Jump to content


Axis Kernel

Member Since 14 December 12
Offline Last Active Private
-----

#566963 ทหาร บุกบ้าน สนธิ ลิ้มทองกุล!!!!!!

Posted by Axis Kernel on 11 January 2013 - 23:19

อยากรู้จังว่า สนธิ ลิ้มทองกุล กำความลับอะไรอยู่ ถึงกล้าด่าได้แรงฃนาดนี้ แม้จะถูกยิงหัวมาแล้ว

397698_410506739026714_478182708_n.jpg




#566261 รักอภิสิทธิ์ ชอบกรณ์ ส่งเสริมประชาธิปัตย์ เลือกสุขุมพันธ์ เป็นผู้ว่า กทม.

Posted by Axis Kernel on 11 January 2013 - 13:50

รัก...อภิสิทธิ์

ชอบ...กรณ์

โกรธ...เพื่อไทย

หลง...ประชาธิปัตย์

เลือกสุขุมพันธ์ เป็นผู้ว่า กทม




#564029 เรายังศรัทธา..............................ในความดี.......................ยังอ...

Posted by Axis Kernel on 9 January 2013 - 16:45

การมีศรัทธาในความดี...ยังไม่พอ  

การมีศรัทธาในเพื่อนมนุษย์...ก็ยังไม่พอ 

จะต้องมีศรัทธาในกำลังใจของตนเอง...อีกด้วย

 

เพราะอะไรล่ะหรือ?

 

      

เรื่องศรัทธาในตนเอง เป็นเรื่องสำคัญค่ะ  ฉันว่า เราคงต้องดำเนินชีวิตด้วยการหยั่งรู้ความจริงจากใจตนเอง และรักษาสิ่งนี้ไว้อย่างมั่นคงตลอดชีวิต  

 

เหมือนกับว่า เราเอาชนะใจตนเองได้  ไม่หลงติดอยู่กับกิเลศทั้ง3 (โลภะ โทสะ โมหะ) ลาภยศ สรรเสริญ และเงินทอง   

 

หากผู้ใดมีความศรัทธาในตนเอง ย่อมได้รับความรัก ความผูกพัน และความศรัทธาจากผู้อื่นด้วยค่ะ

 

กิเลสทั้ง 3 ตระกูลนี้ล้วน หมักดอง – ห่อหุ้ม- เอิบอาบ-แช่อิ่ม-บีบคั้น-บังคับ-กัดกร่อนใจของมนุษย์ให้คิดพูดทำแต่ในสิ่งที่ชั่วช้าต่างๆ

จนกระทั่งผู้นั้นคุ้นเคยต่อความชั่วทั้งหลาย ในที่สุดก็กลายเป็นนิสัยไม่ดีติดตัวแต่ละคน ทำความชั่วซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเป็นสันดาน

เป็นเหตุให้ต้องจมอยู่ในห้วงทุกข์มานับชาติไม่ถ้วน




#562446 พลิกปูมปมพระวิหาร ใครประเคนอธิปไตยไทยให้เขมร ใครปกป้องแผ่นดิน

Posted by Axis Kernel on 8 January 2013 - 15:26

ลำดับความเป็นมากรณีปราสาทพระวิหาร
by Noppadon Pattama on Thursday, July 29, 2010 at 1:01pm ·
 

ลำดับความเป็นมากรณีปราสาทพระวิหาร 

ประเด็นเรื่องปราสาทพระวิหารกลับมาอยู่ในข่าวครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาเขตแดนของไทยและกัมพูชา แต่ที่มันแก้ยากมากขึ้น เพราะกลุ่มพันธมิตรเอาเรื่องนี้มาจุดกระแสคลั่งชาติ และร่วมมือกับนักการเมืองบางกลุ่มใช้ประเด็นนี้ทำลายกันทางการเมือง โดยบิดเบือนข้อเท็จจริงและประเด็นข้อกฎหมายอย่างไร้ความละอาย หวังแต่จะเอาชนะและทำลายคนอื่นโดยอาศัยความเท็จ แต่พอตนเองมีหน้าที่ในการแก้ปัญหา กลับไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่ยังพยายามโยนบาปและโทษคนอื่น เพื่อให้ผู้อ่านไม่ตกเป็นเหยื่อของพวกจุดกระแสคลั่งชาติ และนักการเมืองประเภทพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น และใช้ข้อมูลเท็จ ลองมาดูข้อเท็จจริงพอสังเขปในเรื่องนี้ดังนี้ครับ 

1. ในปี 2505 ไทยแพ้คดีในศาลโลกในคดีที่หม่อมเสนีย์ ปราโมช ว่าความ รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์จึงจำใจ และจำยอมยกปราสาทพระวิหารและที่ดินใต้ปราสาทให้กัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลกเมื่อ 46 ปีที่แล้ว นายสมัครหรือนายนพดล ไม่ใช่คนยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา 
เดิมไทยใช้สันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตกับกัมพูชา แต่หลังจากยกปราสาทให้กัมพูชาไปแล้ว ไทยจึงทำแผนที่ประเทศบริเวณนั้นใหม่ โดยตัดพื้นที่ปราสาทออกจากราชอาณาจักรไทยและกันออกไปให้อยู่ในเขตกัมพูชา ที่เรียกว่าแผนที่ชุด L 7017 ทุกหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งกองทัพไทย และกระทรวงต่างประเทศถือว่าเส้นเขตแดนไทยกับกัมพูชาเป็นไปตามแผนที่ชุด L 7017 
นายอภิสิทธิ์โกหกในสภาตอนเป็นฝ่ายค้านว่าพื้นที่ใต้ปราสาทยังเป็นของไทย แต่เผลอลืมไปว่าในปี 2541 ตอนเป็น รมต ในครม ชวน ตนเองก็ออกแผนที่ประกาศเขตอุทยานเขาพระวิหารตามแผนที่ L 7017 และระบุว่า เส้นบริเวณปราสาท เป็นเส้นเขตแดนระหว่างประเทศ ไทยและกัมพูชา ที่น่าละอายก็คือพอตนเองทำนั้น บอกทำได้ แต่พอคนอื่นทำ บอกว่าจะทำให้เสียดินแดน 

2. กระทรวงการต่างประเทศและกองทัพไทยยืนยันว่าไทยยกทั้งปราสาทและที่ดินใต้ปราสาทให้กัมพูชา เพราะศาลโลกตัดสินว่า “ ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในดินแดนภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา “ แต่พรรคปชป. และนายอภิสิทธ์ เห็นว่าไทยยกให้เฉพาะตัวปราสาท แต่ที่ดินใต้ตัวปราสาทยังเป็นของไทย ดังนั้นเมื่อพรรคปชป.เป็นรัฐบาล ก็ต้องเจรจาเอาที่ดินกลับมาตามที่โจมตีท่านสมัครและนายนพดล ตอนตัวเองเป็นฝ่ายค้าน หรือหากสงสัยก็ยื่นขอให้ศาลโลกตีความความหมายหรือขอบเขตคำพิพากษาได้ ตามธรรมนูญศาลโลก ข้อ 60 ซึ่งยื่นได้ตลอดเวลา ไม่มีอายุความ ประเด็นคือ นายอภิสิทธิ์กล้าพอไหม? 

3. ปี 2549 กัมพูชาไปยื่นคำขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยแผนที่ที่ยื่นนั้นมันรุกล้ำและผนวกอาพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกม. ที่ไทยอ้างสิทธิเข้าไปด้วย กล่าวคือกัมพูชายื่นขอขึ้นทะเบียน a) ตัวปราสาท และ B) พื้นที่ทับซ้อน 

4. ปี 2550 ในสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์ไทยคัดค้านไม่ให้เขาเอา B) พื้นที่ทับซ้อน ไปขึ้นทะเบียน จนคณะกรรมการมรดกโลกเลื่อนการพิจารณาการขึ้นทะเบียนปราสาทจากปี 2550 ไปเป็น ก.ค. 2551 

5. เดือน ก.พ. 2551 รัฐบาล คมช. หมดวาระลง รัฐบาลสมัครเข้ามาจึงต้องรับช่วงแก้ปัญหา และรัฐบาลเสมือนถูกไฟลนก้น เพราะเหลือเวลาเพียง 5 เดิอนก่อนประชุมมรดกโลกในเดือน ก.ค. 2551 และต้องเร่งเจรจาให้กัมพูชาตัดพื้นที่ทับซ้อนออกก่อนให้ได้ เพราะแผนที่ที่กัมพูชายื่นคาไว้ตั้งแต่ปี 2549 มันผนวกเอาพื้นที่ทับซ้อนเราไปขึ้นทะเบียนไว้ 

6. พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกม. นี้ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ ไทยก็อ้างเป็นเจ้าของ กัมพูชาก็อ้างว่าเป็นเจ้าของ กัมพูชาไม่เคยยอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน เพราะกัมพูชาเห็นว่าศาลโลกตัดสินในปี 2505 ชัดเจนแล้วเรื่องเส้นเขตแดน โดยยึดเอาเส้นเขตแดนสยามฝรั่งเศส แต่ไทยไม่เห็นด้วยกับกัมพูชา เพราะไทยอ้างว่าศาลโลกไม่ได้ตัดสินเรื่องเส้นเขตแดน 

7. เมื่อต่างคนต่างอ้างสิทธิในพื้นที่ทับซ้อน ต่างฝ่ายจึงต้องแสดงการใช้อำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่เพื่อไม่ให้ตนเองเสียสิทธิ เช่นการส่งคนเข้าไปอยู่ การส่งกำลังทหารเข้าไปครอบครองไว้ เพื่ออ้างว่าเป็นของตน และในระหว่างนั้นก็เจรจากัน โดยไม่รบกัน หลายประเทศเลือกการพัฒนาร่วมกันไปก่อนจนกว่าจะมีการปักปันของคณะกรรมการชุดต่างๆ และนี่คือแนวทางที่ตกลงกันในคำแถลงการณ์ร่วม 

8. รัฐบาลสมัคร และนายนพดล จึงพยายามเจรจาให้กัมพูชาตัดพื้นที่ทับซ้อนออก และห้ามนำไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพราะหากกัมพูชาขึ้นทะเบียนพื้นที่ทับซ้อนเป็นมรดกโลกสำเร็จ ไทยจะสุ่มเสี่ยงเสียอธิปไตยในพื่นที่ทับซ้อน ส่วนตัวปราสาทนั้นไทยแพ้คดีที่ศาลโลกในปี 2505 และจำใจยกปราสาทให้เขาไป 46 ปีที่แล้ว เขาจะขึ้นทะเบียนก็เป็นเรื่องของเขา เราห้ามเขาไม่ได้ 
มีคำถามว่าทำไมไทยไม่ยื่นขอขึ้นทะเบียนร่วม คำตอบก็คือ ในอดีตไทยเคยขอขึ้นทะเบียนร่วม แต่ถูกกัมพูชาปฏิเสธมาแล้ว และงานเฉพาะหน้าของรัฐบาลสมัครคือการเร่งเจรจาตัดพื้นที่ทับซ้อนออกก่อน ก.ค. 2551 ไม่ใช่การขึ้นทะเบียนร่วม เพราะการขอขึ้นทะเบียนต้องยื่นล่วงหน้าหลายปี 

9. การดำเนินการที่รัฐบาลสมัครและนายนพดลทำไปนั้น ดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน หน่วยงานของรัฐและข้าราชการประจำทุกฝ่ายร่วมกันทำ และเห็นด้วย เช่นกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ กรมแผนที่ทหาร ครม พล.อ. อนุพงษ์ ผบทบ. พล.อ. วินัย ภัทยกุล เห็นด้วย 

10. หากรัฐบาลสมัครและนายนพดลไม่คัดค้านอย่างแข็งขันและเจรจาจนสำเร็จ กัมพูชาจะผนวกเอาพื้นที่ทับซ้อนไปขึ้นทะเบียนด้วย เราจะแย่กว่านี้ พวกเขาเป็นผู้ปกป้องดินแดนไทย 

11. ที่กัมพูชาส่งทหารเข้าไปในพื้นที่ทับซ้อน และไทยก็ทำเช่นกัน ก็เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ และอ้างสิทธิ 

12. การทูตนั้นต้องเจรจา และรักษาไมตรีไว้ หากทำตามแนวทางของรัฐบาลสมัครจะรักษาได้ทั้งดินแดน และ ไมตรี 

13. คำแถลงการณ์ร่วมที่ครม.สมัครอนุมัติให้นายนพดล ไปเซ็นนั้นขณะนี้สิ้นผลไปแล้วตามหนังสือยืนยันของ รมต ต่างประเทศกัมพูชา และตอนที่กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเป็นมรดกโลกในเดือน กค. 2551 นั้น คณะกรรมการมรดกโลกก็ห้ามไม่ให้นำคำแถลงการณ์ร่วมเข้าประกอบการพิจารณาตามที่ไทยขอระงับผลตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครอง แสดงว่าไทยจะสนับสนุนการขึ้นทะเบียนตัวปราสาทหรือไม่ ก็ไม่ได้มีความสำคัญเลย กัมพูชาก็ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทได้อยู่ดี 

14. คำแถลงการณ์ร่วมทำให้กัมพูชายอมรับเป็นครั้งแรกว่ามีพื้นที่ทับซ้อน ทั้งๆที่ปฏิเสธมาโดย 
ตลอด และโชคดีที่ในการประชุมที่แคนาดาที่ผ่านมา กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร โดยไม่เอาพื้นที่ทับซ้อนขึ้นทะเบียนด้วย โชคดีที่เขาทำตามแนวทางของแถลงการณ์ร่วม แม้ว่ามันไม่ผูกพันเขาเพราะไทยระงับผลไว้ก็ตาม 

15 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าคำแถลงการณ์ร่วมเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 และต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนทำขึ้น เพราะ 1. คำแถลงการณ์ร่วม” อาจมีบทบัญญัติเปลี่ยนแปลงอาณาเขต.” และ 2. เป็นหนังสือสัญญาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม 
ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินผิดเพราะ 1) คำแถลงการณ์ร่วมไม่เป็นหนังสือสัญญา แต่เป็นเพียงแถลงการณ์ทางการเมิอง และคู่กรณีไม่มีเจตนาผูกนิติสัมพันธ์กัน ซึ่งยืนยันได้จากหนังสือของ รมต ต่างประเทศกัมพูชาที่ระบุว่า กัมพูชาไม่เห็นว่าคำแถลงการณ์ร่วมเป็น international treaty (สนธิสัญญาระหว่างประเทศ) 2) ประการที่สอง ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเกินที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ในมาตรา 190 โดยเติมคำว่า “ อาจ” เข้าไป และ 3) ประการที่สาม ข้อความที่ว่าเป็นหนังสือสัญญาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นบทบัญญัติใหม่ ครอบจักรวาล มีปัญหา และขาดความชัดเจน และเจตนารมณ์หมายถึงข้อตกลงเขตการค้าเสรี มากกว่าจะเป็นหนังสือประเภท คำแถลงการณ์ร่วม