วันนี้ ( 10 เม.ย. 2557 ) เป็นวันที่ ระลึก ถึง พลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม และ นายทหารท่านอื่นๆ
ที่ได้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องประเทศไทย ทุกๆ ท่าน............ครับ
ขอแสดงความนับถืออย่างสูงสุด
- สมชายสายชม, เสือยิ้มยาก, Zecret and 30 others like this
ไก่น้อย hasn't added any friends yet.
โดย RaRa on 10 เมษายน พ.ศ. 2557 - 15:00
วันนี้ ( 10 เม.ย. 2557 ) เป็นวันที่ ระลึก ถึง พลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม และ นายทหารท่านอื่นๆ
ที่ได้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องประเทศไทย ทุกๆ ท่าน............ครับ
ขอแสดงความนับถืออย่างสูงสุด
โดย ชาวสวน on 9 เมษายน พ.ศ. 2557 - 15:36
ทำไมผมเผยแพร่ คำพูดหมิ่น ใส่ร้าย ของโกตี๋
ตอบ: ผม ทราบครับ ว่าเคยมีผู้หวังดี นำเรื่องที่มีผู้หมิ่นสถาบัน มาแชร์ต่อ
ในที่สุดก็จะถูกฟ้องและถูกพิพากษาให้ลงโทษเป็นผู้หมิ่นเสียเอง
ครั้งนี้ผมขอประกาศให้ทราบว่า ผมต้องทำด้วยความรักและภักดีต่อในหลวงอย่างสูงสุดชีวิต ต้องให้ผู้ร่วมจงรักภักดีทราบว่า มีหลุ่มคณะคนในประเทศกำลังกระทำการอุกอาจ อย่างเปิดเผยอย่างที่เราต้องรับรู้ และช่วยกันผลักดันให้เจ้าหน้าที่ รัฐ ตำรวจ ทหาร ที่มีหน้าที่ ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้แล้ว
โดย พอล คุง on 9 เมษายน พ.ศ. 2557 - 15:48
พระครูวิสิฐ สรภาณ
มีรูปอะไรดี ๆ แบ่งปันมาให้ดูกัน
ว่าจะขอแชร์รูปนี้นะครับ
โดย กีรเต้ on 9 เมษายน พ.ศ. 2557 - 13:11
ตั๊นไม่เคยดูถูกคนชนบท! เปิดหมดครั้งแรก 'จิตภัสร์ กฤดากร' หัวใจ 2 นามสกุล
กลางค่อนมาทางปลายปี พ.ศ. 2553 ! ก่อนกระโจนลงมาเล่นการเมืองครั้งแรกในชีวิต เรามีโอกาสเปิดใจ 'ตั๊น จิตภัสร์' ครั้งยังใช้นามสกุลเก่า 'ภิรมย์ภักดี' ในห้องปรับอากาศกระทรวงไอซีที หลายปีถัดมา จากห้องทำงานที่ฉ่ำเย็นไปด้วยแอร์คอนดิชั่น ชีวิตตั๊นพลิกผันต้องมานั่ง เดิน วิ่ง กระทั่งบ่อยครั้งก็ต้องกินนอนบนพื้นดิน พื้นคอนกรีตร้อนๆ ตอนปลายปี พ.ศ. 2555 ในฐานะหนึ่งในแกนนำ กปปส.
http://www.thairath..../content/413067
ตั๊นไม่เคยดูถูกคนชนบท! เปิดหมดครั้งแรก 'จิตภัสร์ กฤดากร' หัวใจ 2 นามสกุล
กลางค่อนมาทางปลายปี พ.ศ. 2553 ! ก่อนกระโจนลงมาเล่นการเมืองครั้งแรกในชีวิต เรามีโอกาสเปิดใจ 'ตั๊น จิตภัสร์' ครั้งยังใช้นามสกุลเก่า 'ภิรมย์ภักดี' ในห้องปรับอากาศกระทรวงไอซีที หลายปีถัดมา จากห้องทำงานที่ฉ่ำเย็นไปด้วยแอร์คอนดิชั่น ชีวิตตั๊นพลิกผันต้องมานั่ง เดิน วิ่ง กระทั่งบ่อยครั้งก็ต้องกินนอนบนพื้นดิน พื้นคอนกรีตร้อนๆ ตอนปลายปี พ.ศ. 2555 ในฐานะหนึ่งในแกนนำ กปปส.
จิตภัสร์ กฤดากร
พร้อมด้วยข้อกล่าวหาหนักหนาสาหัสในชีวิตพ่วงท้ายมาด้วยว่าเธอเป็น 'กบฏ'
คงจะไม่ผิดหากจะบอกว่า 5 เดือนที่ผ่านมา หลายสิ่งถาโถมเข้ามาในชีวิตเธอมากมาย โดยเฉพาะคำปราศรัยภาษาอังกฤษ ซึ่งผู้ที่มีความคิดอีกฝากฝั่งนำมาโจมตีกัน จนเป็นที่มาของจดหมายของ ลุง 'สันติ ภิรมย์ภักดี' ทำนองตำหนิบทบาทนักการเมือง จนเป็นที่มาของการตัดสินใจเปลี่ยนนามสกุลที่ใช้มาทั้งชีวิตเป็น 'กฤดากร' (คำสั่งพระยาภิรมย์ภักดี คำสัมภาษณ์ตั๊น? เจาะเบื้องหลังก่อนจดหมายคำรามของสิงห์ https://www.thairath...ent/life/390688) และเรื่องอื่นๆ อีกสารพัดมากมาย
ยิ้มสดใสของตั๊น
วันที่อากาศและการเมืองร้อนระอุพอๆ กัน ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสได้นั่งถามตั๊น 'จิตภัสร์ กฤดากร' หลังเวทีสวนลุมพินีในทุกเรื่องที่หลายคนไม่กล้าถาม หรือเคยได้ฟังจากปากเธอจริงๆ ครั้งแรก กับบทสัมภาษณ์ที่ไม่เชียร์ ไม่ชม แต่จะถามกันตรงๆ ต่อหน้าเจ้าตัว!
Q : คุณนอนอยู่แถวนี้..?
นอนแถวนี้ค่ะ พอย้ายมาที่สวนลุมฯ ตั๊นและแกนนำต้องย้ายมาที่นี่ด้วย เพราะลุงกำนันเป็นห่วงความปลอดภัยของแกนนำทุกคน อยากให้อยู่รวมๆ ในที่เดียวกันหมด พอมาอยู่ที่สวนลุมฯ ตั๊นมีโอกาสเปิด 'โรงเรียนใต้ต้นไม้' ขึ้นมาด้วย โดยตอนกลางวันก็ช่วยๆ ดูแลจุดนั้น จุดนี้ ตกตอนกลางคืนก็ขึ้นเวทีปราศรัย และสรุปข่าวเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเดิม
Q : ทำไมถึงเรียกว่าโรงเรียนใต้ต้นไม้?
ก็เรียนใต้ต้นไม้เลยค่ะ โต๊ะนี่เป็นโต๊ะญี่ปุ่น นั่งปูเสื่ออยู่กับพื้น ไม่มีห้อง ไม่มีแอร์ อยู่ใต้ต้นไม้จริงๆ(หัวเราะ) ยังได้อยู่ ยังไม่ละลายค่ะ
ตั๊นกับนกหวีดคู่ใจ
Q : หน้าที่หลักอยู่ที่โรงเรียนต้นไม้ทำอะไร?
ตั๊นจะดูแลภาพรวมค่ะ คือเราจะเป็นเหมือนผู้ประสานงานดูแลอุปกรณ์การศึกษาให้เรียบร้อย คือเราโชคดี มีกลุ่มอาสาเข้ามาช่วยไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิต่างๆ มาสอนเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นจุฬาฯ พวกแพทย์อาสาเอง โดยความตั้งใจเราอยากให้เหมือนกับ 'ซัมเมอร์แคมป์' ตั๊นอยากทำให้มันเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนมากกว่า นอกจากที่เราจะมาสอนวิชาเลขหรือภาษาไทย คือเราจะสอนเป็นกิจกรรมนอกห้องเรียนมากกว่า
อย่างวันก่อนก็มีทีมแพทย์ศึกษาอนามัยมาสอนวิธีแปรงฟันให้ถูกต้อง สอนวิธีสระผม วิธีล้างมือให้สะอาดหมดจด กับเด็กๆ หรือวันก่อนคนมาอยู่ร่วมกันมหาศาลแบบนี้ เหาก็จะเยอะมากๆ (เน้นเสียง) เมื่อวานก็กำจัดเหาไป 25 คน ตั๊นก็จับตัดผมสั้นหมดเลย สิ่งที่ตั๊นต้องการที่จะเห็นก็คือ อยากจะเห็นน้องๆ หลายๆ คนที่ติดตามคุณพ่อคุณแม่มาร่วมชุมนุม อยากให้เขาเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับส่วนรวม แบ่งปันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และอย่างที่เห็นคือทุกคนจะแบ่งปันเอื้อเฟื้อดูแลซึ่งกันและกัน รู้สึกเหมือนว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน วันนี้เราเห็นมันก็ดีใจมากๆ ปัจจุบันมีเด็กเข้ามาเรียนกับเรามากสุดก็แตะ 100 คน ส่วนน้อยสุด 50 คน
ตั๊นมีโอกาสเปิด โรงเรียนใต้ต้นไม้
Q : เด็กๆ จำภาพคุณเป็นครูในแบบไหน?
เป็นครูใจดี ไม่ดุ (หัวเราะ) ที่จริงตั๊นจะไม่ได้เรียกตัวเองว่าครู จะแทนตัวเองว่า พี่หรือน้อง ส่วนใหญ่กิจกรรมนอกห้องเรียนที่เราสอนเราจะเน้นย้ำว่าจะไม่มีการพูดถึงม็อบ ไม่มีการว่ารัฐบาลให้เด็กๆ ฟัง เราแค่อยากจะปลูกฝังเรื่องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้กับพวกเขา ที่ผ่านมาเรามีผู้ใหญ่ใจดีมามอบทุนการศึกษามากมาย บางคนมามอบหนังสือให้ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว ซึ่งเราก็จะมาเล่าเรื่องพวกนี้ให้พวกเขา เล่าความเป็นมาตามประวัติศาสตร์ชาติไทย หลังจากนั้นก็จะมีกิจกรรมเสริมจินตนาการ เช่น ให้น้องๆ วาดรูปต่อยอดความคิด
ตั๊น ครูใจดีของเด็กๆในโรงเรียนใต้ต้นไม้
Q : ไหนจะงานราษฎร์ ไหนจะงานหลวงสอนหนังสือ เหนื่อยไหม?
ตอนนี้เหนื่อยขึ้น พอเปิดโรงเรียนอยู่กับเด็กๆ นี่เหนื่อยขึ้นเยอะ สามวันแรกที่เปิดโรงเรียนคือตั๊นไม่ขึ้นเวทีเลยจนพี่สาทิตย์ วงศ์หนองเตย โทรมาจิกโทรมาว่าอยู่ไหน โทรมาตามบอกคุณไม่ขึ้นเวทีไม่ได้นะ (หัวเราะ) คุณต้องขึ้นทุกคืน เราก็บอกพี่ ไม่ไหวแล้ว ตั๊นจะสลบแล้ว จริงๆ อยู่กับเด็กๆ เหมือนจับปูใส่กระด้ง ตอนนี้เริ่มชิน เร่ิมลงตัว ก็ปล่อยและไปช่วยจุดอื่นได้มากขึ้น ความรับผิดชอบของตั๊นหลักๆ อยู่กับบนเวที เมื่อก่อนนี้ จะต้องไปบุกปิดตามสถานที่ราชการ ต้องไปดูตามมวลชนก็เป็นอีกบทหนึ่งด้วย
แต่เอาเข้าจริง พอมาถึงเดือนที่ 5 บางวันก็เหนื่อยนะ แต่ก็ยังไม่ท้อ ยังไปต่อได้ เหนื่อยเฉพาะร่างกาย เพราะเราต้องอยู่ข้างนอกตลอด บางทีฝนตก แดดออก อากาศร้อนมากก็กระทบ ยังเป็นห่วงผู้ชุมนุมเลยว่าจะไหวรึเปล่า แต่ตอนนี้ร่างกายปรับสภาพได้แล้ว
Q : แฟนไม่ห่วง?
ไม่มีค่ะ โสดมาปีกว่าแล้วค่ะ (ยิ้ม) อยู่ที่นี่ไม่มีใครกล้าจีบแน่นอน เพราะต้องผ่านการ์ด กปปส. ไม่รู้กี่คน (หัวเราะ) ทุกวันนี้เราทำงานตรงจุดนี้ก็อยากจะทำงานให้เต็มที่ แต่ไม่ได้หมายความว่าปิดตัวเอง เพียงแต่ยังไม่มีเวลาที่จะไปรู้จักกับใคร เรายังทำหน้าที่ตรงนี้ ได้รับมอบหมาย ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ให้ทำหน้าที่ตรงนี้ให้เต็มที่ เดี๋ยวผู้ใหญ่เขาจะรู้สึกเอ๊ะ ทำไมเราไม่ทุ่มเทเลย พี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมากที่เขาเฝ้ามองเราอยู่เป็นกำลังใจให้ เราไม่อยากให้เขาผิดหวังในตัวเรา
Q : จากชีวิตเป็นนักการเมืองทำงานในสภาปกติ ต้องออกมาบนท้องถนน จนกลายเป็นกบฏแบบที่ฝ่ายตรงข้ามเรียกกัน วันนี้นั่งทบทวนตัวเองไหมว่าชีวิตเสียอะไรไปบ้างไหม?
ไม่รู้สึกว่าเสียอะไร สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ตั๊นรู้สึกว่ามีโอกาสที่ทำ โชคดีที่มีโอกาสที่เดินตามความฝันและอุดมการณ์ของตัวเอง
Q : เรื่องความขัดแย้งในครอบครัวจนเป็นที่มาของการเปลี่ยนนามสกุลจาก 'ภิรมย์ภักดี' มาเป็น 'กฤดากร' เรื่องจริงเป็นแบบที่ข่าวออกไปไหม เพราะไม่มีใครเคยได้ยินจากปากคุณเลย?
เรื่องนี้ต้องเรียนว่า การเมืองรุนแรงมากๆ ช่วงนี้ ครอบครัวเรามีธุรกิจอย่างที่รู้ๆ กัน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ตั๊นต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก 'ภิรมย์ภักดี' เป็น 'กฤดากร' ตั๊นเป็นห่วงครอบครัว จึงต้องออกมาขอเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวตั๊นด้วย เพราะเรื่องจริงๆ ครอบครัวตั๊นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมวลมหาประชาชนเลยแม้แต่นิดเดียว มีแค่ตั๊นเพียงคนเดียวที่เข้ามามีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหว ดังนั้นมันก็ไม่เป็นธรรมที่ครอบครัวจะโดนโยงเข้ามาในเรื่องของการเมืองเพราะ ตั๊น และที่เราเปลี่ยนนามสกุลก็เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้กับครอบครัวไม่ถูกโยงมา เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย
จริงๆ เรื่องการลงมาเล่นการเมืองของตั๊น เราก็ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว ตั๊นเป็นคนชัดเจนมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่า อยากจะเข้ามาเล่นการเมืองนั้น ก็เป็นความฝันตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งเราเปิดเผยมาตั้งแต่ต้น แน่นอนว่าไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือที่บ้านเลยแม้แต่นิดเดียว ตั๊นพูดตรงนี้เลยว่าการที่มา ณ จุดนี้ ไม่มีการผลักดันจากครอบครัวเลย เพราะเราเรียนจบมาเราก็พูดเลยว่า เราอยากจะเข้ามาทำการเมืองชัดเจน เป็นอาชีพในฝันมาก พอการเมืองรุนแรงตั๊นก็ต้องออกมาทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อเรียกร้องความเป็น ธรรมให้กับครอบครัวเรา
เปิดหมดครั้งแรก จิตภัสร์ กฤดากร
Q : ตามข่าวบอกว่าคุณเป็นคนแรกในครอบครัวที่เข้ามาเล่นการเมือง ซึ่งคำสั่งพระยาภิรมย์ภักดี ผู้ก่อตั้งบริษัทบุญรอด ท่านห้ามคนในตระกูลนี้เล่นการเมือง เขาบอกว่าคุณคือคนแรกที่แหกกฎ?
ถ้าจะย้อนไปจริงๆ ก็มีคุณลุงก็เคยเป็น ส.ว.คุณพ่อเองก็เคยเป็น ตั๊นก็ไม่แน่ใจว่า ส.ว. นี่คือเต็มตัวไหม ในความหมายนี้ไหม
Q : ตอนตัดสินใจเปลี่ยนนามสกุลที่ใช้มาตั้งแต่เกิด คิดอะไรอยู่?
ใจหายค่ะ (เสียงเศร้า) อย่างที่บอกตั๊นใช้นามสกุลนี้มาตั้งแต่เกิด อย่าลืมว่าครึ่งหนึ่งตั๊นก็เป็น 'ภิรมย์ภักดี' อีกครึ่งหนึ่งก็เป็น 'กฤดากร' ซึ่งแน่นอนว่าเราภาคภูมิใจในตัวของบรรพบุรุษทั้งสองฝั่งอยู่แล้ว ภูมิใจที่ทั้งสองฝั่งได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ
Q: ไม่ได้โกรธฝั่ง 'คุณสันติ ภิรมย์ภักดี' ที่ทำจดหมายออกมาเหมือนตำหนิการเล่นการเมืองของคุณ?
ไม่เลยค่ะ
Q : ก่อนออกจดหมายฉบับนี้ คุณสันติ ภิรมย์ภักดี ส่งสัญญาณอะไรมาก่อนไหม?
ไม่ค่ะ (ตอบเร็ว) อย่างที่บอก ตั๊นอยู่ที่ม็อบตลอดเวลา ไม่เจอหน้าครอบครัวเลย แต่ถามว่าเสียใจไหม มันไม่ใช่คำว่าเสียใจ มันเป็นเหมือนหน้าที่หนึ่งที่เราต้องทำ และคุณพ่อคุณแม่ก็คอยให้คำปรึกษาและอยู่ข้างๆ ตั๊นเสมอ อย่างช่วงเวลาที่ตั๊นเปลี่ยนนามสกุลไปเป็น 'กฤดากร' ก็เป็นการตัดสินใจภายในครอบครัว ไม่ใช่เราตัดสินใจคนเดียว
รอยยิ้มของตั๊นในวันนี้
Q : วันนี้มีผลกระทบรอบข้างมากมาย แม้กระทั่งในตระกูลภิรมย์ภักดีเอง คุณพ่อ คุณแม่ก็ยังให้กำลังใจ ปัจจุบันก็ยังสนับสนุนให้เล่นการเมืองอยู่?
ใช่ค่ะ ยังเป็นกำลังใจให้ค่ะ แล้วก็เป็นการตัดสินใจของตั๊นเองด้วยเพราะว่าเราก็โตพอแล้วที่จะตัดสินใจอะไรเองได้
Q : จากลูกหลานพระยา วันนี้กลายเป็นกบฏ ตื่นขึ้นเป็นกบฏวันแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง?
ก็อย่างที่บอกว่าเราไม่ใช่กบฏ เราเป็นแค่กบฏในระบอบทักษิณ ไม่ใช่กบฏของชาติ เพราะที่เราทำวันนี้เราทำเพื่อชาติเรา ทำเพื่ออนาคตของประชาชน อนาคตของลูกหลาน เรามาสู้เพื่อชาติมากกว่า เรามาเรียกร้องเพื่อให้มีการปฏิรูป เพราะเราเห็นปัญหาอยู่หลายปัญหา
ตั๊นกบฏในระบอบทักษิณ
Q : อะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ผลักคุณออกมาสู่ถนน?
คืออุดมการณ์แน่นอน วันที่เรายกระดับและก็ร่วมการชุมนุมที่สามเสน ตอนนั้นที่ทำในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ก็มาดูแลเวที ขึ้นปราศรัยบ่ายโมง บ่ายสองไม่มีคนเลยจนยกระดับมาถึงราชดำเนิน จนต้องมีการแบ่งแยกระหว่างพรรค ระหว่างผู้ชุมนุมอย่างชัดเจน คือลุงกำนันเขาจะพูดคุยกับทุกคน แกก็บอกว่าความเต็มใจของทุกคนและทุกคนก็พร้อมที่จะสู้ พอที่ราชดำเนินเราก็คุยกันดึกจนตีสามตีสี่เลย
มาถึงวันนี้ หน้าที่เราก็เปลี่ยนไปคือ เร่ิมยกระดับมีหน้าที่เพ่ิมมากขึ้น เนื่องจากผู้ใหญ่ท่านเห็นความมุ่งมั่น และความตั้งใจของเราเลยมอบหมายภารกิจให้เพิ่มเติมๆ จนมาถึงต่อสู้บนท้องถนนอย่างทุกวันนี้ ถามว่าต่างกันไหม สู้ในสภากับสู้บนถนน แตกต่างกันแน่นอนค่ะ เพราะงานบนท้องถนนมันต้องเคลื่อนที่อยู่ตลอด ต่างกับการทำงานพรรค ซึ่งเมื่ออุดมการณ์เรามาทางนี้ ก่อนหน้าเรามีการพูดคุยกับครอบครัวหลายครั้ง บางทีอาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่ว่าครอบครัวของตั๊นก็จะมีเหตุผลซึ่งกันและกัน และเราก็เคารพการตัดสินใจของกันและกัน
Q : ออกมาบนถนนกับอยู่ข้างในเจออะไรบ้างที่ในสภาไม่เคยเจอ?
การปราศรัย การขึ้นเวทีทุกวัน ขึ้นแรกๆ ก็กลัว ประหม่ามากๆ แต่ตอนนี้ไม่กลัว (หัวเราะ) ตั๊นจำได้เลยวันแรกที่ไปปราศรัยหาเสียง ต้องไปปราศรัยแข่งกับคู่แข่งครั้งแรกไม่รู้พูดไม่ถูก คือจะพูดอะไรดี แต่ทุกวันนี้ก็ไม่กลัวแล้ว พูดได้เลยนี่ถือว่าเป็นการพัฒนาตัวเองแบบฝึกหัด แบบอย่างเข้มข้นมาก จริงๆ ตั๊นได้กำลังใจจากประชาชนทุกคนที่เข้ามาให้กำลังใจเราเยอะมากๆ อย่างช่วงที่ตั๊นต้องเปลี่ยนนามสกุลจะมีคนเข้ามาให้กำลังใจตลอด มันทำให้เรารู้สึกว่า เขาไม่ทอดทิ้งและก็เป็นกำลังใจให้เรา เป็นกำลังใจให้สู้ต่อจนถึงวันนี้ หนึ่งในประสบการณ์ที่เราประทับใจมากๆ ก็คือ ในพื้นที่อยู่ในกรุงเทพฯ คนในพื้นที่ก็จะรู้จักเรา แต่ทุกวันนี้พี่น้องที่มาจากต่างจังหวัดก็รู้จักเราหมด
เรื่องราวประทับใจเกิดขึ้นทุกวัน หนึ่งในเรื่องที่ประทับใจมากที่สุดก็คือ วันแรกๆ ของการชัตดาวน์ฯ ตั๊นได้รับมอบหมายให้ไปที่กระทรวงต่างประเทศ คนที่มาร่วมขบวนตั๊นเป็นคนต่างจังหวัดหมดเลย มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งมาบอกว่าภรรยาจะคลอดลูก ก็ตั้งชื่อลูกสาวว่า 'จิตภัสร์' เพราะอยากให้ลูกสาวเกิดมาเข้มแข็ง แข็งแกร่งเหมือนเรา เลยรู้สึกประทับใจมาก ไม่คิดว่าเราจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ เรื่องแบบนี้รุ่นน้องเยอะมากที่เข้ามาบอกว่า พี่ตั๊นเป็นไอดอล เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้หลายๆ คนออกมาสู้เพื่อประเทศชาติ ส่วนประสบการณ์แย่ๆ ไม่มีค่ะ เพราะตั๊นคิดว่าที่ผ่านมา มันเป็นการเดินเกมการเมืองของฝั่งตรงข้ามที่ต้องการใส่ร้ายป้ายสี แต่กำลังใจรอบด้านเราดีก็โอเค
Q : เจอโจมตีเยอะพอสมควรทั้งบนเวทีและด้านล่าง อย่างมีคนเอาภาพตอนสวมชุดว่ายน้ำไปเที่ยวมาปล่อย ที่บ้านก็โดนระเบิด?
ทำใจนะคะ เห็นบ้าง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะมันเป็นคนละบทบาทและหน้าที่ที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ สำหรับเหตุการณ์ปาระเบิดตอนนั้นมันทำให้เราเห็นได้ว่ามีกระบวนการอย่างนี้ เกิดขึ้นเพื่อที่จะลดขวัญกำลังใจ สร้างความหวาดระแวงให้กับคน ก็เป็นเรื่องของการเมือง ถ้าเราเข้าใจตรงจุดนี้เราจะรู้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร
Q : เรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากอีกเรื่องหนึ่ง คือคำแปลการปราศรัยต่อชาวชนบท ซึ่งเป็นที่มาของการเปลี่ยนนามสกุล จริงๆ แล้วคุณจะสื่อสารว่าอะไร?
ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน เพราะว่าทุกวันนี้เราสู้เพื่อทุกคนแต่ต้องเข้าใจว่าวิธีการใส่ร้ายป้าย สีการสร้างความแตกแยกนี่คือระบอบทักษิณทำมาตลอด 10 ปี พยายามทำให้สังคมอ่อนแอเพื่อพวกตัวเองจะได้มีอำนาจในการบริหารประเทศ ในเมื่อสังคมอ่อนแอเขาก็สามารถบริหารอะไรหลายๆ อย่างได้ง่ายขึ้น เพราะมีหลายกลุ่มที่แตกแยกกัน
สิ่งแรกที่เขาทำคือ วาทกรรมคำว่า 'อำมาตยาธิปไตย' หลังจากนั้นวาทกรรมแบ่งแยกระหว่าง 'คนมีการศึกษา' กับ 'คนไม่มีการศึกษา' คนมีเงิน กับคนไม่มีเงิน คนต่างจังหวัดกับคนกรุงสังเกตได้ว่าม็อบกับมวลมหาประชาชนตั้งแต่ต้นก็มีการ ใส่ร้ายป้ายสีกันโดยไม่ชอบธรรม เพราะเห็นว่านี่เป็นม็อบของคนกรุง แต่ทุกวันนี้มีพี่น้องทุกจังหวัดมาชุมนุม เขาก็เลยไม่ออกแล้วบางทีก็มาหาว่าเราจ่ายตังค์บ้าง อ้าว แล้วก็มาหาว่าเราเป็นม็อบคนรวย หาว่าเป็นม็อบอำมาตย์ ม็อบไฮโซ แต่ว่าพอมาอีกวันมาบอกว่าเราจ่ายตังค์ เปิดกล่องข้าวเจอเงินสองพัน ตั๊นยังหาไม่เจอเลย พยายามที่จะหาเปิดอยู่เหมือนกัน
Q : ไม่ใช่อย่างที่มีการโจมตีคำปราศรัยของคุณต่อว่าคนต่างจังหวัดไม่ฉลาด?
ถ้าลองไปอ่านให้หมด ตั๊นไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่คนที่ไปแปลตั๊นก็ไม่รู้ว่าไปแปลกันได้อย่างไร คือสิ่งที่เราพูดไปเราอยากสื่อสารว่า 'ทำไมต้องการปฏิรูป เพราะต้องการยกระดับของประเทศ และทุกจังหวัดได้รับความเท่าเทียมกัน ไม่ใช่แต่การพัฒนาแต่กรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด ทุกจังหวัดต้องได้การยกระดับเท่าเทียมกัน เพราะเรื่องของประชาธิปไตย
แต่พอมันออกเป็นภาษาอังกฤษ ฝั่งตรงข้ามก็ตัดให้สั้นลงแล้วยังมาแปลให้อีก คือมันเป็นเจตนารมณ์ที่จะใส่ร้าย แต่ว่าทั้งหมดนี้ตั๊นก็เข้าใจเพราะว่ามันเป็นกระบวนการ ไม่ได้โกรธอะไร เพราะว่าเป็นกระบวนการแบ่งแยกแบ่งชั้นอย่างที่บอก ตั๊นถือว่าตั๊นตกเป็นเหยื่อ ด้วยสถานะทางสังคมและด้วยครอบครัวของตั๊นมันก็เลยง่ายที่จะตกมาเป็นคำพูด อย่างนี้ ซึ่งทุกวันนี้ไม่มีใครรู้สึกอย่างนั้น เพราะเราแสดงออกให้เห็นแล้ว เพราะเรากระทำอย่างไร เขาถึงบอกว่าคนเราจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่ว่ามันอยู่ที่การตั้งใจที่จะทำอะไร
Q : อยากบอกหรือสื่อสารชาวต่างจังหวัดที่ไม่ได้รับข่าวสารที่ถูกต้องครบถ้วน ตรงจากคุณบ้างไหม?
ทุกวันนี้ชัดเจนแล้วในกระบวนการ กปปส.หรือพลังมวลมหาประชาชนที่เราเรียกร้องการปฏิรูปเพื่อการยกระดับให้เท่า เทียมกันทั่วประเทศ และเราไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่งและไม่ได้ทำเพื่อครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง เราทำเพื่อทุกคน ผลประโยชน์ที่จะได้มาไม่ใช่ว่าคนนู้นจะได้รับผลประโยชน์ คนนี้จะได้รับผลประโยชน์ ไม่ใช่ มันคือคนทั้งประเทศที่ได้รับผลประโยชน์ ตั๊นไม่ได้มาสู้เพื่อครอบครัวของตั๊น แต่ตั๊นสู้เพื่ออุดมการณ์
Q : ถ้าอยากจะสื่อสารกับพี่น้องที่มีความคิดต่าง คุณอยากจะบอกพวกเขาว่าอะไร ?
ตั๊นคิดว่าพี่น้องเสื้อแดงทุกคนก็ต้องรักชาติเหมือนกัน ไม่มีใครรักชาติไปมากกว่ากัน แต่ว่าอาจจะอยู่ที่แกนนำเป็นการปลุกปั่นหรือว่าคำพูดที่ชักชวนมากกว่า ที่สร้างคำพูดให้เกลียดชังฝ่ายตรงข้าม คืออย่างฝั่งเราจะพูดตลอดว่าพี่น้องเสื้อแดงก็คือประชาชนคนไทยเหมือนกัน เราไม่ได้เกลียดเขา เราก็พร้อมที่จะรับเขาเข้ามา
สิ่งที่อยากให้ทำก็คืออยากให้พี่น้องเสื้อแดงลองย้อนกลับไปมองแกนนำแต่ละ คนว่า สิ่งที่เขาสู้อยู่เพราะผลประโยชน์ส่วนตัวใช่ไหม คือถ้าพี่น้องเสื้อแดงหันมาเห็นแกนนำของตัวเองว่า ต่อสู้พระมหากษัตริย์ ต้องการจะล้มเจ้า และต้องมาดูอีกว่าที่เขาสู้เพราะประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์ส่วนตัว ถ้าเกิดแค่นี้ในพี่น้องเสื้อแดงไปพิจารณาดูเอาเอง
Q : เคยบอกเราเรื่องความฝันแรก ตอนนี้ยังยืนยันอยากจะเป็นนายกฯ อยู่ไหม?
ตั๊นฝันอยากเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนจะเป็นได้หรือไม่ ตั๊นขอทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตเราเป็นยังไง ความฝันเป็นความฝัน ทุกคนสามารถมีความฝันได้ แต่ต้องอยู่กับปัจจุบันและทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทุกวันนี้เราก็สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องมวลมหาประชาชนมากว่า 5 เดือนแล้ว ซึ่งมันก็นานมาก ยิ่งผูกพัน ยิ่งมาทำโรงเรียนใต้ต้นไม้อยู่กับเด็ก ก็ยิ่งผูกพันมากยิ่งขึ้น เราก็คงเดินหน้าให้ถึงที่สุดให้มีการปฏิรูปอย่างแท้จริง
Q : ถ้านายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยนั่งอยู่ตรงนี้ คุณจะพูดว่าอะไร?
คือบางทีเราต้องนึกถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว บางทียึดผลประโยชน์ส่วนตัวจนลืมคนรอบข้าง ลืมประเทศชาติ และลืมประชาชน ถ้าเกิดยอมที่จะถอยและยอมให้มีการปฏิรูปเพราะเชื่อว่าทุกวันนี้ทุกคนมาสู้ เพื่อประเทศในสิ่งที่เราสู้ ไม่ใช่เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง พี่น้องเสื้อแดงก็ได้รับผลประโยชน์ พี่น้องตำรวจก็จะได้รับผลประโยชน์ มันไม่ใช่แค่ กปปส. หรือมวลมหาประชาชนในนี้ เป็นระดับคนทั้งประเทศ ถ้าเห็นจุดนั้นและเห็นเหมือนกัน ก็ควรเปิดช่องทางและให้โอกาสในการพัฒนา
Q: ในอนาคตถ้าเหตุการณ์สงบ มีโอกาสที่คุณจะกลับไปเปลี่ยนนามสกุลเดิมไหม?
ไม่นะคะ ตั๊นภาคภูมิใจทั้งสองนามสกุลไม่ว่าจะนามสกุลไหน กฤดากร หรือภิรมย์ภักดี ในตัวตั๊นก็มีสองนามสกุลนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าตามบัตรประชาชนจะระบุว่าเรานามสกุลอะไรอยู่ แต่หัวใจตั๊นก็ยังเป็นทั้ง 'ภิรมย์ภักดี' และ 'กฤดากร' ค่ะ
Q : จะกลับไปเป็น ส.ส. อีกไหม?
ขอให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
Q : ต้องยืนยันก่อนว่าต้องมีการปฏิรูปประเทศไทยคุณถึงจะเข้าไป แต่ถ้าไม่มีก็จะไม่กลับไปเป็นส.ส.อีก?
ตั๊น คิดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคตที่ประเทศชาติต้องเดินต่อไป และเราอยากเห็นว่าต้องมีการปฏิรูปก่อนเพราะทุกวัน เราก็สู้กันเพราะจุดนี้ เพื่อความมั่นคงที่ยังยืน และไม่อยากให้ประเทศมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นอีกไม่เช่นนั้นมันก็จะสะดุดขาตัว เองอย่างนี้ตลอดเวลา
Q : ฝันแรกอยากเป็นนายกฯ หญิง แล้วความฝันครั้งล่าสุดของคุณคืออะไร?
ตั๊นอยากให้มีการปฏิรูป อยากจริงๆ อยากให้เราได้รับชัยชนะ ซึ่งมันจะเป็นชัยชนะของประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง ตั๊นอยากให้ประเทศไทยกลับมาสามัคคีกันเหมือนเดิม กลับมารักกันเหมือนเดิม ไม่มีการแบ่งแยกสี เพราะเราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน เราแตกแยกกันพอแล้วในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าระบอบทักษิณที่เข้ามาสร้างความแตกแยกให้กับสังคมเรา ตั๊นก็อยากเห็นที่เราจะก้าวผ่านจุดนั้นไปได้
โดย phoebus on 9 เมษายน พ.ศ. 2557 - 10:13
พระครูวิสิฐ สรภาณ
มีรูปอะไรดี ๆ แบ่งปันมาให้ดูกัน
โดย phoebus on 9 เมษายน พ.ศ. 2557 - 09:59
New Canthai
หยั่งไอ้โกตี๋หรือไอ้ตั้ง มันต้องโดนแบบนี้
โดย นิจนิรันดร์ on 8 เมษายน พ.ศ. 2557 - 15:37
ประกาศกันโต้งๆ กลางเต็นท์คนแดนไกล เป็นสักขีพยาน ??? "เหล่าตร.หญิง" ชูเสื้อแดงสกรีนรูปตำรวจ พร้อมชูนิ้วโป้ง-ยิ้มแย้มกันใหญ่
วันนี้ (8 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเพจผู้ใช้นามว่า "คุณ พรเทพ" ได้แชร์ภาพเหล่าตำรวจชั้นประทวนหญิงถ่ายรูปกันเป็นหมู่คณะ ชูเสื้อแดงสกรีนรูปตำรวจ หน้าเต็นท์นปช. ที่มีข้อความว่า "ด้วยความรัก ความผูกพัน ความห่วงใย จากคนแดนไกล เจ๊ญา เมืองนนท์ และทีมงาน" พร้อมสีหน้ายิ้มแย้มไม่ได้เคอะเขินหรือมีความละอายแต่อย่างใด ???? ซึ่งเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่ที่ตำรวจควรทำหน้าที่เป็นกลางทางการเมือง แต่ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงความชัดเจนในการเอนเอียงฝั่งการเมือง อีกทั้งกลุ่มดังกล่าวมีนักโทษหนีคดีอาญาสนับสนุนม็อบอย่างชัดเจน กลับมาเร่งดำเนินคดีด้วย ???
โดย อู๋ ฮานามิ on 8 เมษายน พ.ศ. 2557 - 13:46
...
แต่ฝ่ายซ้าย หรือฝ่ายคอมมิวนิสต์จะเอามาโจมตีว่าเป็นฝีมือของ “พรรคประชาธิปัตย์” พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นโดย นายควง อภัยวงศ์ พระอนุชาของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในรัชกาลที่ ๖ โดยเจตนาโจมตีป้ายสีในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่าเป็นผู้ลอบปลงพระชนม์ ให้เกิดเป้าหมายสูงสุด คือ ปลุกให้ประชาชนไม่พอใจ ลุกฮือเปลี่ยนแปลงการปกครอง เหมือนที่เกิดในฝรั่งเศส รัสเซีย ฯลฯ
....
พระนางเจ้าสุวัทนา(สิ้นพระชนม์ ปี 2528) เป็นหลานของนางควง อภัยวงศ์ ครับ
เพราะพระยาอภัยภูเบศร (เลื่อม อภัยวงศ์) พระบิดาของพระนางเจ้าสุวัทนาเป็นพี่น้องกับนายควง
พ่อเดียวกัน เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) แต่คนละแม่ครับ
โดย ชาวสวน on 8 เมษายน พ.ศ. 2557 - 13:32
ดร.เสรี วงษ์มณฑา ขึ้นปราศรัยทักทายมวลชนที่หน้ากระทรวงยุติธรรม pic.twitter.com/JEWj8egQ1Q
บรรยากาศกปปส.หน้ากระทรวงยุติธรรม pic.twitter.com/RKOBbTcpXh
สุเทพ หลังพบปลัด ก.ยุติธรรม ถูกรุมล้อมโดยข้าราชการ ก.ยุติธรรม pic.twitter.com/43uIjz3UWc
โดย Bookmarks on 8 เมษายน พ.ศ. 2557 - 14:48
บันทึกลับ!! ร.อ..วัชรชัย ผู้ลอบปลงพระชนม์ ร.๘????
ได้มีโอกาสเจอคุณลุงท่านหนึ่ง(ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) ที่เป็นคนในครอบครัวของ ศ.น.พ.ชุบ โชติกเสถียร หรือฉายา " หมอสปัสซั่ม " ศัลยแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผู้ชันสูตรพลิกพระศพของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ ๘ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ท่านเป็นหมอที่ยืนยันว่านอกจากจะมีการลอบปลงพระชนม์ด้วยอาวุธปืน " พาราเบลลั่ม(Parabellum) "แล้ว ยังมีการวางยาในหลวง วางยาต้นห้อง
คุณลุงนั่งกินหมูกระทะกับผมโดยบังเอิญ ที่หน้าสถานีวิหคเรดิโอ เชียงใหม่ เมื่อ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เพราะท่านมาวันเกิดลูกของน้องชายผม เลยคุยกับแบบถูกคอเรื่องบ้านเมือง ในอดีตจนถึงปัจจุบัน คุณลุงเล่าให้ฟังเรื่องการลอบปลงพระชนม์ ร.๘ ว่า ศ.น.พ.ชุบ โชติกเสถียร ผู้เป็นบิดา จะไปเป็นพยานในศาลคดีลอบปลงพระชนม์ ปรีดีได้มาเจรจา เพื่อให้ยอมไปให้ปากคำว่า เป็นการปลงพระชนม์ตัวเอง โดยยื่นสินบนด้วยคำพูดว่า "จะเปิดคลังหลวงให้และให้เอากระเป๋าไป ๒ ใบ ใส่เงินเท่าที่ใส่ได้ ให้ไปกินอยู่ตลอดชีวิต แค่อย่าให้ปากคำกับศาลว่าเป็นการลอบปลงพระชนม์"
ในสมัยนั้นถ้าใครไม่ยอมทำตาม ก็จะมี "เก๋งดำ" หรือรถยนต์เก๋งสีดำ มาจอดหน้าบ้าน นั่นหมายถึงว่าตายทุกราย จนข่าวนี้โด่งดั่ง เกิดข่าวลือว่า ศ.น.พ.ชุบ ตายแล้ว อันที่จริง ศ.น.พ.ชุบ ได้จ้างทหารมาเป็นยาม ถือปืนลูกซองอยู่ในบ้าน ใครเข้ามา "ยิงทิ้งทันที" จากนั้นก็ไปให้ปากคำกับศาลยืนยันว่าเป็นการลอบปลงพระชนม์จริง ระบุว่าในการตรวจพระศพยังพบว่ามีการ "ลอบวางยา" ต้นห้องของในหลวงรัชกาลที่ ๘ และในพระวรกายของพระองค์ท่านยังพบว่า มีการพบ "น้ำมันละหุ่ง" ในปริมาณมากผิดปกติ จนทำให้เกิดอาการ "มึนงง" ก่อนการลอบปลงพระชนม์
คำว่าหมอ "สปัสซั่ม" สื่อมวลชนในสมัยนั้น ได้ให้ฉายา กับ ศ.น.พ.ชุบ เพราะคำให้การที่อธิบายถึงคนที่จะยิงตัวตายได้ จะต้องมีอาการเกร็ง หรือ "สปัสซั่ม(Spasm)" แต่ในหลวงรัชกาลที่ ๘ ไม่มีพระอาการดังกล่าว นั่นยิ่งแน่ชัดว่าเป็นการลอบปลงพระชนม์ ที่ ศ.น.พ.ชุบไม่ให้ปากคำตามที่นายปรีดีต้องการ เพราะท่านได้ทุนเจ้าฟ้าฯเรียนในประเทศอังกฤษตั้งแต่อายุ ๑๓ ปี มีพี่น้องคือ ๑. หลวงประเสริฐไมตรี โชติกเสถียร ๒. พลเอกหลวงสุระณรงค์ โชติกเสถียร สมุหราชองครักษ์-องคมนตรี ๓. ศ.น.พ.ชุบ โชติกเสถียร ๔. ท่านผู้หญิงศิริ สารสิน เป็นบุตรของ ทูตพระสัมผกิจปรีชา โชติกเสถียร และคุณหญิงฉลวย โชติกเสถียร ซึ่งพลเอกหลวงสุระณรงค์ โชติกเสถียร คือ สมุหราชองครักษ์ ต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็น "องคมนตรี"
โดยได้รับใช้ดูแลในหลวงรัชกาลที่ ๘ และรัชกาลที่ ๙ พระพี่นางฯ สมเด็จย่า มาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กในประเทศไทยตอนยังไม่ได้ครองราชบัลลังก์ ก่อนเสด็จฯไปประเทศสวิส ทำให้ ตระกูล "โชติกเสถียร" มีความใกล้ชิดและจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรีเป็นอย่างมาก พอเกิดการเปลี่ยนแปลงจากคณะราษฎรยึดอำนาจกันเอง ทำให้นายปรีดีหมดอำนาจ จากฝีมือจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ชีวิตของ ศ.น.พ.ชุบ จึงรอดเงื้อมมือมัจจุราชมาได้ และได้ก่อตั้งโรงพยาบาล หน่วยแพทย์อาสา จนสิ้นอายุขัยด้วยวัยชรา
ลุงตั้งข้อสงสัยว่าทำไมสำหรับ ใจ อึ้งภากรณ์ ลูก ดร.ป๋วย มาใส่ร้ายโจมตีรัชกาลที่ ๙ กล่าวหาว่าเป็นผู้ลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ ๘ เพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์นั้น ผมอธิบายกับคุณลุงนิต ตามหลักยุทธศาสตร์การเมืองว่า เป็นเรื่องที่ไม่แปลก เพราะทั้ง ดร.ป๋วย ทั้ง ใจ เป็นฝ่ายซ้ายนิยมในคอมมิวนิสต์ แม้ ดร.ป๋วย จะเป็นเสรีไทยสายอังกฤษ แต่ก็ไม่นิยมเจ้าจึงเป็นพรรคพวกเดียวกับอำมาตย์ตรีปรีดี การปล่อยข่าวทำลายสถาบันกษัตริย์ เป็นหลักในการล้มล้างการปกครองในประเทศฝรั่งเศส ที่จะปล่อยข่าวทำลายราชวงศ์ก่อนที่จะมีการโค่นล้ม โดยมีรากเหง้ามาตั้งแต่ ประชาธิปไตยเกิดขึ้นนครรัฐกรีกโบราณ ช่วงศตวรรษที่ ๕ ก่อนคริสตกาล ยุคเมโสโปเตเมีย(Mesopotamia) ฟินิเซีย(Phoenician)และอินเดีย(India) ที่มีนักปราชญ์ที่รู้จักกันในนาม "เพลโต้" democracy ในภาษาอังกฤษมีรากศัพท์มาจากภาษากรีกโบราณว่า "ดีมอคระเทีย" หลังการลอบปลงพระชนม์สมัยนั้น
คดีลอบปลงพระชนม์ ถูกรื้อฟื้นอีกครั้ง หลังจาก จอมพลสฤษดิ์ ยึดอำนาจจอมพล ป. สำเร็จ โดยถือหลักคิดโจโฉ ถือธงนำหน้า ปกป้องพระเจ้าแผ่นดิน ส่วนวาทกรรมที่ว่า "ปรีดีฆ่าในหลวง" ที่มีการประกาศในโรงภาพยนตร์สมัยนั้น เกิดจากประชาชนที่อดรนทนไม่ไหว กับการยึดครองอำนาจของคณะราษฎร เกิดการทุจริต คอร์รัปชัน(corruption) เข่น ฆ่าประชาชน ฆ่ารัฐมนตรี รัฐประหารกันเองหลายสิบครั้ง ปลงพระชนม์ในหลวง ต่างหาก
แต่ฝ่ายซ้าย หรือฝ่ายคอมมิวนิสต์จะเอามาโจมตีว่าเป็นฝีมือของ “พรรคประชาธิปัตย์” พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นโดย นายควง อภัยวงศ์ พระอนุชาของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในรัชกาลที่ ๖ โดยเจตนาโจมตีป้ายสีในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่าเป็นผู้ลอบปลงพระชนม์ ให้เกิดเป้าหมายสูงสุด คือ ปลุกให้ประชาชนไม่พอใจ ลุกฮือเปลี่ยนแปลงการปกครอง เหมือนที่เกิดในฝรั่งเศส รัสเซีย ฯลฯ
การสอบสวนคดีลอบปลงพระชนม์ ร.๘ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ รื้อฟื้นขึ้นเมื่อ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ มีการแต่งตั้งให้ พล ต.ต. พระพินิจชนคดี กลับเข้ารับราชการทำหน้าที่สืบสวนกรณีสวรรคตเสียใหม่ หลังถูกปลดออกในช่วงรัฐบาลจอมพล ป.(นอมินีปรีดี) บทสรุปบันทึกจากทั้งฝ่ายคอมนิวนิสต์ คือ ฝ่ายผู้แพ้ ฝ่ายขวา คือ ฝ่ายชนะ และคนกลาง ตรงกัน คือ ในหลวงราชการที่ ๘ ถูกลอบปลงพระชนม์จริง
จากพยานที่ถูกบันทึกไว้ทั้ง ๓ ฝ่าย ระบุตรงกัน รวมทั้งคำพิพากษาศาลฎีกาคดีลอบปลงพระชนม์ว่า เพราะในหลวงรัชกาลที่ ๘ จะทรงมาลงเลือกตั้งแข่งขันเป็นนายกรัฐมนตรี และจะให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เป็นในหลวงแทน จากการสอบสวนและบันทึกส่วนพระองค์พบว่า ร.๘ พระองค์ทนไม่ได้ที่ถูกปรีดี ในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้สำเร็จราชการ ริดรอนพระราชอำนาจ กดขี่ จนมีบันทึกในประวัติศาสตร์ไว้ว่า " แม้แต่รถก็ไม่มีให้ใช้ หากแม่เราป่วยจะไปโรงพยาบาลจะไปอย่างไร "
จากผู้อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่า ผู้ลงมือลอบปลงพระชนม์คือ " ร.อ.วัชรชัย " อดีตรองราชเลขาสำนักพระราชวัง คนสนิทปรีดี ที่ทำหน้าที่เป็นรองราชเลขาสมัยนั้น ที่เริ่มให้ ร.๘ ซ้อมยิงปืน เมื่อเกิดเหตุจะได้ไม่มีใครสงสัย ลอบสังหารต้นห้อง 2พี่น้อง นายสินกับนายทรัพย์ จนเสียชีวิต จากนั้นเข้าไปวางยา ร.๘ แล้วจึงลอบปลงพระชนม์ด้วยอาวุธปืน เมื่อสำเร็จ ก็หลบหนีไปร่วมกับอำมาตย์ตรีปรีดียังประเทศจีน แล้วกลับมาร่วมกันก่อกบฏวังหลวง กบฏแมนฮัตตัน กบฏเมษาฮาวาย แต่ไม่สำเร็จ
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใช้อำนาจศาลสั่งประหาร นายเฉลียว ปทุมรส อดีตราชเลขานุการในพระองค์ นายชิต สิงหเสนี และนายบุศย์ ปัทมศริน สองมหาดเล็กห้องพระบรรทม ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยปละละเลยทำให้เกิดการลอบปลงพระชนม์ และเกี่ยวพันการลอบปลงพระชนม์ ส่วน ร.อ.วัชรชัย ที่หลบหนีไปกับปรีดีหลบซ่อนในจีน ได้ขอให้ทางการจีนสังหารให้ตายตกไปตามกัน ส่วนปรีดี โจวเอินไหล เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เชิญให้ออกจากประเทศ ไปลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส จนกระทั่งเสียชีวิตบนโต๊ะทำงานด้วยโรคหัวใจ
เรื่องการใส่ร้ายป้ายสีสถาบันกษัตริย์ ฝ่ายคณะราษฎร ได้เริ่มกระทำการปลุกปั่นอย่างหนัก มาตั้งแต่เริ่มทำการปฏิวัติสยาม ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ และทำหนักป้ายสี ร.๙ ในยุคจอมพล ป. เพื่อหวังยึดอำนาจการปกครองให้เบ็ดเสร็จ แต่ถูกจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐประหาร จึงมีการรื้อคดีลอบปลงประชนม์ขึ้นมา ต่อมาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หรือขบวนการก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ได้นำหลักนี้มาป้ายสีอีก ก่อนเกิดเหตุการณ์วันเสียงปืนแตก คือ วันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ ซึ่งเป็นวันที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ใช้อาวุธโจมตีกองกำลังของรัฐบาลไทยเป็นครั้งแรก
จนกระทั่งมาในยุคขบวนการแบ่งแยกดินแดนเสื้อแดงก็นำวิธีเดียวกันมาใช้ ตั้งแต่ ราว ๑ มกราคม ๒๕๕๒ ก่อนเกิดเหตุการณ์เมษาจราจล ๑๒-๑๕ เมษายน ๒๕๕๒ เพราะกลยุทธ์ดังกล่าวในการป้ายสีสถาบันกษัตริย์ คือ หนึ่งในหลักล้มล้างการปกครอง ที่มีต้นแบบมาจากการปฏิวัติฝรั่งเศส ระหว่าง ค.ศ. ๑๗๘๙-๑๗๙๙ เป็นยุคสมัยแห่งกลียุค (upheaval) ที่นิยมกระทำกันมากหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ประเทศถึง ๑ ใน ๓ ของโลก กลายเป็นคอมมิวนิสต์
สิ่งเหล่านี้คือประวัติศาสตร์ กลยุทธการเมือง ที่สลับซับซ้อน ที่เป็นรากเหง้าของประเทศไทย ที่ได้ค้นคว้าจากคำบอกเล่าจากคนมีชีวิต และบันทึกของทั้งฝ่ายคอมมิวนิสต์ คนกลาง และฝ่ายชนะ อันจะเป็นบทเรียนสำหรับคนไทยทั้งชาติได้จดจำ รู้ข้อเท็จจริง มิให้เกิดขึ้นอีกในภายหน้า สิ่งหนึ่งที่ได้จากประวัติศาสตร์ คือ ผลของกรรมที่เกิดจากการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน ผลกรรมยุติธรรมเสมอ ทำกรรมใดไว้ก็จะได้รับผลกรรมตามนั้น
“ รู้จักแผ่นดินถิ่นกำเนิด รู้จักเทิดองค์กษัตริย์ของรัฐถา รู้จักคำสั่งสอนขององค์พระศาสดา จนรู้ซึ้งคำว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆ “
บทกลอนในหนังสืออำนาจที่ยิ่งใหญ่ โดย ไกรสร ตันติพงศ์ ปรมาจารย์การเมือง
เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
วันจันทร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๗ข้อมูลอ้างอิง
๑. คำบอกเล่าจากผู้ที่มีชีวิตหลายท่าน ลุงมานิต - ไกรสร ตันติพงศ์ ปรมาจารย์การเมือง
๒. หนังสือของฝ่ายคอมมิวนิสต์-คนกลาง-เหตุการณ์หลังปฏิวัติสยาม ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕
๓. บันทึกลับจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์
๔. บทความเรื่องเล่าลุง... ลอบปลงพระชนม์ ร.๘ เมื่อ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ร่วมสนับสนุนสถานีวิหคเรดิโอ ถ่ายทอดสด เวทีมวลมหาประชาชน รับฟังทาง 89Mhz -www.vihok.com App thairadio บัญชี สโมสรสื่อมวลชนภาคเหนือ 457-1-00409-2 กสิกรไทย
อ่านกันเพลินๆ หลังมื้อเที่ยงครับ
เรื่อง ปรีดี มีสมาชิกในบอร์ดเคยตั้งมู้ กระเทาะเปลือกมันมาแล้ว
และเกี่ยวกับ ป๋วย เรากะพี่สาวเราเคยตั้งข้อสังเกตกันเองมาตั้งแต่สมัย ใจรันหมิ่นสถาบัน
ว่า ป๋วยมีแนวคิดฝักใฝ่ไปในทางคอมมิวนิสต์ ไม่เอาสถาบัน
และคงสั่งสอนปลูกฝังลูกมา ลูกมันถึงได้ชั่ว ปากหมาใจสัตว์อย่างนี้
ปล.ขออภัยเพิ่อนๆที่เรียนจบ มธ. ด้วยนะคะ
สมัยสาวๆ แม่ผึ้งเคยทำงานเป็นคนใช้ แกเล่าว่าแกเคยไปเป็นแม่บ้านตาป๋วยนี่สักอาทิตย์นึงได้มั้ง แกเลยรู้ว่าตานี่เป็นพวกล้มเจ้า
ถ้าตาป๋วยมีความคิดจะล้มเจ้า ผมว่าคนนี้บาปมากครับ คนแบบนี้ ได้พึ่งพระบรมโพธิสมภาร ได้รับโอกาสทางการศึกษา กลับคิดจะล้มเจ้า
โดย redfrog53 on 8 เมษายน พ.ศ. 2557 - 12:12
cr. ongard370
โดย asawinee on 7 เมษายน พ.ศ. 2557 - 14:27
หลังสงกรานต์นี้ศาลอาญานัดไต่สวนกรณีจตุพรและพวกผิดเวื่อนไขการประกันตัว ซึ่งศาลได้สั่งให้จำเลยไปศาลด้วยตัวเอง
ถ้าไม่ไปหรือขอเลื่อนโดยอ้างว่าติดม้อบที่เพิ่งนัดทีหลังศาล อาจออกหมายจับ หรือถ้าศาลไต่สวนแล้วเห็นว่าผิดเงื่อนไขคือปลุกระดม อาจถูกถอนประกัน
ระวังต้องกลับไปนอนคุกนะคร้าบ
โดย Bookmarks on 7 เมษายน พ.ศ. 2557 - 14:35
ดราม่าการเมือง @political_drama now
RT @darknesshero สกปรก *** เละเทะ เลอะเทอะ ทั้งหมดนี้หาได้ที่ #อักษะ หลังการ #ชุมนุม #เสื้อแดง เวลานี้ครับ pic.twitter.com/afKt39TMw2
------------------------------------------
ก่อนจะมีประชาธิปไตยที่แท้จริง ช่วยมีจิตสำนึกสาธารณะ ก่อนนะ
มีขาใหญ่ออกมาแก้ให้แร้วววว
สงสัยประชาติ๊บตัยของนายคนนี้ คือการเลือกตั้ง
ทิ้งขยะ ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ดังนั้น ทิ้งขยะจึงไม่เกี่ยวกับประชาติ๊บตัย
ไม่เอาขยะเก็บกลับบ้านล่ะ หาถังขยะไม่เจอ มีสิทธิ์ทิ้งเรี่ยราดหรือ และที่เห็นดูเหมือนจะทิ้งเกลื่อนกลาดเลยนะ
โดย asawinee on 7 เมษายน พ.ศ. 2557 - 14:35
พรุ่งนี้เวทีสวนลุมพินี Big cleaning Day #PDRC #Lumpini
ประชาสัมพันธ์ขอล้างทำความสะอาดวันอังคารที่ 8 เมษายน เวลา 09.00 น. ในที่ในสวนลุมพินีดังนี้ค่ะ
พื้นที่ด้านในสวนขอทำการล้างในสวนลุมบริเวณเดิม
1.1 ถนนสายกลางหน้าเวทีจนถึงหน้าห้องสมุด
1.2 ถนนด้านข้างอาคารบันเทิง (เวทีคอนเสิร์ต)
1.3 ถนนด้านข้างห้องสมุดและถนนด้านไปห้องน้ำหน้าเกาะลอยนอก
***ขอความกรุณาเวทีช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนแต่ละหมู่บ้านเก็บเต๊นท์ เพื่อสะดวกในการทำความสะอาดและเพื่อสุขอนามัยที่ดีของทุกคนด้วยค่ะ
บริเวณรอบนอกสวนลุมพินี บริเวณที่ทำ คือ
2.1 บริเวณโรงครัว ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ ดับกลิ่นด้วย ทุกครัวเก็บของขึ้นเพื่อสะดวกในการล้าง
2.2 บริเวณถนนพระราม4
2.3 บริเวณถนนราชดำริ ฝากแจ้งให้แม่ค้าพ่อค้ายกของขึ้นเพื่อสะดวกในการฉีดน้ำทำความสะอาดด้วยนะคะ
สมัยที่ยังแยกเป็นหลายเวที
จนท กทม มาประกาศเสียงดังเลยว่า
ที่เวทีสวนลุมเนี่ย มีการทำความสะอาดทุกวันจันทร์
ทุกวันพุธจะไปที่เวทีปทุมวัน
เพราะฉะนั้น ขออภัยที่ไม่ค่อยสะดวกกับการชุมนุม
เราดีใจที่ กทม เอาน้ำมาฉีดล้างถนนด้วย
ส่วนมวลชนก็ช่วยกันเก็บขยะ
ถึงจะเดินไม่สะดวกไปซักหน่อย แต่ว่าดีกับสุขอนามัยเนี่ย
จัดว่าเป็นการชุมนุมของผู้เจริญจริงๆ
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net