- ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด
- → ดูประวัติผู้ใช้: Likes: pingping
pingping
เป็นสมาชิกตั้งแต่ 28 มิถุนายน 2555ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2556 15:52
Community Stats
- กลุ่มผู้ใช้ Members
- จำนวนกระทู้และความเห็น 364
- Profile Views 3,986
- Member Title ขาประจำ
- อายุ ไม่ระบุ
- วันเกิด ไม่ระบุ
-
Gender
ไม่ระบุ
เครื่องมือสมาชิก
Friends
pingping hasn't added any friends yet.
ผู้เยี่ยมชมล่าสุด
#651256 เพื่อนสมาชิกชาวเสรีไทยเห็นภาพนี้แล้วมีอารมณ์ร่วมไหมครับ
โดย tonythebest on 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:20
#631402 นักศึกษาไม่มีกระดูกสันหลัง นิยมการหมอบคลาน
โดย paper punch on 7 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:53
#582603 เสียงจาก "สิงห์สนามหลวง" คุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี กรณีการตัดสินคดีสมยศ
โดย ทรงธรรม on 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:47
ผมบอกได้เลย ว่าส่วนตัว ผมชอบ ที่คนเราสามารถ แสดงออกทางความเห็นของตนได้อย่างอิสระ
แน่นอนว่า ประเทศเรา ไม่ใช่ คอมมูนิสต์
เรามีสิทธิเสรีภาพ มากกว่านั้น
แต่คุณ ๆ รู้กันบ้างหรือเปล่า ว่าความเป็นจริง มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ผมยกตัวอย่าง ในกรณีที่ คุณอยู่ในสถานีตำรวจ
คุณสามารถตะโกน ด่าตำรวจ ที่ทำงานไม่เป็นธรรม ต่อคุณ แบบเห็น ๆ เลยได้ไหม
ไม่ได้ เดี๋ยวโดน คดี หมิ่นประมาท เจ้าพนักงาน
อีกกรณี ถ้า คุณ ไปออก ทีวี ที่ไหน สักรายการหนึ่ง คุณจะพูดถึง ช่อง ๆ นั้น ในทางที่ไม่ดี ได้ไหม
ไม่ได้ เดี๋ยวโดน ตัด ออก ไม่ให้ฉาย
อีกกรณี ถ้า คุณ เป็น คอลัมนิสต์ แต่อยากวิจารณ์ ความไม่เป็นมืออาชีพ ของหนังสือพิมพ์ คุณเอง ได้ไหม
ไม่ได้ เดี๋ยวโดน ตัด ไม่ให้ลงพิมพ์
อีก กรณี ถ้าคุณ ไป ขึ้นเวที การชุมนุม ของฝ่ายตรงข้าม แล้ว วิจารณ์ ว่า พวกคุณ คิดน่ะผิด ถึงมีเหตุผล ก็
ไม่ได้ เดี๋ยว คางเหลือง อยู่บนเวที
อีก กรณี ถ้าคุณ ไป ทำงาน รับจ้างให้ นายจ้าง งานหนึ่ง คูณ มีสิทธิ วิจารณ์ สินค้าของเขาอย่างตรงไปตรงมา ได้ไหม
ไม่ได้ เดี๋ยว ไม่ได้เงิน
ก็นี่ไง เสรีภาพ ทั้งนั้น เหตุผล ทั้งนั้น ทำไม คนถึงพูดความจริงไม่ได้
ยอมรับเถอะ ว่า เราจะมานั่งพูดถึง เรื่องใด เรื่องหนึ่ง
แต่กลับมองข้าม กรณี อื่น ๆ
เราก็ไม่ได้ ให้ความเป็นธรรม อย่างทั่วถึง จริง
- tu249cm, คนกรุงธน, RiDKuN_user and 13 others like this
#571375 ~**~ การ์ตูนล้อการเมืองฮาๆ จากห่วยตูน ณ เสรีไทยฯ~**~
โดย ดอกปีบ on 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 23:10
#569429 ~**~ การ์ตูนล้อการเมืองฮาๆ จากห่วยตูน ณ เสรีไทยฯ~**~
โดย ดอกปีบ on 15 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:37
#571476 ถึง FC สรท. ทุกๆคนตอนนี้ ตั๊นมาเป็นพิธีกร รายการ สน.อาสา ที่ช่อง bluesky ทุกว...
โดย redfrog53 on 17 มกราคม พ.ศ. 2556 - 04:41
- pingping likes this
#571351 กระทู้เฉพาะกิจ!!! เราสังคมประชาธิปไตย โหวตกันไปเลยดีกว่าว่า jaide...
โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:45
ผมโหวต "ไม่ควร" โดยไม่ลังเล
เราต้องแยกระหว่างพฤติกรรมก้าวร้าว เกเร หรือกวนประสาท
ออกจากพฤติกรรมภัยสังคม อาชญากร และ โรคจิต
ใจดีมีพฤติกรรมเป็นภัยสังคม คือ
1. ก่อกวนความสงบสุข
2. ดูถูกเหยียดหยามสมาชิกสตรีเพศ
3. หยาบคายก้าวร้าวต่อสมาชิกร่วมบอร์ด
ไม่ว่าจะ "สติแตก(nervous breakdown)" หน้าไมค์ หรือส่งข้อความหลังไมค์
ใจดียังมีพฤติกรรมเข้าข่ายอาชญากร คือ
1. "โกหกหลอกลวง"
2. "ลักขโมย"
แค่นั้นไม่พอ ใจดียังมีพฤติกรรมเข้าข่ายโรคจิต คือ
1. มักทำผิดซ้ำๆแล้วขอโทษ ขอโอกาส แต่กระทำผิดซ้ำอีก
ตามหลักจิตวิเคราะห์แล้ว แสดงว่าเป็นพวก sociopath-โรคจิตแบบต่อต้านสังคม
2. มักฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คล้ายกับสนุกที่ได้เอาชนะกฎระเบียบได้
เป็นอาการของพวก sociopath อีกแล้ว
3. โกหกเป็นสัน-ดานแบบไม่ละอาย ตาไม่กะพริบ
จิตวิเคราะห์ถือว่าเป็นอาการ pathological liar
ซึ่งทั้ง 3 พฤติกรรมล้วนเป็น repeated คือ "ซ้ำซาก ๆ ๆ" จนเกินเลยความ "ตลก"(สำหรับผมนะครับ)
จึงถือว่าใจดีเป็น "ภัยสังคม" ไม่ใช่แค่ troll เกรียนบอร์ดเฉยๆครับ
เราสมควรเลี้ยงภัยสังคมไว้ดูเล่น หรือควรกำจัดทิ้ง ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของสังคมนั้นๆครับ
#558782 "น้าเดช" กูรูยนตกรรม ฉะ "รถคันแรก" พาคนไทยฉิบหาย
โดย ดอกปีบ on 4 มกราคม พ.ศ. 2556 - 14:18
แม้สิทธิ์การขอคืนภาษีจากนโยบายลดคันแรกจะสิ้นสุดลงไปพร้อมกับปี 2555 แต่หลากหลายประเด็นคำถามก็ยังคงผุดขึ้นในใจของใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็น "โครงการนี้ดีจริงหรือไม่?", "ใครคือผู้ได้รับประโยชน์ที่แท้จริง?" และคำถามยอดฮิตที่ว่า "แล้วต่อไปรถจะติดขนาดไหน?" ซึ่งหลาย ๆ คนก็คงรู้คำตอบในใจอยู่แล้วล่ะ
นิตยสาร Way Magazine ก็ได้เกาะกระแสเรื่องนี้เช่นกัน โดยได้ไปพูดคุยเรื่องนโยบายรถคันแรกกับ "พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ" หรือที่คนในวงการรถเรียกว่า "น้าเดช" กูรูเรื่องยานยนต์ที่หลาย ๆ คนรู้จักเป็นอย่างดี และบทสัมภาษณ์ของเขาก็ถูกแชร์ในโลกไซเบอร์กันเพียบ เพราะมีมุมมองที่โดนใจใครหลาย ๆ คนไม่น้อย
อย่างแรก ใครล่ะจะเชื่อว่า "น้าเดช" ผู้คร่ำหวอดในวงการรถมาหลายสิบปีก็เป็นหนึ่งในผู้ขอใช้สิทธิ์รถคันแรกกับเขาด้วยเช่นกัน เพราะรถ 8 คันของเขาก่อนหน้านี้ซื้อในนามบริษัท แต่รถกระบะป้ายแดงที่เพิ่งถอยออกมาใหม่ล่าสุด ถือเป็นรถคันแรกในนามชื่อตัวเอง ซึ่ง "น้าเดช" บอกอย่างตรงไปตรงมา ว่า "ก็ผมได้คืนเงิน ได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ และมีกำลังที่จะซื้อด้วย"
แต่สำหรับคนอื่น ๆ เขามีบางข้อมูลและความคิดมาสะกิดเตือนเกี่ยวกับนโยบายรถคันแรกที่กระตุ้นให้หลายคนได้เป็นเจ้าของรถของตัวเอง ลองไปติดตามบทสัมภาษณ์จาก Way Magazine กัน
คุณมีมุมมองและความเห็นต่อนโยบายคืนภาษีรถคันแรกอย่างไร?
ถ้าพูดถึงรถคันแรก ต้องพูดอดีต วันนี้ พรุ่งนี้ อดีตคือตอนที่จะเกิด เป็นธรรมดาของทุกรัฐบาลไม่ว่าฝ่ายไหน ก็ต้องการให้ประชาชนชอบ เลยต้องมีนโยบายที่คิดว่าคนชอบ แต่ว่าการเกิดของโครงการรถคันแรก ด้วยความเห็นส่วนตัวผม แนวคิดดี แต่ข้อบกพร่องค่อนข้างเยอะ เช่น รัฐบาลจะไปช่วยธุรกิจอะไรก็ตาม มันต้องไปช่วยธุรกิจที่เอาตัวไม่รอด แต่ธุรกิจรถยนต์มันเป็นธุรกิจเฟื่องฟู ทำเท่าไหร่ก็ขายไม่พออยู่แล้วสำหรับประเทศไทย จะเห็นว่าแม้จะผ่านน้ำท่วมมาแล้วก็ยังขายถล่มทลาย ไม่มีรถคันแรกก็ตั้งเป้าอยู่แล้วว่า 1,100,000 คัน มันเป็นการไปช่วยธุรกิจที่ยืนได้อยู่แล้ว ทำให้มันเสียระบบ
อย่างบริษัทผมมีพนักงาน 22 คน มีสิทธิ์จริง ๆ แค่ 3 คน ถามว่าทำไมไม่ซื้อ พนักงานผมบอก ไม่มีเงินดาวน์อยู่แล้ว 8 หมื่น ไม่ใช่พอไปซื้อลด 5 หมื่น แล้วจะดาวน์แค่ 3 หมื่น ยังไงต้องหาเงินมาดาวน์ 8 หมื่นอยู่ดี เพื่อรอคืนปีหน้า งั้นก็ต้องไปกู้ ตรงนี้ทำให้เกิดช่องโหว่
ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีการยืมเครดิตและสวมสิทธิ์ เธอไม่ซื้อเหรอ ฉันใช้ชื่อเธอนะ ฉะนั้นพวกเต็นท์ก็มาสวมแบบนี้ ซื้อรถที่ได้ส่วนลดเยอะ ๆ 8 หมื่น แล้วก็ให้ค่าชื่อ 1 หมื่น แล้วเขาบอกว่าห้ามโอน โถ…รถยนต์ร้อยละ 90 ในตลาดน่ะ โอนลอยทั้งนั้น
ถามว่ายอดขายรวมปีนี้ผิดความคาดหมายไหม ไม่ผิดเลยครับ ถ้าคนในวงการจะรู้ว่าตัวเลขจะมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ถ้ากำลังการผลิตมี ถ้ารัฐบาลไม่อั้นไว้ว่าไม่ส่งมอบให้ทันเกิน 30 มิถุนายนนะ ตัวเลขมากกว่านี้อีกบานเลย เพราะคนจะถูกยืมเครดิตมาซื้อเยอะมาก
ไม่ซื้อตอนนี้ก็โง่แล้ว?
คือถ้าคุณคิดว่าคุณเงินเดือน 15,000 ผ่อนรถ 6,000 เหลือ 9,000 คุณคิดว่าไหว ผมว่าคุณล่มตั้งแต่แรก เพราะมันมีค่าน้ำมัน ค่าโน่นนี่อย่างที่บอก พอเข้าปีที่สองคุณจะเปลี่ยนยาง 4 เส้น คุณต้องเริ่มหาร้านผ่อนยาง 0 เปอร์เซ็นต์ล่ะ คุณบอกงั้นจอดทิ้งไว้ที่บ้านเฉย ๆ สิ คุณลองคำนวณเวลาคุณขายต่อสิ ว่าวันหนึ่งเงินคุณหายไปวันละเท่าไหร่
คนที่ไปกู้มาซื้อจะยุ่งมากเลยนะ เอาเป็นว่าคืน หลังจากปีที่สอง หากคุณไม่มีกำลังผ่อนล่ะ ทำไง ไฟแนนซ์ยึด เขาต้องไปดูสภาพรถ คุณยังค้างหนี้อีก 4 แสน รถคันนี้ขายได้ 3 แสน เขาฟ้องคุณ 1 แสน อันนี้ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือเงิน 8 แปดหมื่นที่คุณได้ ต้องคืนรัฐบาลนะครับ เพราะมีการเปลี่ยนมือแล้ว ก็มีคนถาม งั้นก็ไปขายโอนลอยสิ อ๋อ ถ้าโอนลอยตอนนี้เต็นท์รู้แล้วว่าคุณเดือดร้อน คุณจะต้องเสีย 8 หมื่น ราคารถคุณจะหายไปเท่าไหร่ เพราะเขารู้ว่าคุณจะโอนลอยหลังจากผ่านปีแรกแล้ว คุณเดือดร้อนแน่
พวกเจียนอยู่เจียนไปแบบนี้จะทำอย่างไร?
สิ่งที่ผมแนะนำคือ เมื่อคุณได้เงินจากรัฐบาลแล้ว คุณอย่าเอาเงินก้อนนั้นไปทำอะไรเลยนะ คุณเข้าแบงก์ รอจนกว่าจะผ่าน 5 ปี แล้วคุณถึงจะเอาเงินตรงนั้นมาใช้ได้ คือไม่ใช่แค่คุณไม่มีปัญญาผ่อนอย่างเดียวนะ ขับ ๆ ไปรถสิบล้อชน ปัง! ปีที่สองที่สามไม่มีประกันชั้นหนึ่งแล้ว มีแต่ประกันกันชั้นสามแล้ว ได้เงินค่าซากมาคุณจะทำยังไงกับเงินก้อนนั้น ไปตัดไฟแนนซ์ที่เหลือ รถเป็นซากไปแล้วประกันต้องให้คุณโอนทะเบียนให้เขาอยู่แล้วเพื่อเอาเงินค่าซาก การโอนแบบนี้ รัฐบาลจะถือว่าเปลี่ยนมือไหม ถ้าเปลี่ยนมือคุณก็ต้องคืนภาษีสิ ยุ่งตายโหงเลยนะ
เรื่องนายทุนขู่จะย้ายฐานการผลิตหลังจากเหตุน้ำท่วมมีผลทำให้เกิดนโยบายรถคันแรกด้วยใช่ไหม?
ผมว่ามันเป็นเรื่องคิดเอง พูดเอง ถามบริษัทระดับใหญ่ ๆ อย่างฮอนด้า โตโยต้า ก็ได้ เขาไม่อยากให้เกิดโครงการนี้หรอก เพราะหลังน้ำท่วมเขาเร่งผลิตอยู่แล้ว ถ้าหลังน้ำท่วม รถผลิตมากองเต็มตลาดไม่มีคนซื้อ ไอ้นั่นอีกเรื่อง แต่ทุกบริษัทยืนยันว่าปีนี้ทะลุล้านแน่นอนเลย เพราะเขาวางแผนการเติบโตเป็นขั้นเป็นตอนอยู่แล้ว แต่คุณไปเร่งใส่ปุ๋ย ทำให้เขารวน ปีหน้าเกิดอะไรขึ้น โรงงานขนาดใหญ่คุณไม่ต้องห่วงหรอก ทุนเขามี ระบบเขาดีอยู่แล้ว
ถามว่าทำไมเมืองไทยเนื้อหอมสำหรับวงการรถยนต์ ผมบอกได้ว่า 1.โง่จริง 2.แกล้งโง่ ที่ว่าเขาจะหนีไปจากบ้านเรา ไม่หนีหรอกครับมีแต่จะมา โรงงานฟอร์ดที่ฟิลิปปินส์ก็ต้องปิดเพราะสู้เราไม่ได้ ที่ญี่ปุ่นยอดขายเขาตกฮวบทุกปีเลยนะครับ เพราะเขานั่งรถไฟฟ้ากัน ที่จอดรถก็ไม่พอ ขนส่งสาธารณะเขาดี
แต่ SME ได้ผลประโยชน์จากการผลิตอะไหล่?
สิ่งที่คุณต้องห่วงคือพวกโรงงานเล็ก โรงงานน้อย SME ที่รัฐบาลอยากส่งเสริม Subcontract ทั้งหลายนั่นแหละ ปีนี้ (2555) เคยวางแผนว่าปีนี้จะส่งให้โรงงานโตโยต้า 100 ชิ้น ปีหน้าเพิ่มกำลังเป็น 110 ชิ้น อีกปี 130 ชิ้น อยู่ ๆ ปีนี้ปาเข้าไป 150 ชิ้น พวกนี้ทำไง ก็ต้องจ้างคนงานเพิ่ม ค่าแรงก็ถูกบวกเพิ่มเป็น 300 บาท ลงเครื่องจักรใหม่เหรอ ปีเดียวก็ยังไม่คืนทุน ปีหน้าพอกำลังการผลิตเขาถอยลง เขาคาดการณ์อย่างต่ำว่าลดลงแน่ ๆ 20 เปอร์เซ็นต์ แล้วพวกนี้จะทำยังไง นี่เป็นสิ่งที่คนในวงการรถยนต์เห็นกัน ทุกบริษัทบอกว่าปีหน้า ครึ่งปีแรกไม่มีผลกระทบหรอก เพราะยังผลิตรถส่งต่อ แต่ครึ่งปีหลังมิถุนายน เห็นผลตรงบริษัทเล็กจะดิ้นรนหนีตาย จะเกิดสงครามขึ้นอย่างรุนแรงในวงการ
ธุรกิจรถมือสองในปีหน้าจะเป็นอย่างไร?
มันทำให้ธุรกิจรถมือสองตายไปแล้ว ตั้งแต่ประกาศโครงการ ถ้าคุณเป็นเจ้าของเต็นท์ คุณซื้อซีวิคมาไว้ในราคา 400,000 เพื่อรอขาย พอเขาประกาศโครงการรถคันแรก ถามว่าจะมีคนซื้อไหม คุณยอมซื้อซิตี้ดีกว่า ใหม่เอี่ยมเลย ได้ลดตั้งแสน ตลาดรถมือสองมันตายเลยไง
มันจะตายต่อในอีกสองปี ยกตัวอย่าง คุณสองคนซื้อนิสสันมาร์ชรุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน คนหนึ่งไม่ใช้สิทธิ์ซื้อในราคา 520,000 อีกคนหนึ่งใช้สิทธิ์ซื้อได้ในราคา 450,000 อีกสองปีคุณเอารถสองคันนี้ไปขาย ถามว่าตลาดรถมือสองจะตีในราคาต้นทุนเท่าไหร่ เขาจะตีในต้นทุน 420,000 คือคนที่ไม่ใช้สิทธิ์เนี่ย พูดในภาษาไทยว่า เสียค่าโง่ไปแล้ว ทำไมไม่เอาสิทธิคนอื่นใช้วะ ตอนขายยังเสียค่าโง่อีก นี่คือปัญหาใต้พรม
เต็นท์ที่มียอดขายมากๆ ก็จะมีแบงก์เข้ามาอุ้ม ทุกวันนี้เต็นท์มันมีสังกัดหมดแหละครับ เต็นท์ยอดขายต่ำก็มีแต่จะแย่ เวลาแบงก์ยึดมาได้ก็จะเอามาประมูล เต็นท์ที่มีสังกัดก็จะได้ดอกเบี้ยถูก ได้เงินกู้จากเขาไปซื้อสินค้าจากเขา (รถที่ถูกยึด) แต่เต็นท์เล็ก ๆ จะลำบาก
แต่โครงการรถคันแรกถือว่าถูกจริตคนไทยอย่างจัง?
คนที่ซื้อเพราะจำเป็นต้องใช้รถ มีวินัยการเงินดี ตรงนี้โอเคเลย ผมไม่ได้ไปแตะต้อง แต่คนไทย โอ้โห แม่งได้ลดตั้งแสน ไม่ซื้อเสียดายตายห่า พวกนี้แหละจะเจ๊ง ทั้งที่จริง ๆ ยังไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเลย ยกตัวอย่าง คนที่มีบ้านอยู่บางแค บางใหญ่เริ่มทำงาน ซื้อรถคันแรกได้ส่วนลด ใช้ไปสามปี รถไฟฟ้าไปถึงล่ะ ถามว่าคน ๆ นั้นจะตัดสินใจยังไง 1.จอดรถทิ้งไว้ที่บ้าน ประหยัด นั่งรถไฟฟ้าเข้ามาทำงาน 2.กูมีรถแล้ว ดันทุรังขับเข้ามา น้ำมันก็แพง รถก็ติด 3.ขายรถ ก็นำเงินภาษีไปคืนรัฐบาล เพราะงั้นผู้บริโภคต้องวางแผนให้ชัดเจน ไม่งั้นเดือดร้อน
พฤติกรรมการซื้อรถของคนในบ้านเราเป็นอย่างไร?
ผมพยายามบอกว่าคนไทยถูกหลอกว่าระบบโน้นดี ระบบนี้ดี คุณต้องการรถประหยัด แต่คุณไปซื้อรถที่มี mp3 เล่นซีดี กระจกขึ้นลงไฟฟ้าหมด ไม่มีความจำเป็นในการใช้รถเลย รถหนึ่งคันถ้าคุณถอดพวกนั้นหมดจากราคา 5 แสน เหลือไม่ถึง 4 แสน ไอระบบบ้า ๆ บอ ๆ ช่วยคุณจอด ถ้าคุณยังจอดรถไม่ได้คุณจะไปซื้อรถทำห่าอะไรวะ ระบบไฟฟ้าเปิดอัตโนมัติ มึงไม่รู้ว่ามันมืดแล้วมึงต้องเปิดไฟเหรอวะ กุญแจอัจฉริยะ หมุนกุญแจแค่นี้มึงจะตายเหรอ
ผมเขียนไปแบบนี้ ฝรั่งเขียนมาด่าผมเช็ดว่าผมขวางการพัฒนาเทคโนโลยี แต่ผมคิดแบบคนไทยไงแบบลูกหลานผม สมมติเรียนมหาวิทยาลัยไกล ๆ หรือที่ทำงาน ถ้ามีรถไปเพื่อไป-กลับแค่นี้ คุณจะไปมี GPS เพื่อห่าอะไร คุณหลงทางเหรอ แค่ไปมหาวิทยาลัย ที่ทำงาน บางคนก็บอกผมว่าพี่ก็พูดได้ ผมอยากมีรถสักคันก็อยากได้ตัวท็อปสุด โอเคผมก็ไม่รู้จะว่าไง
หรือเพราะประเทศไทยปล่อยให้ครอบครองรถง่ายเกินไป?
วัฒนธรรม… การคิดแบบไทยมันสวนโลก ยกตัวอย่างมอเตอร์ไซค์ก็ได้ สมัยผมต้องอายุ 18 ถึงมีใบขับขี่ได้ ต่อมาก็ลดเหลือ 15 ปี เด็ก 15-16 รับผิดชอบอะไรได้ ปัญหามันเลยเกิดไง คนขับรถยนต์ 18 ได้ใบขับขี่ล่ะ แม่งซักผ้าเองยังไม่ได้เลย แต่คุณให้ขับรถขึ้นไปบนถนน ผมถึงไม่เคยโทษพวกนี้ไง เพราะสังคมเห็นด้วย อนุมัติเขา สังคมคือกฎหมาย ก็เรายอมให้เกิดแบบนี้ สมมติว่าเซ็นทรัลไม่ให้จอดล่ะ เดี๋ยวเช่าที่แดนเนรมิตให้แล้วเดินมาใกล้ ๆ คุณว่าจะมีคนเข้าห้างเขาไหม ไม่มีหรอก
คือมันผิดตั้งแต่กระบวนการทางความคิด เราส่งเสริมอุตสาหกรรมรถโตขึ้น ให้คนซื้อรถง่ายขึ้น คิดได้ยังไง แทนที่จะโตแบบมีคุณภาพ คนบ่น ไปจำกัดมากเดี๋ยวรถมันขายไม่ได้ คนจะตกงาน คนกลัวรถจะขายไม่ได้ไง เลยทำให้เราได้คนไม่มีคุณภาพเข้ามาอยู่ในรถมากขึ้น ผมไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องขับเก่งหมด แต่รถมันเป็นเครื่องจักรอันตราย ต่อคุณและคนอื่น แล้วเราจะได้ของอันตรายบนท้องถนนอีกเยอะมาก
นิสัยการขับรถก็อีกอย่าง คุณลองคิดสภาพนะ รถจอดรออยู่สามแถว อยู่ ๆ มีคันหนึ่งเลาะไหล่ข้าง คุณคิดล่ะ ไอ้ห่านี้มารยาทไม่ดี คันที่สองมา พวกนี้เลวเว้ย คันที่สามมา คุณคิด หรือกูต้องไปกับมันวะ พอคนที่ห้ามา คุณคิดล่ะ กูโง่ฉิบหายทำไมไม่ไปกับมันวะ แล้วคุณก็ต้องไปกับมัน บางทีผมก็ไปนะ ยอมรับเลย คือสังคมมันกลายเป็นว่า คนโง่เท่านั้นที่ทำตามระเบียบ
คนไทยเราชอบทำตัวเป็นตำรวจ เป็นอัยการ เป็นศาลได้หมดบนถนน กูไม่ให้มึงแซง พอขี่ช้าต้องบีบแตรไล่ พอแซงได้ต้องลงโทษ โฉบปาดหน้า เป็นศาลตัดสิน ไอ้นี่สมควรตาย กูจะเบียดมึงให้ตกถนน ถนนทุกวันนี้มันเหมือนโคลิเซี่ยมสมัยโรมัน สัตว์ร้ายที่เข้มแข็งเท่านั้นจึงจะอยู่รอด ไม่มีการให้อภัยกัน ทุกคนเอาคืนกันหมด
ทำไมบางคนมีคอนโดฯ ติดกับรถไฟฟ้า ก็ยังต้องซื้อรถยนต์อยู่ดี?
ผมถึงบอกว่า นโยบายรัฐบาลอยากช่วยประชาชนรากหญ้า แต่มันไม่ใช่ เพราะรถส่วนใหญ่ของโครงการมันเป็นรถใช้ในเมือง รถขนาดเล็ก แต่ถ้าเป็นตัวหลักเลยนะครับ คือวัฒนธรรมไทยเรา คนไทยรอไม่ได้ถ้าแถวยาว อีกอย่างในกรุงเทพฯ มันเป็นเมืองประชากรหลั่งไหล รกรากในกรุงเทพฯ มีอยู่สัก 30 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือจากต่างจังหวัด ทีนี้พวกเทศกาลไทยต่าง ๆ สงกรานต์ฉันต้องกลับบ้าน เข้าพรรษาต้องไปหาแม่ เป็นต้น
ไม่ปลื้มระบบขนส่ง?
เนี่ย คือระบบ Mass Transit ขนส่งมวลชนสาธารณะบ้านเรามันไม่ต่อเชื่อม อย่างที่บอกว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองอพยพไง พอถึงเทศกาลก็กลับบ้านเกิด รถทัวร์เต็ม รถไฟเต็ม เครื่องบินเต็ม กูมีรถดีกว่าวะ ชั่ว ๆ ดี ๆ เอาไว้กลับบ้าน แต่ถ้ารัฐส่งเสริมระบบพวกนี้ดี ๆ ความจำเป็นในการมีรถจึงจะน้อยลง
ระบบขนส่งมวลชนพวกนี้ก็ไม่วางแผนตัวเอง แม้กระทั่งแบบผูกขาดอย่างรถไฟยังเจ๊ง ไม่น่าเป็นไปได้ อะไรที่รัฐทำเนี่ย เจ๊งหมด บขส. รถร่วมรวยเอา ๆ ผมเห็นนครชัยฯ ซื้อที่วิภาวดี ถามว่าไร่ละเท่าไหร่ การวางแผนของรัฐมากกว่าที่เป็นปัญหา แบบที่ญี่ปุ่น ขนส่งสาธารณะในญี่ปุ่นสบายมาก มีรถบัสบริการตั้งแต่สนามบินถึงโรงแรม แต่บ้านเราไม่ได้หรอกถ้าเอารถบัสมา แท็กซี่ป้ายดำแม่งทุบ แท็กซี่รวมหัวกันปิดสนามบิน คุณเชื่อผมไหม พูดยากเหมือนกัน
ถ้าขยายระยะเวลาของโครงการรถคันแรกให้ยาวออกไป จะเป็นอย่างไร?
ถ้ามีอีกก็ฉิบหายครับ ใครฉิบหาย ก็ทั้งหมดแหละครับ บริษัทรถก็ฉิบหายเพราะสินค้ามันไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เป็นภาพลวง บริษัทที่ไม่มีรถเข้าข่ายเงื่อนไข รถนำเข้าตายสนิท รถมือสองฉิบหายแน่ ไฟแนนซ์ก็เหมือนกัน อันสุดท้ายคือประชาชนแหละครับ ฉิบหายจากอะไร คือคนไทยเราไม่สนใจเรื่องเครดิต พอเข้าปีที่สามรถมันต้องเริ่มซ่อมละ คุณหาทางทิ้งเพื่อซื้อคันใหม่ ถ้ามีต่อแล้วร่างกติกาใหม่ก็อาจจะดีขึ้น ผมก็ไม่รู้ แต่ถ้าภายใต้กติกานี้ก็ฉิบหายแน่
ที่มา: http://men.kapook.com/view53882.html
- pingping, คุณหนูจินนี่ and like this
#547846 กระทู้ลงชื่อร่วมกันประณาม "เอกยุทธ อัญชันบุตร" กรณีถ่อย รุมยำ-ยิงปืนข...
โดย tonythebest on 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 00:03
#547845 กระทู้ลงชื่อร่วมกันประณาม "เอกยุทธ อัญชันบุตร" กรณีถ่อย รุมยำ-ยิงปืนข...
โดย tonythebest on 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 00:03
#547843 กระทู้ลงชื่อร่วมกันประณาม "เอกยุทธ อัญชันบุตร" กรณีถ่อย รุมยำ-ยิงปืนข...
โดย tonythebest on 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 00:03
#547842 กระทู้ลงชื่อร่วมกันประณาม "เอกยุทธ อัญชันบุตร" กรณีถ่อย รุมยำ-ยิงปืนข...
โดย tonythebest on 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 00:02
#547840 กระทู้ลงชื่อร่วมกันประณาม "เอกยุทธ อัญชันบุตร" กรณีถ่อย รุมยำ-ยิงปืนข...
โดย tonythebest on 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 00:02
#535583 ฝากเผยแพร่ด้วยนะครับ หนังสือฉบับนี้จะได้ไม่กลายเป็นแค่อีเมล์ขยะ
โดย TFEX on 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 00:17
ผมก็ตั้งใจไว้ว่าจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
แต่เนื่องจากงานยุ่งมาก ก็เลยไม่ได้ไปสักที นี่ก็เกือบ 4 เดือนแล้ว
วันนี้เข้าเว็บของสำนักงานผู้ตรวจฯ เลยทราบว่าเค้ารับร้องเรียนผ่านหน้าเว็บด้วย
ซึ่งได้รับเลขร้องเรียนถูกต้อง ติดตามเรื่องได้เหมือนกับเราไปยื่นเอง ผมก็เลยส่งเรื่องไปตามนี้ครับ
..............
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับข้อมูลของท่านเรียบร้อย
โปรดจำ ลำดับการร้องเรียน - ปี เพื่อประโยชน์ในการติดตามเรื่องร้องเรียน
ลำดับการร้องเรียน 6463 / 2555
ชื่อ - นามสกุล นายธันวา ไกรฤกษ์
เลขหมายประจำตัวของผู้ถือบัตร (......)
เรื่องที่ร้องเรียน /รายละเอียดการร้องเรียน
ข้าพเจ้านายธันวา ไกรฤกษ์ ขอร้องเรียนกรณี นายสุนัย จุลพงศธร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย ประพฤติตนไม่เหมาะสมในการกล่าวปราศัยบนเวทีของคนเสื้อแดง ในงานสัมนาวิชาการ ณ โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ เมื่อ 19 สิงหาคม 2555
ข้าพเจ้าได้บันทึกเสียงไว้บางส่วนด้วยตนเอง สามารถฟังได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้
http://www.youtube.com/watch?v=mRZ0J9waudU
คลิปเสียงยาว 12 นาที ประเด็นสำคัญ คือ นายสุนัยพูดแนะนำประชาชนที่นั่งฟังอยู่กว่า 1000 คน ให้หาสามีฝรั่ง จะได้มีชีวิตที่สุขสบาย เพราะรัฐบาลยุโรปเค้าให้ฟรีหมด นายสุนัยถึงกับกล่าวอย่างไม่สมควรในทำนองว่า " นอนเรียนภาษา เร็วกว่านั่งเรียน พอท้องปุ๊บ รัฐบาลก็จ้างออกลูก "
คำพูดของนายสุนัย เป็นการดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีของสตรีไทย และคนไทยทั้งประเทศ เพราะคนไม่ได้มีคุณค่าเป็นแค่เครื่องตอบสนองความต้องการทางเพศ และผลิตลูกตามที่นายสุนัยกล่าว
นาทีที่ 02.57 "ได้ผัวเป็นเยอรมัน ได้ผัวเป็นสวีเดน ได้ผัวเป็นนอร์เวย์ เมื่อก่อนก็รักชาติเต็มที่ แต่ยิ่งรักชาติยิ่งจน ยิ่งรักชาติยิ่งโง่ว่ะ " 03.30 " เพียงแค่มีผัวเป็นฝรั่ง รัฐบาลเขาก็จ้างไปเรียนหนังสือ " 06.10 " เก่งภาษานอร์เวย์ ภาษาสวีเดน เพราะนอนเรียนว่ะ นั่งเรียนมันช้าไป พอนอนเรียนเสร็จปุ๊บ เข้าโรงพยาบาล (ท้อง) เขาก็จ้างออกลูก " 06.58 " ให้ฟรีแม้กระทั่งผ้าอ้อมเช็ดขี้ " 07.55 " ข้ออ้างของการยึดอำนาจ มึงอ้างว่าทักษิณเอาภาษีไปช่วยประชาชน หาเสียง เป็นประชานิยม จะทำให้ประเทศชิบหายวายป่วง เลยยึดอำนาจ ถ้าประเทศมันจะชิบหายวายป่วง เพราะว่าประชาชนมีกินมีใช้ ก็ให้มันชิบ หายไปเหอะ " 10.19 " ปรากฏว่าประเทศนี้เลี้ยงคนเฉพาะ 5 ล้านที่มีบำนาญ... พอทักษิณจะมาดูแลคน 60 ล้าน ให้เพิ่มรัฐสวัสดิการ ก็บอกว่าเป็นประชานิยมแล้วบ้านเมืองมันจะชิบหาย แล้วทีพวกมึงล่ะวะไอ้*** "
นอกจากนี้ยังมีการยุยงให้ประชาชนเกลียดชังนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามในระหว่างการปราศรัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆที่ไม่กี่วันก่อนหน้านั้น ข้าพเจ้าได้ฟังการอภิปรายในสภาซึ่งนายสุนัยได้กล่าวออกโทรทัศน์ว่า "ขอให้ฝ่ายค้านหยุดสร้างความแตกแยกในสังคมสักที ประเทศชาติบอบช้ำมามากพอแล้ว" แต่ปรากฏว่านายสุนัยกลับเดินสายปราศรัยสร้างความแตกแยกเสียเอง
นายสุนัยประพฤติผิดข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2553 ในข้อที่ 8, 10, 11, 15 และ 23
ข้าพเจ้าเห็นว่านายสุนัย มีความประพฤติไม่เหมาะสมที่จะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกต่อไป จึงขอร้องเรียนมายังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และหวังว่าทางสำนักงานจะสามารถเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ หากยังปล่อยให้นายสุนัยดำรงตำแหน่งต่อไป ประชาชนอีกเป็นแสนเป็นล้านคน จะต้องได้รับค่านิยมที่ผิดๆจากนายสุนัยอีก ส่งผลเสียให้กับประเทศชาติอย่างมิอาจประมาณค่าได้
ทั้งนี้ข้าพเจ้าได้นำข้อความที่ได้รัองเรียนนี้ ไปเผยแพร่ไว้ในเว็บไซท์ต่างๆด้วย
ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูง
.................
ผมทราบว่าการร้องเรียนแบบนี้อาจจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย อาจจะกลายเป็นแค่อีเมล์ขยะ
แต่หากช่วยกันเผยแพร่ออกไปให้สังคมได้รับรู้ในวงกว้าง ทางผู้รับเรื่องและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะได้ใส่ใจมากขึ้น
นับจากนี้ผมจะเริ่มร้องเรียนนักการเมืองคนอื่นๆต่อไปอีก เช่น พ.ต.อ.อภิวันท์, นายก่อแก้ว
เอาคนที่มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายวีดีโอชัดเจนว่าเคยปราศรัยไว้อย่างไร ถ้าท่านใดมีคำคลิปหรือเอกสารแนะนำ ก็รบกวนด้วยนะครับ
หากท่านใดอยากดูข้อบังคับที่ผมอ้างอิงไว้ในหนังสือร้องเรียน ว่านายสุนัยทำผิดจริยธรรมในข้อต่างๆ สามารถดูได้ที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.parliamen...01021100451.pdf
ขอบคุณมากครับ
...........
*เพิ่มเติมครับ
วันนี้ผมได้รับอีเมล์ตอบกลับจากทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว ได้ผลจริงๆด้วยครับ เร็วดีด้วย
เนื้อหาอีเมล์ตามด้านล่างนี้ครับ
เรื่องร้องเรียน 02832/2555
Inbox
tanaphon@ombudsman.go.th
เรียน นายธันวา ไกรฤกษ์
อ้างถึง คำร้องเรียนของท่านทางอินเตอร์เน็ตเลขที่ : 6463/2555 เมื่อวันที่ : 13/12/2555 เวลา : 15:04
ตามที่ท่านร้องเรียนทางอินเตอร์เน็ตต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน นั้น สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินขอเรียนว่าได้รับคำร้องเรียนของท่านแล้'ภขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการตรวจสอบคำร้องเรียนและพิจารณาสอบสวน ถ้าผลความคืบหน้าเป็นประการใด จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป
เรื่องร้องเรียนของท่านเลขที่ 02832/2555
หากท่านต้องการติดต่อสอบถามข้อมูล สถานะการดำเนินการ หรือส่งจดหมายไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ท่านระบุเลขที่ร้องเรียนนี้ทุกครั้ง เพื่อนความสะดวกรวดเร็วในการสืบค้นข้อมูล
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
สำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
........
จากนี้ก็รอผลการพิจารณาจากทางสำนักผู้ตรวจฯว่าข้อร้องเรียนนั้นมีมากหนักเพียงพอหรือไม่
- ปุถุชน, พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน, Xissoco and 32 others like this
- ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด
- → ดูประวัติผู้ใช้: Likes: pingping
- Privacy Policy
- กฎการใช้งานเว็บบอร์ด ·