แต่อันนี้เป็น
"ข้อสอบและคำตอบของเด็กฉลาด"...
novem hasn't added any friends yet.
โดย Suraphan07 on 5 เมษายน พ.ศ. 2556 - 15:21
โดย เช never die on 23 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:53
ถ้ายังแยกแยะความดีกับความชั่ว ความโง่กับความฉลาดไม่ออก
ก็ป่วยการจะสนทนาด้วย
คุณเช แยกได้ ก็บอกหน่อยสิค่ะ ว่า ใน ปชป ใครไม่ดีพอ หรือ ไม่กล้าค่ะ แดงตัวพ่อ
ของประชาธิปัตย์ที่ชั่วสุดๆก็เอาไอ้ปึ้งที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศคนปัจจุบันนี้เป็นคนแรกเลย
ตามมาด้วยรองนายกฯเป็ดเหลิม วีรการ มุกสิกพงษ์ เลขาธการพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยสุดชั่วเป็นกบฏมาแล้ว
อดีตนายกฯอย่างสมัครนั่นก็เลวชั่วไม่น้อยหน้าใคร ฯลฯ โอยเยอะแยะจารไนไม่หมดครับ ไอ้พวกประชาธิปัตย์นี้มันเลวจริงๆ
ร้ายนะค่ะ
หรือว่าไม่จริง ก็ค้านมาซิครับ
วันนี้ ค่ะ คน ปชป วันนี้ คนพวกนั้งเก่งค่ะ ไม่ต้องให้คุณทักษิณช่วยเลย
ก็ถ้าจะให้ตอบตามที่จั่วหัวกระทู้ใว้แบบตรงๆที่ว่า "จริงหรือปล่าว ค่ะ ปชป ..ไม่มีคนเลว.."
ก็ต้องตอบว่า จริงครับ
"เพราะคนเลวๆในพรรคประชาธิปัตย์ ปัจจุบันย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทยเกือบหมดแล้ว"
โดย เช never die on 23 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:43
ถ้ายังแยกแยะความดีกับความชั่ว ความโง่กับความฉลาดไม่ออก
ก็ป่วยการจะสนทนาด้วย
คุณเช แยกได้ ก็บอกหน่อยสิค่ะ ว่า ใน ปชป ใครไม่ดีพอ หรือ ไม่กล้าค่ะ แดงตัวพ่อ
ของประชาธิปัตย์ที่ชั่วสุดๆก็เอาไอ้ปึ้งที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศคนปัจจุบันนี้เป็นคนแรกเลย
ตามมาด้วยรองนายกฯเป็ดเหลิม วีรการ มุกสิกพงษ์ เลขาธการพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยสุดชั่วเป็นกบฏมาแล้ว
อดีตนายกฯอย่างสมัครนั่นก็เลวชั่วไม่น้อยหน้าใคร ฯลฯ โอยเยอะแยะจารไนไม่หมดครับ ไอ้พวกประชาธิปัตย์นี้มันเลวจริงๆ
โดย Moo3storey on 23 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:31
เอา "คนโง่" มาปกครอง "คนชั่ว" อย่างนั้นก็เพลียสิครับ ประเทศชาติยิ่งจะมีแต่เสียหายเพราะคนชั่วยิ่งได้ใจ
โดย ทรงธรรม on 25 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 10:45
ยากอะ คุณ kingkong
โบราณว่า เปลี่ยนอะไร ก็ เปลี่ยนได้ แต่เปลี่ยนความคิดคน ยากที่สุด
ผมเอง จะไม่เสียเวลา ไปทำเรื่องแบบนี้หรอกครับ
ผมว่า ปชป เขาก็ทำของเขา เต็มที่แล้วล่ะ
หาเสียงได้อะอย่างมาก ไปชักจูง อะไรคงยาก
เอาแค่ คนเดียว ที่รักทักษิณ นะ พูดไปเหอะ เหตุผล ร้อยแปด พันเก้า
พูดจบ คนฟัง บอกคำเดียว " อคติ "
เหนื่อยนะ พูดไปแบบนี้ กับ คนที่ " ตั้งป้อม " จะไม่รับฟัง เหตุผล กันอยู่แล้ว
ต่อให้ เทวดา ลงมา พูดเอง
บางที พวกเขา ยังนึกว่า " มาร " ปลอมตัว ลงมาเลยอะ
แบบ รักทักษิณ ยิ่งกว่า บิดร มารดา กันเสียอีกอะ
ปลง ครับ แบบนี้ ปลง อย่างเดียว
ผมรอเวลา ชาติล่มสลาย ทักษิณ ทิ้งประเทศ ที่เหลือ แต่ซาก แล้ว
ค่อยกลับมาคุย กันอีกที (หวังว่าผม คงไม่อดตาย เสียก่อนนะ)
โดย คนไทย916 on 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:41
หลังจาก รบ รูปู ไป พรรค ถัดมาต้องมาใช้หนี้ที่มันก่อ ไม่สามารถ กู้ได้มากเพื่อมาแก้ไข ประเทศได้ยากลำบาก จนต้องลดนั้นลดนี้ ประชาชนและข้าราชการ ไม่พอใจ
พอพรรคอื่นที่ทำให้เข้ารูปเขารอย แล้ว พรรค รูปู ก็จะทุ่มทุกวีถีทางเข้ามาอีก แล้วก็กู้ใหม่ สบายใจดี ไม่ไหวก็ ทำการเลือกตั้งใหมให้พรรคอื่นก็เข้ามาจัดอีก โอ้ย วนลูปเห็นๆๆ
ปูจ้าอยู่ 8ปีไปเลย จ้าาาาาาาาาาาาาาาาาา
โดย โจโฉ นายกตลอดกาล on 27 กันยายน พ.ศ. 2555 - 18:35
โดย ชามู on 18 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 07:27
ติดทั้งเครดิต แถมเป็นหนี้เพิ่ม น่าดีใจ...............
โดย Bookmarks on 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 10:15
สนับสนุนให้อีปู และโคตรมันเรียงหน้ากันมาเป็นนายกเลย
ขอร้องอย่าลด ราคาจำนำข้าวนะ ให้สูงขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นการดีที่สุด ถ้าพรรคนี้ เปลี่ยนนโยบายจำนำข้าว และลดราคาลง ขอให้คนในพรรคมันชิบหายกันยกพรรค
เด็กจบใหม่ ป. ตรี ตอนนี้มีใครได้บ้างว่ะ 15000 บาท เท่าที่เห็นมา ยังไม่มีนะ เพราะไม่มีกฎหมายบังคับ อย่าแหล ขอร้อง ยังสงสัยว่า ทำไมด้านกันจัง อ้างนโยบายนี้กันอยู่ได้ ไม่อายกันบ้างหรือ
จริงๆ อยากให้ ขึ้นเป็นวันละ 500 บาท สนับสนุนสุดใจขาดดิ้น
โดย มาหยารัศมี on 16 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 23:24
โดย ปุถุชน on 9 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 10:48
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ที่เห็นอยู่นี้คือร่างคำปราศรัยของประธานาธิบดี บารัก โอบามา สำหรับการรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ รอบที่สองเมื่อเร็ว ๆ นี้
พร้อมลายมือของเจ้าตัวที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างละเอียดถี่ยิบ
เรียกว่าร่างแรกนั้นถูกโยนทิ้งไปเสียส่วนใหญ่ก็ว่าได้
โอบามา เป็นผู้นำที่เอาจริงเอาจังกับคำปราศรัยของตนเกือบจะทุกประโยค ดูรูปที่แอบถ่ายจากคนใกล้ชิดนี้ก็จะเห็นว่าแกเล่นแก้ไข, เพิ่มเติม และต่อยอดร่างคำปราศรัยยุบยิบเลยทีเดียว
ความที่โอบามา เคยเป็นนักเขียนและเป็นบรรณาธิการนิตยสารประจำมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตอนเป็นนักศึกษาด้วย, แกจึงพิถีพิถันกับการร่างคำปราศรัยให้ได้เนื้อความที่เหมาะเจาะอย่างยิ่ง
ผม ชอบศึกษาคำปราศรัยของผู้นำโลก เพราะเนื้อหาและวิธีการนำเสนอตลอดจนความสามารถของผู้นำนั้น ๆ ในการใช้ภาษาสะท้อนถึงความรู้สึก และเนื้อหาที่ตนเองต้องการจะสื่อกับประชาชนอย่างแท้จริง
ผู้ นำบางคนไม่ใส่ใจเนื้อถ้อยกระทงความที่จะบอกกล่าวกับสาธารณชน คิดว่ามีคนร่างคำปราศรัยให้แล้วก็อ่านไปตามนั้น อ่านถูกอ่านผิด อ่านซ้ำอ่านซากก็มี
ในอดีต มีผู้นำคนหนึ่ง วันหนึ่งต้องกล่าวคำปราศรัยเปิดงานหลายแห่ง ขึ้นเวทีงานแรกไปหยิบเอาคำปราศรัยที่ลูกน้องร่างไว้สำหรับงานสุดท้าย ผิดฝาผิดคนผิดโอกาสก็เคยมี ได้ฮากันลั่นมาแล้ว
สมัยหนึ่ง ผมไปทำข่าวที่ต่างประเทศกับนายกฯไทย ท่านกินเหล้ามึน ๆ แล้วขึ้นไปร่ายยาว ก่อนจะเริ่มต้นอ่านคำปราศรัยยาว 10 กว่าหน้าของกระทรวงต่างประเทศท่านเกิดความมั่นใจเกินเหตุ พูดน้ำไหลไฟดับยาวยืด พาดพิงถึงประเทศที่สามในทางเสื่อมเสีย ทูตประเทศนั้นเดินออกจากงาน และผู้นำของเรากลับมาอ่านร่างคำปราศรัยอันเยิ่นเย้อนั้นทีละประโยคด้วยอาการ ตะกุกตะกัก, ทำเอาล่ามที่เป็นคนไทยเหงื่อแตก กระซิบบอกผมตอนหลังว่า “ผมอยากฆ่าตัวตายบนเวทีนั้นเดี๋ยวนั้นเลย!”
โอบามา มีนักเขียนคำปราศรัยหรือ speech-writers ทั้งหมด 7 คน และแต่ละคนก็ได้รับมอบหมายให้ทำงานแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน...บางโอกาส, โอบามา มอบหมายให้ทำงานเป็นทีม, อีกบางเรื่องก็ให้ไปค้นหาข้อมูลและเสนอรายละเอียดมาเท่านั้น ส่วนการเขียนจริง ๆ และภาษาที่ใช้ก็จะแบ่งไปให้คนที่มีประสบการณ์มากกว่า
นัก ร่างคำปราศรัยไม่ได้ทำงานคนเดียว หากแต่ยังมีทีมของตัวเองที่ไปค้นคว้าวิจัยหาข้อมูลมาประกอบร่างก่อนที่จะ เสนอให้ท่านผู้นำได้รับรู้ก่อนที่จะเขียนเป็นร่างภาษาเต็มรูปแบบ
ที่สำคัญคือตัวประธานาธิบดีเองจะต้อง “ซ้อม” อ่านร่างนั้นก่อนเพื่อจะทดลองว่าภาษาที่ใช้และลำดับเรื่องนั้น “คล่องตัว” แค่ไหน แล้วจึงแก้ไขตามความลื่นไหลของการซ้อมนั้น ๆ
ในการกล่าวคำปราศรัยสำคัญ ๆ ของผู้นำไม่ใช่เพียงแค่ “อ่าน” ตามตัวหนังสือที่ร่างมาเท่านั้น หากแต่จะต้องฟังดูเป็นธรรมชาติและสามารถโน้มน้าวให้คนฟังเชื่อตาม หรือตอบโต้ประเด็นที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแนบเนียนได้
เพราะ คำปราศรัยของผู้นำประเทศที่พัฒนาแล้วจะต้องมีการเก็บไว้เป็นเอกสารประวัติ ศาสตร์ทุกคำเพื่อเป็นหลักฐานแห่งการปกครองประเทศที่คนรุ่นหลังสามารถนำมา วิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างเสรีอีกด้วย
เพราะในระบอบ ประชาธิปไตยที่แท้จริง, ผู้นำคือคนรับใช้ประชาชน และทุกอย่างที่พูดและแสดงออกจะต้องเป็นวัตถุดิบสำหรับการวิจารณ์ในอนาคตต่อ ไป
ผู้นำประเทศกับความสามารถในการสื่อกับประชาชน ผ่านคำปราศรัยสาธารณะจึงเป็นหัวใจ ของการปกครองประเทศที่สำคัญยิ่ง
Tags : โอบามาร่างคำปราศรัยตัวเอง
หน้านี้ในหนังสือพิมพ์มีภาพถ่ายคำปราศัยของประธานาธิบดีโอบามา.....
แต่ในเวบออนไลน์ไม่มี
โปรดเข้าใจนะครับ.....ฮา
"บัตรเติมเงิน"และ"กลางสามโลก"น่าจะนำเสนอนายกฯยิ่งลักษณ์อ่าน...
ผมเชื่อว่าระหว่าง"กาแฟดำ"เขียนคอลัมน์นี้
ต้องนึกถึงนายกรัฐมนตรีของไพร่เสื้อแดงและสมาชิกพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน....!
ผู้นำประเทศ ผู้นำองค์กรไม่เขียนบท คำปราศัยเองต้องตรวจสอบโพยอย่างละเอียด และขัดเกลาข้อความ(ถ้ามีสติปัญญา)ให้ลื่นไหล มีสาระ และซ้อมอ่านไม่ให้มี สามอือ สี่อ้า หรือ Thank You(three times)ให้อับอายผู้ร่วมประชุม ร่วมฟังทั้งหลาย....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 10 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 22:30
จากประสบการณ์ที่ทำอีบุ๊กและคินเดิ้ลอยู่
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ต้องถูกกว่าหนังสือจริง 3 เท่า
เช่น หนังสือจริงมีราคาขายจากปก 100 บาท หนังสืออีบุ๊กควรมีราคา 30 บาท และคินเดิ้ลควรมีราคาสูงกว่านั้นเล็กน้อย
(เพราะใช้ขั้นตอนในการผลิตยากกว่าอีบุ๊กส์ปกติ)
สาเหตุที่หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ควรมีราคาถูกกว่า 3 เท่าจากหนังสือปกติเพราะ
1. ไม่มีต้นทุนค่ากระดาษครับ
ต้นทุนค่ากระดาษในประเทศไทยที่มีการผูกขาดและเป็นมาเฟียกระดาษมานานช้า
มาเฟียกระดาษ(คือไทยรัฐ) เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้หนังสือแพงมาก
2. ต้นทุนค่าจัดจำหน่ายน้อยลง 3 เท่าจากหนังสือจริง ในกรณีเจ้าของเป็นผู้ดูแลระบบดาวน์โหลดเอง
ถ้าเป็นกรณีมีบริษัทคู่ค้าเป็นผู้ดูแลการดาวน์โหลดให้ จะเป็นการแบ่งเปอร์เซ็นต์มากกว่าการกำหนดราคาผูกขาดในการจัดจำหน่าย
(ต้นทุนเปอร์เซ็นต์ค่าจัดจำหน่ายหนังสือจริงคือ 40-42% จากราคาปก นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้หนังสือเมืองไทยมีราคาแพงเวอร์ คือ distributor เป็นเสือนอนกินครับ)
เมื่อลดต้นทุนการจัดจำหน่ายด้วยการดูแลระบบดาวน์โหลดเอง อาจเสียต้นทุนการดูแลระบบ(คือโปรแกรม+ดาต้า+แอดมิน)แค่ 10% อย่างมากสุด
ถ้าฝากบริษัทอื่นดูแลการดาวน์โหลดให้ จะแบ่งเปอร์เซ็นต์แค่ 15% สูงสุด
3. ค่าลิขสิทธิ์การเขียนต้นฉบับ หากเป็นหนังสือในเครือ
- กรณีค่าต้นฉบับ
จ่ายเงินคอลัมนิสต์หนเดียว
- กรณีลิขสิืทธิ์รูป
จ่ายเงินค่านางแบบ ค่าช่างภาพหนเดียวครับ
ดังนั้นค่าใช้จ่ายตรงนี้ไม่มีอยู่แล้ว
หากเป็นลิขสิทธิ์ของพ้อคเก็ตบุ๊ก คือนักเขียนเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
แบบนี้ขึ้นอยู่กับสัญญาที่สนพ.เซ็นกับนักเขียนครับ
ถ้าสนพ.ฉลาด นักเขียนซื่อ จะเป็นสัญญาเดียว ขายได้ทั้งหนังสือจริงและอีบุ๊ก แบบนี้ไม่มีต้นทุนเพิ่ม
บางกรณีนักเขียนมีความรอบคอบ เซ็นสัญญา 2 ฉบับ คือแยกขาดระหว่างหนังสือจริงกับอีบุ๊ก
เราต้องจ่ายซ้ำครับ เพราะถือว่าเป็น "สื่อที่แตกต่างออกไป"
แต่ค่าลิขสิทธิ์อีบุ๊กจะถูกกว่าหนังสือกระดาษครึ่งครึ่งเลยทีเดียว
ดังนั้นสรุปง่ายๆว่าหนังสือหรือนิตยสารอีบุ๊กส์ไม่มีทางเทียบเท่าหรือแพงกว่าหนังสือกระดาษแน่ครับ
edit แง้....มีการเฉลยแล้ว
อุตส่าห์พิมพ์ซะยาว เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนเลย
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net