผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งล้อมตะโกนต่อว่าพร้อมเป่านกหวีดไล่ โดยน.ส.วารุณี ซื่อสัตย์สกุลชัย ผู้สื่อข่าวที่รายงานสดอยู่บนหลังคารถถ่ายทอดสดทันทีที่รายงานเสร็จกำลังลงจากรถ ถูกผู้ชุมนุมเดินเข้าหาและพยายามทำร้ายร่างกาย แต่ทีมงานช่อง3 เข้าช่วยป้องกันไว้ โดยมีผู้ชุมนุมรายหนึ่งตะโกนว่า"จะผู้หญิงหรือผู้ชายกูก็จะต่อยหมด"
 
ขณะที่บนเวทีปราศรัย หลังเกิดเหตุทีมข่าวช่อง9ถูกทำร้าย แกนนำได้ขึ้นเวทีประกาศห้ามปรามไม่ให้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนทุกสำนักข่าว โดยระบุว่าเป็นหน้าที่ต้องเสนอข่าวการเคลื่อนไหวของการชุมนุม
 

อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาและกรรมการ ป.ป.ช. ไม่เห็นด้วยกับ การวินิจฉัย ของศาลรธน เรื่องที่มา...

19 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 19:27

โดย สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาและกรรมการ ป.ป.ช.
อาจารย์พิเศษผู้บรรยายวิชาระบบศาล และการพิจารณาคดี (พระธรรมนูญศาลยุติธรรม) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
 (อ่านฉบับเต็ม >> http://www.matichon....2&subcatid=0207
 
มีผู้แนะนำให้นายกรัฐมนตรีขอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญคืนมาก่อน แต่ผู้เขียนเห็นว่าจะให้นายกรัฐมนตรีขอคืนกลับมาด้วยเหตุผลใด เพราะศาลรัฐธรรมนูญก็มิได้มีคำวินิจฉัยให้เลิกการกระทำ เพราะสั่งไม่ได้เนื่องจากเกินเวลาแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่อาจสั่งการ แล้วจะให้นายกรัฐมนตรีบังอาจขอร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวคืนมาทั้งๆ ที่ไม่มีบทบัญญัติให้นายกรัฐมนตรีทำเช่นนั้นได้หรือ
 
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยใช้มาตรา 68 ได้หรือไม่
 
1.ศาลรัฐธรรมนูญไม่อาจนำรัฐธรรมนูญมาตรา 68 มาใช้กับบุคคลหรือพรรคการเมืองในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการกระทำในรัฐสภา ตามมาตรา 291 ซึ่งอยู่ในหมวด 15 ส่วนมาตรา 68 อยู่ในหมวดที่ 3 ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย ซึ่งไม่เกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยรัฐสภา
 
2.กระบวนการยื่นคำร้องไม่ชอบ เพราะการยื่นคำร้องในกรณีนี้ต้องเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและเป็นผู้ยื่นคำร้อง (ดูบทความของผู้เขียนเรื่อง ศาลรัฐธรรมนูญกับรัฐธรรมนูญมาตรา 68 จะเข้าใจแจ่มแจ้ง)
 
3.คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญน่าจะผิดหลักการเขียนคำพิพากษา เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ถูกร้องผิดตามมาตรา 68 วรรค 1 ซึ่งต้องมีคำสั่งให้เลิกการกระทำดังกล่าว ที่ไม่สั่งหรือไม่สามารถสั่ง น่าจะเป็นเพราะรัฐสภาได้พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 3 และลงมติไปเรียบร้อย จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีได้นำร่างดังกล่าวทูลเกล้าทูลกระหม่อมเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว
 
4.เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถสั่งให้เลิกการกระทำ จึงไม่อาจสั่งให้ยุบพรรคการเมืองและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการของพรรคการเมืองนั้นได้ ที่ว่าคำวินิจฉัยผิดหลักการเรื่องเขียนคำพิพากษาก็เพราะคำพิพากษาที่วินิจฉัยว่า อาศัยเหตุดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น จึงวินิจฉัยโดยมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ว่า การดำเนินการพิจารณาและลงมติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของผู้ถูกร้องทั้งหมดในคดีนี้ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบโดยกฎหมายรัฐธธรมนูญ... อันเป็นการทำให้ผู้ที่ถูกร้องได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศด้วยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรค 1
 
หมายความว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ว่าผู้ถูกร้องกระทำความผิดตามมาตรา 68 วรรค 1 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะต้องให้ผู้ถูกร้องเลิกการกระทำดังกล่าว แต่กลับไม่สั่งโดยไม่ให้เหตุผลว่าเมื่อวินิจฉัยว่าเมื่อผู้ถูกร้องกระทำผิด แล้วเหตุใดจึงไม่สั่งให้เลิกการกระทำนั้น แต่กลับไปวินิจฉัยว่า ส่วนที่ผู้ร้องขอยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารของพรรคการเมืองเหล่านั้น เห็นว่ายังไม่เข้าเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 68 วรรค 3 และวรรค 4 จึงยกคำร้องในส่วนนี้ อ่านแล้วคลุมเครือจนผู้ถูกร้องก็ไม่ทราบว่าจะปฏิบัติอย่างไร เพราะถ้าพิจารณามาตรา 68 แล้วเงื่อนไขยุบพรรคหรือไม่ ตามวรรค 3 และจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามวรรค 4 หรือไม่ มิใช่ตามเงื่อนไขในวรรค 3 และวรรค 4 แต่หากเป็นเงื่อนไขตามวรรค 2 คือศาลต้องสั่งให้เลิกการกระทำดังกล่าว เพราะผู้ถูกร้องผิดตามมาตรา 68 วรรค 1 เสียก่อน จึงจะสั่งตามมาตรา 68 วรรค 3 และวรรค 4 ซึ่งศาลจะสั่งหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าวินิจฉัยว่าผู้ถูกร้องผิดตามวรรค 1 ศาลต้องสั่งให้เลิกการกระทำตามวรรค 1 จะไม่สั่งไม่ได้ เพราะวรรค 2 บัญญัติว่า ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว
 
ถ้าจะถามว่าถ้า ส.ส. หรือ ส.ว. กระทำความผิดตามมาตรา 68 วรรค 1 ไม่อยู่ในอำนาจศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จะให้องค์กรใดมีอำนาจดำเนินการ ก็จะตอบได้ว่า ถ้านักการเมืองเหล่านั้นมิได้กระทำการตามมาตรา 68 วรรค 1 ในสภา แต่ไปประชุมกันลับๆ หรือมี ส.ส. ส.ว. เสนอความเห็นให้มีการกระทำในวรรค 1 จึงอยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 แต่ถ้ามีการทำในสภาก็มีความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนตามมาตรา 272 ไต่สวนแล้วก็ส่งให้วุฒิสภามีมติถอดถอน ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนแล้วถ้ามีมติว่ามีมูลความผิดจะส่งไปที่อัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาพิพากษา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 19 (2)
 
ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 (5) นั้น คำวินิจฉัยนั้นจะต้องเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น เพราะการจะพิจารณาพิพากษาอรรถคดีเป็นอำนาจของศาลก็จริงอยู่ แต่ศาลก็ต้องดำเนินการไปโดยยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย และในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 197 วรรคหนึ่ง และในวรรคสอง บัญญัติว่า ผู้พิพากษาและตุลาการมีอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีให้เป็นไปโดยถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย 
 
ด้วยความเคารพต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ผู้เขียนได้พิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ประกอบเจตนารมณ์ของ ส.ส.ร. ผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้ว มีความเห็นโดยสุจริตใจว่า
 
1.ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจวินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องแก้ไขที่มาของสมาชิกวุฒิสภา
 
2.กระบวนการที่ยื่นตามมาตรา 68 ไม่ถูกต้องเพราะไม่ผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยอัยการสูงสุดก่อนตามมาตรา 68 วรรค 2
 
3.เกินกำหนดเวลาที่ศาลจะวินิจฉัย เพราะนายกรัฐมนตรีได้นำร่างดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว
 
4.เป็นคำวินิจฉัยที่คลุมเครือ คือวินิจฉัยว่าผู้ร้องกระทำผิดตามมาตรา 68 วรรค 1 แต่ไม่สั่งให้ผู้เกี่ยวข้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมกระทำการแก้ไขอย่างไร เป็นเหตุให้สถาบันดังกล่าว เช่น รัฐสภา, นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ทราบจะปฏิบัติต่อไปอย่างไร
 
5.ไม่มีผลบังคับตามมาตรา 216 วรรค 5
 
6.มีผลกระทบต่อสังคมอย่างกว้างขวาง เช่น มีผู้นำคำวินิจฉัยนี้ใช้อ้างเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของมวลชนว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรมเพราะไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับนี้
 
7.จากผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้อำนาจตุลาการเข้าไปก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติ เพราะถ้าศาลมีอำนาจเข้าไปวินิจฉัยเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ผ่านวาระ 3 ไปแล้ว บุคคลที่ไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ว่าฉบับใดๆ ก็จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบทุกระยะไป ไม่ว่าในวาระ 1 วาระ 2 วาระ 3 ผลแห่งการนี้จึงดูเสมือนว่าศาลรัฐธรรมนูญคุมอำนาจในการร่างหรือการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นอำนาจของรัฐสภาไว้อย่างเบ็ดเสร็จ"
 
คุณสมลักษณ์ จัดกระบวนพล เป็นอดีตกรรมการ ป.ป.ช.ชุดที่รัฐประหารตั้งนี่ละครับ ไม่ใช่ "แดง" ที่ไหน หลายเรื่องแกก็มีความเห็นแบบอำมาตย์ (เช่นเรื่องคดีทักษิณ แกยืนยันว่าถึงไม่ทุจริตก็ต้องติดคุก) แต่บางเรื่องแกก็มีหลัก เช่นเรื่อง ม.68 แกเขียนอย่างนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว
 
 
 
ก่อนหน้านี้ แกก็เคยสวนหมัดศาลปกครองมาแล้ว โดยชี้ว่า ปปช.ต้องมีอำนาจชี้มูลความผิด อักขราทร จุฬารัตน อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด ที่ถูกร้องว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ใช้อำนาจสั่งเปลี่ยนองค์คณะตุลาการ คดีคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวแถลงการณ์ร่วมปราสาทพระวิหาร
 
ครั้งนั้นศาลปกครองไม่ยอมให้ความร่วมมือ อ้างว่าศาลมีอิสระ คนระดับประธานศาลเป็นไปไม่ได้ที่จะทำผิดกฎหมาย 
matichon.co.th