Jump to content


อย่าหลอกตัวเอง

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 4 กันยายน 2556
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2557 11:41
*****

Topics I've Started

"" ผ่า 2 แนวทางหลังกฏอัยการศึก ""

17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 13:32

ผ่า2แนวทางหลัง'กฎอัยการศึก' ผ่า2แนวทางหลัง'กฎอัยการศึก' ยึดกรอบรธน.หรือเดินเลยกรอบ! : ทีมข่าวความมั่นคงรายงาน

               แถลงการณ์ 7 ข้อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดของกองทัพว่า ทหารคงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการใช้กำลังเต็มรูปแบบ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด หากเกิดการปะทะจนถึงขั้นจลาจลนองเลือด

               กระนั้นการออกมาส่งสัญญาณสีเขียวเข้มของ ผบ.ทบ.ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ผบ.ทบ.ได้ออกมา "ปราม" การเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่ายมาโดยตลอดว่า กองทัพพร้อมออกมาควบคุมสถานการณ์หากเกิดความรุนแรงขึ้น

               แต่ครั้งไหนก็คงไม่แรง และชัดเจนเท่าครั้งนี้ ท่ามกลางการประกาศ "ยกระดับ" ของมวลชนทั้งสองฝ่ายในช่วง 2-3 วันนี้ และหลังจากเหตุการณ์ระเบิดเอ็ม 79 และกระสุนปืนเอ็ม 16 คร่าชีวิตผู้ชุมนุม กปปส.3 ศพ บาดเจ็บอีก 20 กว่าชีวิต

               เหตุการณ์ความรุนแรงที่ยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นว่า การเล่นบท "นักการทูต" ของกองทัพที่เชิญทุกฝ่ายมาหาทางออกตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไม่เป็นผล

               ดังนั้นกองทัพจึงต้องกลับมายืนอยู่ในบทบาทที่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด คือ ทหารที่มีภารกิจเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน

               การขยับตัวครั้งล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ร้อนแรงอย่างที่สุด โดยที่กองทัพประเมินแล้วว่า รัฐบาลไม่สามารถดูแลความปลอดภัยของประชาชนได้ ซ้ำยังมีปัญหาเรื่องสถานะที่ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่แนวทางของวุฒิสภานั้นก็อาจจะแก้ปัญหาได้ไม่สำเร็จ

               ประเด็นเรื่องความไม่ชัดเจนในเรื่องอำนาจของรัฐบาล โดยเฉพาะอำนาจด้านความมั่นคงในโครงสร้างของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นคำถามมาตั้งแต่การพ้นจากตำแหน่งนายกฯ และรมว.กลาโหม ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

               ก่อนหน้านี้ กอ.รมน.พยายามตั้งคำถามถึงความชัดเจนในตำแหน่งประธาน ศอ.รส. ของ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผอ.ศอ.รส.ว่า ยังมีอำนาจสั่งการในศอ.รส. หรือไม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งไปพร้อมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะหากยังไม่มีความชัดเจน เจ้าหน้าที่คงไม่กล้าปฏิบัติตามคำสั่ง

               ต่อมา กอ.รมน.ยังทำหนังสือถามไปยังกฤษฎีกา และกกต. เพื่อขอให้ความชัดเจนว่า นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเป็นรักษาราชการแทน ผอ.รมน.หรือไม่ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนกลับมา

               ปัญหาคือ ในเมื่อไม่มีความชัดเจนในตำแหน่ง ผอ.รมน. การปฏิบัติหน้าที่ภายใต้โครงสร้าง กอ.รมน. ที่มีอำนาจบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง จะเป็นคำถามทันทีว่า ใครมีอำนาจสูงสุด เพราะผบ.ทบ.ก็มีสถานะเป็น "รองผอ.รมน." โดยตำแหน่งอยู่แล้ว

               กองทัพจึงอยากเคลียร์ประเด็นนี้ เพราะในยามที่ต้องใช้อำนาจตามกฎหมายจริงจะได้ไม่เกิดความลักลั่นว่า ใครกันแน่ที่มีอำนาจเต็ม เพราะสถานการณ์ขณะนี้ถือว่า "รอไม่ได้" เพราะแกนนำผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายต่างพยายามปลุกเร้าอารมณ์มวลชนอย่างเต็มที่

               ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ทาง ผบ.เหล่าทัพได้นัด "ประชุมลับ" เพื่อหาทางรับมือสถานการณ์รุนแรงที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น

               สำหรับแนวทางที่มีการพูดคุยกัน คือ อาจมีการประกาศใช้ "กฎอัยการศึก" เพื่อนำมาแก้ไขสถานการณ์ เพราะหากมีกฎอัยการศึกจะทำให้ทหารมีอำนาจทั้งหมดเหนือพลเรือน

               ที่สำคัญ คือ หากมีผู้ได้รับผลกระทบ หรือกระทำผิดภายใต้กฎอัยการศึกจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียได้ ดังคำแถลงผ่าน พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ซึ่งตีความได้อย่างเดียวคือ การปฏิบัติงานภายใต้กฎอัยการศึกนั่นเอง

               นอกจากนี้ยังมีการประเมินกันว่า สถานการณ์หลังการประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้ว อาจจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาของประเทศใน 2 แนวทางหลัก ซึ่งคงต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้นด้วย

               แนวทางที่ 1 การดำเนินการภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญปัจจุบัน โดยหลังจากกองทัพเข้ามาแก้ไขปัญหาแล้วก็ปล่อยให้องค์กรต่างๆ เช่น วุฒิสภา ดำเนินการแสวงหาทางออกประเทศด้วยการพูดคุยเจรจาหาทางออกกันต่อไป

               แนวทางที่ 2 หากสภาวะแวดล้อมยังไม่เอื้ออำนวยให้ดำเนินการตามแนวทางในรัฐธรรมนูญก็อาจจำ เป็นต้อง "ฉีกรัฐธรรมนูญ" ทิ้ง โดยกองทัพจะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด เพราะหากไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญก็จะมีปัญหาในการดำเนินการหลังจากนั้น

               กองทัพมองว่า ขณะนี้มีความพยายามของบางฝ่ายในการลากดึงกองทัพเข้ามาเป็น "คู่กรณี" กับประชาชน และมีการสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์เพื่อยกระดับความขัดแย้งเพื่อให้บรรลุ เป้าหมายของฝ่ายตน

               กองทัพจึงต้องหาทางรับมือสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นภายในช่วง 2-3 วันนี้ ขณะที่แถลงการณ์ 7 ข้อของ ผบ.ทบ.ไม่ได้มีนัยอะไร นอกจากการประเมินสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมทั้งต้องการแสดงจุดยืนของกองทัพต่อสถานการณ์ของประเทศในขณะนี้

               วงในกองทัพชี้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลไม่สามารถขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาได้ เพราะแม้แต่ นายนิวัฒน์ธำรง ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องสถานะ

               โดยเฉพาะอำนาจในฐานะ "ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ" และรักษาราชการแทน ผอ.รมน. เพราะหากจะเทียบเคียงกับการพ้นตำแหน่งนายกฯ ในสมัย นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อปี 2551 จะมีความแตกต่างกันในประเด็นสำคัญ

               กล่าวคือ นายสมัคร และนายสมชาย พ้นจากตำแหน่งตามคำพิพากษาของศาลในระหว่างที่ยังไม่ "ยุบสภา" จึงสามารถใช้กลไกของสภาผู้แทนฯ แต่งตั้งนายกฯ ได้ และสามารถแต่งตั้งรักษาการนายกฯ ไปจนกว่าจะมีนายกฯ คนใหม่ได้

               ทว่า กรณีนายนิวัฒน์ธำรงปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างการยุบสภา และศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมเท่านั้น คือ "รองนายกรัฐมนตรี" และรมว.พาณิชย์ ไม่สามารถใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีได้

               ดังนั้น การอ้างว่านายนิวัฒน์ธำรงสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยอาศัย พ.ร.บ.ระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน จึงไม่สามารถทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่เปิดช่องเอาไว้ และไม่สามารถที่จะใช้กฎหมายที่มีศักดิ์เป็นรองมาไว้เหนือกฎหมายสูงสุดอย่าง รัฐธรรมนูญได้

               สรุปก็คือ นายนิวัฒน์ธำรงไม่สามารถใช้อำนาจในฐานะนายกฯ ได้ และหากมีการใช้อำนาจก็อาจมีความผิดตามกฎหมายหากมีผู้นำกรณีไปฟ้องร้องในภาย หลัง และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามคำสั่งก็จะมีความผิดตามไปด้วย

               วงในกองทัพยังมองถึงแนวทางการหาทางออกประเทศของวุฒิสภาในขณะนี้ด้วยว่า อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จในบั้นปลาย เพราะอาจติดขัดปัญหาตามกรอบของกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ

               ดังนั้น หากแนวทางที่ผ่านมาไม่สามารถผ่าทางตันของประเทศได้ กองทัพก็มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหา โดยอาจต้องมีการจัดตั้ง "สภานิติบัญญัติ" ขึ้นมาทำหน้าที่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน

               อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมองถึงผลกระทบที่จะตามมากับองค์กรตามรัฐธรรมนูญ เช่น กกต. ป.ป.ช. หรือศาลรัฐธรรมนูญ ด้วย เนื่องจากแนวทางเดิมอย่างการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เมื่อปี 2549 ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

               ทั้งนี้ กองทัพยังสั่งการให้จับตาการตั้ง "กองกำลัง" ในหลายจังหวัด เช่น นครราชสีมา เชียงใหม่ แพร่ กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ฯลฯ เป็นกรณีพิเศษ เพราะมองว่ามีแนวโน้มที่จะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

               สำหรับแนวทางการประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อควบคุมสถานการณ์นั้น ผบ.ทบ.สามารถมอบหมายสั่งการให้นายทหารระดับสูงดำเนินการแทนได้

               อาทิ หากต้องการประกาศใช้ครอบคลุมพื้นที่ กทม.และปริมณฑล อาจมอบหมายให้ พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้ประกาศ

               หรือหากต้องการประกาศใช้เฉพาะพื้นที่ กทม.อาจมอบหมายให้ พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เป็นผู้ประกาศ เป็นต้น

               จากแนวโน้มของสถานการณ์ และแนวทางของกองทัพที่กล่าวมาทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า กองทัพพยายามยึดกรอบของ "กฎหมาย" ในการควบคุมดูแลภารกิจด้านความมั่นคงของประเทศอย่างรอบคอบ หลังจากแนวทางการเจรจา 6 เดือนที่ผ่านมาไม่ประสบผลสำเร็จ

               แต่ถ้าสถานการณ์ไปไกลเกินกว่ากรอบกฎหมาย และรัฐธรรมนูญของประเทศ ถึงขั้นนั้นก็อาจจะเป็นการบีบบังคับให้กองทัพจำเป็นต้องเดินออก "นอกกรอบ" ของกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เว้นเสียแต่ว่าทางเลือกถูกปิดลงทุกทางจริงๆ

 

 

http://www.komchadlu...517/184817.html

 

 

 


ขออนุญาต MOD ตั้งกระทู้นอกเรื่องสักนิดน่ะครับ

16 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 21:53

ช่วงไม่กี่วันมานี้  จะเห็นได้ชัดเจนว่า

 

 

มีแดงแท้ไม่เปลี่ยน log in เข้ามาโพสต์ประปรายตามปกติวิสัย อันนี้เข้าใจว่าเป็น log in ใดบ้าง

 

ส่วนแดงหน้าใหม่  โดนจัดเต็ม  ก็หายไปตามระเบียบ

 

 

แต่ จะมีอยู่หนึ่งตน  ที่แอ๊บกลาง โพสต์หว่านแห จนทำให้อยากจะตบเกรียนแบบเต็มๆ แต่ก็ยังไม่ถนัดสักเท่าไร

 

เพราะมันมาแนว เหมือนจะคุยรู้เรื่อง  แต่มันก็ไร้สาระอยู่ในนัยยะของมันตลอดทุกโพสต์

 

 

 

อวตารของมันดูง่าย   รูปมันจะเหมือนพวกเกรียนๆ แว๊นส์ๆ 

 

และก็โพสต์ในเชิงเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม   มันไม่ได้โพสต์เชิงไร้สาระ แต่มันโพสต์แบบแดงแท้เลยล่ะ

 

เอาง่ายๆ  ถ้าใครไปด่ามันว่าแดง  หรือควาย  รับรองมันโกรธชนิดหัวชนฝาแน่นอน

 

 

 

 

โพสต์นี้ตั้งมาเพื่อมันโดยเฉพาะ  ไส้เดือนไม่รู้จักเพศตนเอง  เด็กแว๊นส์เห่อความคิดเห็น

 

อยากแสดงออก  โดยยังไม่สามารถแยกถูกผิดได้ด้วยซ้า

 

 

 

 

ท่านใดจะลองเดา  ผมคิดว่ามีคำตอบในใจแน่นอนครับ

 

แดงแท้อย่างน้อยก็ยังแมนที่กล้าแดง   แต่แดงตุ๊ดกลัวโดนด่า  สรุปคือโคตะระตุ๊ด  อ่อนหัดว่ะครัช...


ไหนบอกว่าจะไม่ชนไง >> " ระดม น.ป.ช.อีสานชุมนุมใหญ่พร้อมชน ก.ป.ป.ส "

16 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 13:47

ประธาน นปช.อีสาน สั่งแกนนำระดม นปช. ร่วมชุมนุมใหญ่ขั้นสูงสุด ตั้งเป้า 2 แสนคน พร้อมเผชิญหน้า กปปส. ที่กรุงเทพฯ

ที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายอนุวัฒน์ ทินราช ประธาน นปช.ภาคอีสาน เปิดเผยว่า จากการที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ได้ประกาศให้ นปช.ทั่วประเทศ ระดมคนเพื่อเข้าร่วมชุมนุมครั้งใหญ่ขั้นสูงสุด ระหว่างวันที่ 17-19 พ.ค. 57 เพื่อเคลื่อนไหวใหญ่คู่ขนานกับกลุ่ม กปปส. ในส่วนของ นปช. 20 จังหวัดภาคอีสาน ขณะนี้ก็ได้ประกาศให้ นปช. บางส่วนที่กำลังชุมนุมอยู่ที่ถนนอักษะ ได้กลับบ้านมาเพื่อวางแผนระดมคน โดยการชวนญาติ พี่น้อง รวมทั้งเพื่อนบ้านใกล้เคียง ออกไปร่วมชุมนุมครั้งใหญ่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

นอกจากนี้ ยังได้ประสานกับการ์ด อพปช. เพื่อร่วมกันระดมคนในครั้งนี้ด้วย ซึ่งตนคาดหวังว่า น่าจะได้คนไปร่วมชุมนุมประมาณ 2 แสนคน ขณะเดียวกัน หากมีการเคลื่อนไปเข้าไปในกรุงเทพมหานคร นปช.ทุกคน ก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับกลุ่ม กปปส. ทุกเมื่อ

ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่า ที่ประชุมวุฒิสภาจะไม่กล้ายื่นเสนอแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 แน่นอน เพราะไม่มีกฎหมายใดรองรับ ส่วนเรื่องที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. จะตั้งตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ และเรียกผู้ว่าราชการทุกจังหวัดเข้าไปรายงานตัวนั้น ตนเชื่อว่า ผู้ว่าราชการในพื้นที่ภาคอีสาน จะไม่ไปรายงานตัวกับ นายสุเทพ แม้แต่รายเดียวแน่นอน

 

 

http://news.th.msn.c...ใหญ่พร้อมชนกปปส

 

 

 

 


DSI คาดว่าภายใน 1-2 วัน จะจับแกนนำได้บางส่วน ขยันจังเลยน่ะ

15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 13:55

อธิบดีดีเอสไอ เผย ชุดจู่โจม เตรียมจับกุม แกนนำ กปปส. คาด 1-2 วัน จะจับได้บางส่วน

นาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ภายหลังศาลอาญา อนุมัติหมายจับแกนนำ กปปส. และแกนนำ คปท. รวม 30 คน เพื่อนำตัวมาส่งฟ้องคดี ในความผิดฐานกบฏ และข้อหาอื่นๆ รวม 8 ข้อหา ว่า หลังศาลออกหมายจับแกนนำ 30 คน เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ตำรวจชุดจู่โจมก็ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่เพื่อจับกุมแกนนำชุดแรกจำนวนกว่า 20 คน ที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ชุมนุม และไม่มีการ์ดคุ้มกันทันที แต่แกนนำต่างๆ ยังหลบหนี จึงทำให้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมบุคคลใดได้ ขณะที่เชื่อว่าภายใน 1-2 วันนี้ ตำรวจจะต้องจับกุมแกนนำบางคนได้อย่างแน่นอน

ส่วนแกนนำหลัก ที่มีการ์ดคุ้มกันแน่นหนา ต้องรอให้สบโอกาสก่อนจึงจะดำเนินการเข้าจับกุม

สำหรับ กรณีเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายยิงระเบิด M 79 จำนวน 2 ลูก เข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บจำนวนมาก นั้น นายธาริต ระบุว่า จะมีการพูดคุยเรื่องนี้ในที่ประชุม ศอ.รส. และจะมีการแถลงรายละเอียดพร้อมกับประเด็นสำคัญๆ อีกหลายเรื่อง ในช่วงบ่ายวันนี้

 

 

http://news.th.msn.c...จับกุมแกนนำกปปส

 

 

 

 


รายวันกันเลยทีเดียว >>ธาริตเชื่อดุลพินิจของศาลชี้แกนนำกปปส.กบฏเพิ่ม

13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 09:31

'ธาริต' เชื่อ และมั่นใจในดุลพินิจของศาลอาญา กรณีสั่งฟ้อง แกนนำ กปปส. เพิ่ม ฐานกบฏ ย้ำ จะดำเนินตามคำสั่งเต็มที่

นาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเสษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เปิดเผยกรณีที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ยื่นคำร้องออกหมายจับ แกนนำ กปปส. เนื่องจากพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องในข้อหากบฏ และศาลอาญาได้ดำเนินการไต่สวนแล้ว และได้นัดฟังคำสั่งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ เวลา 15.00 น. ว่า ถ้าคำสั่งออกมาว่า แกนนำ กปปส. ผิดจริง และออกหมายจับได้ ก็พร้อมจะเร่งดำเนินการตามกฎหมายให้เร็วที่สุด แต่ถ้าไม่ออกหมายจับ ศาลก็อาจจะแนะนำให้เป็นการออกหมายเรียกแทน ซึ่งทาง ศอ.รส. ก็จะดำเนินตามคำสั่งต่อไป

โดย นายธาริต ยังกล่าวอีกว่า คดีดังกล่าวต้องอยู่ที่ดุลพินิจของศาลอาญา เชื่อ และเคารพในการตัดสินใจ ไม่มีความคิดเห็นใด ๆ ทั้งสิ้นและมั่นใจในการตัดสินทุกอย่างที่ออกมา การดำเนินการต้องเป็นไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งคิดว่า การนัดฟังคำสั่งในวันที่ 14 พ.ค. นี้ไม่นานเกินไปสำหรับการตัดสิน

 

 

http://news.th.msn.c...นนำกปปสกบฏเพิ่ม