Jump to content


dinsaw

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 6 มิถุนายน 2555
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2555 19:05
-----

Posts I've Made

In Topic: สู่ห้องเรียน..ประวัติศาสตร์ชาติไทย

28 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 18:48

ชนทุกกลุ่มเผ่า ทุกเชื้อชาติ ย่อมต้องมีผู้นำ เดิมไทยเลือกผู้นำระบอบกษัตริย์ ยอมรับกันทั้งประเทศ ทั้งเมือง ทั้งแคว้น
มีผู้นำไว้ นำ ตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นการรบ หรือเรื่องอื่นๆ จนกลายเป็นประเพณีสืบทอดมาอย่างนั้น
บางทีได้ผู้นำที่ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง (เลือกไม่ได้นี่๋) แต่ทุกคนก็ยอมรับอย่างนั้น

แล้วโลกก็เปลี่ยนไป จากเดิม รบ ฆ่า ก็เริ่มหมดไป คนไทยบางกลุ่ม (ส่วนน้อยๆในประเทศ) เริ่มมีความรู้ มีความคิด เห็นโลกมากขึ้น
เกิดคำถามขึ้นในใจว่า " ทำไมคนไทยไม่เลือกผู้นำเองล่ะ ทำไมปล่อยให้เป็นไปตามประเพณีล่ะ เลือกคนที่ชอบเองไม่ดีกว่าหรือ "
แล้วคำถามนี้มันเกิดขึ้นในใจของคนไทยทุกคนหรือไม่ ตอบแบบไม่คิดเลยว่า " ไม่อย่างแน่นอน" เป็นเพียงความคิดของ
คนหัวก้าวหน้าบางกลุ่มเท่านั้น คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศยังคงยึดประเพณีเดิมๆอยู่
" เหตุเพราะความรู้ยังไม่ถูกพัฒนาทั่วถึงไปยังคนไทยทุกคน "

หากถามว่าความคิดให้เปลี่ยนประเทศดีมั้ย เราขอบอกเลยว่า มันเป็นความคิดที่ดี ดีมาก แต่ว่า.....
นี่ล่ะคือโลกในอุดมคติ หากถามเราว่าอยากให้เป็นแบบนี้มั้ย ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่าอยากให้เป็น
แต่คำถามนึงที่เกิดขึ้นมาคือ คนไทยทุกคนพร้อมหรือยังล่ะ อะไรคือความพร้อม พัฒนาคนหรือยัง????

ครั้งแรกที่ปฏิวัติประชาธิปไตยสำเร็จ ถามหน่อยว่า อำนาจอธิปไตย เป็นของคนไทยโดยสมบูรณ์มั้ย
ไม่เลย... เกือบทั้งประเทศไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืออะไร
หรืออำนาจยังเป็นของกษัตริย์ ไม่ใช่อีกล่ะ เพราะอำนาจย่อมอยู่ในมือ ผู้ปฏิวัติสำเร็จ แต่จะใช้อำนาจนั้นได้อย่างไร
ในเมื่อไม่ได้เกิดจากความคิดคนทั้งประเทศ

เกิดการเปลี่ยนมือ เปลี่ยนอำนาจ เปลี่ยนผู้นำ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ซึ่งผู้นำคนนั้นใช่ว่าจะรู้จัก ( รู้จักคือรู้*** หาใช่ รู้แค่หน้า
ว่าเป็นคนนั้น คนนี้ )

ถึงจะมีการเลือกตั้ง สส. สว. นายก ก็เหอะ จะรู้จักก็ตอนไปหาเสียง และแจกเงิน เท่านั้นล่ะ คนนี้สันดานเป็นอย่างไรใครจะไปรู้
ใครทุนเยอะ หาเสียงมาก อาจได้เลือก พูดง่ายๆก็คือ เลือกเพราะรู้หน้าตอนหาเสียง ไม่ใช่ เลือกเพราะเห็นผลงานมาก่อนเลือก
หนักกว่าบางทีเหมือนเคยเห็นผลงาน แต่ก็ไม่ได้เห็นสันดานที่แท้จริง เห็นแค่เปลือกเท่านั้น.....

เลือกนายกอีก หมื่นครั้ง หากยังเป็นอย่างนี้ เราก็จะได้เพียงการเปลี่ยนผู้นำ ไม่ต่างอะไรจากการที่เลือกเป็นประเพณี 4 ปี เลือกครั้ง

เมื่อไหร่คนไทยทุกคนสามารถตั้งคำถามได้เอง แล้วหาคำตอบด้วยปัญญาได้เอง (ไม่ใช่ให้ผู้อื่นชักจูง)
วิพากย์วิจารณ์ได้ทุกคน เหมือนที่ทำกันขณะนี้
ไม่ได้เลือกว่าเป็นฝ่ายใด ข้างใด เพราะนักการเมือง ยังไงก็ไม่ต่างจาก นักกินเมือง ที่เปลี่ยนได้ตามผลประโยชน์
สืบทอดเป็นประเพณี พ่อ ยัน ลูก หลาน เหลน โหลน
ที่สำคัญเจ็บรู้จักจำ ปีนี้เลือกมาแล้วมาผลาญ คราวหน้าก็ไม่ต้องเลือก จะดีไม่น้อย
แต่ที่เห็นๆ บางคนไม่ได้รับเลือกตั้ง ยังได้เป็นรัฐมนตรี บางคนแค่มีทุน มีบุญคุณ ก็ได้อยู่บัญชีรายชื่อต้นๆ เป็น สส. ก็เท่านั้น

ยาวมากไปแล้ว
สรุปคือ ถ้าให้เลือกระหว่าง กษัตริย์ กับ นักกินเมือง เลือกกษัตริย์ดีกว่า อย่างน้อยๆก็เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษสืบทอดมา
เพราะส่วนตัวทั้งชีวิตที่เกิดมาไม่ได้คลุกคลีอะไรเลย ไม่ได้มีผลต่อชีวิตประจำวันอะไร ทำมาหากินได้ตามปกติ ไม่ได้รู้สึกว่าการดำรงอยู่จะหนักหัวตรงไหน (เมื่อไหร่มีผลกระทบกับตัวอาจจะคิดต่างจากนี้ได้)
สิ่งที่รู้ๆคือ ภาษีที่นักกินเมืองผลาญไป ถ้านำมาพัฒนาประเทศ ประเทศไทย ส่งยานอวกาศไปนอกโลกได้แล้ว

อีกอย่างสงสัยอยู่ว่า คนที่มาเรียกร้อง และทำตัวเป็นเดือดเป็นร้อน กับเรื่องการดำรงอยู่ของระบบกษัตริย์ นั้น
ตัวเองได้รับผลกระทบ หรือความเสียหายจากระบบนี้หรือ หรือแค่มีความคิดว่าเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ หรือแค่มีความคิดว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่่คนอื่นพูด คนอื่นวิจารณ์แล้วก็ทำตัวเป็นเดือดเป็นร้อนไปด้วยแค่นั้น....
มีเวลามากนักทำไมไม่ไปทำมาหากินซะ จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น

แล้วอีกอย่างพากันมาเรียกร้องแทนคนที่มันมีเงินเป็นหมื่นๆล้านน่ะ ทำไปทำไมหรือ???
ถึงมันจะถูกยึดเงินไปขนาดนั้น มันก็อยู่เยี่ยงราชา มีเครื่องบินส่วนตัว มีเงินซื้อได้ทุกอย่าง
ตัวคุณล่ะ คนที่มาเรียกร้องแทนมัน เย้วๆๆ อยู่นั่นน่ะ
สุขสบายเท่ามันหรือเปล่า หรือไม่มีจะกิน???
ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็หันไปทำมาหากินซะดีกว่ามั้ย

In Topic: เอาแล้วววว พรุ่งนี้ลุกเป็นไฟแน่ ไอการบอกไม่ส่งฟ้อง ทั้งหกคดี

7 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 21:15

เป็นช่องโหว่ หรือ ตีความไม่รอบด้าน

ศาลชั้นต้นตัดสินว่าผิดแล้ว ยัง อุธรณ์ ได้

อุทรณ์ผิดอีก ยัง ฎีกา ได้

แต่ประเด็นนี้ อสส. ตัดสินยังไง ถือว่าสิ้นสุดอย่างนั้นหรือ

อสส. ตัดสินว่า ตรวจสอบแล้วไม่ผิดตามร้อง ไม่ต้องส่งให้ ศาล รธน. อันนี้พอเข้าใจได้

แต่ผู้ร้องไม่มีสิทธิอื่นหรือ

เป็นต้นว่า อสส. ไม่รับคำร้อง แต่ผู้ร้องเห็นว่าไม่เป็นธรรม จึงสามารถยื่นร้องต่อ ศาล รธน. เองได้

เพราะดูๆ ไปแล้ว การดูแลการบังคับใช้กฎหมายให้ถูกตาม รธน. น่าจะเป็นหน้าที่ของ ศาล รธน. มากกว่าจะเป็นของ อสส.

เป็นช่องโหว่ของกฎหมาย หรือ เป็นเพราะการตีความกฎหมายที่ตีความไปคนละอย่าง

และหากการตีความ รธน. ไม่ตรงกันแล้ว ใช่อำนาจของ ศาล รธน. หรือไม่ ที่ชี้ขาดว่า ให้ตีความ รธน. แบบใด

ต้องงงหรือเปล่าหนอ กม. ไทย

In Topic: .:: ศาลรธน.เอาคืนชุดใหญ่! เปิดสำนวนผู้ร้องแจงชัด ยื่นอัยการไปแล้ว3เดือน...

7 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 20:54

หลังจากรับเรื่องที่ร้องเข้ามาแล้ว อัยการคงตัดสินใจลำบากอยู่เหมือนกัน

มันขึ้นอยู่กับว่า "อัยการ มีขอบเขตอำนาจมากเพียงใดในเรื่องนี้"

"มีอำนาจแต่รับเรื่องแล้วส่งต่อศาล รธน. หรือ มีอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพิจารณาว่าจะส่งให้ศาล รธน. หรือไม่" ( ตีความยังไง ถกเถียงกันอีกแน่ )

เพราะดูผิวเผินแล้ว เหมือนว่าสภาจะร่วมพิจารณาแก้ไข รธน. มาตราเดียว ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้

หากแต่การแก้มาตรานั้น เจตนาที่แท้จริงคือการนำไปสู่การยกเลิก รธน.50 ทั้งฉบับ ซึ่ง รธน.50 เขียนไว้ชัดเจนว่าทำไม่ได้

คณะร่าง รธน.50 นอกจากจะเขียนบทลงโทษนักการเมืองที่ทำผิดไว้หนักหนาแล้ว ยังวางมาตราการป้องกัน รธน.50 ไว้อีก ( โหจะรอบคอบอะไรขนาดนั้น )

หากเราจะได้ รธน. ฉบับใหม่ ที่ถูก สสร. เขียนขึ้นใหม่นั้น เดาได้เลยว่า จะลดบทลงโทษนักการเมือง พรรคการเมือง แน่นอน ( มีประโยชน์ต่อคนจนๆที่มาเรียกร้องแทนเค้าตงไหน??)

ก็ขนาดศาล รธน. รับเรื่องแล้วให้ชะลอการลงมติ "พระเจ้า!!!! ยังโดนวิจารณ์ขนาดนี้ ว่าไม่มีอำนาจ"

ไม่อยากคิดว่าถ้าเป็น "อัยการ" จะเป็นยังไง

In Topic: จ่าประสิทธิ์เปลี่ยนไป

6 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 18:02

ผู้บริหารเก่ง
1. ไม่จำเป็นต้องทำงานเก่ง สั่งเก่งก็พอ เพราะความสำเร็จของผู้บริหารคือ สั่งยังไงให้งานเสร็จ
2. ไม่ต้องออกหน้าเอง ปล่อยให้ลูกน้องทำแทน ( ตัวอย่าง นายก ปัดทุกเรื่อง ) การออกหน้าเอง ทำให้ภาพลักษณ์เสีย หากสิ่งทำไปนั้นผิด เหมือนไม่ต้องรับผิดโดยตรง