Jump to content


Kraken

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 14 กรกฎาคม 2555
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2555 22:44
-----

Posts I've Made

In Topic: มาดูอะไรฮาๆกัน

7 กันยายน พ.ศ. 2555 - 18:10

นี่มันไม่ใช่พูดผิดแล้วนะครับ

นี่คือในสมองเธอไม่มีอะไรเกี่ยวกับการแก้ปัญหาภาคใต้เลย :(

In Topic: ฟอร์บส์จัดอันดับ 'นายกฯปู' ผู้นำน้องใหม่้ผงาดขึ้นติดอันดับที่ 30 สตรี...

23 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 19:35

‘ยิ่งลักษณ์’ติดอันดับ 30 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดของโลก

วันที่ 23 ส.ค. นิตยสารฟอร์บส์ เผยแพร่รายงานการจัดอันดับสตรีทรงอิทธิพลของโลก 100 อันดับประจำปี 2555 โดยให้นายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี รั้งอันดับ 1 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน อันดับ 2 คือ นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ อันดับ 3 คือ ประธานาธิบดีดิลมา รูสเซฟฟ์ ของบราซิล โดยอันดับของนางฮิลลารีและนางรูสเซฟฟ์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้ว

นิตยสารฟอร์บส์ ให้เหตุผลที่ให้นางแมร์เคิลครองอันดับ 1 ว่า เป็นเพราะเธอมีบทบาทสูงสุดในความพยายามแก้วิกฤติการเงินในสหภาพยุโรป (อียู) และแก้วิกฤติหนี้สาธารณะในเขตยูโรโซน จนได้ฉายา “หญิงเหล็ก” ส่วนนางคลินตัน มีผลงานโดดเด่นอย่างมากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ถึงแม้เธอจะพ้นจากตำแหน่งในสิ้นปีนี้ ขณะที่นางรูสเซฟฟ์ แสดงความเป็นผู้นำบราซิล ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 8 ของโลกได้อย่างโดดเด่น และมีคะแนนนิยมภายในประเทศสูงมาก

อันดับ 4 คือนางเมลินดา เกตส์ ประธานร่วมของมูลนิธิการกุศล “บิลล์ แอนด์ เมลินดา เกตส์” ภริยาของนายบิลส์ เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ อันดับ 5 คือนางจิลล์ อับรามสัน บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส อันดับ 6 คือนางโซเนีย คานธี ประธานพรรคคองเกรสแห่งชาติของอินเดีย

อันดับ 7 คือนางมิเชล โอบามา “สตรีหมายเลข1” ภริยาของประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ อันดับ 8 คือนางคริสทีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อันดับ 9 คือนางเจเน็ต นาโปลิตาโน รมว.กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิแห่งสหรัฐฯ อันดับ 10 คือนางเชอรีล แซนด์เบิร์ก ผู้บริหารเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดฮิต “เฟซบุ๊ก” ส่วนนางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ฝ่ายค้านหลักของพม่า อยู่อันดับที่ 19

ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย อยู่อันดับที่ 30 เลื่อนอันดับขึ้นมากจากปีที่แล้ว ที่รั้งอันดับ 59 นายกรัฐมนตรี จูเลีย กิลลาร์ด ของออสเตรเลีย อยู่อันดับที่ 27 เลดี้ กาก้า นักร้องแนวป็อป อยู่อันดับที่ 14 ส่วนสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ประมุขสหราชอาณาจักรอังกฤษ ติดอันดับ 26 การจัดอันดับสตรีผู้ทรงอิทธิพลประจำปีของฟอร์บส์ ครอบคลุมสตรีในทุกวงการ ทั้งแวดวงการการเมือง บันเทิง สื่อมวลชน เทคโนโลยี องค์กรการกุศลที่ไม่แสวงผลกำไร และอื่นๆ โดยวัดจากความร่ำรวย อิทธิพล และการตกเป็นเป้าสนใจของสื่อมวลชน

http://www.khaosod.c...9PQ==&subcatid=

ไม่ได้แปลว่าเธอเป็นคนเก่งคนดี ฉลาด หรือมีความเหมาะสมเป็นผู้นำประเทศอะไรเลยครับ พอจัดอันดับปุ๊ปควายดีใจกันใหญ่ ไม่รู้ว่ารู้สาระจริงๆของมันรึป่าว

เลดี้ กาก้า อยู่อันดับ 14 แล้วเลดี้ กาก้ามีความเหมาะสมเป็นผู้นำประเทศไหนบ้างครับ

ผมไม่ได้เถียงนะครับ ว่านายกไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล เพราะ แกรวย แกตกเป็นเป้าสนใจของสื่อมวลชน แต่ผมไม่เห็นความดี ความสามารถ และความฉลาดของเธอในการบริหารประเทศครับ

แต่ยังไงผมก็เชียร์ให้เธออยู่ครบ 8 ปี นะจ๊ะ :D

In Topic: ปิดฉากวาทกรรมซื้อเสียงของควายโง่ ผลวิจัยฟันธง ซื้อเสียงจูงใจคนได้เพียง 4.5%

23 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 18:39

ปริญญาชี้ปัญหาซื้อสิทธิ์ขายเสียงทำให้ประชาธิปไตยชะงัก



Posted Image

ที่โรงแรมเซ็นทรา วันที่ 17 ส.ค. 55 เมื่อเวลา 09.00 น. งานสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง ข้อเสนอวาระแห่งชาติ : ยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงอย่างยั่งยืน โดยสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ร่วมกับ สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาธรรมศาสตร์

โดยมีนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะหัวหน้าคณะทีมวิจัยฯเป็นผู้นำเสนอผลงานวิจัยฯ ได้นำเสนอผลงานในฐานะหัวหน้าคณะทีมวิจัยเรื่อง "การป้องกันและแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้ง" กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัญหาการซื้อเสียงหรือการให้เงินหรือสิ่งของเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ตัดสินใจเลือกผู้สมัครนั้น ถือเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ประชาธิปไตยไม่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย ซึ่งการซื้อเสียงเลือกตั้งก็ยังปรากฏทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น แต่ปัญหาที่คณะผู้วิจัยได้พบนั้น มีความแตกต่างกัน โดยในระดับชาติ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีความตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น ประชาชนจะเลือกพรรคมากกว่าตัวบุคคล แต่ในระดับท้องถิ่นการซื้อสิทธิ์ขายเสียงถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินผล การเลือกตั้ง ถึงแม้ว่า จะมีมาตรการทางกฎหมายควบคุมไม่ให้เกิดการซื้อเสียง เช่น การตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค การกำหนดให้มีสินบนในการนำจับผู้ที่กระทำการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เป็นต้น แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะว่า ประชาชนไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระบบอุปถัมภ์ยังมีผลอยู่ และขาดมาตรการที่ดีพอในการทำให้ผู้ร้องเรียนรู้สึกปลอดภัยในการยื่นเรื่อง ร้องเรียน

นายปริญญา ยังกล่าวด้วยว่า คณะผู้วิจัยฯ ได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียงแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ การแก้ปัญหาที่ตัวบุคคล คือ การสร้างความเข้มแข็งของชุมชน โดยส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของชุมชนว่า การซื้อเสียงถือเป็นความผิด ในส่วนของนักการเมืองหรือผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ควรจะมีกระบวนการ "ตกลงกัน" ของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งความจริงก็มีการดำเนินการอยู่แล้ว แต่ควรจะทำให้เกิดการคิดวิเคราะห์ในส่วนของผู้สมัครมากขึ้น จะทำให้ผู้สมัครหันมาสู้กันตามกฎกติกามากขึ้น ส่วนมาตรการทางกฎหมายที่ต้องแก้ไขนั้น เห็นควรว่าการเลือกตั้งระดับชาติควรให้ศาลฎีกา (แผนกคดีเลือกตั้ง) เป็นผู้ตัดสินแต่เพียงอย่างเดียว โดยให้ กกต. เป็นผู้ส่งคำร้อง โดยขอให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีส่วนของ วิธีพิจารณาคดีเลือกตั้ง เป็นการเฉพาะ ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นก็ให้ศาลอุทธรณ์ในแต่ภาคทำหน้าที่ เพื่อลดภาระของศาลฎีกาในส่วนกลาง ต่อมา มาตรการในการยุบพรรคการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 237 นั้น ไม่ได้ผล ควรเปลี่ยนเป็นการลงโทษเป็นรายบุคคลแทน โดยเพิ่มโทษให้รุนแรงขึ้น และการสืบสวนสอบสวนการกระทำการทุจริตในการซื้อสิทธิ์ขายเสียงนั้น ประสบปัญหาผู้รับเงินไม่กล้าร้องเรียน และปัญหาพยานกลับคำให้การ จึงควรที่จะมีระบบการคุ้มครองผู้ร้องและพยานให้มากขึ้น


http://breakingnews....p?newsid=645960

ขอร้องเถอะครับ อย่าเพิ่ง "ปิดฉากวาทกรรมเลย"
มันเหมือนเจ้าของกระทู้มีความเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าการซื้อเสียงเป็นเรื่องปกติ

และผมขอเสนอความเห็นอย่างหนึ่ง ไม่ทราบว่า จขกท.จะเห็นด้วยหรือไม่
ผมเชื่อจริงๆครับว่า มันไม่มีใครหรอกที่อยากจะตอบว่า "รับเงินซื้อเสียงมา และก็เลือกคนที่ให้เงิน" เพราะมันทำให้คนตอบดูโง่ ให้เค้าจูงจมูก และเป็นผู้ร้ายเกินไป (ถึงแม้ในแบบสอบถามจะไม่ต้องระบุชื่อก็ตาม แต่กลไกป้องกันตนเองมันทำงาน) 4.59 เปอร์เซ็นต์ที่ตอบมาคงเป็นพวกที่เถรตรงจริงๆ หรืออาจเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าต้องทำอย่างนั้น

In Topic: ขอบคุณศาล ที่ช่วยเพื่อไทย เอาเจ๋ง ไปพักผ่อน ที่ ฮ่องกง แล้วสมาชิกเด็กปากดี เอ...

22 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 18:58

ส่วนแกนนำคนอื่นรอดหมด

ขอบคุณพรรคแมงสาป และกองเชียร์จริงๆ ที่ช่วยเพื่อไทย เอาแกนนำที่เครดิตไม่ดีออกไป และสาวกแดง หลายคนก็ไม่ชอบเจ๋ง ไม่เชื่อไปดูตามบอร์ดได้ เช่นบ้านราษ ประชาทอค

จำได้ว่า วันที่เจ๋ง โดนศาลสักถามเรื่อง เบอร์โทร ลูกเสนาะมหาดไทย ก็ปลดออกจากรองเลขา มหาดไทยทันที ่ทั้งที่ยังไม่ถอนประกัน

แล้วถ้าเจ๋งโดนกรณีนี้ว่าผิด แล้วเด็กปากดี ตั้งกระทู้โพสเบอร์โทร แกนนำแดง แล้วผู้ดูแลปล่อยให้โพสตามสบาย หลังจากเจ๋ง บอกเบอร์โทรสานรธน ด้วยความคิดว่าไม่ผิดหรือ

แต่วันนี้ผิด แล้วเด็กปากดี และผู้ดูแลเวปไม่ผิดบ้างหรือ
:lol:


ซื้อหวยไม่แม่นแบบนี้บ้างว้าาาา... :D

In Topic: รัฐบาลยิ่งลักษณ์เขามีนโยบายแจก Tablet นานแล้ว แต่วิศวกร+อาจารย์เงินเดือน 1500...

20 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 06:16



โจโฉ ผมว่าเดี๋ยวนี้คุณเปลี่ยนไปมากนะ คุณหยาบคาย ถ่อย สถุนขึ้น จากเมื่อก่อนที่คุณเป็นคนสุภาพ
เพื่อนเตือนเพื่อนนะ


ผมเคยบอกการเปลี่ยนจุดยืนของผมที่มีต่อคุณ ใน "กรณีที่คุณแอบอ้างเป็นอาจารย์วุฒิพงษ์"

แล้วนะครับ เมื่อก่อนผมสุภาพกับคุณเพราะถึงคุณจะโกหกเช่นไรก็ไม่ได้ทำเรื่องชั่วร้ายมากนัก

แต่การเอาความเป็นครูบาอาจารย์มาล้อเล่นให้ผู้คนที่เขาไม่รู้ด่าทอ

พอความจริงเปิดเผยกลับไม่มีคำขอโทษ "ในกรณีนี้" ผมรับไม่ได้

ผมเปลี่ยนจุดยืนที่มีต่อคุณตั้งแต่กรณีนี้แล้วครับ


ผมไม่ใช้ไอ้อาจงอาจารย์วุฒิพงษ์อะไรนั่น ผมไม่รู้จักด้วยซ้ำ ผมยังงงอยู่เลยที่อยู่ๆพวกคุณมาหาว่าผมเป็นอาจารย์วุฒิพงษ์
ผมไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดนะ บอกได้คำเดียวว่าMODบอร์ดนี้ไม่เอ็นดูผม ผมขอพูดแค่นี้


กำลังจะสร้างตำนานบทใหม่ใช่ไหมครับ :lol: