Jump to content


cmu311

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน 2555
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2557 22:19
-----

#1034681 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

โดย asawinee on 28 มกราคม พ.ศ. 2557 - 19:59

สุดยอดดด... marvelous work!! สยอง

 

1555540_787868741229371_1987288900_n.jpg




#649958 มีกฎหมายใดที่ห้ามเจ๊แดงเป็นนายก หรือ ลงสส.? วานบอก

โดย tifosi on 21 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:28

ถึงเวลาจริงๆ สิงห์กลัวจะเกิดกฎหมู่

เห็นพวก "คนรัก+เลือกประชาธิปัตย์ทนไม่ไหว" ออกมาบลาๆๆๆ

 

แล้วมะริงจะไม่ตอบหน่อยเหรอว่ามีกฎหมายข้อไหนห้ามอภิสิทธิ์เป็นนายก ไม่ใช่ควายหน้าด้านจริงๆคิดกระทู้แบบนี้ไม่ได้นะเนี่ย




#646983 มีใครน้อมนำเอา เศรษฐกิจพอเพียง ไปใช้ในชีวิตประจำวันบ้างครับ

โดย samepong on 19 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:58

อย่างไร

อย่างแม่บ้านของผม เลือกซื้ออาหาร หรือเครื่องดื่ม ที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นแก้ว หรือกระเบื้อง แทนการใช้กล่องโฟม ซึ่งใช้ได้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง
ชา กาแฟ ต้องมีแก้ประจำตัวไปด้วยเสมอ แม้ของต่างๆเหล่านั้น จะมีราคาแพงกว่า บรรจุภัณฑ์ ที่เป็นพลาสติก

การช้อปปิ้งตาม 0 การค้า ใช้ถุงรีฟิว 1 เพื่อลดปริมาณขยะ 2 ลดใช้พลาสติก 3 นำกลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ หากมีความจำเป้นต้องรับถุงก้อแก้บกลับมา จะนำไปเป็นถุงขยะ

เลือกใช้พลังงานทางเลือก ที่มีส่วนต่างการจ่าย เพื่อจะได้นำส่วนต่างนั้นไว้เป็นเงินออม หรือค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ต่อไป
หากวันไหน ต้องเข้าเส้นทางที่รถติด จะจอดรถไว้ตามที่จอก bts หรือ mrt แล้วใช้บริการรถไฟฟ้า เพื่อลดเวลา และค่าน้ำมัน

สอนลูกหลานให้รู้จัก ปิดไฟหลังการใช้ ใช้น้ำอย่างมีคุณค่า แปรงฟันที่อ่างล้างหน้า ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้

ผมเป็นคนชอบถ่ายภาพ จึงมักจะนำมัน ออกมาทำเป็นโปสการ์ด ปฏิทิน หรือการ์ดวันสำคัญต่างๆ เพื่อแจก หรือจำหน่าย รายได้ มอบให้การกุศล
ถือว่าไม่มาก แต่สามารถต่อยอดเงินได้ บางครั้ง ลงทุนอยู่ เกือบพัน แต่ได้มาเกือบหมื่น ดีกว่า เราบริจาคไปพันนึง ยอดก็คือพันเดียว


แล้วคุณๆล่ะ มาแบ่งปันไอเดียกันหน่อยไหม :)


ที่คุณโพสมาเนี่ย เค้าเรียกว่ารณรงค์ลดโลกร้อนครับ ไม่ใช่ อะไรที่หัวกระทู้เลยบอกเลย


#646897 ตอบโจทย์ ได้กลับมาออกอากาศแล้ว ตอนนี้เลย

โดย overtherainbow on 19 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 07:38

 

 

ไทยพีบีเอสเมื่อได้นำเทปเกี่ยวกับวิจารณ์สถาบันมาออกอากาสทั้ง 3ตอน โดยให้โอกาสคนๆเดียวมาออกทั้ง3ตอน ส่วน2ตอนหลังก็มีลูกคู่ที่พูดไปในทางเดียวกัน ไม่ได้ขัดแย้งกันอย่างจังๆ 

คนที่ไม่พอใจก็มีแต่เพียงประชาชนตาดำๆ ซึ่งถึงแม้จะมีจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีอำนาจไปทำอะไรได้ จะไปตัดงบประมาณ หรือตัดโฆษณาก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว และเรื่องทำนองนี้ไม่มีทั้งนักการเมือง และกลุ่มทุนที่จะไปคุกคามสื่อ เหมือนกรณีเหนือเมฆ 

การที่ไทยพีบีเอสนำเทปสัมภาษณ์มาออกอากาสได้ ย่อมถือว่าสื่อมีเสรีภาพที่จะนำเสนอประเด็นสาธารณะที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งเคยอยู่แต่ในโลกออนไลน์ และทีวีเอกชนบางช่องเท่านั้น และผู้มาออกรายการเอ่ยว่ามีคนมาสนใจอ่านถึง 5,000 คน ก็สามารถทำให้สื่อสาธารณะอย่างไทยพีบีเอสต้องให้โอกาสมาพูดออกอากาสถึง 3ครั้งต่อเนื่องกัน

สำหรับการให้ข้อมูลกรณีการผูกขาดธุรกิจพลังงานทั้งระบบของปตท.นั้น เฟสบุ๊คของดิฉันทำเรตติ้งสูงขึ้นโดยตลอด จนอาทิตย์นี้ทำนิวไฮท์ที่มีคนเข้ามาอ่านถึง 997,061คน ไม่ทราบว่าไทยพีบีเอสจะให้โอกาสดิฉันไปออกอากาศสัก 3ตอน โดยให้ดิฉันพูดเดี่ยว1ตอน ส่วนอีก 2ตอนก็ขอเพิ่มลูกคู่อีก 1คนมาพูดร่วมกับดิฉันจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะถือว่าเรื่องการผูกขาดธุรกิจพลังงาน จนสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ซึ่งนอกจากผูกขาดแล้ว ยังครอบงำสื่อ และเป็นรัฐซ้อนรัฐ เป็นประเด็นที่ชั่วโมงนี้ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก แม้จะมีการประชาสัมพันธ์ชวนเชื่อ ให้ข้อมูลด้านเดียวในสื่อกระแสหลักมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม

ไทยพีบีเอสในฐานะเป็นสื่ออิสระของประชาชน ควรเปิดประเด็นพลังงานที่ประชาชนให้ความสนใจให้มากกว่านี้ ควรทำการสืบสวนเป็นข่าวinvesigativeด้วยตัวเองแต่ที่ผ่านมากลับเปิดโอกาสให้ฝั่งธุรกิจพลังงานมาใช้พื้นที่สื่อของไทยพีบีเอสมากกว่าฝ่ายที่ตรวจสอบ ทั้งๆที่ธุรกิจพลังงานมีพื้นที่ประชาสัมพันธ์ในสื่อกระแสหลักอื่นๆกว้างขวางอยู่แล้ว

ไทยพีบีเอสต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นสื่ออิสระ ที่ไม่ตกอยู่ภายใต้ความกลัวต่อกลุ่มทุน และกลุ่มการเมืองจนไม่กล้าตรวจสอบ และวิพากษ์วิจารณ์ธุรกิจผูกขาดด้านพลังงาน และการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่มีการตรวจสอบ

หวังว่าไทยพีบีเอสพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกระทำ



#646874 คม ชัด ลึก เมื่อคืน

โดย wutthipong on 19 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 05:53

ต้องบอกก่อนว่าทนดูได้ไม่จบ หากผิดพลาดขออภัย เพราะเท่าที่ได้ดู
1. ผู้ร่วมรายการ เห็นทางเดียวกัน พูดแต่เรื่องอิสระของสื่อ ไร้สาระ อิสระอย่างนี้ น่าจะเอาต้นตระกูลของพวกนี้มาวิพากษ์ในทางเสียหายออกสื่อบ้างจะรับได้ไหม
2. ทางสถานีหากหาคนเห็นต่างไม่ได้ ก็เอาคุณกนก ที่จะอ่านข่าวต่อจากรายการนี้แหละมาออก เพราะพูดได้ถูกใจในรายการต่อมา
3. หงุดหงิดมาก เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยที่เคยน่าอยู่ของเรา ความเห็นต่อต้านสถาบันอย่าง ส.หงอก ผมก็เคยเป็นสมัยตุลา 14 16 แต่รักษาหายขาดมานานแล้ว ใครก็ได้เอาคนผมหงอกไปรักษาที


#646792 ตอบโจทย์ ได้กลับมาออกอากาศแล้ว ตอนนี้เลย

โดย โจโฉ นายกตลอดกาล on 18 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 23:32

ตั้งแต่ครั้ง 2475 พวกที่ไปเรียนเมืองนอกด้วยทุนหลวง ไปได้แนวคิดบางอย่างมา

ก็ได้ทำการยึดอำนาจพร้อมกระทำการข่มขู่ ถ้าคนใดในคณะเจ็บหรือตาย เหล่าเจ้านายจะได้รับผลแบบเดียวกัน

ชาวบ้านชาวช่องยุคนั้น เห็นว่าพวกนี้เหิมเกริมดีแท้ ไม่กลัวนรกกินกบาล

ชาวบ้านชาวช่องยังคงรักและเทิดทูนสถาบันฯ แต่ไม่เทียบเท่าปัจจุบันนี้

กาลในครั้งนั้นประชาชนยังรักและเทิดทูนสถาบัน ถึงไม่เท่าทุกวันนี้ พวกที่ก่อการก็ยังไม่เหิมเกริม

ถึงขั้นจำกัดพระราชอำนาจ หรือ มีแนวคิดเปลี่ยนการปกครองเป็นสาธารณรัฐ อย่างไอ้พวกคนยุคนี้เลย

แต่ไอ้พวกยุคนี้สำคัญตนผิดคิดว่ามีมวลชนเป็นที่ตั้ง กว่าสมัย 2476 ที่พวกนี้เริ่มจะคิดทำลายสถาบัน

แต่กลับลืมไปว่า มวลชนของตัวเองเพิ่มขึ้น แต่คนที่รักและเทิดทูนสถาบัน และกล้าที่จะเอาชีวิต

ความสุขส่วนตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องสถาบันไว้ กลับทวีมีมากกว่ายุค 2475 ด้วยซ้ำ

และมวลชนของตัวเอง ถ้ายังล้างสมองได้ไม่หมด เขาจะเข้าร่วมไหม เกรงว่ามุขแก้วสามประการจะไม่ครบองค์เปล่าๆ

สำคัญตัวผิด ยังไม่เท่าคนใจเสื่อมทรามที่ให้คนพวกนี้มีที่ยืนในจอแก้วอีก เพื่อปลุกปั่นแนวคิดลงไป

อย่าลืมนะครับ การรับรู้ของคนเราไม่เท่ากัน ในขณะที่เรารังเกียจสมศักดิ์ อาจมีคนอีกกลุ่มคิดว่าสมศักดิ์เป็นคนเปิดแนวทางสว่างก็ได้


#646763 ตอบโจทย์ ได้กลับมาออกอากาศแล้ว ตอนนี้เลย

โดย serialnu on 18 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 22:56

ทำไม เราต้องทำสถาบันกษัตริย์ให้เป็นเหมือนต่างประเทศด้วยครับ    ประเทศเรามีประเพณีเหมือนเค้าหรือไง กษัตริย์ต่างประเทศ ทรงทำงานหนักเพื่อประชาชนกว่า 60 ปีเหมือนเราหรือไง   ทำไมถึงอยากเหมือนประเทศโน้นประเทศนี้ โดยไม่ได้ดูตัวเองเลย         ผมว่าทั้งคู่แค่รอวันตายครับ  อีกไม่นาน แผ่นดินไทยจะสูงขึ้นสักที (ถ้าตายทั้งคู่นะ)




#582603 เสียงจาก "สิงห์สนามหลวง" คุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี กรณีการตัดสินคดีสมยศ

โดย ทรงธรรม on 29 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:47

ผมบอกได้เลย ว่าส่วนตัว ผมชอบ ที่คนเราสามารถ แสดงออกทางความเห็นของตนได้อย่างอิสระ

 

แน่นอนว่า ประเทศเรา ไม่ใช่ คอมมูนิสต์

 

เรามีสิทธิเสรีภาพ มากกว่านั้น

 

แต่คุณ ๆ รู้กันบ้างหรือเปล่า ว่าความเป็นจริง มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

 

ผมยกตัวอย่าง ในกรณีที่ คุณอยู่ในสถานีตำรวจ

 

คุณสามารถตะโกน ด่าตำรวจ ที่ทำงานไม่เป็นธรรม ต่อคุณ แบบเห็น ๆ เลยได้ไหม

 

ไม่ได้ เดี๋ยวโดน คดี หมิ่นประมาท เจ้าพนักงาน

 

 

อีกกรณี ถ้า คุณ ไปออก ทีวี ที่ไหน สักรายการหนึ่ง คุณจะพูดถึง ช่อง ๆ นั้น ในทางที่ไม่ดี ได้ไหม

 

ไม่ได้ เดี๋ยวโดน ตัด ออก ไม่ให้ฉาย

 

 

อีกกรณี ถ้า คุณ เป็น คอลัมนิสต์ แต่อยากวิจารณ์ ความไม่เป็นมืออาชีพ ของหนังสือพิมพ์ คุณเอง ได้ไหม

 

ไม่ได้ เดี๋ยวโดน ตัด ไม่ให้ลงพิมพ์

 

 

อีก กรณี ถ้าคุณ ไป ขึ้นเวที การชุมนุม ของฝ่ายตรงข้าม แล้ว วิจารณ์ ว่า พวกคุณ คิดน่ะผิด ถึงมีเหตุผล ก็

 

ไม่ได้ เดี๋ยว คางเหลือง อยู่บนเวที

 

 

อีก กรณี ถ้าคุณ ไป ทำงาน รับจ้างให้ นายจ้าง งานหนึ่ง คูณ มีสิทธิ วิจารณ์ สินค้าของเขาอย่างตรงไปตรงมา ได้ไหม

 

ไม่ได้ เดี๋ยว ไม่ได้เงิน

 

 

ก็นี่ไง เสรีภาพ ทั้งนั้น เหตุผล ทั้งนั้น ทำไม คนถึงพูดความจริงไม่ได้

 

ยอมรับเถอะ ว่า เราจะมานั่งพูดถึง เรื่องใด เรื่องหนึ่ง

 

แต่กลับมองข้าม กรณี อื่น ๆ

 

เราก็ไม่ได้ ให้ความเป็นธรรม อย่างทั่วถึง จริง




#580503 ทำไมจู่เยอรมันนีจึงถอนทองคำที่ฝากใว้ในสหรัฐ-ฝรั่งเศษกลับเข้าประเทศ

โดย Ricebeanoil on 26 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:23

ใช่ครับ..."ชัยภูมิ" ของประเทศไทย นี่ดีมากๆ

 

แต่ก็นั่นแหล่ะครับ...สิ่งที่ผมจะสื่อ ก็คือเรื่องที่

 

เกี่ยวกับ เรื่องของแรงงาน ผลผลิตการเกษตร

 

ซึ่งคุณภาพของทั้งสองอย่างนี้ "ประเทศไทย"

 

เหนือกว่าคู่แข่ง มาแต่ไหนแต่ไร โดยตลอดอยู่แล้ว

 

จนมาถึง "รัฐบาลอีเม้ย" นี่แหล่ะครับ "ทำให้รวนไปหมด"

 

ต่อไป "ค่าแรง" และ "ราคาผลผลิตทางการเกษตร"

 

ก็คงจะเป็นตัวชี้วัด "ความอยู่รอดของประเทศ" เองแหล่ะครับ...!!! -_-

 

คือเรื่อง "ค่าแรง" กับ "ราคาผลผลิตทางการเกษตร" เรื่องพวกนี้มีทางแก้ครับ

 
เรื่อง "ค่าแรง" คงต้องยอมรับการขึ้นค่าแรงที่เดียว 300 บาทนั้น มันทำให้ทุกอย่างปั่นป่วนไปหมด 
แต่ก็ต้องยอมรับอีกเหมือนกันว่า "ค่าแรง" คนไทยสมควรจะสูงกว่าเดิม 
เพราะส่วนใหญ่หลังจากประเทศเราได้เปิดประเทศมากขึ้น คนได้รับการฝึกหัดจากระบบบริษัทของญี่ปุ่นมากขึ้น
ทำให้แรงงานเรามีประสบการณ์และมีฝีมือมากขึ้น 
ตอนนี้ประเทศไทยสมควรปลีกตัวออกจากอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นแล้ว 
แรงงานในประเทศไทยตอนนี้สมควรได้รับการยกระดับให้ทำงานใช้เครื่องจักรได้ 
เพราะตอนนั้นขั้นตอนของประเทศไทยคือ การผลิตให้ได้ผลผลิตที่มากขึ้นโดยใช้แรงงานไม่มาก 
ดังนั้นทักษะต่างๆ ของแรงงานต้องได้รับการพัฒนาไปในแนวทางนี้ 
แต่เป็น "รัฐบาลนี้" อีกเช่นกันที่ขึ้นค่าแรงโดยไม่ได้ปรับปรุงแรงงานไปในทิศทางที่ควรจะเป็นก่อน
ทำให้สิ่งที่ตามมาคือ การย้ายฐานของอุตสาหกรรมบางส่วน เพราะไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนได้ 
อุตสาหกรรมที่ย้ายฐาน ในความคิดผมมี 2 ประเภทใหญ่คือ 
1. อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น อันนี้ไม่รู้สึกเสียดาย เพราะเราไม่ได้เดินในแนวทางนี้แล้ว
2. อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานที่มีฝีมือ อันนี้เสียดายมาก เพราะทักษะแรงงานเรายังไม่ถึง การไปเพิ่มค่าแรงแบบนั้นย่อมเป็นการกดดันให้ผู้ประกอบการหันไปหาแรงงานที่มีฝีมือในค่าแรงที่เหมาะสม
ประเด็นตอนนี้ที่ต้องทำของรัฐบาล คือ การพัฒนาฝีมือแรงงานให้สามารถทำงานกับเครื่องจักรได้
 
เรื่อง "ราคาผลผลิตทางการเกษตร" เรื่องนี้ต้องยอมรับก่อนว่า "ผลผลิตทางการเกษตร" บางส่วนของบ้านเรา มันเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ 
ซึ่งราคาเหล่านี้ขึ้นอยู่กับตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าและการเก็งกำไรของตลาด
วิธีที่จะช่วยเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ "การประกันราคา" เรื่องสินค้าเกษตรสำหรับประเทศเราส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของความมั่นคง
แนวคิดเรื่องการประกันราคานี้พิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลในยุโรป เหตุผลก็เป็นแบบเดียวกันคือเรื่องความมั่นคง
ในยุโรป ใช้เรื่องการประกันราคากับน้ำตาล เนื่องจากยุโรปเป็นภูมิภาคที่บริโภคน้ำตาลเป็นอย่างมาก และความหวานก็เป็นสารเสพติดอย่างหนึ่ง
เกริ่นก่อน น้ำตาลในโลกนี้ ผลิตมาจากพืช 2 ชนิดหลักๆ คือ อ้อย และหัวบีทรูท 
อ้อยปลูกได้ในเขตร้อน หัวบีทรูทปลูกได้ในเขตหนาว แต่เมื่อพิจารณาถึงต้นทุนการทำน้ำตาลแล้ว อ้อยชนะขาด ชนิดที่ว่าหัวบีทรูทไม่ได้เกิดเลยที่เดียว
แต่ที่ EU ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าน้ำตาลเป็นปัจจัยแห่งความมั่นคงอย่างหนึ่ง 
จึงได้ออกแนวคิด "เรื่องประกันราคา" นี้ออกมา เพื่อให้คงการผลิตน้ำตาลเอาไว้ในภูมิภาคยุโรป เพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการที่ไม่คาดฝัน 
ดังนั้นเกษตรชาวไร่บีทรูทในยุโรปจึงยังคงอยู่ และยุโรปก็ยังคงความมั่นคงทางด้านน้ำตาลส่วนหนึ่งเอาไว้ 
แต่ก็เป็น "รัฐบาลนี้" อีกแล้ว ที่ดันเอาวิธีการรับจำนำมาใช้แทนวิธีประกันราคา เรื่องทุจริตคงไม่ต้องพูดถึง เพราะพูดกันมามากแล้ว
และอีกวิธีที่ผมอยากให้ทุกรัฐบาลผลักดัน คือ  "เกษตรอินทรีย์" ส่วนตรงนี้เป็นอีกตลาดที่มีค่าพรีเมี่ยมมาก หากว่าเราสามารถเจาะตลาดเข้าไปได้จริง
การใช้เกษตรอินทรีย์นั้น จากที่เคยอ่านในนิตยสารเกี่ยวเกษตรอินทรีย์บอกว่า ต้นทุนการผลิตลดลงประมาณ 85% จากวิธีปกติ 
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ผมว่าถ้าเราทำเกษตรอินทรีย์จริงๆ โดยไม่ต้องมาตราอื่นๆ ช่วยก็สามารถอยู่ได้ เพราะต้นทุนต่ำมาก 
ต่อให้ราคาตกต่ำแค่ไหน ก็สามารถอยู่ได้ เพราะเป็นคนสุดท้ายที่อยู่รอดนั้นเอง
 



#580158 ทำไมจู่เยอรมันนีจึงถอนทองคำที่ฝากใว้ในสหรัฐ-ฝรั่งเศษกลับเข้าประเทศ

โดย Ricebeanoil on 26 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:09

ขนาด EU ที่ว่า "เศรษฐกิจแน่ๆ" ยังทำท่าว่าจะ "ไปไม่รอด"

 

แล้วอย่างนี้ AEC ที่ดันทุรังจะให้มีในปี 2558 จะเกิดอะไรขึ้น

 

อีกอย่างนะครับ มีใครพอจะบอกได้ไหมว่าจะมี "ประโยชน์"

 

อะไรกับ "ประเทศไทย" มั่งครับ...!!! -_- -_-

 

EU ที่มีปัญหา เพราะประเทศที่เข้าใหม่แถวยุโรปใต้ เศรษฐกิจไม่แข็งแรงพอครับ 

เมื่อเข้ากลุ่ม EU แล้ว ทาง EU จะมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ นัยว่าให้เศรษฐกิจประเทศยุโรปใต้พัฒนาทัดเทียมกับสมาชิกดั้งเดิม

แต่ปัญหาคือ ประเทศยุโรปใต้ส่วนใหญ่เอาเงินไปทำโครงการประชานิยมซะงั้น ฝีมันก็เลยบานทะโรมาตอนนี้ไงละครับ

 

ส่วน AEC ดีหรือไม่ ตอบเลยว่าดีครับ แต่ประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมตัวเองด้วย

ตามทำเลแล้วไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในส่วนที่เป็นแผ่นดิน

เกริ่นก่อนนะครับ อาเซียนแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ ส่วนแผ่นดิน และส่วนทะเล

ส่วนแผ่นดิน ประกอบด้วย ไทย พม่า ลาว เขมร เวียดนาม

ส่วนทะเล ประกอบด้วย มาเลเซีย สิงค์โปร์ อินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 

การทำ AEC คืออะไร ตอบง่ายๆ คือ การลดกำแพงภาษี, ข้อจำกัดต่างๆ ด้านการลงทุนและการจ้างงาน 

ดังนั้นผลของการเปิด AEC คือ สินค้าไทยเข้าไปตามตลาดต่างๆ ได้มากขึ้น นักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศได้ง่าย แรงงานต้นทุนต่ำจะเคลื่อนย้ายเข้าสู่แหล่งงานได้ง่ายขึ้น 

แต่ตอนนี้ประเทศไทย การเตรียมของภาครัฐยังไม่ชัดเจนแม้จะเหลือเวลาเพียงแค่ 2 ปีแล้ว 

การเป็นศูนย์กลางโดยทำเลนั้น ผลประโยชน์จะได้เต็มเม็ดเต็มหน่อยเมื่อคุณเตรียมการ Logistic ให้ดี 

ตอนนี้รัฐบาลยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนเรื่อง Logistic เสียดายโครงการของรัฐบาลที่แล้วเรื่องรถไฟรางคู่ทั่วประเทศ 

ถ้าทำได้จริง ตัวนั้นละคือสิ่งที่ลด cost อย่างมีนัยสำคัญของ Logistic ในประเทศนี้

ส่วนเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงาน จะมีผลตามมามากมาย ต่อไปฝ่ายความมั่นคงต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดในการป้องกันประเทศซะใหม่

เพราะสงครามในรูปแบบจะมีโอกาสเกิดได้น้อยลง แต่สงครามในรูปแบบอสมมาตรจะมีมากขึ้น จากการเคลื่อนย้ายของแรงงาน

ทั้งการก่อการร้าย ปัญหายาเสพติด สินค้าหนีภาษี การค้ามนุษย์ นี่เป็นรูปแบบใหม่ที่ฝ่ายความมั่นคงต้องตระหนักและเตรียมการรับมือในอีก 2 ปีข้างหน้า 




#573602 ศาลสั่งคดี"ลุงบุญมี"เชื่อว่านอกจากเจ้าหน้าที่ทหารที่ใช้กระสุนปืนขนาด...

โดย RaRa on 19 มกราคม พ.ศ. 2556 - 00:37

ตรรกะคุณสิงห์ กับ พวกเสื้อแดง นี่ชักจะเลอะเทอะใหญ่กันแล้วนะครับ

 

มาถามหาภาพชายชุดดำถืออาวุธ ทีแรกบอกไม่มี พอเอามาให้ดู บอกว่า "ลุงบุญมี โดนยิงวันไหน???"

 

โธ่ๆๆๆๆ......จะวันไหน สำหรับไอ้สัตว์นรกพวกนั้นมันก็มีอาวุธมาตั้งแต่ต้นแล้วครับ คุณสิงห์..!!!

 

แล้วไอ้ที่มาบอกว่า "ทำไมนักข่าวไม่เก็บภาพได้ทุกช๊อต ของชายชุดดำถืออาวุธปืน วิ่งผ่านมาหล่ะ"......??? ( นี่เหตุการณ์ ถนนพระราม 4 / บ่อนไก่ )

 

แต่ พอเป็นเหตุการณ์ ที่อื่น เช่น ถนนราชปรารภ หรือ ถนนพระราม1 มีคนถามว่า "ทำไมนักข่าวถึงเก็บภาพคนที่ยิง ผู้ชุมนุมเสื้อแดงไม่ได้หล่ะครับ...??"

 

พวกเสื้อแดง ก็พร้อมใจกันตอบว่า......."นักข่าวกลัวตาย..!!!"

 

แล้วก็เลยเป็นที่มาของ คำว่า "นักข่าวที่ ถนนพระราม 4 ไม่กลัวตายหรือครับ ???"

 

หรือว่ากลัวตายแค่บางถนนเท่านั้นครับ !!! -_- -_-
 

 

 

ป.ล. คุณสิงห์ เอาเรื่องนี้ไปตั้งกระทู้ใหม่รอเลยก็ได้นะครับ <_<




#555115 ส่งท้ายปีเก่ากับคุณไมเคิลยอน "บางห้วงความคิดถึงราชอาณาจักรไทย"

โดย RaRa on 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 16:44

attachicon.gifมาร์คฆาตกร-Michael yon.jpg

 

นี่แหล่ะครับ.............คือสิ่งที่ผมทำอยู่ และ กำลังทำ ใน บอร์ด สรท.

 

เกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของ "เจ้าหน้าที่ทหาร" ที่ถูกปรักปรำว่าเป็น ฆาตรกร..!!!

 

ผมมีความรู้สึกว่า "ทำไมผู้เสียสละ ถึงต้องกลายมาเป็นแพะรับบาป???"...

 

ซึ่งความคิดนี้ นำมาซึ่ง งานที่ต้องตามหาหลักฐานความจริง มาหักล้างกับ

 

เหตุผลป่วยๆ ของพวกเสื้อแดง ที่มักจะโยนความผิดให้พี่น้องทหารกล้าครับ...!!!

 

 

"I do my best..!!"




#554319 ส่งท้ายปีเก่ากับคุณไมเคิลยอน "บางห้วงความคิดถึงราชอาณาจักรไทย"

โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 13:53

Ironically, Mr. Abhisit was criticized for showing too much restraint.  His personal courage was widely demonstrated in his openness to the public.  The day that I accompanied Mr. Abhisit, he allowed normal citizens to walk up to him.  I asked his staff if this was normal.  They said yes, and that it worried them.  Mr. Abhisit is physically and morally courageous.

 

I have no evidence of RTA atrocities.

The Royal Thai Army conducted itself with honor during the Red Shirt protests.  Thai people should be proud to field such an Army.

 

 

The larger dispute between Red Shirts, Yellow Shirts, and Multicolor Shirts is complex, and it includes big players.

Mr. Thaksin the Billionaire is the major player, and I suspect that someone close to him is behind the accusations that Mr. Abhisit is a murderer.

 

I have no proof of this suspicion, just as there is no proof that a man’s hand is actually in the glove at the end of his arm.

Mr. Thaksin is more powerful than I am.   He could order me killed with a gesture.  Would he do it?  Maybe.  But at least he is not a torturing Mexican drug dealer.  It would be a simple bullet.

 

Would Mr. Abhisit have me killed?  Never.

 

And so I am defending someone who is now powerless, facing murder charges, and even if Mr. Abhisit were still in charge of the Thai government, he would not have me killed.  He would ignore me.

 

 

I have nothing to gain from defending Mr. Abhisit.  He has no power.  He may wrongfully go to prison for murder.

There is nothing for me to gain but pain, and the peace of conscience that I did not passively watch an innocent man go to prison, while the RTA is accused of atrocity, when I know that silence is wrong, and speaking truth is right.

(บอกตรงๆ อ่านถึงตรงนี้ น้ำตาจะไหล...)

 

I have been warned that the current Thai government will punish me for writing these dangerous words.

Mr. Thaksin’s sister is the current Prime Minister.  The elementary school that she attended is just down the road from my home.  My friends went to school with her.  This is her country.  Red Shirts love her.

Mr. Thaksin’s government has not lifted a finger against me.  They have been honorable despite my words.  This is Thailand, not Iran.

 

Thailand can be dangerous, but mostly it is dangerous for those who bring their demons with them, or for those who do not know how to behave as guests.

 

 

Life is short.   We should stand up for what is right.  Mr. Abhisit and the RTA did not commit murder.

 

The Kingdom of Thailand is a great and free country.  Thai people, including those who hate Mr. Abhisit, should not allow perversions of their judicial system.  This is wrong for such a great country as Thailand.

Charges against Mr. Abhisit should be dropped.

 

 

Long Live the King.

 

 

http://www.michaelyo...land/page-5.htm




#554314 ส่งท้ายปีเก่ากับคุณไมเคิลยอน "บางห้วงความคิดถึงราชอาณาจักรไทย"

โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 13:46

I did not even write a dispatch about this trip.  Few people knew that I took it.  This upset some of my friends who thought that I should have written something, but Mr. Abhisit’s staff never said a foul word for the great access they afforded that day and on others, and they never criticized me for failing to write about my interview with the Prime Minister.

 

I did the same with US Secretary of Defense Robert Gates on a couple of trips, many American and British generals, and other officials at the highest levels of the government of the United States.

 

Down in the dirt, I went on countless combat missions in Iraq and Afghanistan with units that I never mentioned.  No slight was meant.

I thank everyone who entertained me at their expense for the education that has helped inform my views.  I cannot write the truth if I do not smell it.

 

It upsets some folks that I enjoy access and I do not exploit it and write a major dispatch every time that I have a coffee with a General, but for me it is often background.  I intend no arrogance with that statement.  In my line of work, I talk to many people.

And so, regarding the fighting in 2010, this circles back to criticism from detractors who claim that they belong to the Foreign Correspondents’ Club of Thailand.

 

I contacted the Club for clarification after this criticism but I was not graced with a response.

 

I was invited to the Club.  I was very busy, and regretted that I could not attend.  Then the criticism began.

No slight or insult was intended.  But any member of the Club who did not write about the children in the Red Shirt camp, or the firebombs, does not have a professional stature. Cherry-picking facts is dishonest.  Ignoring that children were brought to the camp is complicity.

 

As for Mr. Abhisit, I have no interest in defending a murderer.  I do not believe that Mr. Abhisit is a murderer.  Based on my observations, my estimate of Mr. Abhisit is that he is a man of rules.

 

If I thought that there was truth to the allegations of murder, I would remain silent, unless I had evidence, in which case I would speak and lay out any evidence in my possession.

 

 

*Journalists who ignored Red Shirt looting should be ashamed. Most Red Shirts were not looters and were embarrassed by it. But it happened. It should not be deliberately forgotten.

img027-1000.jpg




#554311 ส่งท้ายปีเก่ากับคุณไมเคิลยอน "บางห้วงความคิดถึงราชอาณาจักรไทย"

โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 13:42

Bangkok was hot and humid. Bad time to be in body armor. The RTA was honorable and polite.

img023-1000.jpg

 

 

Hundreds of second-rank journalists were there—great journalists but with no gold medal—and they had every interest in snapping that award-winning photograph.

 

Both sides were shooting.  Red Shirts and Men in Black among them were videotaped firing automatic weapons.

I photographed Men in Black using firebombs.

 

The Men in Black were serious.  The Men in Black were not angry college boys.  They were commandos.  Confident.  Ready.  Not to be trifled with.

 

It is my suspicion that that the Men in Black were RTA veterans or veterans of other government agencies.  They were too good to be home-grown amateurs.  Some people claim that MiB they were former Border Patrol personnel who were personally loyal to their commander. I do not know.

 

One General switched sides and went to the Red Shirt camp.  I wanted to talk with him but before that chance came, he was shot in the head and killed by a sniper.  I asked Prime Minister Abhisit if he knew who did this.  He said no.

 

No journalists were afraid of the RTA. Soldiers were not committing atrocities. The RTA had nothing to hide. The Soldiers seemed to think that journalists were insane for walking around the battlefield like it was a park.

 

Some journalists were afraid of the Red Shirts, but not afraid of government personnel under Abhisit, because they knew that while Red Shirts might kill them, Abhisit would not.

 

The RTA would not shoot me, but I wondered about the Red Shirts.  The Men in Black surely would kill anyone that they perceived as a threat.  They were not as disciplined or as discriminating as the RTA.

 

 

Journalists captured video of rioters using grenade launchers.

In one fight, someone put a laser on a RTA officer and someone else used it to kill him.

I saw Red Shirts with lasers.   I told journalists that if you see a laser illuminate you or the Soldiers around you, to run, as a 40mm grenade might be inbound.

 

A 40mm grenade will take perhaps five seconds to get to you (depending on how quickly the shooter can aim, and the range), and the kill radius of a 40mm grenade is small.  A few seconds of running can save you.  I carried an M79 Grenade Launcher when I was in the Army and I know it well.

 

 

Most eyewitnesses to the incident say that the Men in Black did the killing.  Best friends make worst enemies.  They must be veterans.  That is my suspicion.  They were too good with their techniques and tactics to be untrained young men.

 

 

I did not see the Thai Army with grenade launchers.  Grenades came from the Red Shirts.  They fired them on civilians and the RTA.  This is a fact.

 

But to speak this fact aloud is sacrilegious.  It is a professional affront to hundreds of journalists who did not get the award-winning imagery of the RTA committing atrocities.

 

How can journalists, who accuse Mr. Abhisit and the RTA of murder, reconcile that hundreds of camera-toting journalists, and thousands of civilians, were completely free in the battle zone, yet nobody witnessed RTA atrocities?

 

World-class photographers were combing the field and nobody caught the fish.  Why?  Because it did not happen.

 

 

Prime Minister Abhisit lost reelection, so he is now the leader of the opposition in Parliament.  Recently he was charged with murder.

This is wrong.

 

I said and wrote that this is wrong.   Today, critics accuse me of being buddies with Mr. Abhisit.

 

Photos of former Prime Minister Abhisit and me talking on an airplane from Bangkok to Hat Yai have appeared on the Internet.  That was the only day that I communicated with Mr. Abhisit.

 

We do not email each other.  I do not know his email address.  I have never been to his home.  We have never shared a coffee together.  We never talk on the phone.  We do not communicate directly or indirectly.  Mr. Abhisit and I are not friends.  I would be honored to know him, but the fact is that we are not buddies.