Jagger

http://pantip.com/topic/30287588

ต่างชาติปลื้มผลงานนายกไทย มันเป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งแผ่นดิน หรือคุณว่าไม่จริง? 

นายกฯนิวซีแลนด์ทักทายนายกฯยิ่งลักษณ์ตามประเพณีเมารีด้วยการชนจมูกหรือ Hongi

"นิด้าโพล" เผยประชาชนส่วนใหญ่ 51.56 % หนุนรัฐกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ทำระบบโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาประเทศให้ดีขึ้น แต่ฟันธงน่าจะมีการทุจริตเกิดขึ้น เพราะงบค่อนข้างมาก ส่อเอื้อผลประโยชน์แอบแฝง...   

เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2556 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง "รัฐบาล กับการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท" เพื่อการปรับโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค ระบบคมนาคมการขนส่งทั่วประเทศ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18-19 มี.ค. จากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,249 หน่วยตัวอย่าง ค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานไม่เกินร้อยละ 1.4 โดยพบว่า ประชาชน ร้อยละ 51.56 เห็นด้วย กับการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค ระบบคมนาคมการขนส่งทั่วประเทศ เพราะจะได้เป็นการพัฒนาประเทศชาติ และต้องการเห็นระบบการคมนาคมขนส่งที่ดีขึ้นในประเทศ  รองลงมา ร้อยละ 35.07 ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นวงเงินจำนวนค่อนข้างมาก ควรนำไปพัฒนาเรื่องอื่น ทำให้หนี้สาธารณะต่อคนเพิ่มมากขึ้น และอาจจะเป็นช่องทางของการเกิดคอรัปชัน และร้อยละ 13.37 ยังไม่แน่ใจ

เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิด การทุจริต ในโครงการกู้เงิน 2.2 ล้านล้าน บาท หรือไม่ พบว่า ประชาชน ร้อยละ 74.78 ระบุว่า  มีความเป็นไปได้ เพราะเป็นงบประมาณจำนวนค่อนข้างมาก มีเป็นปกติอยู่แล้ว และน่าจะมีการเอื้อประโยชน์แอบแฝงอยู่ รองลงมา ร้อยละ 6.41 ระบุว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเชื่อว่า รัฐบาลน่าจะมีมาตรการที่รัดกุมในการบริหารโครงการ และมีการเคร่งครัดในการตรวจสอบเป็นอย่างดี  และร้อยละ 18.82 ยังไม่แน่ใจ

ด้าน รศ.ดร.อดิศร์  อิศรางกูร ณ อยุธยา อาจารย์ประจำคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า ผลการสำรวจค่อนข้างจะเป็นไปตามความคาดหมาย ที่่มีจำนวนประชาชนที่่เห็นด้วยมากพอสมควร เพราะต้องการเห็นประเทศใช้เงินเพื่อการลงทุนในโครงการที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ทางเศรษฐกิจ มากกว่าการใช้จ่ายเงินเพื่อกระตุ้นการบริโภคอย่างที่รัฐบาลชุดนี้ทำมาโดย ตลอด แต่ในขณะเดียวกันก็มีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นห่วงเรื่องหนี้สาธารณะ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่สำคัญอย่างหนึ่งของรัฐบาลชุดนี้ และปัญหาหนี้สาธารณะนี้เองกำลังทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งจะเป็นปัญหาสำคัญสำหรับประเทศไทยในอนาคต และสำหรับรัฐบาลชุดต่อไปที่ต้องเข้ามาแก้ไขด้วย

ในส่วนของเรื่องการ ทุจริตนั้น ผลการสำรวจสะท้อนมาอย่างชัดเจนว่า ประชาชนไม่มีความเชื่อใจในการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ โดยมีประชาชนที่คิดว่าจะมีการทุจริตสูงถึงร้อยละ 74.78  ประเด็นเรื่องการทุจริตนี้น่าจะส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลได้ว่า ผลการดำเนินงานของรัฐบาลที่ผ่านมาได้สร้างความเคลือบแคลงใจให้ประชาชนมากพอ สมควร.

http://www.thairath....tent/eco/333926

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่วยเข็นรถเข็นให้นายกฤษณะ ไชยรัตน์ สื่อมวลชนผู้พิการ ระหว่างเดินเท้าจากตึกไทยคู่ฟ้าไปยังตึกบัญชาการ เพื่อเป็นประธานการประชุมจัดทำแผนสนับสนุนการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้คนพิการและทุกคนในสังคมเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 20 มีนาคม

 

http://www.matichon....wsid=1363765627

คนพิการจะไม่ถูกละเลยหรือทอดทิ้งในรัฐบาลนี้ 

          ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “รัฐบาลไทยกับการนั่งโต๊ะเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น(BRN)” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14 – 15 มีนาคม 2556

          จากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,669 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา ทุกอาชีพ เกี่ยวกับความคิดเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลไทยเดินทางไปนั่งโต๊ะเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น(BRN) ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ณ ประเทศมาเลเซีย เพื่อพูดถึงแนวทางของรัฐบาลไทยที่ต้องการใช้สันติวิธี และการพูดคุยยุติปัญหาขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้

          ผลสำรวจพบว่า ประชาชน ร้อยละ 64.89 เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลไทยไปนั่งโต๊ะเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น(BRN) วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ณ ประเทศมาเลเซีย เพราะจะนำมาซึ่งความสงบสุขและยุติความรุนแรง สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยหรือใช้กำลัง ขณะที่ร้อยละ 23.91 ระบุไม่เห็นด้วย เพราะไม่ควรเจรจากับผู้ที่ก่อความไม่สงบ และเป็นการให้ความสำคัญมากเกินไป ไม่มีประโยชน์ และไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่แท้จริง และคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเกมทางการเมือง

          ทั้งนี้ เมื่อจำแนกตามพื้นที่ พบว่า ประชาชนนอกเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร้อยละ 67.69 ระบุว่าเห็นด้วย และร้อยละ 23.09 ไม่เห็นด้วย ส่วนประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร้อยละ 56.00 ระบุเห็นด้วย และร้อยละ 26.50 ไม่เห็นด้วย

          เมื่อถามว่าการนั่งโต๊ะเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นในครั้งที่ผ่านมาส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างไร พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 41.88 ระบุว่าความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่าเดิม รองลงมา ร้อยละ 25.70 ความรุนแรงลดลง ร้อยละ 17.38 ความรุนแรงเพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.04 ระบุว่ายุติความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

          เมื่อจำแนกตามพื้นที่ พบว่า ประชาชนนอกเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร้อยละ 39.64 ระบุว่า ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่าเดิม และร้อยละ 27.11 ระบุว่าความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลง สอดคล้องกับความคิดเห็นของประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร้อยละ 49.00 ที่ระบุว่าความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่าเดิม และร้อยละ 21.25 ระบุว่าความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลง

          ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับผลการสำรวจในครั้งนี้เพิ่มเติมว่า “ จากผลการสำรวจ แสดงให้เห็นว่าประชาชนเห็นด้วยกับการดำเนินงานของรัฐบาลในความพยายามแก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ที่กำลังดำเนินการอยู่ว่าดีกว่าการที่รัฐบาลไม่ทำอะไรเลย อย่างไรก็ตามการที่ประชาชนในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีเปอร์เซ็นต์ในการเห็นด้วยที่ต่ำกว่าประชาชนนอกเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แสดงให้เห็นถึงคนในพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัว ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่รัฐบาลทำไปจะเกิดประโยชน์หรือไม่ โดยหากดูจากความคิดเห็นเกี่ยวกับความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังการเจรจา พบว่า ประชาชนในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกือบครึ่งหนึ่งบอกว่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่ถ้ารวมผู้ที่มีความเห็นว่าความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นทำให้เห็นว่าประชาชนมองว่าสถานการณ์จะไม่ดีขึ้น โดยหากดูจาก

          เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จนถึงวันนี้ พบว่ามีความรุนแรงเกิดขึ้นเกือบทุกวัน นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าประชาชนในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าใจดีว่า กลุ่มบีอาร์เอ็นเป็นเพียงกลุ่มหนึ่งในหลาย ๆ กลุ่มที่ก่อความไม่สงบ ซึ่งรัฐบาลอาจจำเป็นต้องดำเนินการเจรจากับกลุ่มอื่นๆ ต่อไป”

          ที่มา: http://www.thanonline.com