Jump to content


หงส์เฒ่าเสาร์ธรรม

Member Since 10 January 13
Offline Last Active 16 July 14 06:14
*****

#579790 เหอๆๆๆ...พาดหัว ลงข่าวแบบนี้ รู้ได้ทันทีว่าต้องมีคน "ทำบาป"...

Posted by chaidan on 25 January 2013 - 20:54

601102_10151374363558390_697275888_n.jpg

 

สวนทาง....

สันโดษ...




#572662 กระทู้เฉพาะกิจ!!! เราสังคมประชาธิปไตย โหวตกันไปเลยดีกว่าว่า jaide...

Posted by โจโฉ นายกตลอดกาล on 18 January 2013 - 07:34

ไม่อยากให้มีการสำรวจเพื่อล้มความผิดแบบนี้ครับ ผิดก็คือผิด ไม่ควรอ้างว่าระบอบสังคมประชาธิปไตยมาล้างผิด ถ้าจะสำรวจแบบประชาธิปไตย ก็มาสำรวจกันว่า มอด ทำถูกหรือไม่ ไว้วางใจได้อีกหรือไม่ หรือจะเปลี่ยนธรรมนูญ กฏเกณฑ์ในการตรวจสอบ ก็ว่ามา ถ้าเขาจะเมมมาใหม่ก็เป็นสิทธิ์ของเขา ใช้เมลเก่าได้หรือไม่ผมไม่ทราบ แต่ต้องเป็นไปตามกฏที่เรายอมรับตั้งแต่ต้น ไม่ควรมาวุ่นวายกันแบบนี้อีก สรุปผมไม่โหวต น่ะครับ

 

ผมได้บอกเรื่องนี้ใน "ป.ล." แล้วนะครับ เกรงว่าจะอ่านข้อความผมไม่หมดทุกบรรทัด

 

ผมบอกอีกครั้งก็ได้ ผลการโหวตไม่สามารถล้างการกระทำผิดกฎบอร์ดได้

 

เป็นเพียงการแสดงเจตนารมณ์ว่าสมาชิกเสรีไทยเว็บบอร์ดคิดเช่นไรกับใจดี

 

เพื่อให้เจ้าตัวรู้สักที ไม่ใช่อ้างแบบมึนๆ เช่น "พวกเรา" "เพื่อนๆ" คำพูดราวกับหาแนวร่วม

 

และผลโหวตนี้เป็นการกระตุ้น หรือพูดกันบ้านๆ "สั่งสอน" ใจดี แบบเป็นรูปธรรมมากที่สุด

 

เคยเตือนเขาในเรื่องของกรรมมาหลายครั้ง เจ้าตัวดื้อเอง มึนเอง

 

ให้สารภาพความจริง ขอโทษเพื่อนสมาชิก เจ้าตัวก็ดันบอกว่า

 

ไม่ได้โกหกอะไรทำไมต้องสารภาพ ไม่ได้ทำผิดอะไรทำไมต้องขอโทษ

 

วันนี้เป็นการเตือนครั้งสุดท้ายว่า ใจดีคิดจะทำในเรื่องที่ควรทำได้หรือยัง?

 

คอยแต่คิดว่าทำไปแล้วจะได้อะไร ทั้งๆที่ปัญหาทั้งหมดตัวเองเป็นคนก่อขึ้นเอง

 

วันนี้อยากได้รับการให้อภัยจากเพื่อนสมาชิก คุณได้แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดหรือยัง

 

ถ้าคุณแก้ไขแล้วอย่างน้อยสิ่งเล็กๆที่คุณจะได้รับคือ "การให้อภัย" จากเพื่อนสมาชิก

 

ขอรบกวนให้อ่านให้หมดด้วยครับ ก่อนเข้าใจว่ากระทู้นี้จะล้างผิดให้ใคร

 

หรือเป็นกระทู้กดดันผู้ดูแล กระทู้นี้อยากให้คนเพียงคนเดียวได้รับ "บทเรียนสุดท้าย"




#570179 ผมจะ.......เลิกอ่าน....เลิกเข้า....เว็บMSN......

Posted by son on 15 January 2013 - 21:50

http://money.impaqms...id=33979&ch=227

 

โกดังข้าวล้น"ระเบิดเวลา"ล้มจำนำข้าว
ย่างเข้าสู่ปีที่ 2 ของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก โครงการที่รัฐบาลตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาในราคาแพงกว่าตลาด 50% กลายเป็นประเด็นทิ่มแทงรัฐบาลอีกครั้ง ในขณะที่พิษบาดแผลการระบายข้าวแบบ “จีทูจีเก๊” ยังไม่หายสนิท
 
เมื่อคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าว ภายใต้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้ประชุมกันวันที่ 27 ธ.ค. 2555 และมีการรายงานความคืบหน้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2555/2556 ซึ่งพบว่า วันที่ 25 ธ.ค. 2555 มีชาวนานำข้าวเปลือกเข้าโครงการ 1.35 ล้านราย ปริมาณทั้งสิ้น 7.75 ล้านตัน
 
แต่ปรากฏว่ามีการส่งมอบข้าวสารเข้าโกดังกลางเพียง 2.12 แสนตันเท่านั้น คิดเป็นข้าวสารไม่ถึง 5% ของข้าวเปลือกที่รับจำนำ
 
นอกจากนี้ มีข้าวสารที่กระทรวงพาณิชย์สั่งสีแปรสภาพแล้ว แต่ค้างการส่งมอบอยู่ 1.73 ล้านตัน
 
“ตามระเบียบเมื่อโรงสีรับข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำ โรงสีต้องสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารภายใน 7 วัน แต่ตอนนี้โรงสีหลายแห่งไม่สีแปร เพราะไม่สามารถส่งข้าวสารไปโกดังกลางได้ บางเที่ยวรถสิบล้อขนข้าวไปส่งโกดังกลางต้องรอ 6-7 วัน จึงนำข้าวเข้าโกดังกลางได้” มานัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทยระบุ
 
หากย้อนไปดูตัวเลขทางการพบว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ที่อ้างข้อมูลธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สรุปผลการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2554/2555 ทั้งข้าวเปลือกนาปี และข้าวเปลือกนาปรังว่ามีข้าวเปลือกข้าวทั้งสิ้น 21.703 ล้านตัน วงเงินหมุนเวียน 3.36 แสนล้านบาท
 
ข้าวเปลือก 21 ล้านตันเมื่อทอนเป็นข้าวสารตามสูตร สมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันคลังสมองของชาติ ผู้เชี่ยวชาญด้านข้าว ที่คำนวณว่า ข้าวเปลือก 1 ตันเมื่อสีแปรแล้วจะได้ข้าวสาร 600-650 กิโลกรัม นั่นเท่ากับว่ารัฐบาลจะข้าวสารเก็บไว้ในโกดัง 12.6 ล้านตัน และเมื่อรวมกับสต๊อกข้าวสารที่ค้างในสต๊อกก่อนมีโครงการรับจำนำข้าว 2.2 ล้านตัน
 
ทำให้รัฐบาลมีข้าวสารในกำมือ 14.6 ล้านตันเลยทีเดียว
 
ทว่าข้อมูลจากสมุดปกเขียว “รู้ลึก รู้จริง จำนำข้าว” ได้ระบุว่า รัฐบาลทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับหลายประเทศ 7.328 ล้านตัน มีการส่งมอบแล้ว 1.49 ล้านตัน จึงประเมินได้ว่าในช่วงต้นปี 2556 รัฐบาลมีข้าวสารเก็บไว้ในโกดังกลางทั่วประเทศ 80-90 แห่งอย่างน้อย 12 ล้านตัน
 
แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขปริมาณข้าวสารไม่มีใครยืนยันได้ว่าอยู่ครบทั้งจำนวนหรือไม่ เพราะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการ
 
“ข้าวสารที่บอกว่ามี 10 ล้านตัน ไม่มีใครรู้ว่ามีอยู่เท่าไรแน่ มีการนำข้าวออกมาเวียนหรือไม่ และที่บอกว่าขายข้าวจีทูจีไปแล้ว 1 ล้านตัน ความจริงขายไปเท่าไร ไม่มีใครรู้” นายกสมาคมโรงสีข้าวไทยคนปัจจุบันตั้งข้อสังเกต
 
ขณะที่สถานการณ์ร้อนๆ วันนี้ คือ ข้าวเปลือกที่โรงสีรับจำนำจากชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2555/2556 ที่รับจำนำมาแล้ว 7.75 ล้านตัน และข้าวเปลือกที่เหลือจนสิ้นสุดฤดูกาลที่จะออกมาสมทบอีก 8 ล้านตันตามตัวเลขที่ สศก.ประเมิน
 
จะทำให้รัฐบาลมีข้าวเปลือกในมือเพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านตัน หรือคิดเป็นข้าวสาร 9 ล้านตัน
 
“หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องการระบายข้าวแบบจูทูจีผ่านเครือข่าย “เสี่ยเปี๋ยง” มีการระบายข้าวสารจากสต๊อกรัฐน้อยมาก ที่เคยคาดจะระบายข้าว 1.7-1.8 ล้านตันก็ทำไม่ได้ เห็นได้จากเงินค่าข้าวต้องจ่ายคืน ธ.ก.ส.มีเพียง 4.1 หมื่นล้านบาท จากที่บอกว่าจะส่งคืน 8 หมื่นล้านบาท” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
 
ขณะที่ท่าทีของ บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ หัวเรือใหญ่โครงการรับจำนำข้าว ได้กล่าวกับตัวแทนโรงสีและผู้ส่งออกเกี่ยวกับแนวระบายข้าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “จะไม่ระบายข้าวสารในราคาต่ำกว่าราคาตลาด” เพราะเกรงว่าจะถูกตรวจสอบและมีความผิดในภายหลังก็เป็นได้
 
เงื่อนปมตรงนี้เป็นการสร้างเงื่อนไขที่ทำให้การระบายข้าวสารออกจากสต๊อกทำได้ยากยิ่ง หากไม่มีการจัดการใดๆ ภายในเดือน มี.ค.-เม.ย.รัฐบาลจะมีข้าวสาร 2 ฤดูกาลผลิตเก็บไว้ในสต๊อกเกิน 20 ล้านตันเป็นแน่
 
นี่จึงเป็นที่มาของคำถามที่ว่ารัฐบาลจะเก็บข้าวสารจำนวนนี้ไว้ที่ไหน
 
จากสถิติกรมส่งเสริมการเกษตร พบว่าปีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/2555 มีชาวนาขึ้นทะเบียนเกษตรกร 3.260 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 59.78 ล้านไร่ ส่วนโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต2555/2556 ตัวเลขแทบไม่ต่างกัน โดยมีชาวนาขึ้นทะเบียนเกษตรกร 3.196 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 59.56 ล้านไร่
 
แต่สิ่งที่แตกต่างกัน คือ เมื่อสิ้นสุดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/2555 วันที่ 29 ก.พ. 2555 มีชาวนานำข้าวเข้าโครงการทั้งสิ้น 1.188 ล้านราย ปริมาณข้าวเปลือก 6.948 ล้านตัน ขณะที่โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2555/2556 เพียงครึ่งทางมีชาวนาเข้าโครงการ 1.350 ล้านราย ปริมาณข้าว 7.752 ล้านตัน
 
นิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย เห็นว่า แม้ผ่านมาครึ่งทางของโครงการรับจำนำข้าวนาปี แต่มีชาวนาเข้าโครงการเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2 แสนราย ถือว่าไม่ผิดปกติ เพราะปีที่แล้วมีเหตุการณ์น้ำท่วม
 
แต่ปีนี้ไม่มี แต่ที่น่ากังวลมากกว่า คือ ข้าวเปลือกที่รับจำนำข้าวมาในโครงการแล้ว 7 ล้านตันไม่มีที่เก็บต่างหาก
 
นิพนธ์ ตั้งข้อสังเกตว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ข้าวเปลือก 7 ล้านตันที่เข้าโครงการเป็นข้าวลม คือ ไม่มีการส่งมอบข้าวเปลือกจริง แต่มีการออกใบประทวนให้ชาวนานำไปขึ้นเงินกับ ธ.ก.ส.และชาวนาได้รับส่วนแบ่ง 1,000 บาทต่อตัน
 
“ยกตัวอย่าง เช่น ชาวนาคนหนึ่งปลูกข้าวได้ข้าวเปลือก 30 ตัน ก็ร่วมมือกับโรงสีออกใบประทวน ซึ่งได้รับเงินสด 1,000 บาทต่อตัน 30 ตันก็คิดเป็นเงินสด 3 หมื่นบาทที่นำไปใช้ได้ก่อน ส่วนข้าวเปลือกที่ไม่มีการส่งมอบจริง ชาวนาอาจตกลงขายให้โรงสี เช่น 9,000 บาทต่อตัน โรงสีจะนำข้าวที่ได้เข้าโครงการกินส่วนต่างอีก” นิพนธ์ อธิบาย
 
ข้าวเปลือกและข้าวสารที่โรงสีได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือก แต่ไม่มีที่เก็บ เปิดช่องให้เกิดการทุจริตเป็นกระบวนการเช่นที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเวียนเทียนข้าว
 
เมื่อโครงการรับจำนำข้าวมาถึงจุดที่ตีบตัน เพราะกระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถระบายข้าวออกได้ ในขณะที่ตลาดข้าวโลกไม่เป็นใจในอันที่จะหนุนส่งให้ราคาข้าวสารปรับเพิ่มได้มากกว่าที่เป็นอยู่ หนทางออกของโครงการ คือ รัฐบาลต้องเร่งระบายข้าวสารออกจากสต๊อก แม้ว่าจะต้องระบายข้าวในราคาขาดทุนก็ตาม
 
“ข้าวที่รับจำนำมาแล้วต้องมีที่ไป และเมื่อรัฐบาลรับจำนำข้าวในราคาสูงกว่าราคาตลาดโลก แนวทางบริหารทางเดียว คือ ต้องระบายข้าวออกเพื่อไม่ให้เป็นภาระ แต่ก็ต้องดูช่วงจังหวะเวลาระบายข้าว เพราะต่างประเทศรู้สต๊อกข้าวของไทยหมด” อาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ
 
แต่แนวทางที่เลขาธิการ สศช.เสนออาจไม่ใช่ทางเลือกง่ายเลยสำหรับรัฐบาลในยามนี้
 
เพราะผลการขาดทุนที่อาจขาดทุนสูงถึง 2 แสนล้านบาท อาจหมายถึงความล้มเหลวของนโยบายจำนำข้าวเปลือก ซึ่งเป็นนโยบาย “เรือธง” ของรัฐบาลเพื่อไทย
 
กระทั่งถึงวันนี้รัฐบาลใส่เงินไปกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกจำนวนมหาศาล ไม่รวมเงินจ่ายขาดในโครงการ แบ่งเป็นเงินหมุนเวียนการจำนำข้าวปีการผลิตที่แล้ว 3.36 หมื่นล้านบาท การก่อหนี้ใหม่ภายใต้แผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2556 ในโครงการรับจำนำข้าวปีที่ 2 อีก 1.5 แสนล้านบาท และมีการเสนอเพิ่มวงเงินก่อหนี้เป็น 2.2 แสนล้านบาท
 
แต่มีเงินไหลกลับเข้ากระเป๋ารัฐบาลจากการขายข้าวเพียง 4 หมื่นล้านบาท แต่เงินกู้ที่จมในโครงการรับจำนำข้าวสูงถึง 5 แสนล้านบาท ซ้ำร้ายหากรัฐบาลไม่สามารถหาที่เก็บข้าวสารในโครงการได้ โรงสีก็จะหยุดรับจำนำข้าวเปลือกในโครงการ สุดท้ายโครงการก็เดินหน้าต่อไม่ได้โดยอัตโนมัติ
 
โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ไม่ต่างกับระเบิดเวลาที่รอเวลา “ระเบิด” เท่านั้น

 

 

DC9D8BB1907692FF424CCFD71E47F9.jpg

 

 

เขียนข่าว.......โจมตีรัฐบาล.....แบบนี้ได้ยังไง...............




#567957 เด็กไม่มีหน้าที่นำพาไทยสู่อาเซียน โดย สมเกียรติ อ่อนวิมล

Posted by พระฤๅษี on 13 January 2013 - 09:55

   วันหยุด  ฟังเพลงมันๆ  ท่านมาหาวัตร( รับรองจะพิมพ์แบบไม่ให้ผิดเด็ดขาด )

 




#567626 เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ วันเด็ก!!..เหตุเกิดที่ เวทีกาด...

Posted by redfrog53 on 12 January 2013 - 19:31

เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
วันเด็ก!!..เหตุเกิดที่ เวทีกาดสวนแก้วเชียงใหม่.....
 
พิธีกรถามเด็กว่า... : นายกรัฐมนตรีชื่ออะไร?
เด็กตอบ............ : "ทักษิณ ชินวัตร"
พิธีกรหัวเราะแบบแหย๋ๆ แล้วบอกเด็กว่า..: "ผิด"
แล้วประกาศบนเวทีว่า.. : เอ๊า.. หนูๆคนไหนตอบได้บ้าง?
เจ้าเด็กคนที่ตอบ(ผิด)เมื่อกี๊ สวนกลับไอ้พิธีกรว่า...
.." ทักษิณเป็นนายก ส่วนยิ่งลักษณ์เป็นแค่หุ่นเชิด!!"..
 
.... เงียบ..กันทั้งงาน........หงายเงิบเลย ไอ้พิธีกร..
 
[ via DJ-Keng TL ]



#567281 เด็กคนนี้แหละ ที่อยากฝากให้มาช่วยดูแลบ้านให้กับลูกหลานของเราในอนาคตข้างหน้าต่อไป

Posted by redfrog53 on 12 January 2013 - 10:42

58196_10151413299264740_1676383349_n.png
คิดถึงคุณพ่อคุณแม่
 
ผมนั่งคิดเช้าวันเด็กนี้ว่า อะไรบ้างที่พ่อแม่ให้ผมมาที่ผมรู้สึกว่ามีผลต่อชีวิตวันนี้มากที่สุด ผมขอยกมา ๗ เรื่องครับ
 
๑. 'การศึกษา' (คุณแม่เคยแกล้งบ่นให้ฟังว่าถ้าไม่ส่งเราไปเรียนนอก แม่จะซื้อเพชรซื้อทองได้เท่าไรทุกปี)
๒. 'ค่านิยม' โดยเฉพาะ การไม่เอาเปรียบใคร ว่าไปแล้วคุณพ่อคุณแม่ผมไม่ได้เป็นผู้ออกหน้าออกตาว่าเราต้องเสียสละให้โน่นให้นี่หรืออะไร แต่ท่านจะเน้นเพียงว่าเราต้องคบคนดี และซื่อสัตย์ ประหยัด ฯลฯ เพราะการไม่ซื่อสัตย์ ฟุ่มเฟือย เป็นสิ่งที่ไม่ดี พูดง่ายๆคือท่านเชื่อว่ามีบางอย่างที่ชัดเจนในตัวเองว่า 'ดี' บางอย่างที่ชัดเจนว่า 'ไม่ดี' และเราไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องวิเคราะห์ เราต้องพยายามทำในสิ่งที่ 'ดี' ในทุกสถานะการณ์
๓. 'ความอบอุ่น' โดยเฉพาะจากคุณแม่ ต้องถือว่ามีผลต่อเราจนถึงทุกวันนี้ 
๔. 'การเล่นกีฬา' ถูกปลูกฝักแต่เด็กและมีผลมากที่สุดกับชีวิตเรามาโดยตลอด สมัยเด็กเรานึกว่าพ่อโหดร้ายที่ปลุกเราแต่มืดเพื่อไปเล่นกีฬาด้วยกันกับท่านก่อนเรียน วันนี้เราเข้าใจแล้วว่าพ่อเสียสละเวลาของท่านให้เราแค่ไหน
๕. 'การปลูกฝังให้พี่น้องรักกัน' วันนี้ถึงแม้ผมไม่มีพ่อแม่แล้ว แต่ก็ยังมี่พี่น้องที่รักและพึ่งพากันได้ 
๖. 'บ้านที่อยู่อาศัย' ผมและพี่น้องได้บ้านของเราจากคุณพ่อคุณแม่ ทรัพย์สินเงินทองอื่นๆไม่ได้รับมากนัก แต่ความมั่นคงในชีวิตที่ได้จากการมีบ้านอยู่โดยปราศจากความเป็นหนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่ามาก
๗. สุดท้ายครับ คือ 'ชื่อเสียง' ซึ่งผมไม่ได้หมายถึงความดังความเด่น แต่ผมหมายถึงความเคารพและความรักที่พ่อแม่ผมได้รับจากคนส่วนใหญ่ในชีวิตของท่าน เหมือนเป็นมรดกตกทอดหรือเป็น legacy ที่มีผลกับชีวิตผมจนถึงทุกวันนี้
 
ฝากไว้ในวันเด็กครับ เพื่อเป็นข้อคิดให้ตัวเองว่าเราจะมอบอะไรให้ลูกหลานของเราต่อไป
 
Korn Chatikavanij
Mariamah Siamese พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดของลูก อยากให้ลูกเติบโตเป็นอย่างไร พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่าง คุณกรณ์โชคดีที่มีแบบอย่างที่ดีค่ะ
Ben Aksornsri พ่อแม่อบรมมาดี ลูกก็รับมาสานต่อ และส่งต่อๆ 'ดี' ก็จะคงมีอยู่ตลอดไป
Kachita Monthienvichienchai ถ้าคนอ่านเข้าใจและจำเอาไปใช้เป็นหลักในการเลี้ยงลูก รวมถึงการทำตัวเป็นแบบอย่างก็จะได้ประโยชน์มากค่ะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วเชื่อมั่นว่าทุกอย่างมาแต่เหตุ การจะเข้าใจคนๆนึงต้องมองย้อนไปถึงอดีตและเบ้าที่หล่หลอมเค้ามา
Borworn Sutika คนเป็นพ่อเป็นแม่ มองการณ์ไกลกว่าเราหลายเท่าตัวครับ
Ngamjit Chantrasatit เป็นหลักคิดที่ทุกครอบครัวควรมีค่ะ เพื่ออนาคตของสังคมไทย ขอบคุณมากค่ะ
Chadarat Plukpoh เป็นมุมมองและข้อคิดที่ดีมากค่ะ
Tanawan Krabkum ฉันอ่านข้อความของคุณแล้วฉันรู้สึกว่าฉันเป็นแม่ที่ไม่ดีในเรื่องความฟุ่มเฟือย ขอบคุณนะค่ะ อย่างน้อยฉันก็ได้สำรวจตัวเอง
Kraikron Settakraikun พ่อเล่าให้ฟังว่า ป้ารัมภา ลาออกจากอาจารย์ บินไปดูแลลูกๆทั้งสามคนที่อังกฤษ อยูู่บ้านให้หัดเรียนอ่านภาษาไทยด่วย ปลูกฝีงความเป็นไทยและระเบียบวินัย
Sunida Boonyanon ขอบคุณค่ะสำหรับข้อคิดดีๆ ... พ่อแม่ดิฉันก็จบแค่ป.4 แต่ท่านเห็นความสำคัญของการศึกษา ยอมกัดฟันอดทนส่งลูกๆ ให้เรียนในโรงเรียนเอกชน เพราะเป็นโรงเรียนที่สอนภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นเด็กเล็ก (เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว และอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย) พ่อได้ถ่ายทอดการรักการอ่านให้ลูก พ่อมีเงินน้อยแต่พ่อยอมซื้อสารรานุกรมโลกให้ลูกอ่าน...จนลูกๆ โตจบการศึกษาในระดับสูงและมีหน้าที่การงานที่ดีทุกคน...อีกสิ่งที่พ่อสั่งสอนปลูกฝังลูกๆ คือความซื่อสัตย์สจริต ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ทั้งต่อหน้าและลับหลัง...สรุปว่าไม่ว่าพ่อแม่จะมีสถานะเช่นไรในสังคม แต่พ่อแม่คือเบ้าหลอมที่งดงามของลูกๆ ใช่ไหมคะ
Wendy Buf อยากจะมีวินัย เหมือนคุณกรณ์คะ หลงชอบคุณกรณ์ ตั้งแต่สมัยทำงานอยู่กับเจ้านายเก่าคะ ตอนที่เจ้านายนัดพบและได้พบคุณกรณ์คะ คุณกรณ์ เป็นคนอัธยาศัยดีมากคะ แทบจะไม่เคยเห็นตอนหน้าบูด หรือไม่ยิ้มเลย พอเดิน เข้ามาก็ยิ้มแย้มโยตลอด และพูดคุยเป็นกันเอง อยากจะเก่งให้ได้เหมือนคุณกรณ์มากๆ คะ ขอแค่เศษเสี้ยวก็พอคะ
Nan Ratida สถาบันครอบครัวที่อบอุ่น เป็นจุดเริ่มต้นของความเข้มแข็งของประเทศ
Kob สมสิทธิ์ จันทรศรี นั่นแหละครับพี่กรณ์ สิ่งที่ปลูกฝังมาดี
Surachai Berkbandee You are the very best idol for me, Khun Korn. Thanks for sharing your stories, and I will remember and teach myself.
Apinya Pengchue ขอบคุณค่ะ พบเพื่อนร่วมงานเป็นอเมริกันที่ตอนนี้อยู่แบงค์เดียวกันที่สิงคโปร์ เขาเคยร่วมงานกับคุณกรณ์ที่เจพี คุยกับเขาแล้วดีใจที่เขาชื่นชมคุณกรณ์มากค่ะ เลยอยากเรียนให้ทราบ 
Pom Jip อยากให้คุณกรณ์เล่าชีวิตวัยเด็กอีกค่ะ ในมุมความสัมพันธ์ของคุณแม่กับคุณกรณ์ ไว้เป็นตัวอย่างที่ดีกับคุณแม่หลายๆคน
Sombat Salay เด็กเปลียบเหมือนสีขาวหรือสีดำจะมาจากครอบครัวกับสิ่งแวดล้อมในสังคมใช่ใหมครับ
Panan Sakornrat ทุกอย่างหล่อหลอมมาเป็นคุณกรณ์ที่เก่งและดีค่ะ
สุ viggy อยากให้ผู้ใหญ่เมืองไทยช่างคิดและนำความช่างคิดมาเขียนและพูดสั่งสอนเด็กโดยไม่บังคับได้อย่างคุณกรณ์จังเลย ประเทศเราคงมีคนมีคุณภาพมากขึ้นแน่ๆ
เด็กคนนี้แหละ ที่อยากฝากให้มาช่วยดูแลบ้านให้กับลูกหลานของเราในอนาคตข้างหน้าต่อไป