ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปู่พิชัยออกมาตำหนิอภิสิทธ์
http://www.siamintel...t-internal-war/
อดีตหัวหน้าพรรค ‘พิชัย รัตตกุล’
ถ้ามองว่าการใหัสัมภาษณ์ของนายพิเชษฐนั้น “แรง” แล้ว การออกมาให้สัมภาษณ์ของนายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคคนที่ 5 ของพรรคประชาธิปัตย์ ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 1 สิงหาคม 2554 (สัมภาษณ์พิเศษ “พิชัย รัตตกุล” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) อาจจะ “แรง” กว่า และมีน้ำหนักมากกว่ากันมาก เพราะนี่คืออดีตหัวหน้าพรรค มาวิจารณ์การทำงานของพรรคในปัจจุบันด้วยตัวเอง
นายพิชัยเปิดฉากบทสัมภาษณ์โดยการวิจารณ์แนวทางบริหารของนายอภิสิทธิ์ว่า “ใช้คนไม่เป็น” อย่างตรงไปตรงมา
เอาเฉพาะระยะๆหลัง ช่วงที่ประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล ครั้งคุณอภิสิทธิ์ ช่วง 2 ปีกว่ามานี้ ที่เป็นไม่ได้ และบริหารงานไม่ถูกใจประชาชน 100 % ทั้งๆที่คุณอภิสิทธิ์ เป็นคนดี เป็นคนมีความซื่อสัตย์ มีความสามารถ แต่ไม่สามารถที่จะสร้างพรรคให้เป็นสถาบันได้ เพราะมีปัญหามากในการบริหารบ้านเมืองมา 2 ปีกว่า ด้วยเหตุผลนิดเดียวคือ
คุณอภิสิทธิ์ใช้คนไม่เป็น เจอคุณอภิสิทธิ์ที่ไรผมพูดคำนี้เรื่อย ที่บอกว่าใช้คนไม่เป็นก็เนื่องมากจากคุณอภิสิทธิ์ อยู่วงล้อมของคนไม่กี่คนเท่านั้นเอง คน 3-5 คน เท่านั้นเอง เป็นคนที่ครอบงำ ผมอาจจะพูดรุนแรงเกินไป และเป็นคนที่ให้ข้อมูลต่างๆหรือให้คำปรึกษาไม่ตรง ด้วยเหตุนี้ผมถึงพูดว่า คุณอภิสิทธิ์ ใช้คนไม่เป็น และถ้าหากเรามาเปรียบเทียบรัฐบาลเก่าๆอย่าง รัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และท่านไม่ได้เป็นนักการเมือง ท่านเป็นนายทหาร แต่เมื่อมาเป็นนักการเมือง ท่านก็เป็นนักการเมืองที่ดีมาก เพราะว่าท่านมีความซื่อสัตย์ สุจริต ท่านใช้ตนเป็น คำว่าใช้คนเป็น จะเห็นได้ว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของพล.อ.เปรมเป็นอย่างไร มองย้อนหลังไปดู คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่อาจจะลืมไปแล้ว สถานการณ์บ้านเมืองตอนนั้นแย่มากทุกด้านเลยแย่มาก
“คุณอภิสิทธิ์ เป็นคนดีมีความซื่อสัตย์ แต่ใช้คนไม่เป็นเนื่องจากใช้คนไม่กี่คนที่ล้อมรอบ ผมจะไม่เอ่ยว่ามีใครบ้างเพราะก็เป็นเพื่อนสมาชิกผมทั้งนั้น แม้กระทั่งนายกฯชวน คุณบัญญัติ ก็เคยเตือน แต่ก็ไม่มีใครฟังเพื่อนเก่าเลย ถ้าหากคุณอภิสิทธิ์เอาประสบการณ์ของผู้ใหญ่คนเก่าๆแม้กระทั่ง คุณธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ คุณสาวิตต์ โพธิวิหค คนเก่าๆหลายคน คุณชวน คุณบัญญัติ มาคุยและฟังความเห็นกันบ้าง ผมว่าคุณอภิสิทธิ์ จะทำงานได้ดีกว่าที่ผ่านมา ผมจึงเน้นว่าพลาดท่าตรงนี้ พลาดท่าตรงที่ใช้คนไม่เป็น”
นายพิชัยยังพูดถึงพื้นที่ภาคอีสานในสมัยที่ตัวเองเป็นหัวหน้าพรรค เทียบกับในปัจจุบัน
จุดอ่อนที่ทำให้ผลการเลือกตั้งเป็นเช่นนี้ จะเห็นได้ว่าประชาธิปัตย์ไม่เคยได้ส.ส.ในภาคอีสาน ตอนผมเป็นหัวหน้าพรรคมา 9 ปี ได้ ส.ส.อีสาน 28 คน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นได้ ผมเคยพูดบ่อยๆหลังจากที่ออกจากหัวหน้าพรรคแล้ว ว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องสร้างคนใหม่ที่อีสาน หมายความว่า ต้องไปดูตั้งแต่สมาชิกอบต. อบจ. หรือนักเรียนที่กำลังเรียนหนังสือ หรือแม้กระทั่งดูเหมือนที่ประชาธิปัตย์ ดูคุณอภิสิทธิ์ จับคุณอภิสิทธิ์มาตั้งแต่ 25
แต่นี่จะทำก็ต่อเมื่อใกล้เวลาเลือกตั้ง ตาลีตาเหลือกหาคน มันจะได้อย่างไรถ้าคุณไม่สร้างคนขึ้นมา และคุณไม่มีทางสู้อย่างอื่น คนอื่นเขามีมีด ตัวเองมีหนังสติ๊ก ไปสู้ได้อย่างไร แต่ผมพูดไม่ได้หมายความว่าเราจะไปสร้างมีดขึ้นมา แต่หมายความว่าเราต้องสร้างคน โดยเฉพาะตอนนี้ เรามีเวลา 4 ปี ( เป็นฝ่ายค้าน) ที่จะต้องรีบสร้างคนขึ้นมา
ประเด็นเรื่อง “คนเก่าคนแก่” เป็นสิ่งที่นายพิชัยมองตรงกับนายพิเชษฐ
ประชาธิปัตย์ ชอบลืมคนเก่า
ผมเป็นหัวหน้าพรรค ผมไปเยี่ยมภาคอีสานบ่อยที่สุดเลย สาขาพรรคผมไปเยี่ยม ป่วยไข้ได้เจ็บ ผมไปเยี่ยม ผมไม่มีตัง แต่ไปเยี่ยมด้วยน้ำใจ แต่นี่น้ำใจประชาธิปัตย์ ต่อทางอีสานไม่มี ทั้งๆที่จากประสบการณ์ของผม คนอีสานเป็นคนที่น่าคบที่สุด เพราะเหตุว่าถึงแม้จะยากจนแต่มีจิตใจ กว้าง อย่าไปพูดว่าเขาจะได้เงิน 500 บาท 1,000 บาท แล้วไปลงคะแนน ผมว่านั่นอีกประเด็นหนึ่ง แต่ในเรื่องจิรงๆ แล้วคนภาคอีสานเป็นคนมีน้ำใจถึงแม้จะยากจน ประชาธิปัตย์ จับจุดนี้ไม่ถูก เมื่อเขามีน้ำใจเช่นนี้แล้วเราก็ต้องมีน้ำใจเข้าหาเขา ผมยกตัวอย่างมีหัวหน้าสาขาพรรคที่ขอนแก่นตาย เมื่อเร็วๆมานี้ แต่ไม่เคยมีใครไปเยี่ยมก่อนตายเลย ทั้งๆที่เป็นกำลังของพรรคในขอนแก่น ขอนแก่นพรรคเคยได้ ส.ส. 3 – 4 คน และคนๆนี้มีส่วนช่วยให้ได้ส.ส.เฉพาะขอนแก่น แต่เวลาที่เขาป่วยไม่เคยมีใครไปเยี่ยมเลย ผมไม่มีหน้าที่ในพรรคผมขับรถไปเยี่ยม
ส่วนการเตรียมความพร้อมเพื่อการเลือกตั้ง นายพิชัยบอกว่าเป็นเพราะไม่มีการเตรียมตัว โดยวิจารณ์นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ว่าวางยุทธศาสตร์ไม่ถูกต้อง
นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ที่พอถึงเวลาจะเลือกตั้ง ก็จะปรึกษากันว่าจะเอานั้นเอานี่ ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ไม่เหมือนอย่างที่เราเรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจใน 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี จะมีเลือกตั้งเมื่อไร ก็ค่อยมาคุยกัน คนวางจุด คนวางยุทธศาสตร์ เท่าที่ทราบคือ คุณกอร์ปศักดิ์ วางยุทธศาสตร์เฉพาะหน้าในการเลือกตั้งเท่านั้นเอง ไม่ได้วางเผื่ออนาคต 5 ปี 10 ปี และ 20 ปี เพราะฉะนั้นนโยบายเรื่องพักหนี้ อย่างเป็นรัฐบาล 2 ปีกว่า เคยไปว่าคุณทักษิณ ว่าเป็นนโยบายประชานิยม ผมคิดว่าโครงการประชานิยม บางอันดีนะ เลียนแบบมาจากอาจารย์คึกฤทธิ์ เงินผัน 4ปี ปีละ 4 พันล้าน ต่อมาพล.อ.เปรมก็ใช้วิธีการแบบอาจารย์คึกฤทธิ์ เช่นกัน เพิ่มเป็น 6-7 พันล้าน แต่พล.อ.เปรมเก่งในเรื่องการใช้คน
ในเรื่องการเข้าถึงตัวนายก นายพิชัยก็มีความเห็นไปในทางเดียวกับนายพิเชษฐ นั่นคือ “เข้าถึงยาก” และไม่นำประสบการณ์ของผู้หลักผู้ใหญ่มาใช้ประโยชน์
ประชาธิปัตย์มีคนเก่งเยอะ เพียงแต่ว่าใช้คนไม่เป็น ไปลืมคนเก่าซะหมด ผมเป็นรองประธานสภาที่ปรึกษาที่ผ่านมามีการประชุม 2 ครั้ง ประธานคือคุณชวน ผมไป 2 ครั้งและคงไม่ไปอีกแล้ว เสียเวลาผมมาก เพราไม่มีอะไรที่จะต้องไปคุยกันเลย ไปนั่งกินน้ำชา ไปนั่งกินข้าว คนที่มีสตางค์หน่อยก็เลี้ยงอาหารจีนให้เรา ผมว่าเสียเวลาผมต้องการเป็นที่ปรึกษา แล้วนายกฯต้องมานั่งฟัง มีประเด็นอะไรเคาะขึ้นมา 1-2-3 ผมบอกคุณชวนในฐานะประธานว่า ทำไม ไม่ทำอย่างนี้ นายกฯชวนบอกเคยเสนอแล้วเขาก็ไม่เอา คนเป็นสภาที่ปรึกษา ล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่ทั้งนั้นเลย แต่ไม่มีวาระการประชุม ที่ผ่านมาเป็นแบบนั้น
ไม่เรียกประสบการณ์ ผมว่าเป็นเรื่องของสามัญสำนึกดีกว่า แต่งตั้งเป็นสภาที่ปรึกษาเอาอดีตหัวหน้าพรรคเอาผู้ใหญ่ในพรรคหลายคน มาเป็นที่สภาที่ปรึกษาต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ คนเหล่านี้มีประสบการณ์มามากที่จะแนะนำอะไรได้บ้าง รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ โยนมาให้นี่ ก็นำไปปรึกษาหารือเหมือน พล.อ.เปรม โยนให้สภาพัฒน์ฯไปแก้ไข เสนอแนวทางมา แต่ที่ปรึกษาของคุณอภิสิทธิ์ ก็มีอย่างคุณสาวิตต์ โพธิวิหก คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ แต่ผมสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้างก็มีแต่บอกว่าไม่เคยคุยอะไรกันเลยอย่างจริงจัง
ประชาธิปัตย์มันไม่ตายแต่เวลานี้ วัฒนธรรมของประชาธิปัตย์ดั้งเดิมมันหายไปหมดแล้ว คำว่าวัฒนธรรมมันมีความหมายลึกในความเห็นผม วิธีการทำงาน การใช้คน วัฒนธรรมของเรา สันดานของเรา สมัยนายควง อภัยวงศ์ สร้างมา ที่สืบทอดมาเรื่อยๆมันหมดไปแล้วทำอย่างไรจะให้กลับมา ผมเองก็ไม่รู้น่ะบอกตรงๆ
ผมบอกจริงเวลาวันเกิดพรรค ผมไปพรรคปีละครั้งเดียว คือ วันที่ 6 เมษายนเพราะเป็นวันทำบุญนอกนั้นผมไม่ไปเลยผมบอกจริงๆ ผมเกลียดคนรุ่นใหม่แล้ว โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เป็นส.ส.ครั้งเดียวแล้วเป็นรัฐมนตรี แต่ละคนบอกตรงๆหยิ่งยโส ไม่มีสัมมาคารวะ ใหญ่จังเลย ไม่ใช่คุณอภิสิทธิ์นะคุณอภิสิทธิ์ใช้ได้ แต่รัฐมนตรีหลายคนมันใหญ่เหลือเกิน สิ่งเหล่านี่ไม่ใช่วัฒนธรรมประชาธิปัตย์ เพราะ วัฒนธรรมประชาธิปัตย์ผู้น้อยจะเคารพผู้ใหญ่มาก ผมเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ปี 2501 ประชาธิปัตย์ตั้งมาเมื่อปี 2489 ผ่านมา 54 ปีแล้ว ผมเป็นสมาชิกที่เก่าแก่ที่สุด นายกฯชวนเป็นเมื่อ ปี 2511 สมัยนั้นเราต้องเคารพผู้ใหญ่ มีสัมมาคารวะ ในยุคหลังๆแย่
ประเด็นสำคัญที่นายพิชัยวิจารณ์ประชาธิปัตย์ในยุคอภิสิทธิ์ ก็คือจุดยืนของพรรคต่อเผด็จการที่ต่างออกไปจากในอดีต
วิธีการเกิดรัฐบาลคราวนี้ เป็นการเกิดที่แปลกมาก เป้าหมายประชาธิปัตย์ที่สร้างมาตั้งแต่แรก คือคัดค้านเผด็จการ แต่ว่าตอนที่พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ปฏิวัติ คุณอภิสิทธิ์เงียบฉี่เลย แต่ทั้งๆที่ประชาธิปัตย์เกิดขึ้นจากการต่อต้านเผด็จการมานาน ต่อต้านการทำปฏิวัติรัฐประหาร แต่ถึงคราวพล.อ.สนธิ ทำการปฏิวัติคุณทักษิณแล้วคุณทักษิณล้ม ถึงแม้ว่าคุณทักษิณจะเป็นศัตรูของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ประชาธิปัตย์ก็ต้องยืนหยัดบนหลักการ วัฒนธรรมของตัวเอง ยืนหยัดต่อต้านเผด็จการ แล้วอยู่มาได้เพราะต่อต้านเผด็จการ
นายพิชัยยังแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่ต้องการให้นายอภิสิทธิ์ กลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้ง
ต้องแก้ไขสิ่งไม่ถูกกลับมาให้ถูก อย่างใช้คนให้เป็น เช่นดึงคนเก่ามาใช้บ้าง ก็เป็นเรื่องของคน คุณอภิสิทธิ์ควรเป็นหัวหน้าพรรคต่อไป เพราะไม่มีใครตอนนี้โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ผมไม่เห็นด้วยเลย ยโสมาก คุณอภิสิทธิ์มาเป็นใหม่ กลับไปรื้อฟื้นวัฒนธรรมเดิม ใช้คนเก่า สร้างคนใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องให้ความสำคัญกับคนทุกภาค โดยเฉพาะภาคอีสาน และถ้าประชาธิปัตย์ยังทำอย่างนี้ ต่อไปแม้แต่ในภาคใต้ คราวหน้าไม่แน่ ส่วนใหญ่ต้องแก้ที่คุณอภิสิทธิ์ คุณอภิสิทธิ์ ก็ต้องรู้จุดว่าจะต้องแก้ที่ไหนบ้างนอกจากปรับปรุงโครงสร้าง วางนโยบายแผนงาน 5-10-15 ปีแล้ว ใช้คนเก่า ง่ายยืนหยัดบนหลักการประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการรัฐประหาร
- หลานคนสร้างชาติ likes this