zunzed

นายกยิ่งลักษณ์ ลงนามทูลเกล้าฯ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 

สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ : ดีใจมากครับ ที่มีโอกาสมาคุยกับท่านนายกฯครับ ไม่ทราบว่าท่านนายกฯ พอจำได้ไม๊ครับ สมัยที่ท่านนายกฯ เพิ่งกลับจากต่างประเทศใหม่ๆ ท่านนายกฯ เคยไปออกรายการเจาะใจ ที่มีคุณดำรง พุฒตาล เป็นพิธีกร ตอนนั้นผมทำงานเบื้องหลังครับผม…ผมทำงานเบื้องหลัง ซึ่งผมจำคำพูดของคุณดำรงที่พูดบนเวทีวันนั้น ที่ทำนายว่าวันหนึ่งท่านนายกฯ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แล้ววันนี้ท่านนายกฯก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ

“ขอคุยเรื่องความรู้สึกส่วนตัวก่อนนะครับ คือมีหลายคนครับแล้วผมก็เป็นคนหนึ่งในนั้นที่มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน นั่นก็คือว่ามองท่านนายกฯเป็นนักการเมืองที่มีความเป็นนักการเมือง มีความเป็นมนุษย์ มีความเชื่อมั่นใจความเป็นมนุษย์สูงมาก”


ที่มา  https://www.facebook...Chayika?fref=ts

นายกปู มอบนโยบายกงสุลกิตติมศักดิ์ ขยายความเชื่อมโยงประชาชนไทย-อิตาลี

นายกปูได้กล่าวขอบคุณกงสุลกิตติมศักดิ์ที่ช่วยเหลือในการดูแลคนไทย และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-อิตาลี มีความแน่นแฟ้นเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้นายกปู ได้เล่าให้ฟังถึงข้อราชการที่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี อิตาลี ว่าไทยกับอิตาลีจะเดินหน้าเจรจาผ่านคณะกรรมการร่วม หรือ JTC เพื่อให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยเฉพาะในโอกาสที่จะฉลองครบรอบ 150 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับอิตาลีในอีก 5 ปีข้างหน้า

นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้กงสุลกิตติมศักดิ์ ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนอุตสาหกรรมหลักที่ทั้งฝ่ายไทยและอิตาลีเห็นร่วม กันคืออาหาร การออกแบบ และแฟชั่น รวมถึงอยากเห็นการออกแบบพัฒนาสินค้าร่วมกัน เช่น การใช้วัตถุดิบจากประเทศไทย แต่ใช้การออกแบบในอิตาลี นอกจากนี้เห็นว่าประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมบริการของไทย สามารถที่จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมบริการในอิตาลีได้เป็นอย่างดีจึงควรขยาย ความร่วมมือระหว่างกัน อย่างไรก็ตามนายก รัฐมนตรีบอกว่าแม้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของอิตาลีสนใจการลงทุนในประเทศ ไทย แต่อาจจะยังไม่กล้าไปลงทุนโดยลำพัง ดังนั้นรัฐบาลจะพยายามจัดเป็นเขตส่งเสริมการลงทุนให้กับนักลงทุน SMEs ของอิตาลี เพื่อชักชวนให้นักลงทุนอิตาลีรวมกลุ่มกันไปลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้ฝากให้ กงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยในอิตาลีช่วยขยายความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนต่อ ประชาชนของทั้งสองประเทศให้มากขึ้นอีกด้วย

โดย นายอัลแบร์โต้ เวอร์จิลิโอ กงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำนครมิลานกล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีการเยือนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีไทยเป็น ครั้งแรกในรอบ 9 ปี ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมากงสุลของไทยในเมืองต่างๆ ได้ทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนคนไทยในอิตาลี ด้วยความมุ่งหวังที่จะทำให้คนไทยที่อยู่อาศัยในอิตาลีมีความปลอดภัยและภูมิใจในความเป็นไทย ขณะเดียวกันยังได้สานความสัมพันธ์ที่ดีด้านการค้าระหว่างไทยและอิตาลี รวมถึงพยายามทำให้ชาวอิตาลีเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อความเข้าใจอันดีของประชากรทั้งสองประเทศ ขณะเดียวกันได้แสดงความชื่นชมโครงการ “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ของรัฐบาลไทย ที่ไม่เพียงแต่เน้นการขายอาหารเท่านั้น แต่ควรจะมีการเพิ่มมูลค่าเพื่อให้คนอิตาลีรู้จักคนไทยมากขึ้น เป็นการถ่ายทอดความใกล้ชิดทางวัฒนธรรม และเข้าใจในความเป็นไทยผ่านอาหารและวัตถุดิบในการผลิตอาหารไทย

ที่มา   http://www.insidethaigov.com/index.php?r=content/view&id=881

ประโยคไหนของโทนี่ แบลร์ หรอคับ ที่บ่งบอกว่าตบหน้ารัฐบาลฉาดใหญ่ ผมอยากรู้  

นี่ประชาธิปัตย์แปลเองจริงๆ ใช่ไม๊ (อยากรู้มากครับว่าใครแปล คุณแปลได้แบบน่าเกลียดมาก ผมขอถามคนไทยหน่อยนะครับว่า คุณคิดว่า โทนี่ แบล์ จะพูดแบบนี้จริงๆ หรอ ผมไม่เชื่อหรอกว่าคนระดับอดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ จะพูดอะไรตลกๆ แบบนี้ ถ้าเค้าพูดแบบนี้ ผมว่าอย่ามาเลย มาทำให้ประเทศไทยแตกแยกกันเปล่าๆ  แทนที่คนไทยที่ยังไม่รู้จะได้เข้าใจ ความคิดของผู้นำระดับโลกจริงๆ กลายเป็นว่า อืมมม .. อย่างที่เห็น การที่แปลอะไรมาแบบมั่วๆ ผิดๆ หรือตัดแต่บางส่วนของประโยคมา ที่อ่านแล้วมันสื่อความหมายคนละความหมาย กับที่ โทนี่ แบลร์ ตังจริง พูด เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นพวกสีนั้นสีนี้ ผมจะยกตัวอย่างให้ดูเลยแล้วกัน

 ประชาธิปัตย์แปลเอง  ที่มา  http://breakingnews....4321&lang=T

อันนี้จากเว็บรัฐบาลไทย ที่เค้าการันตีว่า แปลมาแบบไม่มั่วซั่วแน่นอน

 http://www.insidetha...ent/view&id=858

แต่ผมยกเนื้อหาบางส่วนมาให้อ่านก็แล้วกัน  แบบเต็มไม่มีการตัดทอนประโยคให้ผู้อ่านเข้าใจสับสน เปิดหลัก 5 ข้อ โทนี่ แบลร์ ที่ได้กล่าวถึงกระบวนการแก้ปัญหาความขัดแย้งว่าหลักการสำคัญ 5 ข้อคือ

1.การสร้างโอกาสร่วมกันในอนาคต การปรองดองจะเดินขึ้นได้เมื่อทำให้ทุกคนเห็นโอกาสมากมายที่รออยู่ และสามารถแบ่งปันโอกาสร่วมกันในการพัฒนา และนำพาประเทศไปข้างหน้า มากกว่าที่จะจมอยู่กับข้อขัดแย้ง เช่นโอกาสที่จะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีโอกาสที่เท่าเทียมให้กับทุกคนที่สามารถแบ่งปันและสร้างอนาคต

2. ไม่สามารถเปลี่ยนอดีต แต่ต้องเปลี่ยนความคิดเพื่อมุ่งสู่อนาคต ต้องยอมรับในความคิดเห็นที่แบ่งเป็นสองฝ่าย อย่างไรก็ตามเราสามารถวิเคราะห์อดีต เพื่อเดินไปในอนาคตได้ การปรองดองไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความคิดในอดีต แต่เป็นการเปลี่ยนความคิดเพื่อมุ่งสู่อนาคต ถ้าหากเรามองดูประเทศไทย จะเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกันกับในต่างประเทศ ภารกิจความปรองดองไม่ใช่การลบล้าง แต่ให้ก้าวข้ามไป เพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่ เป็นไปไม่ได้ที่จะลบล้างความอยุติธรรม เพื่อให้เกิดความปรองดอง แต่ควรมีกรอบการทำงานที่ยุติธรรม ที่ทำให้คนเห็นว่าสามารถทำงานต่อไปได้ รากฐานความขัดแย้งสามารถนำมาพูดได้ แม้เป็นสิ่งที่ยาก แต่มีความสำคัญมาก เราต้องสร้างกรอบที่ทุกฝ่ายรู้สึกว่าสามารถอยู่ด้วยกันได้ และไม่ให้รู้สึกถูกปิดกั้น หากไทยมีกรอบการดำเนินการ เราจะสามารถลงไปในรายละเอียดได้ว่าอะไรเป็นผลลัพธ์ที่ถูกต้อง และจะสามารถสร้างสันติสุขได้ เพราะเราสามารถมีกรอบที่ทำให้เราเดินต่อไปได้

3.การสร้างความปรองดองจะต้องสร้างกลไกความร่วมมือหรือกรอบการดำเนินการที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย เป้าประสงค์ของการสร้างกรอบ ความขัดแย้งเกิดขึ้นได้แต่ต้องมีพื้นที่เพื่อการเจรจา และจะต้องไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกถูกปิดกั้น ความปรองดองจะเกิดขึ้น จะต้องรู้ถึงรากเหง้าของความขัดแย้ง และจะต้องวางกรอบให้สามารถดำเนินการและสร้างความสมดุล

4 ประชาธิปไตยที่แท้จริง คือหลักการสำคัญที่ยึดร่วมกัน โดยประชาธิปไตยไม่ใช่แค่ระบบการเลือกตั้ง แต่เป็นระบบความคิดที่เปิดพื้นที่สำหรับเสียงส่วนน้อยและเสียงส่วนใหญ่ในการร่วมมือกัน ไม่ใช่การกดขี่จากเสียงส่วนใหญ่ ประเทศส่วนใหญ่มีการแบ่งแยก ทั้งศาสนา สีผิว เชื้อชาติ เป็นต้น จึงเป็นเหตุผลที่ว่าปรองดองมีความสำคัญ แต่ประชาธิปไตยจะมีความคล้ายคลึงกันทุกประเทศ ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องของการลงคะแนนเสียงแต่เป็นวิธีแห่งการคิด เป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์กับคนส่วนน้อยอย่างไร จะต้องยึดหลักนิติธรรมคือการดำเนินการด้วยความโปร่งใส ไม่โน้มเอียง สามารถตรวจสอบได้ และเป็นอิสระ

5. รัฐบาลต้องมีประสิทธิภาพและมีความโปร่งใส การปรองดองจะง่ายขึ้นถ้าการเมืองในประเทศนั้น มีความโปร่งใส ทำงานและเข้าถึงประชาชน ถ้ารัฐบาลทำงานเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตประชาชน สร้างการพัฒนาและเติบโตที่ทั่วถึง ในที่สุดประชาชนจะรู้สึกว่ากระบวนการสันติภาพนำสิ่งที่ดีมาสู่ชีวิต โดยรัฐบาลต้องก้าวเข้าหาประชาชน ถ้าหาจุดที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ และก้าวข้ามผ่านสิ่งที่แบ่งแยกระหว่างพรรค ก็จะสามารถทำให้เกิดความปรองดองได้ โดยสรุปแล้ว ผู้นำประเทศจะต้องเป็นผู้นำในการเสริมสร้างความปรองดอง โดยมีประชาชนให้การสนับสนุน และแม้ว่าการปรองดองจะยากลำบากเพียงใด ก็จะต้องไม่ยอมแพ้และดำเนินการจนสำเร็จ

ข้อความคำพูดของโทนี่ แบลร์ แบบ อังกฤษล้วนๆ เพียวๆ  ใช้ความรู้หน่อยนะคับใครที่อ่านอังกฤษออกจะรู้ว่าการสื่อความหมายมันคนละเรื่องกันเลยทีเดียว หรือจับโยนใส่ Google เลย ง่ายดี  อย่าดูถูกคนอื่น ทั้งที่คุณยังไม่รู้ว่าเค้าเป็นยังไง  อย่ายกหางตัวเองว่าฉลาดกว่าคนอื่น แล้วดูถูกว่าคนอื่นโง่เพราะคนที่ฉลาดจริงๆ  เค้าจะไม่ด่าใครโง่  แบบพล่อยๆ เป็นอันขาด

Uniting for the Future: Tony Blair's Address (Words for Words)

https://www.facebook...588161601223205

บางอย่างประชาธิปัตย์ทำดี ผมก็เห็นด้วย  แต่อันนี้ผมคนนึงที่ข้อไม่เห็นด้วยกับการจับข้อความมาพูดสื่อความหมาย ผมถามหน่อยนะ ถ้าพูดแบบประชาธิปัตย์ประเทศจะปรองดองได้หรือเปล่าคับ ถ้าคุณยืนยัน นอนยัน ตีลังกายัน ว่าแปลมาจากคำพูดของโทนี่ แบลร์จริงๆ แบบตรงเป๊ะ เหมือนไม้บรรทัด ผมก็ขอเอาข้อความภาษาอังกฤษของ โทนี่ แบลร์มายืนยัน นอนยัน ตีลังกายัน เหมือนกัน ว่าคำพูดจากภาพอินโฟที่อ้างอิงมาจาก ปชป.นั้นสื่อความหมายไม่ดีเลย มันทำให้คนแตกแยกกันแบบเห็นๆ  ผมไม่ได้เข้าข้างใคร เพราะที่ผมอ่านมาจากภาษาอังกฤษ มันคนละแบบเลย  พิสูจน์ได้ด้วยตัวคุณเอง เพราะผมคิดว่า โทนี่แบลร์ ไม่มีทางด่าประเทศอื่น  เพื่อให้ภาพลักษณ์ของตัวเองดูแย่หรอก  ไม่ว่าสีไหนทำดีก็น่าชม ทำชั่วก็สมควรโดนด่า  ถึงจะรู้ว่าผมอาจจะโดนสาวกแมลงสาปโจมตี  แต่ผมเชื่อในสิ่งที่เป็นความจริงและพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง  ไม่ใช่เอาความชอบส่วนตัวตัดสินคน ว่ากูเกลียดคนนั้น คนนี้  เวลาทำอะไรก็ด่าพล่อยๆ ไปหมด คนที่จะเจริญและเป็นผู้นำคนได้  ทุกอย่างจะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนเสมอ  คนที่มีเหตุผลที่น่าชื่นชมก็มี  แต่พวกโง่ที่ว่าตัวเองฉลาดก็มีเยอะ

ผมอาจจะไม่ฉลาดไปซะทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยผมก็ยังเป็นคน ที่แยกแยะอะไรได้  ไม่ได้มีปากไว้แต่ด่าเหมารวมคนไปหมด เพราะมันไม่ถูกใจทุกคนล้วนมีเหตุผลเป็นของตัวเองเสมอ  แต่เคยคิดที่จะถามตัวเองไม๊ว่าเหตุผลที่ว่ามันเป็นกลางหรือเปล่าจากคนคนนึง  ที่จะรักในหลวง ไปจนวันตาย และก็อยากเห็นประเทศสงบสักที  สงสารคนที่ต้องมาตายฟรี