New CanThai_16401

กรณีชุมพรคาบาน่า...เป็นแนวทาง "กรีน โฮเตล" คือผลิตวัตถุดิบในการทำอาการให้แขกผู้มาพักใช้ผลิตผลจาก "เกษตรอินทรีย์" ซึ่งเป็นที่ต้องการของคนมีเงินแต่ห่วงสุขภาพ

ในต่างจังหวัด มีหลายโรงแรมที่ปลูกพืชผักให้กับครัวโรงแรมของตนเอง โชว์เกษตรอินทรีย์ให้แขกเห็นที่หน้าโรงแรม ถือเป็นจุดขายที่กำลังมาแรง

นอกจากนั้นยังถือว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตของตนเองด้วย

เศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวปรัชญา สามารถตีความให้เหมาะกับตัวเอง ครอบครัว ธุรกิจ ชุมชน ประเทศชาติ ไม่มีสูตรสำเร็จ ต้องปรับใช้ให้เหมาะสม

การระเบิดจากภายในคือการตระหนักรู้ด้วยตนเอง ตระหนักรู้จากจิตใจของตนเองว่า "ความพอเพียง" ของตนเองนั้นประมาณไหน ความพอประมาณไม่ทำอะไรเกินตัว

คนมีมากก็พอเพียงได้ คนมีน้อยก็พอเพียงได้ แต่หมายถึงทำยังไงให้ใช้การพึ่งพาตนเองเป็นหลัก การใช้จ่ายจากสิ่งที่หาได้ให้มีเหตุผลรองรับคือไม่สุรุ่ยสุร่าย

จะกู้หรือไม่กู้ก็ต้องดูความเสี่ยง มองหนทางถอยเวลาที่พลาดพลั้งจะได้ไม่บาดเจ็บ เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ห้ามไม่ให้รวย แต่ให้รวยอย่างมีเหตุผลจากความรู้คู่คุณธรรม

เมื่อมองการพัฒนาในภาพรวมของประเทศชาติ ท่านให้มองทั้งเรื่อง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมเพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างสมดุลและพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงนั่นคือความยั่งยืนของการพัฒนา

 

 
 
"ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง จึงประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังนี้ 

1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ 
2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ 
3. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต"

 
นี่คือ.."3 ห่วง"...ยังขาด 2 เงื่อนไข...4 มิติ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน

http://www.supradit....son3/10/01.html

เมื่อก่อนชื่นชมสถานีโทรทัศน์สาธารณะแห่งเดียวของไทยที่เกิดขึ้นยุครัฐบาลเผด็จการหลังปฏิวัติ 19 ก.ย. 49

ในวันที่กรมประชาสัมพันธ์เข้าไปยึดสัมปทาน ยึดอุปกรณ์และแก้ไขปัญหาไอทีวีที่ไม่ยอมจ่ายค่าสัมปทาน.... เสียงปรบมือกึกก้อง

เมื่อมีกฎหมายเฉพาะ "ทีวีสาธารณะ" กลายเป็นสถานีโทรทัศน์ของประชาชน มีการแต่งตั้งบอร์ดเข้าไปบริหารตามกฎหมาย

เงินงบประมาณทั้งหมดมาจาก พรบ.จัดตั้งทั้งหมด คำนวณคร่าวๆปีละไม่น้อยกว่า 2,000 ล้าน

นำเงินเหล่านั้นมาสร้างรายการ ซื้อรายการ โดยอิสระ บริหารโดยอิสระไม่ขึ้นตรงต่อรัฐบาล

อยากถามเป็นโจทย์ตรงนี้เลยว่า โดยสรุปแล้ว ทีวีไทย ทีวีสาธารณะตอบโจทย์ใคร

ตอบโจทย์ที่อยู่ในใจตัวเองหรือตอบโจทย์ให้ประชาชน

ใครเป็นคนตั้งโจทย์

อย่าลืมว่าเมื่อตั้งโจทย์ผิด ย่อมได้รับคำตอบผิด

ทีวีไทยทีวีสาธารณะเป็นผลผลิตของรัฐบาลเผด็จการ โปรดจำใส่สมองไว้ให้มาก อย่าทำตัวเป็นเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง

เพราะจะโดนประชาชนเรียกว่า "พวกมือถือสากปากถือศีล" หากินด้วยการพ่นวาทกรรมสั่วๆ พอเอาตัวรอดไปวัน ๆ

วันนี้ประชาชนขอตั้งโจทย์กับทีวีไทยว่า การนำเสนอเนื้อหา "ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์" หมายความว่าจะ "ล้มเจ้า" ใช่หรือไม่?

โปรดสำนึกด้วยว่าเงินทุกบททุกสตางค์ที่พวกท่านใช้นั้นเป็นเงินของประชาชนทั้งประเทศ ที่ต้องการให้ตอบโจทย์ประชาชน

ไม่ใช่ให้นำไปตอบโจทย์ที่ค้างคาใจของบอร์ด ผู้บริหารสถานี หรือนักจัดรายการที่มีตะกอนในใจมาตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2519

เราขอเตือนพวกที่กินเงินของประชาชนโปรดใช้สำนึกให้มาก โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวเนื่องสถาบันพระมหากษัตริย์

เมื่อ 14 ตุลาคม 2516....ประชาชนรวมตัวกัน "เผากรมประชาสัมพันธ์" มาแล้ว

อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เพราะหากมองในมุมผู้บริหารสถานีพวกท่านอ้างตัวว่ามาจากประชาชน ใช้เงินของประชาชน โปรดตอบโจทย์ให้กับประชาชน

อย่านำสถานีโทรทัศน์ของประชาชนไปตอบโจทย์ของตัวเองเป็นอันขาด...เราเตือนคุณแล้ว

อย่าให้ถูกจารึกบนหนังหมา ประจานนานถึงหลานเหลน

แดกเงินประชาชน อย่าทำร้ายประชาชน ทำร้ายสถาบันอันเป็นที่เทิดทูนของคนไทยทั้งชาติ

ใช้สมองส่วนไหนคิดวะ

แคน ไทเมือง


จากเจ้าพระยาถึงฝั่งโขง
http://chaoprayanews...ทีวีไทย-ถามจริ/

เป็นพรีเซ็นเตอร์กางเกงว่ายน้ำได้นะครับ

ไม่ได้สงสัยในพฤติกรรม แต่ต้องการเอาผลงานมติชินสื่อขี้ข้ามายำเล่นเท่านั้น

การลงพื้นที่กับเวทีผ่าความจริง จะว่าไปงานที่ทำไว้ให้เหนืออีสานก็ไม่น้อย

แต่น่าเสียดาย นักการเมืองกลัวไม่ได้ทำงานในสภา รีบขึ้นเครื่องไปเวที แล้วก็บินกลับ

หาได้ลงไปเยี่ยมเยียนโครงการต่างๆ ที่เคยทำเอาไว้ เก็บภาพ เก็บข่าวมาออกในสื่อตัวเอง

เรื่องแบบนี้ คิดได้แต่ทำไม่ได้ เพราะนักการเมืองห่วงลูกห่วงเมีย ห่วงบ้าน ห่วงสภากลัวเค้าทุบทิ้ง อิ อิ

ความมุ่งหวังสร้างพรรคให้กระจายไปทั่วทุกภาคในอดีตนั้นทำได้เพราะการบริหารงานพรรคไม่รวมศูนย์เป็นพรรคของคนกลุ่มเดียว

อดีตที่แสนหวานมันหมดไปแล้ว ปชป.ต้องยืนหยัดสร้างพรรคจากสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ การไม่มีสส.ในหลายจังหวัด ทั้งเหนืออีสานคือไม่มีฐานต่อยอดแนวคิด

โจทย์ใหญ่คือทำยังไงที่จะทำให้ได้ สส.คนดีในพื้นที่ ถ้าไม่วางตัว สส.ปาร์ตี้ลิสต์ลงไปในจังหวัดนั้น ๆ ความฝันไม่มีทางเป็นจริงได้

ยุทธศาตร์ฝังตัว สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ลงแทรกตัวในพื้นที่ เป็นยุทธศาตร์เดียวที่จะลงไปสู้ได้ แต่ขนาดนั้นยังต้องอาศัยเวลา เงิน บุคลากร สื่อ

แต่ถ้าคิดว่าเป็นฝ่ายค้านตลอดกาล ก็ไม่ต้องคิดมาก ตีฝีปากไปวันๆก็ได้ใจแฟนลำตัดได้อยู่แล้ว

ที่จริงหลายปีมาแล้วเขียนแนวๆ แนะนำแบบสร้างสรรไว้เยอะเหมือนกัน

ไม่รู้อยู่ในกระทู้ไหน หลักๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก ทำให้มันครบเครื่องทั้งสื่อทั้งคนของพรรคทั้งในพื้นที่ ต้องขยี้กันเต็มสูบ

ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ มันก็ต้องโดนเข้าซักดอกสองดอก สำคัญว่าทุกจังหวัดกระจายกำลังลงไปหรือยัง

ขั้นต้นคิดแบบนักบริหาร จับตัวแทนปาร์ตี้ลิสต์ ใส่ในรายชื่อของสส.จังหวัดที่ยังไม่มีสส. ทำหน้าที่เป้นตัวกลางในจังหวัดนั้น ๆ

ถ้าได้ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ 45 คน ก็ลงไปเปิดเกมในจังหวัดที่ถูกโดดเดี่ยวได้ตั้ง 40 กว่าจังหวัด

ไปทำพื้นที่ให้เข้มข้น เข้มแข็ง จูงสส.เขตในรุ่นต่อๆ ไป ให้คนในจังหวัดเค้าซัดกันเต็ม ๆ

นี่เล่นห่วงแต่ลูกหลานน้องนุ่งของตัวเอง เกรงจะไม่ได้เป็นสส. ตัวเองคนเคยเก่งในพื้นที่ก็มากินปาร์ตี้ลิสต์ ซัดทั้งพ่อทั้งลูก ซัดทั้งพี่ทั้งน้อง

เงินทองก็ต้องหาลงไปให้ทำพื้นที่ ทุกวันนี้ใช้เงินกันทั้งนั้น อย่าไปทำตัวเป็นมนุษย์ผู้วิเศษเลิศล้ำเกินนักการเมืองอื่น

โอกาสยังมีอยู่ สำคัญว่าจะทำเพื่อการเลือกตั้งครั้งนี้ หรือทำเพื่ออนาคตของพรรคการเมือง ก็ต้องไปคิดกันต่อเอาเอง

ในพรรคล้วนเก่งๆ ทั้งนั้น สำคัญว่ากล้าลงเล่นในเกมคลุกกับชาวบ้านจริงหรือเปล่า

ให้เกียรติ สส.ในพื้นที่จริงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าทำกันมาแทบตาย แล้วมาแย่งอำนาจกันในพรรค

สุดท้ายก็ตายน้ำตื้น เล่นพวกกันในพรรค โตแล้วแตก ไม่ใช่ไม่เคยมี...ทำกันได้แค่นี้ใครเค้าจะมาร่วมงานด้วย

ทำมวยเลือกข้างมาหลายเดือน เอามาเตือนความจำ สื่อขี้ข้าสรรหาเรื่องราวมาเลียทุกวิถีทางที่จะสร้างชัยชนะให้นายเงิน

ฉบับล่าสุด...ในฐานะสื่อการเมืองคุณภาพ ไม่กล้าแม้จะลงปก "ผู้ชนะ"

รากศัพท์หรือความหมายของคำว่า "สื่อ" มาจากภาษาอังกฤษ ที่ใช้คำว่า Mass Media แปลว่า "สื่อสารมวลชน"

ไม่ใช่แค่ Media ที่แปลว่าสื่อส่วนตัว หรือ เครื่องมือในการสื่อสารเท่านั้น

สื่อสารมวลชนก็เปรียบเสมือนคนกลาง ตัวกลางที่พร้อมจะเป็นผู้ตัดสินหรือรายงานผลผู้แพ้ผู้ชนะจากผลที่ออกมา

บางทีบางตำแหน่งเค้ายกให้เป็น "กรรมการ"

ถ้ากรรมการมวยบนเวทีเห็นว่า นักมวยฝ่ายตนโดนน็อคลงนอนแผ่หราหมดราคา ไม่สมราคาคุย ราคาโปรโมท

แทนที่กรรมการจะยกมือชูมือให้"ผู้ชนะ" แต่กรรมการดันมุดเชือกเวทีหนีลงมาก่อนที่จะชูมือให้กับ "ผู้ชนะ"

กรรมการขี้หมาแบบนี้ ยังมีความชอบธรรมที่จะทำหน้าที่ "กรรมการ" อยู่อีกหรือ?

ตั้งแต่เติบโตมาจนเลยหลัก 60 กม.ก็เพิ่งเห็นครานี้ สื่อทำหน้าที่เสมือนลงแข่งขันซะเอง

บรรเลงบรรลัย ไล่ก็ไม่เลิก แถมหาน้ำใจนักกีฬายังไม่เจอ แล้วจะยังเสนอหน้าเรียกตัวเองว่า "สื่อคุณภาพ" อยู่อีกหรือ?

ขณะที่สื่ออีกค่าย ฉายภาพสังคมได้ตรงตามเวลาที่ควรจะเป็น ถูกที่ถูกเวลา...ไม่ว่ากัน



แต่เอาเถิด แคนไทรายสัปดาห์ให้ชื่อปกสัปดาห์นี้...ว่า....

เราชนะแล้ว...แม่จ๋า...( อย่ากลัวหมาเห่าไม่กัด)

กกต. ไงครับ ที่ต้องปรับก่อนเพื่อน

แค่เค้าออกนโยบายน่าเกลียดๆ ทำท่าจะขัดรัฐธรรมนูญมันยังไม่กล้าทำอะไร

ปัญหาใหญ่มากๆ อยู่ที่ คนคุมกฎมากกว่าอย่างอื่น

อีก 2 ปี เลือกตั้งใหญ่ งานหนักของ ปชป. จะเดินยังไง

หลายปีมาแล้วเสนอให้ไปสร้างฐานทางอีสาน เหนือ จนเบื่อจะบอก ได้แต่กลอกหน้า

กว่าจะมาทำสื่อก็ เกือบสายเกินไป ทำสื่อแล้วก็ยังเข้าไม่ถึง ออกลูกดึงดันมากเกินไป

ยังต้องปรับตัวอีกพักใหญ่ สำหรับ บลูสกาย

ทำสื่อให้คนทั่วไปชมได้ไม่กระอักกระอ่วน ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

หลากหลายปัจจัยที่คนทำยังคลำทางไม่ถูก...ช่วงเย็นๆ ตอนนี้ หนีไปดูเนชั่นสนุกกว่า ไม่ปวดหูปวดหัว

ทำยังไงจะรวบรวมคนเกลียดทักษิณ เกลียดระบอบทักษิณมาเป็นพวกให้ได้มากที่สุด

ถ้าไม่ไปติดกับวาทกรรม พรรคผมคนดีที่หนึ่ง พรรคผมขาวสะอาด

ยอมรับซะว่าในพรรคอาจมีคนดีคนเลว แต่พยายามขจัดคนเลว

พรรคผมอาจไม่ใช่พรรคดีที่หนึ่งแต่พรรคผมเลวน้อยกว่า ไม่หน้าด้าน ไม่เผด็จการ ผมว่าประกาศแนวทางนี้ให้ปรากฎไปซะ

พอจะเรียกเสียงสนับสนุนได้ เหมือนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

อย่าไปยกตัวเองสูงส่งจนเลิศเลอเหนือมนุษย์ เก่งที่สุดในสามโลก

แบบนั้นแหละที่คนเค้าไม่เอาด้วย จริงๆ สังคมยุคนี้เค้ายอมรับคนโกงไปค่อนประเทศแล้ว

การเมืองไทยมันมาถึงจุดที่ต้องเป็น 2 พรรคการเมืองใหญ่

ไม่มีที่ยืนให้คนกลาง ๆ แต่จะมีผู้สนับสนุนพรรคการเมืองชัดเจนขึ้น

หากมองว่าเจตนารมณ์ต้องการเป็นแค่ฝ่ายตรวจสอบ คงจะยากหน่อยเพราะระบบตรวจสอบในประเทศมันเป็นง่อยไปหมดแล้ว

เอาแค่ กกต. เนี่ยก็ทำท่าเอียงกกระเท่เร่ จะไม่ให้พรรคการเมืองใหญ่แย่งกันเป็นรัฐบาลคงไม่ได้

เพราะการตั้งพรรคการเมืองก็ล้วนต้องการอำนาจรัฐทั้งนั้น การจะไปหาแนวร่วมออกมาตั้งรัฐบาลผสมเหมือนเมื่อ 4-5 ปี ที่แล้วเห็นจะลำบาก

ไม่เหลือที่ให้พรรคเล็กพรรคน้อยแล้ว