Jump to content


bogdan

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 11 กุมภาพันธ์ 2557
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2557 00:45
-----

#1060592 ข้องใจมากครับ ขอระบายหน่อย

โดย bogdan on 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 00:45

 

ขอเกริ่นเล็กน้อยนะครับ ผมเป็นนิสิตมหาลัยชื่อดังกลางใจเมือง คณะที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นเพศที่สาม (ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น)

สิ่งที่ผมข้องใจมากที่สุดคือทำไมนิสิตส่วนใหญ่ในคณะนี้ถึงชอบมีความคิดแปลกๆ ดัจริต และล้มเจ้ากันจังครับ

ทุกๆวันผมต้องได้ยินสักหัวข้อที่เกี่ยวกับเจ้าขึ้นมาอย่างน้อยหนึ่งเรื่อง

บ้างก็เรื่องความไม่เท่าเทียมทางวรรณะ, การปิดถนน, ม112 และอื่นๆอีกมากมาย

หลายเรื่องที่อยู่ในวิสัยที่ผมจะอธิบายได้ อาทิเช่นเรื่อง มาตรา 112 ผมก็อธิบายเปรียบเทียบตามที่ผมเข้าใจให้เพื่อนฟัง

แต่สุดท้ายเพื่อนผมหลายคนก็ยังเชื่อฝังหัวอยู่เหมือนเดิม 

 

ตอนเด็กๆที่บ้านผมก็ไม่ได้ปลูกฝังเรื่องความรักชาติอะไรมากมาย แต่ผมรู้ว่าพ่อแม่และปู่ย่าของผมรักในหลวงและราชินีมาก

ผมยังจำได้ดีตอนที่อาม่ายังสุขภาพดีอยู่ ทุกครั้งเวลาที่ถึงช่วงวันเกิดในหลวงหรือราชินี เมื่อไรก็ตามที่ในหลวงหรือราชินีเริ่มพูด 

อาม่าผมจะรีบมานั่งติดจอ (แบบติดจอจริงๆ) แล้วก็จะคอยให้พ่อผมแปลที่ในหลวงพูดให้ฟัง

ผมอาจจะซึมซึบเรื่องตรงนี้มาจากอาม่าก็ได้มั้งครับ ผมชอบฟังเวลาพ่อเล่าเรื่องอากงอาม่าอพยพมาจากเมืองจีนให้ฟัง

ผมรู้ดีว่าผมติดหนี้บุญคุณแผ่นดินนี้อยู่มาก บรรพบุรุษผมมาจากเมืองจีน หากไม่มีแผ่นดินนี้ ชีวิตผมก็ไม่รุ้ว่าจะไปอยู่ตรงไหน

มีกินมีใช้ มีโอากาสไปเรียนต่างประเทศ มีการศึกษา มีหน้ามีตาในสังคมก็เพราะแผ่นดินนี้

 

เรียนในคณะนี้มันก็มีข้อดีหลายๆอย่าง อย่างนึงก็คือเราได้มีโอกาสพิจรณาสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น

เช่น ความรักชาติ  

อาจารย์ที่สอนผมส่วนใหญ่มีความคิดเป็นไปในทางเสื้อแดงครับ ถึงแม้หลายคนจะอายเกินกว่าที่จะยอมรับความจริงข้อนั้น

แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดูออกได้ไม่ยาก อาจารย์หลายคนสอนให้สงสัยเรื่อง nationalism หรือ patriotism ซึ่งแปลคร่าวๆก็คงเป็นความรักชาติ(ชาตินิยม)นั่นเอง อาจารย์หลายคนพยายามเน้นย้ำว่าการรักชาตินั้นเป็นเรื่องที่ผิด เป็นสิ่งที่เราไม่ควรยึดถือ เพราะมันก็เป็นแค่ social norm จริงๆแล้วชาติมันก็เป็นแค่เรื่องของนามธรรม เส้นเขตแดนก็เป็นเรื่องที่มนุษย์เราสร้างมาเท่านั้น ไม่มีความหมายอะไรเลย ผมฟังแรกๆแล้วบอกตรงๆว่าอารมณ์เสียมาก ในใจนี่ค้านทุกคำพูดของอาจารย์ อยากจะตะโกนไปถามว่า มีชาติในบ้างในโลกที่สร้างขึ้นมาแล้วอยู่และเจริญไปข้างหน้าได้โดยปราศจากชาตินิยม? 

 

อีกเรื่องนึงคือเพื่อนผมของส่วนใหญ่ เมื่อได้เรียนหลายๆวิชาในคณะนี้แล้ว กลายเป้นคนไม่มีศาสนา ไม่นับถือราชวงศ์ และชอบตั้ง status โลกสวยว่าอยากให้ทุกคนเท่าเทียม หลายครั้งที่ผมมักจะถามกลับว่า นั่นมันไม่ใช่ประชาธิไตยแล้วนะ นั่นมันคอมมิวนิสต์ แต่หลายคนก็ยังจะอ้างเดิมๆ ลากแม่น้ำทั้งห้ามาให้เหตุผลกับตัวเอง แม้มันจะเหมือนแถก็ตาม

อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้อารมณ์เสียมากนั่นก็คือ คนพวกนี้ชอบดูถูกศาสนา ตัวผมเองนั้นศรัทธาในศาสนาพุทธมาก ผมเชื่อในพระพุทธเจ้า และหลักธรรมที่ท่านสอน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะไปดูถูกศาสนาของคนอื่นว่าด้อยหรือต่ำกว่าศาสนาพุทธ 

ที่มหาลัยผมมักจะมีชาวเกาหลีมาเผยแพร่ศาสนาคริสต์(ผมว่าหลายคนน่าจะเคยเจอ) เพื่อนผมหลายคนที่บอกว่าตัวเองเป็นพวกไม่นับถือศาสนา (atheist) มักจะชอบล้อเลียนคนที่เค้ามาเผยแพร่ศาสนา ไปด่าทอว่าเค้างมงายบ้าง ไปหาว่าเค้าบ้าบ้างก็มี

โดยเฉพาะศาสนาอิสลามนี่โดนหนักสุด ไปวิจารณ์วัฒนธรรมเค้าต่างๆนาๆ อาทิเช่นเรื่องผ้าโพกผัว (ผมไม่ทราบจริงๆว่าเรียกว่าอะไร) 

ว่ามันละเมิดนู่นนั่นนี่ พูดง่ายๆคือวิจารณ์โดยปราศจากความเข้าใจที่แท้จริง

 

เชื่อหรือไม่ครับว่าสิ่งที่ผมเล่ามานี้เป็นพฤติกรรมของคนกว่า 80% ในคณะนี้ หลายคนยังไม่รุ้ด้วยซ้ำว่าในหลวงท่านดีอย่างไร 

หลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชาติเราอยู่ในจุดวิกฤตแล้วแค่ไหน คน 80% นี้มัวแต่ตั้งสถานะใน social media โดยที่สุดท้ายแล้ว สังคมก็ไม่ได้อะไรจากมันเลย ผมว่ามันน่าเป็นห่วงมากนะครับ สำหรับผู้ใหญ่ยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง หลายคนบอกว่าผมเป็นพวก conservative แต่ผมคิดว่าผมมองโลกตามความเป็นจริงมากกว่า น่าเสียใจนะครับนิสิตที่นับได้ว่ามีมันสมองอันดับต้นๆของประเทศ แต่พูดถึงเรื่องศีลธรรมหรือหน้าที่พลเมืองแล้ว ยังสู้นักเรียนโรงเรียนช่างข้างๆไม่ได้เลยครับ 

 

สุดท้ายนี้ สิ่งที่ผมเขียนอาจจะยาวนิดนึง และอาจจะหาสาระไม่ได้ค่อยได้ แต่อย่างน้อยก็ขอบคุณพื้นที่นี้สำหรับที่ให้ผมได้ระบายออกบ้าง หวังว่าในอนาคตผมจะไม่ได้พบปะกับคนที่มีความคิดแบบนี้อีกเลย

 

ขอบคุณครับ

มิน่า มีน้องเก่งที่รู้จักกันเป็นแบบนี้เลยสงสัยเหมือนกันมันเป็นอะไร ธรรมศาสตร์ละสิท่า

 

 

ไม่ใช่ธรรมศาสตร์ครับผม




#1060468 ข้องใจมากครับ ขอระบายหน่อย

โดย bogdan on 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 22:26

ขอเกริ่นเล็กน้อยนะครับ ผมเป็นนิสิตมหาลัยชื่อดังกลางใจเมือง คณะที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นเพศที่สาม (ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น)

สิ่งที่ผมข้องใจมากที่สุดคือทำไมนิสิตส่วนใหญ่ในคณะนี้ถึงชอบมีความคิดแปลกๆ ดัจริต และล้มเจ้ากันจังครับ

ทุกๆวันผมต้องได้ยินสักหัวข้อที่เกี่ยวกับเจ้าขึ้นมาอย่างน้อยหนึ่งเรื่อง

บ้างก็เรื่องความไม่เท่าเทียมทางวรรณะ, การปิดถนน, ม112 และอื่นๆอีกมากมาย

หลายเรื่องที่อยู่ในวิสัยที่ผมจะอธิบายได้ อาทิเช่นเรื่อง มาตรา 112 ผมก็อธิบายเปรียบเทียบตามที่ผมเข้าใจให้เพื่อนฟัง

แต่สุดท้ายเพื่อนผมหลายคนก็ยังเชื่อฝังหัวอยู่เหมือนเดิม 

 

ตอนเด็กๆที่บ้านผมก็ไม่ได้ปลูกฝังเรื่องความรักชาติอะไรมากมาย แต่ผมรู้ว่าพ่อแม่และปู่ย่าของผมรักในหลวงและราชินีมาก

ผมยังจำได้ดีตอนที่อาม่ายังสุขภาพดีอยู่ ทุกครั้งเวลาที่ถึงช่วงวันเกิดในหลวงหรือราชินี เมื่อไรก็ตามที่ในหลวงหรือราชินีเริ่มพูด 

อาม่าผมจะรีบมานั่งติดจอ (แบบติดจอจริงๆ) แล้วก็จะคอยให้พ่อผมแปลที่ในหลวงพูดให้ฟัง

ผมอาจจะซึมซึบเรื่องตรงนี้มาจากอาม่าก็ได้มั้งครับ ผมชอบฟังเวลาพ่อเล่าเรื่องอากงอาม่าอพยพมาจากเมืองจีนให้ฟัง

ผมรู้ดีว่าผมติดหนี้บุญคุณแผ่นดินนี้อยู่มาก บรรพบุรุษผมมาจากเมืองจีน หากไม่มีแผ่นดินนี้ ชีวิตผมก็ไม่รุ้ว่าจะไปอยู่ตรงไหน

มีกินมีใช้ มีโอากาสไปเรียนต่างประเทศ มีการศึกษา มีหน้ามีตาในสังคมก็เพราะแผ่นดินนี้

 

เรียนในคณะนี้มันก็มีข้อดีหลายๆอย่าง อย่างนึงก็คือเราได้มีโอกาสพิจรณาสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น

เช่น ความรักชาติ  

อาจารย์ที่สอนผมส่วนใหญ่มีความคิดเป็นไปในทางเสื้อแดงครับ ถึงแม้หลายคนจะอายเกินกว่าที่จะยอมรับความจริงข้อนั้น

แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดูออกได้ไม่ยาก อาจารย์หลายคนสอนให้สงสัยเรื่อง nationalism หรือ patriotism ซึ่งแปลคร่าวๆก็คงเป็นความรักชาติ(ชาตินิยม)นั่นเอง อาจารย์หลายคนพยายามเน้นย้ำว่าการรักชาตินั้นเป็นเรื่องที่ผิด เป็นสิ่งที่เราไม่ควรยึดถือ เพราะมันก็เป็นแค่ social norm จริงๆแล้วชาติมันก็เป็นแค่เรื่องของนามธรรม เส้นเขตแดนก็เป็นเรื่องที่มนุษย์เราสร้างมาเท่านั้น ไม่มีความหมายอะไรเลย ผมฟังแรกๆแล้วบอกตรงๆว่าอารมณ์เสียมาก ในใจนี่ค้านทุกคำพูดของอาจารย์ อยากจะตะโกนไปถามว่า มีชาติในบ้างในโลกที่สร้างขึ้นมาแล้วอยู่และเจริญไปข้างหน้าได้โดยปราศจากชาตินิยม? 

 

อีกเรื่องนึงคือเพื่อนผมของส่วนใหญ่ เมื่อได้เรียนหลายๆวิชาในคณะนี้แล้ว กลายเป้นคนไม่มีศาสนา ไม่นับถือราชวงศ์ และชอบตั้ง status โลกสวยว่าอยากให้ทุกคนเท่าเทียม หลายครั้งที่ผมมักจะถามกลับว่า นั่นมันไม่ใช่ประชาธิไตยแล้วนะ นั่นมันคอมมิวนิสต์ แต่หลายคนก็ยังจะอ้างเดิมๆ ลากแม่น้ำทั้งห้ามาให้เหตุผลกับตัวเอง แม้มันจะเหมือนแถก็ตาม

อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้อารมณ์เสียมากนั่นก็คือ คนพวกนี้ชอบดูถูกศาสนา ตัวผมเองนั้นศรัทธาในศาสนาพุทธมาก ผมเชื่อในพระพุทธเจ้า และหลักธรรมที่ท่านสอน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะไปดูถูกศาสนาของคนอื่นว่าด้อยหรือต่ำกว่าศาสนาพุทธ 

ที่มหาลัยผมมักจะมีชาวเกาหลีมาเผยแพร่ศาสนาคริสต์(ผมว่าหลายคนน่าจะเคยเจอ) เพื่อนผมหลายคนที่บอกว่าตัวเองเป็นพวกไม่นับถือศาสนา (atheist) มักจะชอบล้อเลียนคนที่เค้ามาเผยแพร่ศาสนา ไปด่าทอว่าเค้างมงายบ้าง ไปหาว่าเค้าบ้าบ้างก็มี

โดยเฉพาะศาสนาอิสลามนี่โดนหนักสุด ไปวิจารณ์วัฒนธรรมเค้าต่างๆนาๆ อาทิเช่นเรื่องผ้าโพกผัว (ผมไม่ทราบจริงๆว่าเรียกว่าอะไร) 

ว่ามันละเมิดนู่นนั่นนี่ พูดง่ายๆคือวิจารณ์โดยปราศจากความเข้าใจที่แท้จริง

 

เชื่อหรือไม่ครับว่าสิ่งที่ผมเล่ามานี้เป็นพฤติกรรมของคนกว่า 80% ในคณะนี้ หลายคนยังไม่รุ้ด้วยซ้ำว่าในหลวงท่านดีอย่างไร 

หลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชาติเราอยู่ในจุดวิกฤตแล้วแค่ไหน คน 80% นี้มัวแต่ตั้งสถานะใน social media โดยที่สุดท้ายแล้ว สังคมก็ไม่ได้อะไรจากมันเลย ผมว่ามันน่าเป็นห่วงมากนะครับ สำหรับผู้ใหญ่ยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง หลายคนบอกว่าผมเป็นพวก conservative แต่ผมคิดว่าผมมองโลกตามความเป็นจริงมากกว่า น่าเสียใจนะครับนิสิตที่นับได้ว่ามีมันสมองอันดับต้นๆของประเทศ แต่พูดถึงเรื่องศีลธรรมหรือหน้าที่พลเมืองแล้ว ยังสู้นักเรียนโรงเรียนช่างข้างๆไม่ได้เลยครับ 

 

สุดท้ายนี้ สิ่งที่ผมเขียนอาจจะยาวนิดนึง และอาจจะหาสาระไม่ได้ค่อยได้ แต่อย่างน้อยก็ขอบคุณพื้นที่นี้สำหรับที่ให้ผมได้ระบายออกบ้าง หวังว่าในอนาคตผมจะไม่ได้พบปะกับคนที่มีความคิดแบบนี้อีกเลย

 

ขอบคุณครับ