“มาร์ค”ชี้หน้าสวนกลับ “สุนัย”กลางห้องประชุม กมธ.นิรโทษกรรม ไม่เคยร่วมเผด็จการ ขณะที่เจ้าตัวไล่ส่งให้ลาออกจากหัวหน้าปชป.
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ...ในช่วงบ่ายนั้น ปรากฎว่าในขณะที่ นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายพาดพิงถึงการบริหารงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนถูกปฏิวัติ ทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประท้วงเป็นระยะ ๆ โดยนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ตอบโต้ด้วยน้ำเสียงอย่างมีอารมณ์ว่า ขอให้อภิปรายอยู่ในประเด็น อย่าอภิปรายโดยเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น อย่าเสียดสี ใส่ร้าย เพราะพวกตนอดทนกันมาตลอด แต่ถ้าจะป้ายสีกัน พวกตนจะเอาด้วยก็ได้ จะระบุให้หมดว่าใครร่วมมือกับเผด็จการ จัดรัฐบาลในค่ายทหาร
ทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรรมาธิการฯ ได้ชี้หน้าไปที่นายสุนัยแล้วโต้กลับว่า “ถ้านายสุนัยจะพูดก็เชิญ ผมไม่เคยร่วมอะไรกับเผด็จการทั้งสิ้น แล้วอยากถามกลับว่า นายสุนัยไปพาดพิงถึง พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ทำไม” ทำให้นายสุนัย ย้อนกลับอย่างมีอารมณ์ว่า “ทำไม...ไม่ไปไหว้พี่สนธิเขาหละลูก เขาอุตส่าห์ยึดอำนาจให้ แต่ก็เป็นนายกฯ ไม่ได้ ผมว่าลาออกจากหัวหน้าพรรคไปเถอะ”
และก่อนที่บรรยากาศจะดุเดือดมากขึ้นนายสามารถ แก้วมีชัย ประธาน กมธ.ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้รีบชิงตัดบทและขอร้องให้หยุด โดยให้ผู้แปรญัตติเสนอความเห็นต่อไปจนจบ
ต่อมาการประชุมได้เกิดการโต้แย้งขึ้นอีกครั้งระหว่างที่นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวเสนอคำแปรญัตติต่อ กมธ. ได้ถูกทักท้วงจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นระยะ ๆ เนื่องจากเห็นว่าการอภิปรายของนายไชยวัฒน์เข้าข่ายลักษณะอภิปรายเสียดสี ใสร้าย ไปมาตลอด จนทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ประท้วง และกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า นี่เป็นการอภิปรายที่เรียกว่า “กวนตีน” ทำให้กรรมาธิการฯของพรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจ
ขณะที่นายสามารถ ได้ร้องขอให้นายพิเชษฐ์ถอนคำพูด ส่วนนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ขอให้ถอน โดยระบุว่า “ขอให้นายพิเชษฐ์ใจเย็น ๆ เดี๋ยวก็ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว” จากนั้น นายสามารถได้ร้องขออีกครั้ง กระทั่งนายพิเชษฐ์ยอมถอนคำพูดดังกล่าวออกไป.