Nakhon Jkkt

ฟอร์มตกไปเยอะเลยบุรีรัม หลังเปลี่ยนสีเสื้อมาหากินกับธงชาติไทย ที่คนไทยเทิดทูลไว้เหนือเกล้า

ไม่ทราบพ่อแม่คุณเคยอบรมนิสัยมาบ้างหรือเปล่า  หรือว่าเคยแต่มันเป็นสันดานของคุณเอง

อย่างนี้เขาเรียกว่า"เอี้ย" ไม่ปรึกษาพ่อแม่ญาติพี่น้อง  ระวังตัวไว้เถอะเงาหัวจะไม่มี เตี้ยจริงๆ

ฟอร์มตกไปเยอะเลยบุรีรัม หลังเปลี่ยนสีเสื้อมาหากินกับธงชาติไทย ที่คนไทยเทิดทูลไว้เหนือเกล้า

 

ก็ถูกที่คนไทยเทิดทูล ธงชาติ แล้วมันมีไรมั๊ยล่ะที่คนไทยเทิดทูลธงชาติ

แต่ว่า..โยงไปได้นะเออ...บุรีรัมย์ฟอร์มตก กับสีเสื้อเนี่ย มันเกี่ยวกันเรอะ 

ทำผมหดไปหลายวัน

ตรรกะสาด - Freak Logic

"แลเห็นเขา เนื้อตัว สกปรก
ผมก็รก รุงรัง ดั่งคนบ้า
อย่าเพิ่งด่วน ตัดสินคน แค่กายา
ขอจงดู ค่าของคน ที่จิตใจ
เสื้อเก่าๆ เน่าๆ ไม่มีสี
ขอเพียงมี ศักดิ์ศรี ความเป็นไทย
สุดล้นเกล้า ล้นกระหม่อม ล้นดวงใจ
เป็นคนไทย ที่รักยิ่ง พ่อแผ่นดิน"

 

 

คุณค่าของคนดี ตัดสินกันที่ใจ

 

‎การเมืองภาคประชาชน

ยิ่งพูดยิ่งประจานตัวเอง...แก่เพราะเกิดนาน

ตั้งแต่มีมหาลัย รามคำแหง ผมไม่ทราบน่ะครับ ว่าพวกอธิการแม่งกินห่าไรเข้าไป ถึงได้มีความ... "เลวววววววววว" สูง ขนาดนี้

ศักดิ์ ผาสุก // สุขุม // ชูศักดิ์ // รังสรรค์  ปาเข้าไปเกือบครึ่ง ที่หาความดีไม่ได้ แต่ความชั่วเยอะเหลือเกิน !!!

ผมไม่อยากให้ สถาบันที่ผมรัก กลายเป็นขี้ปากที่ว่า แหล่งรวบรวม อธิการเ หี้ ย ๆ 

 

 

 

แล้ว....."ไอ้สารเลวคิม" ไปไหนซะหล่ะครับ  ???..... รบกวน อย่าลืมครับ !!!

"ไอ้สารเลวคิม"....นี่โกงจนได้ ฉายา ไปโดยไม่ต้องสืบค้นเลยคือ "คิม โชว์รัง" .....!!!

"ไอ้เลวรังสรรค์" เป็นยังไง โกงยังไง ระยำยังไง.."ไอ้สารเลวคิม" .....เอามาใช้แบบสำเนาถูกต้องเป๊ะๆ  เลยครับ !!

 

#ขอเเจ้งข่าว เพื่อนๆ ของ #นักรบนิรนาม #ต่อต้านระบบทักษิณ
เจ้าของ Facebook ได้เสียชีวิตเเล้ว โดยป่วยเป็นโรคมะเร็ง เขาได้ต่อสู้มา 13 ปี กับโรคร้ายนี้ เเล้วเขาก็ไปอย่างสงบ

ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2557 ก่อนที่เขาจะสิ้นลม ก่อนที่เขาจะสิ้นลม เขาบอกว่าเขาเสียดายที่ไม่ได้เห็นชัยชนะของ 

#มวลมหาประชาชน #เเต่เขาก็ดีใจที่เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ต่อสู้กับมลมหาประชาชน.....เขาพูดได้เเค่นี้เขาก็ได้จากพวกเราไป
#จึงเเจ้งข่าวมาให้เพื่อนได้รับทราบโดยทั่วกัน #จากเพื่อนนักรบนิรนาม

ภูมิใจมาก ที่ตั้งแต่ ไมโล ออกเทปชุดแรก ผมไม่เคยเสียตังค์ไปซื้อมาฟังเลยครัช

เพราะดูฝีมือการร้องเพลงไอ่หนุ่ย ผมยัง งง ว่ามันเป็นนักร้องกะเค้าได้ไง

ไม่มีทักษะในการร้อง หรือทักษะดนดตรี อะไรกะเค้าซักอย่าง

เวลาร้องเพลงขึ้นคอนเสิร์ท หนักไปทางแหnปากอย่างเดียว

บ่องตง ห่วย ทนฟังไม่ไหวครัช

อยากให้พี่หนุ่ยคิดถึงอนาคตให้มากๆ ก่อนจะมาคิดรักษาประชาธิปไตยให้นรกปูนะครับ 

ผมว่า สุเทพ ใจนักเลงกว่า เพราะสุเทพยกได้วางได้ แต่ไม่เคยคิดจะผลักมิตรเป็นศัตรู มีแต่จะรวบรวมเหล่ามิตรให้เป็นกลุ่มก้อน

ไม่เคยคิดแม้แต่จะออกปากหรือไปยืมมือ สนธิ เข้ามาช่วย เพราะเห็นถึง เจตนาและเจตจำนงค์ที่แท้จริงแล้ว จึงละไว้ไม่ยุ่งเกี่ยว

 

ต่างกับ สนธิ ที่พยายามดิสเครดิตมาตลอดตั้งแต่การก่อร่างสร้างตัวตน จนวันนี้ที่มวลชนรวมตัวเป็นมวลมหาประชาชนอย่างแท้จริง

สนธิ พยายามอย่างถึงที่สุด ที่จะขอเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นทางตรง ทางอ้อม หรือแม้แต่การเตะตัดขามวลชนร่วมศัตรู

 

สิ่งที่สนธิไม่สามารถซื้อใจมวลชนได้ในระยะยาว เพราะสิ่งที่เป็นตัวสนธิเองและรวมถึงหมู่คณะของสนธิ ที่พยายามยกตนข่มผู้อื่นเสมอ

ไม่เคยที่จะฟังเสียงทัดทาน เสียงต่อต้านและเสียงคัดค้านใดๆ ทั้งสิ้น และการแฝงตัวของพวกอิงแอบผลประโยชน์ร่วม พวกอยากมีตัวตน

พวกอยากดัง อยากมีชื่อเสียง ดีไม่ดีอาจมีพวกหมาเลี้ยงที่คอยวางอยู่เป็นหอกข้างแคร่ด้วยความอหังการ์ของตัว สนธิ เอง จนเลินเล่อลืมตน

การลงทุนลงแรงของ สนธิ นั้นน่านับถือ แต่การอวดอ้างสรรพคุณจนเกินงาม การทวงบุญคุณ การชี้หน้าด่ามวลมิตรสหายเก่า ล้วนแล้วแต่

เป็นบูมเมอแรงที่สนธิยิ่งขว้างออกไปแรงและมากเท่าไร ยิ่งวกกลับมาตบปาก ตีกบาลและทิ่มแทงสนธิให้มาก แรงและเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น

เรื่องเหล่านี้ เป็นสิ่งที่สนธิไม่เคยสำเนียก พระท่านสอนไปเท่าไรไม่เคยสำนึก เพราะกิเลสบาปอันหนักหนา มันคอยถ่วงให้สนธิจมปลัก

ลงไปในบ่อโคลนแห่งโมหะจริตลึกลงไปเรื่อยๆ พอครั้นจะตะเกียกตะกายขึ้นมา ก็มีโมหะจริตในรูปแบบอื่นๆ มาฉุดรั้งให้จ่อมจมลงไปอีก

 

สนธิ ยังไม่ใช่ผู้บรรลุธรรมอันถ่องแท้ อย่างที่อ้างตัวอวดตนทุกครั้งไป เลยแม้แต่นิด ...

 

เขียนในสถานะที่ "เคย" เป็นหนึ่งในมวลชนที่สนับสนุนสนธิ และด่า "ปชป. รวมถึง สุเทพ" มาโดยตลอด

เขียนเพราะรับรู้เรื่องราวมาเยอะทั้งด้านดีและด้านชั่วของ ASTV ตั้งแต่ระดับ "หัว" ยัน "หาง" เพราะวิวาทะ-ขุดคุ้ย จนฝั่ง ASTV แก้ตัวไม่ได้มาแล้ว

เขียนเพราะวิเคราะห์ด้วยข้อมูลของตัวเองมาแล้ว รอบนี้ "กำนันสุเทพ" เหนือกว่า "สนธิ" ด้วยประการทั้งมวล ไม่ใช่เพราะชื่นชม "กำนันสุเทพ" หรือ

ยกยอปอปั้น หากแต่ "คิด" "วิเคราะห์" "แยกแยะ" มาดีแล้ว ...สนธิ หยุดเถอะ ทางมันตัน!!!

ทำไมขี้ข้าแป๊ะไม่ลองไปทำอะไรเองมั่ง

 

วันๆมีปัญญาทำแค่ติคนอื่นเท่านั้นเอง

 
บันทึกลับ!! ร.อ..วัชรชัย ผู้ลอบปลงพระชนม์ ร.๘????
ได้มีโอกาสเจอคุณลุงท่านหนึ่ง(ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) ที่เป็นคนในครอบครัวของ ศ.น.พ.ชุบ โชติกเสถียร หรือฉายา " หมอสปัสซั่ม " ศัลยแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผู้ชันสูตรพลิกพระศพของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ ๘ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ท่านเป็นหมอที่ยืนยันว่านอกจากจะมีการลอบปลงพระชนม์ด้วยอาวุธปืน " พาราเบลลั่ม(Parabellum) "แล้ว ยังมีการวางยาในหลวง วางยาต้นห้อง
คุณลุงนั่งกินหมูกระทะกับผมโดยบังเอิญ ที่หน้าสถานีวิหคเรดิโอ เชียงใหม่ เมื่อ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เพราะท่านมาวันเกิดลูกของน้องชายผม เลยคุยกับแบบถูกคอเรื่องบ้านเมือง ในอดีตจนถึงปัจจุบัน คุณลุงเล่าให้ฟังเรื่องการลอบปลงพระชนม์ ร.๘ ว่า ศ.น.พ.ชุบ โชติกเสถียร ผู้เป็นบิดา จะไปเป็นพยานในศาลคดีลอบปลงพระชนม์ ปรีดีได้มาเจรจา เพื่อให้ยอมไปให้ปากคำว่า เป็นการปลงพระชนม์ตัวเอง โดยยื่นสินบนด้วยคำพูดว่า "จะเปิดคลังหลวงให้และให้เอากระเป๋าไป ๒ ใบ ใส่เงินเท่าที่ใส่ได้ ให้ไปกินอยู่ตลอดชีวิต แค่อย่าให้ปากคำกับศาลว่าเป็นการลอบปลงพระชนม์"
ในสมัยนั้นถ้าใครไม่ยอมทำตาม ก็จะมี "เก๋งดำ" หรือรถยนต์เก๋งสีดำ มาจอดหน้าบ้าน นั่นหมายถึงว่าตายทุกราย จนข่าวนี้โด่งดั่ง เกิดข่าวลือว่า ศ.น.พ.ชุบ ตายแล้ว อันที่จริง ศ.น.พ.ชุบ ได้จ้างทหารมาเป็นยาม ถือปืนลูกซองอยู่ในบ้าน ใครเข้ามา "ยิงทิ้งทันที" จากนั้นก็ไปให้ปากคำกับศาลยืนยันว่าเป็นการลอบปลงพระชนม์จริง ระบุว่าในการตรวจพระศพยังพบว่ามีการ "ลอบวางยา" ต้นห้องของในหลวงรัชกาลที่ ๘ และในพระวรกายของพระองค์ท่านยังพบว่า มีการพบ "น้ำมันละหุ่ง" ในปริมาณมากผิดปกติ จนทำให้เกิดอาการ "มึนงง" ก่อนการลอบปลงพระชนม์
คำว่าหมอ "สปัสซั่ม" สื่อมวลชนในสมัยนั้น ได้ให้ฉายา กับ ศ.น.พ.ชุบ เพราะคำให้การที่อธิบายถึงคนที่จะยิงตัวตายได้ จะต้องมีอาการเกร็ง หรือ "สปัสซั่ม(Spasm)" แต่ในหลวงรัชกาลที่ ๘ ไม่มีพระอาการดังกล่าว นั่นยิ่งแน่ชัดว่าเป็นการลอบปลงพระชนม์ ที่ ศ.น.พ.ชุบไม่ให้ปากคำตามที่นายปรีดีต้องการ เพราะท่านได้ทุนเจ้าฟ้าฯเรียนในประเทศอังกฤษตั้งแต่อายุ ๑๓ ปี มีพี่น้องคือ ๑. หลวงประเสริฐไมตรี โชติกเสถียร ๒. พลเอกหลวงสุระณรงค์ โชติกเสถียร สมุหราชองครักษ์-องคมนตรี ๓. ศ.น.พ.ชุบ โชติกเสถียร ๔. ท่านผู้หญิงศิริ สารสิน เป็นบุตรของ ทูตพระสัมผกิจปรีชา โชติกเสถียร และคุณหญิงฉลวย โชติกเสถียร ซึ่งพลเอกหลวงสุระณรงค์ โชติกเสถียร คือ สมุหราชองครักษ์ ต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็น "องคมนตรี"
โดยได้รับใช้ดูแลในหลวงรัชกาลที่ ๘ และรัชกาลที่ ๙ พระพี่นางฯ สมเด็จย่า มาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กในประเทศไทยตอนยังไม่ได้ครองราชบัลลังก์ ก่อนเสด็จฯไปประเทศสวิส ทำให้ ตระกูล "โชติกเสถียร" มีความใกล้ชิดและจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรีเป็นอย่างมาก พอเกิดการเปลี่ยนแปลงจากคณะราษฎรยึดอำนาจกันเอง ทำให้นายปรีดีหมดอำนาจ จากฝีมือจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ชีวิตของ ศ.น.พ.ชุบ จึงรอดเงื้อมมือมัจจุราชมาได้ และได้ก่อตั้งโรงพยาบาล หน่วยแพทย์อาสา จนสิ้นอายุขัยด้วยวัยชรา
ลุงตั้งข้อสงสัยว่าทำไมสำหรับ ใจ อึ้งภากรณ์ ลูก ดร.ป๋วย มาใส่ร้ายโจมตีรัชกาลที่ ๙ กล่าวหาว่าเป็นผู้ลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ ๘ เพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์นั้น ผมอธิบายกับคุณลุงนิต ตามหลักยุทธศาสตร์การเมืองว่า เป็นเรื่องที่ไม่แปลก เพราะทั้ง ดร.ป๋วย ทั้ง ใจ เป็นฝ่ายซ้ายนิยมในคอมมิวนิสต์ แม้ ดร.ป๋วย จะเป็นเสรีไทยสายอังกฤษ แต่ก็ไม่นิยมเจ้าจึงเป็นพรรคพวกเดียวกับอำมาตย์ตรีปรีดี การปล่อยข่าวทำลายสถาบันกษัตริย์ เป็นหลักในการล้มล้างการปกครองในประเทศฝรั่งเศส ที่จะปล่อยข่าวทำลายราชวงศ์ก่อนที่จะมีการโค่นล้ม โดยมีรากเหง้ามาตั้งแต่ ประชาธิปไตยเกิดขึ้นนครรัฐกรีกโบราณ ช่วงศตวรรษที่ ๕ ก่อนคริสตกาล ยุคเมโสโปเตเมีย(Mesopotamia) ฟินิเซีย(Phoenician)และอินเดีย(India) ที่มีนักปราชญ์ที่รู้จักกันในนาม "เพลโต้" democracy ในภาษาอังกฤษมีรากศัพท์มาจากภาษากรีกโบราณว่า "ดีมอคระเทีย" หลังการลอบปลงพระชนม์สมัยนั้น
คดีลอบปลงพระชนม์ ถูกรื้อฟื้นอีกครั้ง หลังจาก จอมพลสฤษดิ์ ยึดอำนาจจอมพล ป. สำเร็จ โดยถือหลักคิดโจโฉ ถือธงนำหน้า ปกป้องพระเจ้าแผ่นดิน ส่วนวาทกรรมที่ว่า "ปรีดีฆ่าในหลวง" ที่มีการประกาศในโรงภาพยนตร์สมัยนั้น เกิดจากประชาชนที่อดรนทนไม่ไหว กับการยึดครองอำนาจของคณะราษฎร เกิดการทุจริต คอร์รัปชัน(corruption) เข่น ฆ่าประชาชน ฆ่ารัฐมนตรี รัฐประหารกันเองหลายสิบครั้ง ปลงพระชนม์ในหลวง ต่างหาก
แต่ฝ่ายซ้าย หรือฝ่ายคอมมิวนิสต์จะเอามาโจมตีว่าเป็นฝีมือของ “พรรคประชาธิปัตย์” พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นโดย นายควง อภัยวงศ์ พระอนุชาของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในรัชกาลที่ ๖ โดยเจตนาโจมตีป้ายสีในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่าเป็นผู้ลอบปลงพระชนม์ ให้เกิดเป้าหมายสูงสุด คือ ปลุกให้ประชาชนไม่พอใจ ลุกฮือเปลี่ยนแปลงการปกครอง เหมือนที่เกิดในฝรั่งเศส รัสเซีย ฯลฯ
การสอบสวนคดีลอบปลงพระชนม์ ร.๘ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ รื้อฟื้นขึ้นเมื่อ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ มีการแต่งตั้งให้ พล ต.ต. พระพินิจชนคดี กลับเข้ารับราชการทำหน้าที่สืบสวนกรณีสวรรคตเสียใหม่ หลังถูกปลดออกในช่วงรัฐบาลจอมพล ป.(นอมินีปรีดี) บทสรุปบันทึกจากทั้งฝ่ายคอมนิวนิสต์ คือ ฝ่ายผู้แพ้ ฝ่ายขวา คือ ฝ่ายชนะ และคนกลาง ตรงกัน คือ ในหลวงราชการที่ ๘ ถูกลอบปลงพระชนม์จริง
จากพยานที่ถูกบันทึกไว้ทั้ง ๓ ฝ่าย ระบุตรงกัน รวมทั้งคำพิพากษาศาลฎีกาคดีลอบปลงพระชนม์ว่า เพราะในหลวงรัชกาลที่ ๘ จะทรงมาลงเลือกตั้งแข่งขันเป็นนายกรัฐมนตรี และจะให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เป็นในหลวงแทน จากการสอบสวนและบันทึกส่วนพระองค์พบว่า ร.๘ พระองค์ทนไม่ได้ที่ถูกปรีดี ในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้สำเร็จราชการ ริดรอนพระราชอำนาจ กดขี่ จนมีบันทึกในประวัติศาสตร์ไว้ว่า " แม้แต่รถก็ไม่มีให้ใช้ หากแม่เราป่วยจะไปโรงพยาบาลจะไปอย่างไร "
จากผู้อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่า ผู้ลงมือลอบปลงพระชนม์คือ " ร.อ.วัชรชัย " อดีตรองราชเลขาสำนักพระราชวัง คนสนิทปรีดี ที่ทำหน้าที่เป็นรองราชเลขาสมัยนั้น ที่เริ่มให้ ร.๘ ซ้อมยิงปืน เมื่อเกิดเหตุจะได้ไม่มีใครสงสัย ลอบสังหารต้นห้อง 2พี่น้อง นายสินกับนายทรัพย์ จนเสียชีวิต จากนั้นเข้าไปวางยา ร.๘ แล้วจึงลอบปลงพระชนม์ด้วยอาวุธปืน เมื่อสำเร็จ ก็หลบหนีไปร่วมกับอำมาตย์ตรีปรีดียังประเทศจีน แล้วกลับมาร่วมกันก่อกบฏวังหลวง กบฏแมนฮัตตัน กบฏเมษาฮาวาย แต่ไม่สำเร็จ
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใช้อำนาจศาลสั่งประหาร นายเฉลียว ปทุมรส อดีตราชเลขานุการในพระองค์ นายชิต สิงหเสนี และนายบุศย์ ปัทมศริน สองมหาดเล็กห้องพระบรรทม ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยปละละเลยทำให้เกิดการลอบปลงพระชนม์ และเกี่ยวพันการลอบปลงพระชนม์ ส่วน ร.อ.วัชรชัย ที่หลบหนีไปกับปรีดีหลบซ่อนในจีน ได้ขอให้ทางการจีนสังหารให้ตายตกไปตามกัน ส่วนปรีดี โจวเอินไหล เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เชิญให้ออกจากประเทศ ไปลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส จนกระทั่งเสียชีวิตบนโต๊ะทำงานด้วยโรคหัวใจ
เรื่องการใส่ร้ายป้ายสีสถาบันกษัตริย์ ฝ่ายคณะราษฎร ได้เริ่มกระทำการปลุกปั่นอย่างหนัก มาตั้งแต่เริ่มทำการปฏิวัติสยาม ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ และทำหนักป้ายสี ร.๙ ในยุคจอมพล ป. เพื่อหวังยึดอำนาจการปกครองให้เบ็ดเสร็จ แต่ถูกจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐประหาร จึงมีการรื้อคดีลอบปลงประชนม์ขึ้นมา ต่อมาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หรือขบวนการก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ได้นำหลักนี้มาป้ายสีอีก ก่อนเกิดเหตุการณ์วันเสียงปืนแตก คือ วันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ ซึ่งเป็นวันที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ใช้อาวุธโจมตีกองกำลังของรัฐบาลไทยเป็นครั้งแรก
จนกระทั่งมาในยุคขบวนการแบ่งแยกดินแดนเสื้อแดงก็นำวิธีเดียวกันมาใช้ ตั้งแต่ ราว ๑ มกราคม ๒๕๕๒ ก่อนเกิดเหตุการณ์เมษาจราจล ๑๒-๑๕ เมษายน ๒๕๕๒ เพราะกลยุทธ์ดังกล่าวในการป้ายสีสถาบันกษัตริย์ คือ หนึ่งในหลักล้มล้างการปกครอง ที่มีต้นแบบมาจากการปฏิวัติฝรั่งเศส ระหว่าง ค.ศ. ๑๗๘๙-๑๗๙๙ เป็นยุคสมัยแห่งกลียุค (upheaval) ที่นิยมกระทำกันมากหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ประเทศถึง ๑ ใน ๓ ของโลก กลายเป็นคอมมิวนิสต์
สิ่งเหล่านี้คือประวัติศาสตร์ กลยุทธการเมือง ที่สลับซับซ้อน ที่เป็นรากเหง้าของประเทศไทย ที่ได้ค้นคว้าจากคำบอกเล่าจากคนมีชีวิต และบันทึกของทั้งฝ่ายคอมมิวนิสต์ คนกลาง และฝ่ายชนะ อันจะเป็นบทเรียนสำหรับคนไทยทั้งชาติได้จดจำ รู้ข้อเท็จจริง มิให้เกิดขึ้นอีกในภายหน้า สิ่งหนึ่งที่ได้จากประวัติศาสตร์ คือ ผลของกรรมที่เกิดจากการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน ผลกรรมยุติธรรมเสมอ ทำกรรมใดไว้ก็จะได้รับผลกรรมตามนั้น
“ รู้จักแผ่นดินถิ่นกำเนิด รู้จักเทิดองค์กษัตริย์ของรัฐถา รู้จักคำสั่งสอนขององค์พระศาสดา จนรู้ซึ้งคำว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆ “
บทกลอนในหนังสืออำนาจที่ยิ่งใหญ่ โดย ไกรสร ตันติพงศ์ ปรมาจารย์การเมือง
เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
วันจันทร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๗
ข้อมูลอ้างอิง
๑. คำบอกเล่าจากผู้ที่มีชีวิตหลายท่าน ลุงมานิต - ไกรสร ตันติพงศ์ ปรมาจารย์การเมือง 
๒. หนังสือของฝ่ายคอมมิวนิสต์-คนกลาง-เหตุการณ์หลังปฏิวัติสยาม ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕
๓. บันทึกลับจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ 
๔. บทความเรื่องเล่าลุง... ลอบปลงพระชนม์ ร.๘ เมื่อ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖
ร่วมสนับสนุนสถานีวิหคเรดิโอ ถ่ายทอดสด เวทีมวลมหาประชาชน รับฟังทาง 89Mhz -www.vihok.com App thairadio บัญชี สโมสรสื่อมวลชนภาคเหนือ 457-1-00409-2 กสิกรไทย
 
อ่านกันเพลินๆ หลังมื้อเที่ยงครับ

เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเรียกยุค ร.8 ว่ายุคทมิฬ. มันเลว ชั่ว ได้ถึงกึ๋น
ไม่นึกว่าคนพวกนี้จะกล้าทำร้ายสถาบันกษัตริย์อันเป็นที่รักของชาวไทยได้มากมายขนาดนี้

 
 
อ่านหนังสือเการเมืองเก่า ๆ พบว่า
 
 
ช่วงนั้นมีการเลือกตั้งด้วย เป็นการเลือกตั้งซ่อมในเดือนสิงหาคม 2489 แน่นอนประเด็นที่ไฮไลต์เด็ดก็คือ กรณีนี้
 
ปชป. ชนะถล่มทลายทันทีในการเลือกตั้งครั้งนั้น โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่อะไร เพราะชาวบ้านร้านตลาดคนที่ไหน ๆ ก็รู้กันดีอยู่ว่า อะไรมันเป็นอะไร 
 
เห็นว่าตอนนั้น ปชป. ปราศัยที่ถนนราชดำเนิน ตามตึก ตามอะไรต่าง ๆ บนถนน คนเป็นหลักหมื่น คิดดูแระกัน 60 กว่าปีก่อน คนหลักหมื่น มันจะเยอะขนาดไหน
 
ถึงขนาดว่า บนถนนจุไม่พอ ต้องปีนขึ้นไปฟังถึงดาดฟ้าบนตึก
 
กระนั้น ก็ยังมีคนขับรถบรรทุกบรรจุอาวุธสงครามต่าง ๆ จะบุกเข้ามาพังเวที คือ นายไต๋ ปาณิกบุตร  แต่คนที่มาฟังปราศรัยนี่แหละ ไม่ยอม คุ้มกันให้ปลอดภัย มี ทร.มาช่วยเป็นการ์ดให้ มี นศ.ถือขวดน้ำอัดลมเปล่า ๆ คอยคุ้มกันให้ก็ยังมี จึงป่วนไม่สำเร็จ
 
 
ปชป.โดนจัดหนักมากกกกกกกกก ทั้งโดนฝ่ายรัฐบาลเอาใบปลิวโจมตีมาโปรยด้วยเครื่องบิน เรียกว่า ผลงานโบดำ ทั้งระเบิดปาลงที่วงเวียนเล็ก ไถง สุวรรณทัต ต้องขาขาด อินทร สิงห์เนตร ส.ส.เชียงใหม่ ก็โดนยิงตาย สื่อมวลชนดี ๆ ที่มีอุดมการณ์ไม่ใช่ขี้ข้าเหมือนสมัยนี้อย่าง ชื้น โรจนวิภาต พี่ชายของ พายัพ โรจนวิภาต ผู้เขียนหนังสือเรื่อง แดน ๖ ในคุกบางขวาง หรือตีพิมพ์ใหม่ในชื่อว่า ยุคทมิฬ ก็โดนยิงตายคาสะพานเทเวศน์ เพราะไปเปิดโปรงกรณีคอร์รัปชั่นต่าง ๆ ในรัฐบาล บางคนก็โดนจับติดคุก หาว่าเป็นกบฏต่อชาติ บางคนโดนกระสุนเฉียดหน้ากระจกรถเป็นรอย บางคนโดนซัลโวจะ ๆ กลางสะพาน แต่เคราะห์ดีที่โดดหลบได้ก่อน อะไรงี้
 
สองพี่น้องราชสกุลปราโมช มีลูกศิษย์ลูกหาที่เป็น ตร. โทรมาบอกว่าให้ระวังตัว หม่อมพี่ เสนีย์ ปราโมช ขับรถไปทำงาน คนบนรถเมล์ยังตะโกนบอกให้ ระวังตัว
 
 
ก็ 60 กว่าปีผ่านมาแระ

ข้อมูลนี้ผมพึ่งทราบ.

แต่ทำให้ผมยิ่งมั่นใจอย่างหนึ่งก็คือ.

ขนาดผู้ปกครองที่ชั่วช้า ***มโหด แถมยังมีทหาร-ตำรวจอยู่ในมือ. ยังแพ้พระบารมีและและหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ของประชาชน.

แล้วอย่างไอ้แม้วที่มันมีอำนาจได้ไม่ถึงครึ่งของพวกชั่วๆสมัยก่อน ย่อมไม่มีทางที่พวกมันจะชนะประเทศไทยและคนไทยไปได้

  ถามแบบสงสัย  อยากรู้ครับว่า  การมา "โพสท์ แปะภาพ " แล้วก็จากไป 

  โดยไม่คิดจะเพิ่มเติมข้อมูล  หาเหตุผล  มาตอบกันบ้าง

   มันได้อะไรขึ้นมา ครับ   

 

ได้บัตรเติมเงินครับ

ขอตราไว้ครับ คนเสื้อเเดงนปช.ทำเรื่อง เอียอะไรไว้ ไม่เคยรับผิดชอบ  

 

photo.php

 

photo.php

 

photo.php

 

photo.php

 

photo.php

 

photo.php

 

photo.php

 

photo.php

 

นี้เป็นภาพคนที่มาร่วม เเค่ส่วนหนึ่งครับ 

Nureeya Bummy

 

 

เอิร์ท กล้ามากที่ใส่เสื้อลายนี้

ระวังรายการ นัดกันที่แปดครึ่ง ออกอากาศทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดนช่อง 9 แดนสนธยาแบนเอานะเออ

เช้านี้ไม่รู้ได้ออกอากาศอ่ะป่าว วันนี้เป็นวันแรกด้วย

โหยแพงเน้อ อยู่บ้านนอกก็ดีเหมือนกันเนาะเรา อาหารตามสั่งเต็มที่ก็ 35 ก๋วยเตี๋ยวก็ชามละ 20 ขนมหวานถุงละ 10 บาท แต่น้ำมันรถ 2 ลิตร 100 บาท