Jump to content


Axis Kernel

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 14 ธันวาคม 2555
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: ส่วนตัว
-----

#618779 น้ำหูน้ำตาไหล ขอคะแนนเสียงชาวกทม.55555 เสียใจผมไม่เลือกผู้ว่าจากน้ำตาครับ 55...

โดย Axis Kernel on 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 22:30

482360_492568217470000_781595965_n.jpg




#616427 เกี่ยวกับเลือกตั้ง ---> คนกรุงเทพ "ไม่โง่"...แต่...

โดย Axis Kernel on 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 12:46

ฮา คน กทม.บางตัว ดีว่ะ

 

1. กลัวแพ้เลือกตั้ง


2. กลัวเสียกรุงฯ


3. กลัวพรรค/คนที่ตรูเกลียดจะชนะเลือกตั้ง


4. กลัวหน้าแตกเสียหน้า


5. กลัวคนอื่นจะรู้ว่าตรูเองฉลาดน้อย


6. กลัวแสงสว่างชอบอยู่แต่ในกะลา


7. กลัวคนอื่นจับได้ว่าแสร้งทำตัวเป็นคนดี


8. กลัวชุดข้อมูลที่แตกต่างจากที่ตนเองเชื่อ


9. กลัวพวก “ไพร่ บ้านนอก” จะครองเมือง


10. กลัวพวก “รากหญ้า” รวยกว่าตนเอง


11. กลัวนิยายปรัมปราเกี่ยวกับการโกงบ้านโกงเมืองจะเป็นจริง


12. กลัวประเทศไทยจะกลายเป็นเมืองขึ้นของคนโกง


13. กลัวคนอื่นจะมีโอกาสเท่าๆตนเอง


14. กลัวคนที่ตนเองคิดว่าโง่จะเข้ามาบริหารบ้านเมือง


15. กลัวเงาตัวเองคิดว่าเป็นผีทักษิณ




#614912 ความจริงที่คนกทม. ต้องรู้ ???

โดย Axis Kernel on 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 12:32

เหยียบย่ำคนตาย ซื้อขายคนเป็น

 
พรรคประชาธิปัตย์มี "***" อย่างนี้ไม่แปรเปลี่ยน มักใช้วิธีการฉกฉวยหาประโยชน์สร้างภาพให้ดูดี ซึ่งความจริงเป็นพรรคที่โหดเหี้..ยม อำมหิต

ไม่สนใจ ไม่สำเนียก ทั้งไม่แยแสกับความเป็นตายของประชาชน เข้าตำราที่ว่า "เหยียบย่ำคนตาย ซื้อขายคนเป็น"อย่างแท้จริง

426534_422692357819617_1784702114_n.jpg

 

หมายเหตุ :: ภาพจากเหตุการณ์ ปี 35 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ขี่กระแสต้านเผด็จการทหารพอสมหวังพร้อมด่าส่ง "จำลองพาคนไปตาย" คือปชป.ชัดเจน




#598107 เรื่องที่ทักษินเป็นผู้จุดไฟสงครามกลางเมือง เผาสามจังหวัดชายแดนใต้ ... หลักฐาน...

โดย Axis Kernel on 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 20:35

ในตอนนี้บริบทความขัดแย้งทางการเมืองในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เปลี่ยนไปมาก มีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนรุ่นใหม่เกิดขึ้นมา เป็นกลุ่มปฎิบัติการในพื้นที่ติดตามดูแลพลพรรคตามกลุ่มเซลล์ต่างๆทั่วภาคใต้ที่พูดภาษามลายูอย่างทั่วถึง  แทบพูดได้ว่ามีเพียงไม่กี่คนในกลุ่มรุ่นใหม่ที่เข้าถึงและยอมรับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนรุ่นพี่ๆ ผู้นำกลุ่มเหล่านี้มีการพบปะเสวนากันเป็นประจำก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมรับคำสั่งร่วมจากกลุ่มอื่น กลุ่มจูแว (นักรบปาตานี) เป็นตัวอย่างที่ดี  กลุ่มนี้ไม่มียุทธศาสตร์ทางหนีทีไล่เลย นอกจากจะพึ่งพากลุ่มลูกพี่เก่าๆ แต่เพราะปัญหาคือท่ามกลางผู้นำกลุ่มรุ่นพี่เองก็ไม่มีเอกภาพและการรวมตัวที่สมบูรณ์เพียงพอ ดังนั้นถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์คงที่แบบนี้พวกจูแวจึงไม่ได้เดือดร้อนหรือมีความรู้สึกเร่งรีบอะไรที่จะเสริมสร้างสายสัมพันธ์กับกลุ่มรุ่นพี่

 

กลุ่มแบ่งแยกดินแดนรุ่นพี่มักชอบคิดแต่เรื่องดินแดนและการแข่งขันระหว่างกลุ่ม ที่น่าสังเกตคือทุกกลุ่มมักพูดว่าพวกเขาเป็นคู่เจรจาที่แท้จริง
ทั้งที่เอาเข้าจริงมีหลายกลุ่มหลายพวกที่ใช้ชื่อองค์กรเดียวกัน จนทำให้กลุ่มคลังสมอง ภาคประชาสังคม รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ เช่น องค์กรการประชุมอิสลาม(
Organisation of Islamic Conference - OIC) ต้องหันมาแสดงความสนใจอย่างจริงจัง

 

ส่วนนักเจรจาสันติภาพหรือผู้ไกล่เกลี่ยก็เหมือนผู้นำแบกแยกดินแดนรุ่นพี่ที่สนใจเฉพาะเรื่องดินแดนเช่นกัน ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว องค์กรโอไอซี (OIC) ได้จัดการจัดประชุมหลายครั้งกับผู้นำแบ่งแยกดินแดนที่ลี้ภัยต่างแดนเหล่านี้ พร้อมกับได้เรียกร้องให้พวกเขาจัดตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมารองรับ โดยให้ชื่อว่า "สภาประชาชนปัตตานี" (United Patani People Council - UPPC)

 

ประเด็นสำคัญต่อข้อเสนอนี้คือเมื่อยี่สิบปีก่อนเคยมีผู้นำรุ่นพี่ในขบวนการเบอร์ซาตู (Bersatu) ได้พยายามลองทำมาแล้วแต่ล้มเหลว
เนื่องจากไม่มีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนใดที่มีความยืดหยุ่นและมีข้อเสนอแลกเปลี่ยนที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

 

อดีตสมาชิกคนหนึ่งขบวนการเบอร์ซาตูปรารภว่า"ถ้ารัฐบาลไทยไม่สนใจในสภาประชาชนปัตตานี (UPPC) องค์กรโอไอซีก็ทำอะไรไม่ได้" 

 

อย่างไรก็ดีไม่มีใครรอไฟเขียวจากกรุงเทพฯ ผู้ที่เข้าร่วมประชุมที่โอไอซีจัดให้ข้อมูลว่า รุสดี ยินงอ ผู้นำรุ่นพี่พูโลอีกคนหนึ่ง (แต่เป็นคนละกลุ่มกับกัสตูรี) พร้อมจะกระโดดเข้ามาเป็นผู้นำสภาประชาชนปัตตานีทันทีหลังจากที่มีการก่อตั้งเรียบร้อยอย่างเป็นทางการ ผู้นำอีกคนหนึ่งคือ แซมซูดินคาน ผู้ซึ่งเคยประกาศตัวเองว่าเป็นผู้นำพูโล เขาพอจะมีสายสัมพันธ์และรู้จักผู้นำโอไอซีบางคน แต่ปัญหาก็คือไม่ใครรู้ว่ามันจะมีผลอย่างไรต่อการยอมรับในบรรดากลุ่มแบ่งแยกดินแดนลี้ภัยทั้งหลายอีกทั้งมีเพียงผู้คนจำนวนน้อยเท่านั้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความเข้าใจอย่างแท้จริงเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของกลุ่มที่เรียกว่าผู้นำ” 

 

 

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องปวดหัวคือยังไม่มีผู้นำแบ่งแยกดินแดนลี้ภัยคนใด มีความสามารถชักจูงให้องค์กรระหว่างประเทศคล้อยตามว่าเขามีบารมีและความสามารถในการเป็นผู้นำหรือมีอำนาจสั่งการต่อกลุ่มวัยรุ่นไทย-มาเลย์หลายพันคนในสามจังหวัดภาคใต้ที่รู้จักกันในนามจูแวอย่างแท้จริง อย่างไรก็ดีหลายๆฝ่ายรวมทั้งทหารไทยเชื่อว่า การเจรจากับกลุ่มแบกแยกดินแดนรุ่นพี่ๆ ยังเป็นทางออกที่ดีเพราะในตอนนี้กลุ่มจูแวไม่ออกตัวมาเจรจาโดยตรงเพราะกลัวว่าอาจจะถูกปองร้ายหรือฆ่าตายหากการเจราจาในอนาคตเกิดล้มเหลวขึ้นมา อีกเหตุผลหนึ่งที่พวกจูแวทั้งหลายจะไม่ออกมาร่วมขบวนการเจรจาสันติภาพก็คือ ทุกวันนี้ การที่พวกเขาสามารถโจมตีเหล่าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไหนเมื่อใดก็ได้ย่อมแสดงถึงความเป็นผู้ชนะอยู่แล้ว 

 

ตอนนี้กรอบการเจรจาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(NSC) กำลังมาถึงโค้งสุดท้าย ในขณะที่ฝ่ายทหารกระตือรือร้นจะเริ่มกระบวนการสันติภาพอีกครั้งหนึ่งกับบรรดากลุ่มรุ่นพี่ผู้นำทหารหลายคนบอกกับผู้เขียนว่า ยินดียอมรับความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะอินโดนีเซียและมาเลเซีย
เพื่อช่วยในเรื่องไกล่เกลี่ยและคาดหวังว่าผู้ให้การคุ้มครองเจ้าเก่าเหล่านี้จะสามารถนำพวกจูแวมาสู่โต๊ะเจรจาหรืออย่างน้อยที่สุดก็อาจจะเข้าร่วมในฐานะตัวแทนพวกจูแวได้

 

เรื่องนี้พูดง่ายแต่ทำยาก เนื่องจากกลุ่มจูแวโดยเฉพาะพวกวัยรุ่นเหล่านี้ไม่ค่อยแยแสในเรื่องการเจรจาสันติภาพ พวกเขาวาดหวังว่าผู้คุ้มครองเจ้าเก่าจะสามารถผนึกเป็นกำลังสำคัญของฝ่ายการเมืองในกระบวนการสันติภาพร่วมกับรัฐไทย แต่ก็เป็นเรื่องที่คาดหวังยากเพราะต่างก็รู้ดีว่าขบวนการของตนอยู่ในสถานะที่แยกส่วนและมีอิสระในการเคลื่อนไหวมากเกินไป ส่วนผู้คุ้มครองเก่าๆ ก็อยู่กันอย่างไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวอย่างมากด้วย
 

ดังนั้นไม่ว่าการขยับไปสู่การตั้งโต๊ะเจรจากระบวนการสันติภาพอย่างเป็นทางการจึงเป็นเรื่องยาก ยกเว้นแต่เมื่อใดที่กลุ่มผู้คุ้มครองเจ้าเก่าสามารถรวมตัวกันและยอมเป็นฝ่ายการเมืองด่านหน้าให้กับกลุ่มจูแว เมื่อนั้น กลุ่มจูแวก็อาจบรรลุความมุ่งหมายในการปลดปล่อยมาตุภูมิในประวัติศาสตร์ของพวกเขา ปาตานีซึ่งบางคนที่ผันตัวมาเป็นพวกจูแวก็เพราะความโกรธแค้นจากความอยุติธรรมที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เช่น เหตุการณ์ตากใบ  และบางส่วนก็พอใจรับใช้กลุ่มพ่อค้ายาเสพติดและพ่อค้าของเถื่อนตามชายแดนมากกว่า ส่วนคนอื่นๆ ยังคิดว่าการเจรจาเป็นแผนการร้ายอันจะล่อพวกเขาให้ปรากฏตัวออกมาเพื่อรอวันตาย




#598086 เรื่องที่ทักษินเป็นผู้จุดไฟสงครามกลางเมือง เผาสามจังหวัดชายแดนใต้ ... หลักฐาน...

โดย Axis Kernel on 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 20:17

ในช่วงปีต้นทศวรรษ 2520 (1980s) และช่วงปลายทศวรรษ 2530 (1990s) กลุ่มแบ่งแยกดินแดนติดอาวุธที่ต่อสู้มาอย่างยาวนาน

(พูโล, บีอาร์เอ็น, บีไอพีพี, จีเอ็มไอพี และอื่นๆ) ซึ่งกระทำการในช่วงปลายทศวรรษปี 2500 (1960s)ได้หยุดไป ทหารราบเหล่านี้ได้วางอาวุธ กลับไปยังหมู่บ้านที่จากมาและหยิบจับสิ่งที่เคยทิ้งมาผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเหล่านี้หลายคนยังคงอาศัยอยู่ในต่างแดนและถือสัญชาติของประเทศที่อาศัยอยู่ในช่วงขาลงของการก่อความไม่สงบ

 

แต่ตั้งแต่ปี2547 (2004) ที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนมาเลย์-มุสลิมรุ่นใหม่ได้เข้าสู่วงจรนี้นั้นผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนรุ่นเก่าๆที่ได้ต่อสู้มาอย่างยาวนานได้ตัดสินใจว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะกลับมาใหม่บ้างก็ไปทางองค์กรเอกชนที่ทำงานเชี่ยวชาญด้านการเป็นตัวกลางเจรจาในขณะที่บางคนก็หันหน้าขอความช่วยเหลือสนับสนุนจากรัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรต่างชาติอย่าง องค์การการประชุมอิสลาม (Organisation of Islamic
Conference - OIC) ในการประสานอำนวยการประชุมกับฝ่ายไทยการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ กระบวนการสันติภาพก็ได้ปรากฏขึ้นและทุกทุกกระบวนการก็เกี่ยวกับอาณาเขตดินแดน

 

จากมกราคม๒๕๔๗ ถึง พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เกือบ  ปีมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นทั้งสิ้น ๑๑,๓๓๒ เหตุการณ์
มีผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ความรุนแรงทั้งสิ้น
 ,๙๘๔ ราย มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความรุนแรงทั้งสิ้น ,๓๑๑ ราย 

 

เฉลี่ยแล้วในวันหนึ่งๆ มีผู้เสียชีวิต ๑.๗ คน หรือราว ๆ เกือบ  คน / วัน  ในจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นมุสลิม ๕๙ เปอร์เซ็น หรือประมาณเกือบ ,๐๐๐ คน ผู้สูญเสียเป็นพุทธ ๓๘เปอร์เซ็น หรือประมาณ เกือบ ,๐๐๐ คน

 

ในจำนวนผู้บาดเจ็บเป็นมุสลิม ๓๒ เปอร์เซ็น หรือประมาณ ,๖๐๐ กว่าคน  ในจำนวนผู้บาดเจ็บเป็นพุทธ ๖๐ เปอร์เซ็น หรือกว่า ,๐๐๐ คน ราษฏร คนธรรมดาสามัญ ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงมากที่สุด หรือ ราว ๕๐ เปอร์เซ็นของเป้าโจมตี  ในขณะที่ทหารและตำรวจมีอยู่เพียง ๑๓ เปอร์เซ็น เด็กกำพร้า ,๗๐๐ คน หญิงหม้าย ,๒๐๐ คน 

 

ความจริงไทยมุสลิมกับไทยพุทธในสยามประเทศต่างก็มีบทเรียนไม่ต่างกันนั่นก็คือ การเป็นชนกลุ่มน้อยของกันและกัน

 

ในสังคมสยามประเทศมุสลิมคือ ชนกลุ่มน้อย และในสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไทยพุทธ คือ ชนกลุ่มน้อย 

กระทั่ง สองอย่างนี้ คือบทเรียนที่ต่างคนต่างได้เรียนรู้มาเท่ากันและสูญเสียมาไม่ต่างกันทว่าผลพวงแห่งความรุนแรงทั้งหมดเหล่านี้
กลายเป็นคำถามอย่างเดียวที่เกิดขึ้นในพื้นที่ นั่นก็คือความไม่เหมือนระหว่างไทยพุทธ-ไทยมุสลิม

 

เราจะอยู่ร่วมกันได้ไหม หากได้แล้ว ได้อย่างไร (เมื่อทั้งสองต่างมีบทเรียนมาไม่ต่างกันและสูญเสียมาเกือบจะเท่ากัน) ?”

 

มีการย้ายถิ่นฐานทั้งภายในภูมิภาคและภายนอกภูมิภาคของชาวพุทธประมาณ  ๓๐เปอร์เซ็น มีการย้ายถิ่นฐานทั้งภายในภูมิภาคและนอกภูมิภาคของมุสลิม ประมาณ ๑๐เปอร์เซ็น  คดีความมั่นคง ตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ ทั้งสิ้น ,๑๙๘ คดี ในจำนวนนี้มีเพียง ๒๔ เปอร์เซ็น หรือเกือบ ,๐๐๐ คดีที่รู้ตัวผู้ก่อการ 

 

คดีความมั่นคงตั้งแต่๒๕๔๗ - ตุลาคม ๒๕๕๔ ทั้งสิ้น ,๑๙๘ คดี ในจำนวนนี้จับกุมตัวได้ประมาณ ๑๗ เปอร์เซ็น ,๓๘๕ คดี
เจ้าพนักงานสอบสวนส่งฟ้องเพียง
 ๒๐ เปอร์เซ็น หรือ ,๖๔๑ คดี  ศาลพิพากษาลงโทษในคดีความมั่นคงเพียง ๕๕ เปอร์เซ็น หรือประมาณ ๒๔๓ คน และคดียกฟ้อง ๔๕ เปอร์เซ็น หรือประมาณ ๒๔๑ คน

 

เราต่างผ่านอะไรมาเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นช่วง ๒๕๔๗ คดีปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ ๔ , คดีอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร ,เหตุการณ์ยิงถล่มมัสยิดกรือเซะ,เหตุการณ์นองเลือดที่ตากใบ,เหตุการณ์ปิดเมืองยะลา, เกิดกรณีอพยพของชาวไทยมุสลิมไปยังมาเลเซียประมาณ๑๓๑ คน , สังหารครูประสาน ชูมาก,ทำร้ายครูจูหลิง,กราดยิงรถตู้ยะหา-บันนังสะตา,ฆ่าทหารที่ตันหยงลิมอ,ชุมนุมประท้วงที่มัสยิดกลางปัตตานี ,กรณีซ้อมทรมานนักศึกษายะลาอิสมาแอ เดะ, กรณียะผา กาเซ็งและอื่น ๆ อีกมากมาย

 

ความรุนแรงเดินไปสู่ขั้นวิกฤติภายใต้ ๖ นายกรัฐมนตรี ,๖ คน ผู้บัญชาการทหารบก, ๗ คน ของแม่ทัพภาคที่ ๔ ,๗ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ใต้การทำงานของหลายหน่วยงานเจ้าภาพในการดับไฟใต้ ไม่ว่าจะเป็น กอ.รมน.ภาค ๔ /พตท./ศอบต./กอ.สสส.จชต./ศบ.ชต./ศชต.
ผ่านการดำเนินงานของ กฎหมายพิเศษ/กฎอัยการศึก/พรบ.ความมั่นคง/พรก.ฉุกเฉิน

 

กองกำลังของรัฐทั้งทหารและตำรวจมากกว่า ๖๐,๐๐๐ นาย ใช้งบประมาณภาครัฐทั้งสิ้น๑๔๔,๐๐๐ ล้านบาท

 

นี่คือความรุนแรงที่เราได้ก่อมันให้เกิดขึ้นไม่ว่าด้วยเหคุผลที่เกิดขึ้นมาจากปัจจัยใดใดก็ตามที  

บ้างอาจจะเกี่ยวข้องกับความไม่ยุติธรรมตามการศึกษาของนักสิทธิมนุษยชน ส่วนหนึ่งเกิดจากเรื่องชาติพันธุ์และศาสนาจากการค้นคว้าของนักประวัติศาสตร์ อาจจะมีเกิดจากพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ร่วมของกลุ่มคนที่ได้รับความไม่เท่าเทียมในสายตาของกองทัพปลดแอกคงไม่พ้นจากการกระจายรายได้ไม่ทั่วถึงผ่านมุมมองนักเศรษฐศาสตร์หรือเกิดจากการไร้วิถีของศาสนาและการหลุดลุ่ยของชีวิตใต้แบบแห่งศาสนาผ่านแนวคิดของนักการศาสนาความรุนแรงและการก่อความไม่สงบของกลุ่มผู้ก่อการในสายตาของรัฐไทยและกองทัพ  ความไม่ลงตัวของผลประโยชน์ของผู้แสวงหาอำนาจและกอบโกย

 

-เกิดจากการปกครองที่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยใต้สายตานักการเมืองท้องถิ่น
-เกิดจากระบบการศึกษาที่กดขี่และไม่มีความชัดเจนผ่านแว่นขยายของนักการศึกษา
-อาจเกิดจากการแพร่หลายของยาเสพติดจากการสำรวจของงานสาธารณะสุข
-อาจเกิดจากการกดขี่ของรัฐบาลกับการเป็นมุสลิมชนกลุ่มน้อยในสายตาของนักเคลื่อนไหวเพื่อสร้างสถานการณ์
-เกิดจากระบบการจัดการคดีความมั่นคงไม่ทั่วถึงจากการสำรวจนักกฎหมาย
-ความไม่เท่าเทียมในสิทธิของพลเมืองในสายตาชาวบ้าน

 

หรืออาจ เกิดจากการขัดแย้งและแย่งชิงตำแหน่งและหน้าที่การงานกันเองของ(นักการเมืองท้องถิ่น -นักการศาสนา) ที่เมืองชายแดนเพื่อกอบโกยผลประโยชน์และยกระดับการเป็นอยู่ของสายตระกูลให้ดีขึ้น

 

ทว่าเมื่อเหตุการณ์ความรุนแรงเหล่านี้จบลง ความสูญเสียได้เกิดขึ้นภายใต้รากเหง้าแห่งความเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด (ต่างกันแค่ศาสนาไทยมุสลิม-ไทยพุทธ)  เกือบจะทุกสถานการณ์ สิ่งหนึ่งที่ได้ยินตามมาและกลายเป็น บทสรุป คือ  ความเป็นไทยพุทธ-ความเป็นมุสลิม
เพราะเราไม่อาจอยู่ร่วมกันได้
 ทุกคนต่างโยนความผิดมาให้กับความต่างเหล่านี้ว่าด้วยหลักความเชื่อหลักการศรัทธาและวิถีปฏิบัติ จนกระทั่งกลายเป็น แพะที่คอยรับบาปมากว่า ๙ ปี




#586889 เรื่องที่ทักษินเป็นผู้จุดไฟสงครามกลางเมือง เผาสามจังหวัดชายแดนใต้ ... หลักฐาน...

โดย Axis Kernel on 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 22:36

สรุป..สาเหตุไฟใต้เกิดจากทุกรัฐบาล ไม่ใช่แค่รัฐบาลทักษิณ 

การมัวมานั่งโทษคนนั้นคนนี้ เวลาที่เสียไป กับ ชีวิตผู้คนที่จากไปทุกวันเวลา..

เมื่อไหร่จะถึงเวลาแก้ปัญหาตรงนี้จริงๆจัง ๆ ...



สาเหตุที่แท้จริงมันคืออะไร ? แนวทางแก้ปัญหาที่ผ่านมา ? และวิธีแก้ปัญหาจากนี้ไป ?...

 


ปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน...พูดไปก็เหมือนหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ

บางคนก็โยนไปเป็นเรื่องของศาสนา.....ไม่มีศาสนาไหนสอนให้คนมาฆ่ากันหรอก
เป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งนั้น.....พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ของเราถือว่าเป็น


พื้นที่ๆอุดมสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรหรือแหล่งท่องเที่ยว...

จึงมีคนบางกลุ่มบางพวกต้องการ...จนต้องสร้างสถานการณ์และก่อความวุ่นวาย....

ไม่อยากให้ความเจริญและความรู้เข้าไปถึงประชาชนเดี๋ยวจะควบคุมได้ยาก...

ปัจจุบันถือเป็นสงครามแย่งชิงประชาชนไปแล้ว...

 

บ้านเราเก่งเรื่องสร้างสถานณการณ์และเช่นกัน บางเหตุการณ์ที่ทหารไทยเป็นคนทำเอง
และโยนความผิดให้คนมุสลิมภายใต้บุคคุลมีบารมีที่อยู่เบื้องหลัง คอยสั่งการ ...

พื้นฐานความแตกต่าง วิถีชีวิตก่อให้เกิดการสะสมของปัญหา ที่สืบทอดมาทุกรุ่น ทุกรัฐบาล..

 

ถ้าใครสงสัยอิสลามให้ศึกษาศาสนาเขาให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยสรุป    

คนไทยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือไม่ชอบค้นคว้านี่คือสถิติอันอันดับต้น ๆ ของโลก  

คนอิสลามส่วนใหญ่จะถูกกดขี่ขมเหงสะก่อน  แล้วอิสลามในเมื่อเขาถูกรังแกถ้าน้อยเขาก้อจะทน...

แต่ถ้ามากเขาจะไม่กล้วใครหน้าไหนทั้งนั้นแม้กระทั้งชีวิตของเขาก็ให้ได้

 

ดูสังคมไทยเราเอาอย่างใกล้ตัวสุด   อบต.ที่บ้านท่านถ้าใครซื่อตรง ไม่คดโกง  

ชอบคุดคุ้ยเรื่องทำผิดกฎหมาย   ต้องสังเวยชีวิตกันทุกคน  อันนี้ทุกคนก็รู้ดี    

และอิสลามก็ทำนองเดียวกันถ้าเห็นความไม่ยุติธรรม เขาไม่ค่อยเห็นด้วย

แล้วออกมาในรูปการกระทำมันก็เลยถูกมองในด้านลบ  

จากสื่อต่างๆ...แนวคิดในระบอบอิสลาม...ประชาชนส่วนใหญ่ ที่ไม่ใช่มุสลิม ก็คือ ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม 

อันเนื่องมาจาก ว่า พวกเขาไม่ได้รู้จัก อิสลาม หรือ ถ้ารู้ ก็รู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 

หรือไม่ก็มองภาพพจน์อิสลามที่บิดเบือน มันเป็นการยาก หรือ ค่อนข้างเป็นไปไม่ได้ 

สำหรับคนๆหนึ่ง ที่จะรู้อิสลามอย่างดี โดยการไม่ยอมรับมันก่อน



อิสลามคือ บรรทัดฐานชีวิต ผู้ที่อยู่ในโลก มุสลิม ซึ่งยอมรับเอาอิสลาม มาเป็นศาสนาปฎิบัติ
สามารถ ใช้อิสลาม เป็นบรรทัดฐาน สำหรับประเมินคุณค่าของสังคมอื่นได้

อิสลามได้ทำให้เราเข้าใจว่า ภาพพจน์ที่ดีอย่างไร ที่จะบันดาลสังคมให้เป็นสังคมตามอุดมการณ์ได้
อิสลามซึ่งประกอบไปด้วย คัมภีร์ อัลกุรอาน และ แบบอย่าง

ของท่าน นบี มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ  อะลัยฮิ วะสัลลัม ซึ่งได้ให้ทางนำแก่มุสลิมในทุกๆด้านของชีวิต 

และนั่นทำให้มุสลิมมีขนบธรรมเนียมและ  แนวปฎิบัติที่คล้ายคลึงกัน

 

อิสลามมิได้ปล่อย ให้ประชาชน อยู่กับ ประเพณี ที่สืบทอดมา 

ซึ่งแต่ละท้องที่มีไม่เหมือนกัน และอาจ ผิดหรือถูกก็ได้ 

 


อิสลาม ได้มอบรูปแบบ การดำเนินชีวิตที่เป็นอกลักษณ์แก่ประชาชนทุกคน

ซึ่งจะต้องเข้าแทนที่ประเพณีและ คุณค่า เก่าๆของพวกเขา...

 

- ความไม่เท่าเทียม ความดูหมิ่น ความแบ่งแยก ...

โดยส่วนตัวแล้วน่ะค่ะ สิ่งเหล่านี้ เราคงต้องมาแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

- จุดอ่อนคืออะไร ความแตกต่างของการอยู่ร่วมกันในสังคม วัฒนธรรม ใช่มั้ย
- การส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสังคม ให้เกิดขึ้น ระหว่างคนไทยและมุสลิม
- การใช้สื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือ เข้ามามีส่วนร่วมแก้ปัญหา คนไทยมีนิสัยเชื่อทุกอย่างที่สื่อเสนอ
- วิธีนี้ ใช้ได้ผลมาตั้งแต่ยุคอดีต ใครอยาก ครอบงำอะไร ก็ใช้สื่อทีวี
- คนไทยอยู่กับความเชื่อมาช้านาน คนไทยไม่คิดทดลองหาคำตอบอะไร
- แต่จะเชื่อทุกอย่างที่มันหาคำตอบไม่ได้ ..เมื่อสื่อทีวี เข้ามามีบทบาท
- คนไทยเชื่อทุกอย่างที่ ทีวีเสนอ ...การนำจุดอ่อนตรงนี้มาส่งเสริม
- ให้เกิดความเท่าเทียมของคนไทย-มุสลิม การใช้สื่อทีวีบอกเล่า เสนอ

มุมมองของวิถีชีวิตที่แตกต่าง ออกมาในรูปแบบของสารคดี ละคร ภาพยนต์
- การส่งเสริมรายการที่เกี่ยวกับวิถีชีิวิต คำสอน คนไทย-มุสลิม และคนไทย-พุทธ
- ความพยายามทำให้เกิดความกลมกลืนของ
2 วัฒนธรรมแก่คนรุ่นใหม่...เหมือนโลกตะวันตกที่ใช้ภาพยนต์เป็นตัวสื่อออกมาถึงความเท่าเทียมไม่แ่บ่งแยกสีผิว

- เราทราบดีถึงปัญหาเรื่องการเหยียดสีผิวของอเมริกาในอดีต..แต่ปัจุบันถึงแม้อาจจะยังมีปัญหานี้อยู่
แต่ความพยายามที่จะแก้ปัญหาการแบ่งแยกสีผิวโดยการเสนอผ่านสื่อทีวีและภาพยนต์
มีส่วนทำให้อเมริกากลายเป็นดินแดนแห่งความหลากหลายของคนหลายกลุ่ม
...ความพยายามสื่อออกมาในรูปแบบว่าคนผิวสี คนผิวขาว คนเอเชีย สามารถเป็นเพื่อนกัน
สามารถอยู่ร่วมกันได้ ...มันสะท้อนให้เห็น และมีผลต่อคนรุ่นใหม่
ที่จะได้ซึมซับสิ่งเหล่านี้ และเลิกการแบ่งแยก ใช่มั้ยค่ะ ...




#573920 เปิดจดหมายเมื่อ แดง-เหลือง เจอกันในคุก!! เราต่างเป็นเหยื่อการเมือง ??...

โดย Axis Kernel on 19 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:51

คนไทยทั้งประเทศ ทุกๆคนที่ยังมีชีวิต ไม่เว้นแม้แต่ใคร ที่ต้องตกเป็นเหยื่อการเมือง

ไม่ว่า เหลือง แดง ฉัน คุณ ทั้งที่รู้ตัว ไม่รู้ตัว และไม่ยอมรับว่ารู้ตัว

 

การเมืองเป็นเรื่องการช่วงชิงอำนาจ ( Power play ) 

เมื่อคนมี อำนาจ  

ก็มักจะหลงกับอำนาจ
ติดกับ อำนาจ
ลุแก่ อำนาจ
ฯลฯ

 

วันนี้คุณแผ่เมตตารึยัง....
สัพเพสัตตา อเวรา โหนตุ อพยาปัชชา โหนตุ อนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ

แปลว่า สัตว์โลกทั้งหลายที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงอยู่เป็นสุขๆ เถิด อย่าได้มีเวรมีภัยซึ่งกันและกันเลย จงอยู่เป็นสุขๆ เถิด อย่าได้มีความอาฆาตพยาบาทซึ่งกันและกันเลย จงอยู่เป็นสุขๆ เถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
 

อานิสงค์การแผ่เมตตา 
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน เมตตานิสังสสูตร ว่า

ผู้ที่เจริญเมตตาอยู่เป็นนิจจะได้รับอานิสงค์ ๑๑ ประการ คือ

  1. จะหลับอยู่ก็เป็นสุข
  2. จะตื่นอยู่ก็เป็นสุข
  3. จะไม่ฝันร้ายและลามก
  4. เป็นที่รักใคร่ของหมู่มนุษย์
  5. เป็นที่รักใคร่ของอมนุษย์ตลอดจนสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย
  6. เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา
  7. ย่อมล่วงพ้นจากไฟ ยาพิษ ศัสตราวุธและภยันตรายทั้งปวง
  8. ทำให้จิตตั้งมั่นเจริญสมาธิได้รวดเร็ว
  9. หน้าตาอิ่มเอิบจิตใจเบิกบาน ผิวพรรณผ่องใส
  10. ทำให้มีสติมั่นคงไม่หลงใหลในเวลาจะสิ้นใจ
  11. เมื่อสิ้นชีวิตแล้วแม้จะเกิดอีกก็เกิดในที่ดี มีสวรรค์ หรือพรหมโลก เป็นต้น



#570253 ขอถาม...เจ้าของกิจการ....ต้นปี57...คุณคิดจะให้ลูกจ้างทุกคนในบริษัท...ได้ค่าแร...

โดย Axis Kernel on 15 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:57

1509_492732037444132_1751400429_n.jpg




#570249 โดนรับน้องซะละ เสาไฟฟ้า

โดย Axis Kernel on 15 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:52

734761_492559007461435_2129008358_n.jpg




#569584 "คิดบวก" เปลี่ยนแปลงชีวิต เรื่องง่ายๆ ที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึง

โดย Axis Kernel on 15 มกราคม พ.ศ. 2556 - 10:21

65871_397039827052860_1303756304_n.jpg




#568779 เด็กไม่มีหน้าที่นำพาไทยสู่อาเซียน โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล

โดย Axis Kernel on 14 มกราคม พ.ศ. 2556 - 12:19

ฮ่องกง จะใช้ เหนย์ โหว ภาษากวางตุ้งกันทุกคน  ส่วนน้อยมาก  " หนีห่าว " จีนกลาง

 

สิงคโปร์ เขาใช้จีนกลาง และ จีนแต้จิ๋ว ซึ่งจีนกลางก็คือ " หนีห่าว "

 

คนแต้จิ๋วเจอกัน เค้าไม่ทักว่า สวัสดี หรือ สบายดี หรอกค่ะ

 

ส่วนมากเค้าจะทักกันว่า คุณไปไหนมา - ลื้อขื๊อตี่ก่อ หรือ กินข้าวหรือยัง - เจี่ยะปึ่งบ๋วย

 

 

 

 

 

 

 




#568523 เด็กไม่มีหน้าที่นำพาไทยสู่อาเซียน โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล

โดย Axis Kernel on 14 มกราคม พ.ศ. 2556 - 01:26

คำทักทายเพื่อนสมาชิกเป็นภาษาในกลุ่มอาเซียนนะคะ

 

เริ่มจากคำว่า สวัสดี นะคะ

 

อินโดนีเซีย.................เซลามัตปากิ

 

มาเลเซีย...................ซาลามัต ดาตัง

 

ฟิลิปปินส์...................กูมูสต้า

 

สิงคโปร์....................หนีห่าว

 

บรูไน.......................ซาลามัต ดาตัง (ใช้เหมือน มาเลเซียค่ะ )

 

เวียดนาม..................ซินจ่าว

 

ลาว.........................สะบายดี

 

พม่า........................มิงกะลาบา

 

กัมพูชา....................อรุณซัวซะเดย




#568325 ขอกำลังใจจากเพื่อนๆ

โดย Axis Kernel on 13 มกราคม พ.ศ. 2556 - 20:52

1357960164-1293041265-o.jpg




#567382 คอยฟังนโยบาย กทม.ของเพื่อไทย นั้นแหละ เสาไฟฟ้าของแท้

โดย Axis Kernel on 12 มกราคม พ.ศ. 2556 - 13:14

    582484_129332060565927_2012272035_n.jpg




#567293 เด็กไม่มีหน้าที่นำพาไทยสู่อาเซียน โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล

โดย Axis Kernel on 12 มกราคม พ.ศ. 2556 - 11:06

คำขวัญวันเด็ก 54 ปี สะท้อนให้เห็นภาพการเมือง ณ เวลานั้น ว่า จริงเท็จ มีคุณค่า หรือ  "ไร้สาระ-ไม่มีทางเป็นไปได้"...


*** ช่วยย้อนกลับไปดูปีที่ผ่านๆ มาหน่อยสิ มันมีปีไหนบ้าง ที่มีทางเป็นไปได้บ้าง ***

150967_397838743639635_1392087357_n.png

2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กไทยในสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า 

2503 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กไทยในสมัยปฏิวัติของข้าพ เจ้าจงเป็นเด็กที่รักความสะอาด 

2504 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กไทยในสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย 

2505 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กไทยในสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด 

2506 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขอให้เด็กไทยในสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันมั่นเพียรมากที่สุด 

2507 จอมพล ถนอม กิตติขจร (งดจัดงานวันเด็ก) 

2508 จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กจะเจริญต้องรักเรียนและเพียรทำดี 

2509 จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะบากบั่นและสมานสามัคคี 

2510 จอมพล ถนอม กิตติขจร อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรง เรียนดี มีความประพฤตเรียบร้อย 

2511 จอมพล ถนอม กิตติขจร ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัยมีความเฉลียวฉลาด และรักชาติยิ่ง 

2512 จอมพล ถนอม กิตติขจร รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ 

2513 จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส 

2514 จอมพล ถนอม กิตติขจร ยามเด็กจงมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ 

2515 จอมพล ถนอม กิตติขจร เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ 

2516 จอมพล ถนอม กิตติขจร เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ 

2517 นายสัญญา ธรรมศักดิ์   สามัคคีคือพลัง 

2518 นายสัญญา ธรรมศักดิ์   เด็กคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจ ร่วมพลังสร้างความดี 

2519 ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช  เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรืองจะต้องทำตัวให้ดี มีวินัยเสียแต่บัดนี้ 

2520 นายธานินทร์ กรัยวิเชียร รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย 

2521 พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง 

2522 พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เด็กไทยคือหัวใจของชาติ 

2523 พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ขยัน อดทน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย 

2524 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ มีวินัยใจซื่อสัตย์ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม 

2525 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ขยัน ศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย 

2526 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัย และคุณธรรม 

2527 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดี มีความคิด สุจริต ใจมั่น 

2528 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ สามัคคี มีวินัย ใฝ่คุณธรรม 

2529 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นิยมไทย ใช้ประหยัด ใจซื่อสัตย์ ถือคุณธรรม 

2530 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นิยมไทย ใช้ประหยัด ใจซื่อสัตย์ ถือคุณธรรม 

2531 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นิยมไทย ใช้ประหยัด ใจซื่อสัตย์ ถือคุณธรรม 

2532 พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจซื่อสัตย์ ถือคุณธรรม 

2533 พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจซื่อสัตย์ ถือคุณธรรม 

2534 นายอานันท์ ปันยารชุน รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา 

2535 นายอานันท์ ปันยารชุน สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม 

2536 นายชวน หลีกภัย ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม 

2537 นายชวน หลีกภัย ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม 

2538 นายชวน หลีกภัย สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม 

2539 นายบรรหาร ศิลปอาชา มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด 

2540 พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด

2541 นายชวน หลีกภัย ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย 

2542 นายชวน หลีกภัย ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย 

2543 นายชวน หลีกภัย มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย

2544 นายชวน หลีกภัย มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย

2545 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคต ที่สดใส 

2546 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี 

2547 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดี ๆ อนาคตดีแน่นอน

2548 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เด็กรุ่นใหม่ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด

2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด

2550 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข

2551 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม

2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี 

2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คิดสร้างสรรค์ ขยันใผ่รู้ เชิดชูคุณธรรม

2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ

2555 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี


วันเด็กปีนี้ "นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" มอบคำขวัญให้เด็กๆ "รักษาวินัย ใฝ่ความรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทย สู่อาเซียน" ค่อนข้างยาวไม่รู้ว่าเด็กจำได้หรือไม่ ในสมัยเด็กๆ ยุครัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร "จงทำดี จงทำดี จงทำดี" จำได้ง่ายแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจว่าต้องทำตาม ในระยะหลังๆ ไม่รู้ว่ามีเด็กคนไหนทำตามหรือไม่ หรือสำคัญอย่างไร

 

สำคัญหากจะให้คำขวัญเกิดผลจริงๆ จะต้องมีแผนงานรองรับให้มีผลในทางปฏิบัติรณรงค์กันทั้งปีไม่ใช่แค่วันเดียว และที่สำคัญผู้ใหญ่ต้องร่วมมือ ต้องช่วยกันและทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี     ก็ต้องมีพื้นที่ให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้หาความรู้เพิ่มพูนปัญญาจริงๆ หากจะให้เด็กซื่อสัตย์ นักการเมืองและผู้ใหญ่ต้องไม่ทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นตัวอย่างไม่ดี

มิเช่นนั้นมันจะเป็นคำขวัญเฉพาะวันเสาร์ที่สองของปี หลังจากนั้นก็ไม่มีความหมาย


  • wat likes this