สุขุมพันธ์บอกว่า โล่งอกที่จับได้เบอร์ไม่สวย, เพราะ กลัวคำครหาว่า จนท. กทม. ลำเอียง.
แต่ผมไม่เชื่อหรอกว่า สุขุมพันธ์ ไม่อยากได้เบอร์สวย, เพราะ ถ้าไม่อยากได้เบอร์สวยจริง, ก็ต้องไม่ไปลงทะเบียนร่วมจับฉลากกับเค้าตั้งแต่แรกแล้วสิ.
ถ้าไม่อยากได้เบอร์สวยจริง ก็ต้องรอให้ชุดแรกเค้าลงทะเบียนจับฉลากให้เสร็จก่อน แล้วค่อยไปสมัครต่อท้ายเค้าสิ.
คำพูดไม่สอดคล้องกับการกระทำ ไม่จริงใจเอาซะเลย.
แต่ถ้าใครจะแย้งว่า เขาไม่ได้บอกว่า ไม่อยากได้ นิ, เขาแค่บอกว่าโล่งอก, แต่จริงๆ แล้วใจอยากได้ แต่พูดปลอบใจตัวเอง,
ผมก็จะบอกว่า, เป็นคำพูดที่ไม่จริงใจอยู่ดี, เพราะ ใจอยาก แต่พูดกลบเกลื่อนเพื่อให้ตัวเองดูดี พูดกลบเกลื่อนให้คนเข้าใจไปว่าตนเองไม่ได้หวังจะได้เบอร์สวย.
หาเหตุผลให้ตัวเองดูดีได้ตลอด.
ถึงจะไม่ได้บอกว่าไม่อยาก, แต่ที่บอกว่าโล่งอก และ กลัวคำครหา มันก็ขัดแย้งกับการกระทำอยู่ดี. ถ้ากลัวคำครหาจริง ทำไมถึงไม่สละสิทธิ์ที่จะจับฉลากตั้งแต่ต้นหละ.
แต่ถ้าสมมุติว่า ทั้งอยากด้วย แต่ก็กลัวคำครหาด้วย, ก็แสดงว่า ถึงแม้จะกลัวว่าจะมีคำครหา แต่ก็ยอมเสี่ยงที่จะมีคำครหา ยอมที่จะต้องอยู่ในสภาพอึดอัดใจจากคำครหา มากกว่าที่จะยอมเสียเบอร์สวยๆ ไปง่ายๆ, เนื่องจากทนเสียงเรียกร้องของความอยากไม่ไหว.
ก็แสดงว่า ที่พูดสร้างภาพให้เหมือนว่า ตนเองแคร์กับคำครหามากแค่ไหนนั้น จริงๆ แล้ว ไม่จริงเลย, จริงๆ แล้วเขาแคร์กับเบอร์สวยมากกว่าคำครหา.
เพิ่งจะมาพูดเอาตอนที่พลาดหวังไปแล้ว ว่าแคร์กับคำครหา มันไม่มีน้ำหนักให้น่าเชื่อถือเลย, เพราะ มันไม่มีการกระทำใดๆ ที่แสดงให้เห็นเลยว่า เขาแคร์กับคำครหาจริง.
พูดแล้ว ต้องมีการกระทำให้เห็นด้วยสิ, ไม่ใช่สักแต่พูด.
หรือเขาคิดว่า สิ่งที่อยู่ในใจนั้น จะพูดสร้างภาพยังไงก็ได้ เพราะยังไงมันก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วคิดอะไร?
พูดในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ใครๆ ก็พูดได้.
เหมือนมาพูดเอาตอนที่หวยออกไปแล้วใครๆ ก็ทำได้.
Anon Sricharoenchai
เป็นสมาชิกตั้งแต่ 24 สิงหาคม 2555ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2556 11:26