exzcute

แถลงสด บิ๊กตู่

อย่างมันรอเต็มๆ อีกทีอันนี้เป็นเทเลอร์ไปก่อนแล้วกันครับ รอข่าวเต็มๆอีกที

อันนีเอาที่ผมจับความได้นิ่มแต่แรง...

นักข่าว: ถามเกี่ยวกับรัฐบาล..

บิ๊กตู่: อยู่ไหนละ...

นักข่าว: ลอยลมอยู่มังคับ

บิ๊กตู่: (...)มีอะไรก็ทำไป ...ตอนนี้ผมขอให้ราชการช่วยกันก็ใช้ได้แล้ว...

นักข่าวถาม ผบ.ทบ.ว่า จะตัองปรึกษาสอบถามรัฐบาลหรือไม่ ผบ.ทบ.ตอบว่า รัฐบาลอยู่ไหนหละ 555

กองทัพภาคที่ 3 ขอรถถ่ายทอดสด 2คันของช่อง11 เขต 4 พิษณุโลก ไปเก็บที่ค่ายนเรศวรฯหวั่นมีการนำไปใช้ Cr.ยุทธ์ #ThairathTV pic.twitter.com/pFQUEhsdkZ

จี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด วุ้ย 5 5 5

อาทิตย์ก่อน ได้คุยกับเพื่อนเก่าคนนึง เป็นทหาร ถกกันเรื่องปัญหาบ้านเมือง

- ยังไงก็ไม่จบ ทั้งหมด ล้างบางไม่หมด คงเหลือเชื้อไว้บาง

- ทุกอย่างที่เกิด มันเป็นวัฏจักร มีวงรอบของมัน 

- ทหาร ไม่ชอบผู้นำ "โง่" แต่ด้วย "วินัย" มาเป็นสำคัญ เลยยอมทำตามในระดับนึง แต่ถึงที่สุดแล้ว ก็จะรู้เอง


ทหาร ทำเท่าที่ทำได้แล้ว แต่การฝึก ยุทธวิธี มีไว้สำหรับข้าศึก ชายแดน มากกว่าในเมือง เลยมีผิดพลาด ไปบ้าง

พอถามว่า จะทำยังไงให้ปัญหา คนเห็นผิดเป็นชอบหมดไป ซักที มันบอก เวลากับความรู้จริง เท่านั้น 

การเมือง ต้องแก้ด้วยการเมือง  ทหาร ป้องกันความมั่นคงดีแล้ว


ปล. แค่ความเห็น จาก เสธ.หมาดๆ ผิดถูก ประการใด ขออภัย

ข้อพิจารณากระแสพระราชดำรัสเรื่องของมาตรา ๗
13 พฤษภาคม 2014 เวลา 11:21 น.
ข้อพิจารณาในการรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม กระแสพระราชดำรัสในการแก้ไขวิกฤตชาติเมื่อวันที่ ๒๕ เม.ย. ๕๗
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งในการแก้ไขวิกฤติการณ์ของชาติ
เมื่อวันที่ ๒๕ เม.ย. ๒๕๔๙ เวลา ๑๗.๔๒ น. ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยทรงพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้
นายอักขราทร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครองสูงสุด นำ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่

๑. ทรงขอร้องอย่าไปทอดทิ้งการปกครองระบอบประชาธิปไตย และอย่าไปคอยขอนายกฯพระราชทาน เพราะนายกพระราชทานไม่ใช่เป็นเรื่องของการปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบมั่ว ไม่มีเหตุมีผล

(ความในส่วนนี้ ผมเห็นว่า ทรงหมายถึงการพระราชทานนายกฯ ไม่ทรงเคยกระทำ มีแต่การเสนอแต่งตั้งโดยมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการตามกฎหมายเสมอ)

๒. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีกระแสพระราชดำรัสต่อว่า การปกครองประเทศต้องมีสภา สภาต้องครบถ้วน ถ้าไม่ครบถ้วนก็ถือว่าไม่ได้ การหาวิธีที่ตั้งสภาไม่ครบถ้วน มาทำงานรู้สึกว่ามั่ว ขอโทษที่ใช้คำว่ามั่ว “ปกครองประเทศมั่วไม่ได้ ปัดๆไปให้เสร็จ” ถ้าไม่ได้ก็โยนให้พระมหากษัตริย์ทำ ซึ่งยิ่งร้ายกว่า เพราะพระมหากษัตริย์ไม่มีหน้าที่จะไปมั่ว ขอร้องฝ่ายศาลให้คิด ช่วยกันคิด ประชาชนหวัง ถ้าไม่ทำตามหลักกฎหมาย หลักศาลปกครองสูงสุดประเทศชาติไปไม่รอด อย่างที่เป็นอยู่อย่างนี้คือไม่มีสภา สมาชิก ส.ส. รัฐสภา ไม่มีสภา ทำงานไม่ได้ ต้องคิดทำอย่างไรให้ทำงานได้

(ความในข้อนี้ ผมเห็นว่าทรงหมายถึงการต้องมีสภาที่สมบูรณ์ โดยที่สมาชิกแห่งสภาต้องได้มาตามกติกา ไม่ใช่แบบมั่วๆ ให้เสร็จ ดังนั้น การจัดการเลือกตั้งต้องมีความพร้อม หรือสถานการณ์เอื้ออำนวยให้มีการเลือกตั้งที่ดีได้ ไม่ใช่จัดการเลือกตั้งปัดๆ ไปให้เสร็จ)

๓. อย่ามาขอให้พระมหากษัตริย์เป็นผู้ตัดสิน ในมาตรา ๗ ไม่ได้บอกว่าพระมหากษัตริย์สั่งได้ไม่มี ดังนั้น จึงขอให้ประธานศาลปกครองสูงสุดไปหารือกับศาลอื่นๆ เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ หากไม่สามารถทำได้ ก็ขอให้ไปลาออกเสีย เพราะไม่สามารถทำให้ระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าไปได้ มาตรา ๗ ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งขอยืนยันว่า มาตรา ๗ นั้น ไม่ได้หมายถึงมอบให้พระมหากษัตริย์มีอำนาจที่จะทำอะไรตามใจ ไม่ใช่ มาตรา ๗ นั้น พูดถึงการปกครองแบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ได้บอกว่าให้พระมหากษัตริย์ตัดสินทำได้ทุกอย่าง ถ้าทำ เขาจะนึกว่าพระมหากษัตริย์ทำเกินหน้าที่ ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยพูด ไม่เคยทำเกินหน้าที่ ถ้าทำเกินหน้าที่ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย อ้างถึงครั้งก่อนนี้ เมื่อรัฐบาลของ อ.สัญญา ธรรมศักดิ์ ตอนนั้นไม่ได้ทำเกินอำนาจของพระมหากษัตริย์ ตอนนั้นมีสภา สภามีอยู่ ประธานสภา รองประธานสภามีอยู่ รองประธานสภาทำหน้าที่ และมีนายกฯ ที่สนองพระบรมราชโองการได้ตามรัฐธรรมนูญในครั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าที่ทำครั้งนั้นผิดรัฐธรรมนูญ ตอนนั้นไม่ใช่นายกฯ พระราชทาน นายกฯ พระราชทานหมายความว่า ตั้งนายกฯโดยไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเลย ตอนนั้นมีกฎเกณฑ์ เมื่อครั้ง อ.สัญญา ได้รับตั้งเป็นนายกฯ เป็นนายกฯที่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ รองประธานสภานิติบัญญัติ

(ความในข้อนี้ ผมเห็นว่า ควรต้องอ่านด้วยความระมัดระวัง พระเจ้าอยู่หัวมิได้หมายถึง มาตรา ๗ ทำอะไรไม่ได้ แต่ทรงชี้ว่า มาตรา ๗ มิได้ให้พระองค์สามารถใช้พระราชอำนาจ ไปตามอำเภอพระทัย ต้องมีหลักมีเกณฑ์ มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการเสมอ และชี้ให้เห็นว่า สมัยที่ทรงโปรดเกล้า อ.สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นไปตามบทบัญญัติในธรรมนูญการปกครองครั้งนั้น มิได้ทรงพระราชทานให้ด้วยความพอพระทัยของพระองค์ จึงไม่ใช่การพระราชทานนายกฯ ให้อย่างที่เข้าใจกัน)

๔. ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ โอกาสนี้ได้มีพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ซึ่งจะนำเฉพาะประเด็นที่แตกต่างจากที่พระราชทานแก่ศาลปกครองสูงสุดมา ดังต่อไปนี้
...." ต้องขอร้องให้ศาลคิด ... ถ้าไม่ทำตามหลักกฎหมาย หลักการปกครองประเทศชาติไปไม่รอด อย่างที่บอกว่า ไม่มีสภา สมาชิกสภา 500 คน ทำงานไม่ได้ ก็ต้องเป็นปัญหา จะทำอย่างไรให้ทำงานได้ อย่ามาขอให้พระมหากษัตริย์เป็นผู้ตัดสิน เพราะอาจจะว่า ต้องเดือดร้อน ฉะนั้นก็ขอให้ท่านได้เอาไปพิจารณา ไปปรึกษากับผู้พิพากษาศาลอะไรก็ดี ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ว่าควรจะทำอะไร และต้องรีบทำ ไม่งั้นบ้านเมืองจะต้องล่มจม
( ความในข้อนี้ผมเห็นว่า ทรงชี้ให้เห็นว่า ศาลไม่ใช่ทำหน้าที่ตัดสินความตามหลักกฎหมายเท่านั้น แต่ต้องด้วยหลักการปกครองที่จะพาชาติรอด เมื่อสภาไม่สมบูรณ์ก็มีหน้าที่ช่วยทำให้สมบูรณ์ ซึ่งผมขอขยายความเห็นเพิ่มเติมว่า สภาที่สมบูรณ์สามารถทำได้หลายวิธี มิใช่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ปรากฏวิธีการตามที่เคยมีในรัฐธรรมนูญหลายฉบับ ซึ่งถือเป็นประเพณีการปกครองฯ ของไทย )
๕. เวลานี้เป็นเวลาที่วิกฤตที่สุดในโลก ท่านก็มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติ ปรึกษากับผู้มีความรู้ เขาเรียกว่า กู้ชาติ เวลานี้เอะอะอะไรก็กู้ชาติ กู้อะไร เดี๋ยวนี้ชาติไม่ได้จม ฉะนั้นป้องกันไม่ให้จม แล้วจะได้ไม่ต้องกู้ชาติ เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาดูดีๆ ว่าจะทำอะไร ถ้าทำได้ปรึกษาหารือกัน จริงๆ แล้วประชาชนทั้งประเทศและประชาชนทั่วโลกจะอนุโมทนา และจะเห็นว่า ผู้พิพากษาศาลฎีกายังมีน้ำยา เป็นคนมีความรู้ ตั้งใจที่จะกู้ชาติจริงๆ ขอขอบใจแทนประชาชนทุกคนทั้งประเทศที่มีผู้พิพากษาศาลฎีกาที่เข้มแข็ง ขอบใจที่ท่านสามารถปฏิบัติงานได้ดี มีพลานามัยแข็งแรง ต่อสู้เพื่อความดี ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในประเทศ ขอบใจ"

(ความในข้อนี้ผมเห็นว่า ทรงชี้ให้เห็นว่า ไม่ต้องรอให้ชาติจมก่อนแล้วจึงมากู้ อะไรที่จะช่วยไม่ให้ชาติจมก็ควรต้องรีบทำ ดังนั้น ใครที่คิดว่าต้องรอให้ถึงนาทีสุดท้ายจึงจะออกมาช่วย อาจต้องพิจารณาความในข้อนี้ให้ตระหนัก)

ความเห็นของผมข้างต้นเป็นความเห็นส่วนตัว ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับท่านอื่น ซึ่งขอชี้แจงว่า ผมได้พยายามอธิบายเพื่อให้เกิดความกระจ่าง เพื่อมิให้มีการขยายความไปในทางที่อาจสร้างความเข้าใจผิดในสถานการณ์ปัจจุบัน
ดังนั้น ผมเห็นว่าหากอธิบายได้ชัดแจ้งว่า ไม่มีหนทางใดที่จะได้นายกฯ ใหม่ตามกติกาในรัฐธรรมนูญนี้แล้ว ก็สามารถใช้มาตรา ๗ เพื่อให้ทรงแต่งตั้งนายกฯ โดยอ้างประเพณีที่เคยปฏิบัติตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ว่าด้วยที่มาของนายกฯ เช่น เคยมีนายกฯ ที่ไม่ใช่ สส. เคยมีนายกฯ ที่เสนอจากบุคคลที่เหมาะสมโดยประธานสภา โดยไม่ต้องผ่านการคัดเลือกของสภา แต่ต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการในการแต่งตั้งเสมอ นายกฯ ที่ได้มา จึงไม่ใช่นายกฯ พระราชทาน แต่เป็น นายกฯ ที่ได้ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญให้การรับรอง

บวร ยสินทร
(๑๓ พ.ค. ๕๗)

อันนี้ขำมาก ไอ้ขี้เมาสมพร รักหวานบนเวทีนปช. บอกว่าจะทำหุ่นขี้ผึ้งยิ่งลักษณ์ นายกกำลังป้อนข้าวใส่ปากชาวนาแล้วก็โดนพวกนกหวีดถีบสันหลังล้มลงหรือไรเนี่ยะ ไอ้เห้เมิงจะปั้นไงวะ อีโง่กำลังป้อนข้าวชาวนาแล้วถูกถีบสันหลัง ชอบมากมายขอบอก

ไอ้ขี้เมาที่ว่านี่พวกมันเรียกกันว่าอาจารย์ น่าจะเป็นจานไรอ่ะนะ

ข้าวในช้อนที่ป้อนใส่ปาก

คงเป็นข้าวเน่าสินะ .......... 

วันนี้ ใน ช่วงเช้า ตะนิ่นตาญี ตกลงใจ สำรวจ จุด ชุมนุม ที่ ช่อง ๓-๕-๗ ด้วยการ อาศัย รถไฟฟ้า 

เห็น ภาพ-ภาพ หนึ่ง ประทับใจ จนอดเสียไม่ได้ที่จะนำมาฝากเพื่อนเพื่อน เห็นแล้วมั่นใจจริงจริงครับ

อีกไม่นาน เมืองไทย ต้อง สวยใส เหมือนเดิม...

เห็นภาพ ของ มวลชน กปปส. แล้ว อดสงสัย เสียไม่ได้ ใน จำนวน มวลชน นปช.  ว่ามีมากน้อยเพียงใด สมดังราคาคุยหรือไม่

ด้วยความสงสัย ใน จำนวน ผู้เข้าร่วมชุมนุม ของ นปช. จึงตัดสินใจ ขับรถไป ถนนอักษะ แต่ไปได้เพียงแค่หัวถนนเท่านั้น

ก็ตัดสินใจขับรถวนออก ไม่ใช่ เพราะ จำนวน ผู้คน ที่ ดูจะ โหรงเหรง แต่เห็นด่านเยอะเสียเหลือเกิน รำคาญมาก

มีทั้ง ด่านตรวจเทศกิจ ต่านตรวจตำรวจ และ ถ้า เพื่อนเพื่อน สังเกตุ จาก ภาพ ที่ ตะนิ่นตาญี นำมาฝาก

จะเห็นภาพหนึ่งมี รถเก๋งสีดำ ที่ ตำรวจ เรียก ตรวจ  จุดที่น่าสนใจก็คือ นั่นเป็น รถ เพียงคันเดียว ที่ ถูกเรียก ตรวจ

ใน จำนวนหลายหลายคันที่ขับผ่านมา

ก็แปลกดีครับ...ภาพ ที่ ตะนิ่นตาญี ถ่าย ที่ ถนนอักษะ มานั้นเป็นการถ่ายภาพเมื่อเวลาประมาณ ๑๑ โมงกว่ากว่า เกือบเที่ยงแล้วครับ

ดังนั้นภาพที่เห็นนี้ไม่อาจยืนยันถึงจำนวนที่แท้จริงในช่วงเวลา peak ของ การชุมนุม ได้

หากแต่เมื่อ เปรียบเทียบ กัน นาทีต่อนาที แล้ว มวลชน ของ กปปส. มากกว่าครับ

หลังจากนั้นแล้ว ตะนิ่นตาญี จึงแวะมาหาข้าวทานริมแม่น้ำท่าจีน ที่ ร้านพริ้วลมชมน้ำ

ขาดไม่ได้เลยสำหรับ เมนู ที่ ต้อง สั่งมาทาน ที่ ร้านนี้ เห็นจะเป็น กุ้งทอดพริกเกลือ และ ห่อหมกทะเล

เมื่ออิ่มหนำสำราญดีแล้ว จึง ขับรถกลับเข้า กรุงเทพฯ มุ่งหน้าตรงไป ถนนราชดำเนิน 

ไม่น่าแปลกใจเลย สำหรับ น้ำเอย-น้ำใจ ใน มวลหมู่มหาชน คน กปปส. เมื่อเข้าไปถึง น้ำเย็นเย็น ที่นำมา บริการ ให้ถึงที่

คำว่า บริการ ถึงที่ นี่ ไม่ใช่การเล่นคำ หากแต่พอเดินเข้าไปก็มี สุภาพสตรีเยาว์วัย นำมาให้ถึงมือ เพียงยก แก้ว ขึ้นดื่ม ก็ ชื่นอก-ชื่นใจ กันแล้ว 

ไม่ใช่แต่เพียง น้ำหวาน-น้ำเย็น ที่นำมาให้ แม้แต่ ข้าวคลุกกะปิ ที่ ดูน่ากินเสียเหลือเกิน หาก ไม่ได้ทานข้าวมาก่อนแล้ว

เห็นทีคงจะต้องขออาศัย ลิ้มชิมรส มือนาง อีกเป็นแน่แท้....

ในด้านความปลอดภัยนั้น คง ไม่ต้องห่วง-ไม่ต้องกังวล มี ชุดปฏิบัติการมวลชน กองทัพบก มา ตั้ง ค่ายคู-ประตูรบ ให้ อุ่นใจ

ส่วนจำนวน เพื่อน-พ้อง-น้อง-พี่ ผู้มีหัวใจดุจดั่ง ทองคำ ก็ดูน่าชื่นใจมากกว่าที่เห็นเมื่อตอนเช้าวันนี้เป็นไหนไหน

นี่ขนาดแดดร้อนเปรี้ยงเปรี้ยง ตอน เวลา บ่ายสองโมง เท่านั้น มองจาก แยกมิสกวัน ไป สะพานมัฆวานรังสรรค์ ก็เนืองแน่น

มองไป สะพานชมัยมรุเชษฐ์ ก็ เต็มเปี่ยม ไปด้วยคนหัวใจเดียวกัน ดูให้อบอุ่นดีเหลือเกิน

แต่ อยากขอร้องเพื่อนเพื่อนทุกคนสักนิดเถอะครับ หาก ออก กันไป ถนนราชดำเนิน ได้ ออก กันไปเถอะครับ ออกไปมากมาก

ออกไปเพื่อบอก คนชั่วขายชาติ ว่า กู-ไม่-กลัว-*คุณ*.....

ตะนิ่นตาญี

วันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗

เวลา ๑๙.๕๗ นาฬิกา

ลูกน้องบรรหาร ขึ้นมาพูดไรอ่ะ อ๋อจะสมัครรับเลือกเป็นรองประธานวุฒิฯ อ้างว่าตัวเป็นกลาง กลางไข่บรรหารดิ

 

แคน สาริกา ‏@can_nw  55m

1.คณะรัฐบุคคล(MAN OF THE STATE) มีการประชุมจัดตั้งเมื่อ 28 ม.ค.2557 ที่ห้องอาหารในโปโลคลับ โดยกลุ่มอดีตนายทหาร นักวิชาการ #โอล์ดเติร์ก

2.คณะรัฐบุคคล ฝ่ายพลเรือน มี ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ โดยมี ดร.ปราโมทย์เป็นแกนหลัก #โอลด์เติร์ก

3.คณะรัฐบุคคลฝ่ายทหาร มี พล.อ.สายหยุด เกิดผล พล.อ.อ.กันต์ พิมานทิพย์ พล.อ.วิมล วงศ์วานิช  พล.ร.อ.วิเชษฐ์ การุณยวนิช

4.ในวงประชุม ฝ่ายพลเรือนเรียกร้องให้ทหารปฏิวัติ แต่ พล.อ.วิมล ปกป้องทหาร เพราะถ้าหากทหารทำปฏิวัติ เมื่อนั้นทหารจะตกเป็นจำเลย #โอลด์เติร์ก

5.ในวงประชุม พล.อ.อ.กันต์ พล.อ.วิมล พล.ร.อ.วิเชษฐ์ ประสานเสียงทหารปฏิวัติไม่ได้ จะทำชาติเสียหาย แต่ฝ่ายพลเรือนกลับจี้ให้กองทัพ ต้องยึดอำนาจ

6.ในประชุมคณะรัฐบุคคล ฝ่ายพลเรือน-ทหาร เห็นตรงกันขจัดรัฐบาลนายทุน แต่เห็นต่างเรื่อง"วิธีการ" ฝ่ายพลเรือนยืนยัน"ต้องปฏิวัติ" #โอลด์เติร์ก

7.ในวงประชุม พล.อ.วิมล อดีต ผบ.ทบ. เสียงแข็ง "ปฏิวัติมันต้องสูญเสีย จะมีคนตายเป็นร้อย แล้วทหารจะเป็นจำเลย" แต่พลเรือนยังดันให้ทหารลงมือทำ

8.ในวงประชุมครั้งที่ 1 คณะรัฐบุคคล ถกกันเรื่อง "รัฏฐาธิปัตย์" จะได้มาอย่างไร พลเรือนอยากให้ปฏิวัติ แต่อดีตนายทหารไม่เห็นด้วย #โอลด์เติร์ก

 

โดยส่วนตัวแล้ว ตะนิ่นตาญี เห็นด้วย กับ ทหารแก่ การปฏิวัติ รัง แต่จะทำให้สูญเสีย

อีกทั้งยังสร้าง ความชอบธรรม ให้แก่ ชาติมหาอำนาจ ที่ จ้อง จะ เข้ามา แทรกแซง กิจการภายใน ของ ไทย

ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ ใน เรื่อง ทรัพยากรธรรมชาติ ด้าน พลังงาน และ เพื่อการถ่วงดุลอำนาจ กับ จีน ใน ภูมิภาค นี้

ถามต่อว่าแล้วทำอย่างไรจึงจะได้มาซึ่ง อำนาจรัฎฐาธิปัตย์ ตรงนี้ตอบได้ไม่ต้องคิด...

วิธีการนั้นก็คือ สิ่งที่ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ กำลังทำอยู่ในขณะเวลานี้นั่นเอง ซึ่งนั่นก็คือ 

หากเราได้ มวลชน ที่ พร้อม จะยืนเคียงข้าง ยามที่เมื่อใด มีเสียงเรียกร้องให้มีการขับไล่ รัฐบาล มวลชนจำนวนมหาศาลออกมาที่ท้องถนน

นั่นประการหนึ่ง

หากเราได้ ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง ผู้ซึ่งปฏิเสธอำนาจ ของ รัฐบาล เช่นเดียวกับ นายแพทย์ ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณะสุข

นี่ก็อีกประการหนึ่ง

และ ในประการสุดท้าย หากเราได้ ผบ.เหล่าทัพ ทุก เหล่า ทัพ ถอดเครื่องแบบออกมา แล้วใส่เสื้อผ้าชุดเดียว กับ ประชาชน ผู้ต่อต้าน รัฐบาล นี้

เดินบนท้องถนนเคียงข้างประชาชน

นั่นแหละครับ อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ก็จะกลับมาที่ ปวงชนชาวไทย อีกครั้งหนึ่ง โดย เรา จะ เป็น ผู้ชนะ อย่าง ขาวสะอาด-ผู้ชนะ

อย่างที่ไม่เคยมีชาติไหนภาษาใดทำได้

แน่นอนครับ ตะนิ่นตาญี เขียนไป-อ่านไป เอง ยัง รู้สึกว่าตัวเองเพ้อเจ้อเกินไปหรือเปล่า หากแต่นี่คือ วิธีการที่ดีที่สุดแล้ว ทุกอย่างต้องใช้เวลา

และ เวลา ที่ เหมาะสม ก็ คือ ช่วงเวลาที่มีการประกาศว่า รัฐบาล นี้ หมด ความชอบธรรม ตาม คำวินิจฉัย ของ ศาลรัฐธรรมนูญ 

ไม่ว่า คนเสื้อแดง นักวิชาการเสื้อแดง จะบิดเบือน คำวินิจฉัย ของ ศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไร แต่ สิ่งที่ ปฏิเสธ ไม่ได้ ก็คือ

พวกคุณทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ใช่ ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้มีอำนาจในการ วินิจฉัยตัดสินคดี ไม่ว่า คุณจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตามที

คุณไม่มีสิทธิที่จะปฏิเสธ ใน คำวินิจฉัย เหล่านี้

หากสิ่งที่คุณเรียกร้องคือ ประชาธิปไตย คุณ ก็ต้องยอมรับในหลักการ ของ ประชาธิปไตย ซึ่งนั่นก็คือ ดุล และ คาน check and balance

มิเช่นนั้นแล้ว สิ่งที่คุณเรียกร้อง ร่ำร้องหา นั่นจะไม่ใช่ ประชาธิปไตย หาก แต่ มันคือ เผด็จการ ดีดี นั่นเอง

ดังนั้นสิ่งที่ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ กำลังทำอยู่นั้น จึงเป็น สิ่งที่ ถูกต้อง และ ชอบธรรม ใน ตัว ของ มันเอง อยู่แล้ว 

ออกมาเถอะครับ เพื่อน-พ้อง-น้อง-พี่ ผู้ซึ่งจงรักภักดี ต่อ สถาบันชาติ-สถาบันศาสนา-สถาบันพระมหากษัตริย์

ออกมาเพื่อป่าวประกาศให้ ทรราชย์ ได้รับรู้ ว่า กูไม่กลัวมึง

ออกมาเถอะครับ เพื่อนเพื่อน ปลัดกระทรวง ทุก กระทรวง ออกมาเพื่อป่าวประกาศ ให้ ทรราชย์ ได้รับรู้ว่า

เหล่าพวกท่านนั้น คือ ข้าราชการ ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

ผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์ ใน อันที่จะ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้แก่ ปวงประชาราษฎร์ ไม่ใช่ ขี้ข้า นักการเมือง

ที่จ้องแต่แสวงหาประโยชน์เพื่อตัวเอง และ พวกพ้อง

ออกมาเถอะครับ พี่พี่ ผู้ดำรงตำแหน่ง ผู้นำเหล่าทัพ ถอด ชุดเครื่องแบบ ออกมา เดินเคียงข้าง-เดินเคียงคู่ ประชาชน

เพื่อ เกียรติยศ และ ศักดิ์ศรี ของ ตัวท่านเอง และ เพื่อป่าวประกาศ ให้ ทรราชย์ ได้รับรู้ ว่า

สิ่งที่พวกพี่พี่ ได้ กระทำ นั้น ได้กระทำตามคำมั่นสัญญาที่มีให้ไว้ในหน้าหน่วยทหาร "เพื่อ ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ และ ประชาชน"

ตะนิ่นตาญี รอได้ครับ เพื่อนเพื่อน รอที่ จะ ประกาศชัยชนะ ของ มวลชน ไม่ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่

ไม่เป็นไรหรอกครับ...ไม่เป็นไรครับ รอได้ ไม่รีบ    

ตะนิ่นตาญี

วันอาทิตย์ที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗

เวลา ๑๓.๑๑ นาฬิกา

 

 

Ally Hëart

ขุดคุ้ยขึ้นมาเพื่อให้ตาสว่างโดย Mömötarö Hansö Löve King
เอร๊ยยย..สาด ไปดีเหอะนะเมิง

 

อันล่างนี่เป็นตัวตนวีรบุรุษของควายแดง

 

ประชาชนที่กินแล้วทิ้งเรี่ยราดเนี่ยนะ ?

ประชาชนที่สรรหา hate speech มาใส่ร้ายป้ายสีกันเนี่ยนะ ?

ประชาชนที่ปั้นแต่งข้อมูลปั่นหัวมวลชนด้วยกันเองเนี่ยนะ ?

ถ้าไพร่ราบทหารเลวไม่มีผู้นำ คงสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินเป็นขี้ข้าต่างด้าวไปตั้งนานแล้ว 

ผมว่ามันตายง่ายไป น่าจะอยู่เป็นผัก รอเห็นความฉิบหายล่มจมของขบวนการคนเสื้อแดงก่อน