Jump to content


aer1234

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 30 มีนาคม 2557
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2557 08:15
-----

Topics I've Started

จากเหลืองมาสู่แดง ประเทศไทยครับผมขอโทษ(สลิ่มชนกลุ่มน้อย อ่านให้เกิน 3 บรรทัดนะ)

30 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 16:24

จากเหลืองมาสู่แดง ประเทศไทยครับผมขอโทษ
ช่วงก่อนปี 2549  ช่วงเวลานั้นผมสนใจการเมืองมาก หลังจากที่เบื่อมานานแสนนาน กับ รัฐบาลในระบบพรรคร่วม ที่วันๆเอาแต่เล่นการเมือง
บริหารไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน  จนกระทั่ง ทักษิณ เป็นนายก เริ่มทำนโยบายใหม่ๆ ผมเฝ้าติดตามหลายๆอย่าง ทั้งที่สำเร็จ อย่าง 30 บาท
กองทุนหมู่บ้าน  ปฏิรูปการบริการของระบบราชการ  สนามบินสุวรรณภูมิ   ส่วนที่ล้มเหลว ผมก็ได้มองเห็น อย่าง อีลิทการ์ด   

เขาเป็นนักการเมืองที่สร้างอะไรใหม่ๆ ทั้งดี และ แย่ แต่ด้วยความที่ทำเยอะ ได้เสียงที่เสถียร เขาจึงมีจุดพลาดเยอะตามไปด้วย   
ด้วยความหยิ่งในตัวเองของผม   ที่คิดว่า ผมเองก็ จบสูง เรียนสูง บวกกับนิสัยส่วนตัวที่ชอบหาอะไรมาโต้แย้งตลอด  เพราะจะทำให้รู้สึกดีว่า
"เราชนะเขา  เราดักทางเขาถูก โอ๊ยทักษิณคิดอะไร ผมตามเขาทัน "   ความคิดแบบนี้ หรือการพูดการกระทำแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองฉลาด 

ผมเริ่มค้นหาข้อมูลโต้แย้ง แล้วเริ่มซื้อหนังสือ รู้ทันทักษิณ เริ่มรู้จัก ASTV เริ่มฟัง สนธิ มากขึ้นเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าเขาเป็นข้อมูลโต้แย้ง ที่สามารถรู้ทันและดักทางทักษิณได้   ผมฟังสนธิ และ เชื่อ   ผมเริ่มทิ้งสายวิทยาศาสตร์ที่ผมเรียนมาทั้งหมด ผมทิ้งความจริง และ ใช้ความเชื่อมาบังหน้าผมด้วยเหตุผลเดียว
"เราต้องให้คนดีได้ครองอำนาจ หากคนส่วนใหญ่เป็นคนโง่ และ ชั่ว เราก็ต้องตัดสิทธิพวกเขา"

ผมเริ่มไปชุมนุม กับ พธม. เริ่มสนับสนุน พธม.  อาจารย์ที่ผมนับถือได้ห้ามปราม  
"ว่าเราไม่สามารถ ทำให้ทุกอย่างเป็นปกติได้ด้วยสิ่งที่ผิดปกติยิ่งกว่า"
"คนไทยสู้มามากเพื่อสิทธิ ทำไมเราต้องไปสู้เพื่อยกสิทธินั้นให้คนอื่นล่ะ ?"   

ผมโกรธอาจารย์ของผมครับ ผมคิดว่าท่านคร่ำครึ หัวโบราณ ผมบอกท่านไปว่า "ก็คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ตัว เลือกแบบตามๆกันมา เราเลยได้การเมืองห่วยๆแบบนี้"  หลังจากนั้นผมก็ไม่คุยกับท่านอีก รุ่นพี่หลายๆท่านที่ผมนับถือ ถ้าใครแย้งผมตอนนั้น ผมก็จะไม่คุยอีก  ตอนนั้นผมใจผมปิดทุกอย่างจริงๆครับ
ผมใช้เวลาช่วงที่อยู่ พธม. เริ่มคุย เริ่มช่วย พธม. แล้วก็หาสมาชิกให้ พธม.ได้เพิ่มมาเยอะแยะ   พร้อมกับความสามารถในการแยกแยะของผมที่สูญเสียลงทุกขณะ  

หลังจากที่มีการรัฐประหารไป คืนนั้นผมดีใจมาก ผมโทร ผมพูด ผมคุย และ ชื่นชมกับการกระทำของทหาร และ พธม. ทั้งหมด  การต่อสู้ที่ผมคิดว่าทำในนามของความดีงาม จบสิ้นลงแล้ว ผมโทรไปหาอาจารย์ตอนกลางดึก  ท่านได้แต่ตอบผมว่า "ถ้าคิดได้แบบนั้นวันนึงเธอนั่นล่ะจะต้องเสียใจ"  
หลังการต่อสู้ต้านรัฐประหาร ที่เวลานั้นยังไม่เป็นเอกภาพเท่าที่ควร  อาจารย์ของผมท่านเป็นมะเร็งมานานแล้วและท่านก็จากไป  ผมตัดสินใจที่จะไม่ไปงานศพของท่าน  ตอนนั้นใจผมคิดอย่างเดียวว่า ถ้าชนชั้นนำที่รู้และฉลาด กว่าชนชั้นรากหญ้าของไทย ได้บริหารประเทศอย่าง ปรีชาสามารถ และ มีองค์กรราชการทั้งหมดสนับสนุน ประเทศของเราคงจะทรงพลัง และ พุ่งไปข้างหน้า 

ผมเฝ้าติดตามการทำงานของรัฐบาลขิงแก่ ที่มีคนบอกว่า หม่อมอุ๋ยเป็นผู้ที่สุดยอดมากในทางเศรษฐกิจ แต่จากผลงานตลาดหุ้นทิ้งดิ่งวันเดียว จนต้องเกิด 
Circuit breaker  ทำให้ผมเริ่มสั่นคลอน  การต่อต้าน เผด็จการยังมีอยู่เป็นระยะๆ  รธน. 50 ถูกเขียนขึ้น โดยที่มี คนดี เลือก สว.ให้ประชาชนตั้งเกือบครึ่งของ สว. ทั้งหมด   รัฐบาลขิงแก่ เจอเรื่องเขายายเที่ยง งบลับทหาร   สุดท้ายก็มีการจัดเลือกตั้งใหม่   ตอนนั้นผมคิดว่า ขิงแก่ทำได้ดี น่าจะลบทักษิณออกไปได้   ผมเองก็อยากเห็นว่าในกฏเลือกตั้งอันใหม่ ทุกอย่างจะเป็นยังไง เลยสมัครไปประจำหน่วยเลือกตั้ง

ผมได้เห็นคนมากมายมาลงคะแนน บางคนนั่งรถเข็น บางคนแขนด้วน  บางคนตาบอด  เขตที่ผมอยู่มันใกล้โรงพยาบาล ที่มีผู้พิการเยอะมาก  แต่คนเหล่านี้ก็ทั้งเดิน ทั้งเข็น มาตั้งไกล ข้ามสะพานเล็กๆ มายังหน่วย และ ลงคะแนนอย่างภูมิใจ   ดูพวกเขาภูมิใจกับสิทธิของพวกเขามาก    ผมเลยเริ่มตั้งคำถามว่า
"จริงๆแล้วคนไทยต้องการ  ความดีที่จับต้องไม่ได้  หรือ สิทธิเสรีภาพที่จับต้องได้มากกว่ากัน"  แต่ตอนนั้นผมก็ยังคิดว่าชาวบ้านคงคิดได้ไม่ยาวนักเท่ากับคนในเมือง การเลือกตั้งจบลง สมัครเป็นผู้ชนะ  

สมัคร และ สมชาย ในสายตาผมก็ยังคงเป็นผู้ที่บริหารแบบเน้นประชานิยม   ไม่ต่างจากทักษิณมากเท่าไหร่ ทุกอย่างในประเทศกำลังไปข้างหน้า สุดท้ายก็มี คดีทำกับข้าว และ คดียุบพรรค ซึ่งผมไม่แปลกใจมากนัก เพราะคิดว่าพรรคเลวๆแบบนี้ก็สมควรแล้ว  แต่ผมแปลกใจที่ พรรคประชาธิปัตย์ กลับรอดจากการยุบพรรค ด้วยเหตุผลแปลกๆ เช่นเรื่องของนายทะเบียน พรรคการเมือง  "ถ้าเขาเป็นคนดีจริง ทำไมเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นคนดีมันจึงดูไม่เข้าท่าแบบนี้"

ผมเริ่มคิดถึงอาจารย์ผม ผมเริ่มที่จะหยุดความเชื่อของตัวเอง และ เริ่มกลับไปใช้ความจริงตามที่ผมได้เรียนมาและเริ่มสังเกตุการณ์ รัฐบาลในค่ายทหารประชาธิปัตย์  ผู้น่าผิดหวังสำหรับผม   ทางที่ถูกต้อง  อภิสิทธิ์น่าจะปฏิเสธเนวิน แล้วลงเลือกตั้งมากกว่า  เขาไม่น่าไปสวมกอดกันแบบนั้น  ผมคิดว่า ปชป ที่บอกว่า เป็นคนดี เน้นประเทศเข้มแข็ง ไม่เน้นประชานิยมให้ประชาชนอ่อนแอ  น่าจะดีกว่า พรรคสายทักษิณ

แต่ผมก็คิดผิด พรรคคนดีใช้ประชานิยม แถมเป็นประชานิยมแบบเกทับ แบบโง่ๆด้วย ตั้งแต่ เช็ค2พัน ร้องเพลงชาติ  เปลี่ยน30บาท เป็นรักษาฟรี หลายอย่างไม่เข้าท่า สุดๆ  และที่น่าตกใจคือ ทั้งนักวิชาการ  พวกผู้ดี จาก พธม. ที่ผมเคยอยู่กลับเชียร์กันอย่างไม่ลืมหูลืมตา เหตุผลที่ดูเหมือนเขาจะมีบ้างตอนชำแหละทักษิณ ตอนนี้กลับไม่มีการชำแหละ อภิสิทธิ์แม้แต่นิดเดียว

ผมเริ่มตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับเสื้อแดง แบบห่างๆ เข้ามาเรียนรู้ เข้ามาศึกษาประวัติศาสตร์ พยายามมอง แล้วเทียบกับความจริง ผมตัดสินใจและ ศึกษาอย่างเงียบๆ มาเป็นปี สุดท้ายเลยตัดสินใจร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงตอนปี 53 และ ก็รอดมาได้      ผมซึ่งเคยผ่านเวที พธม. และ นปช. ผมได้พบความต่างของหน่วยงานรัฐที่กระทำต่อประชาชน  ฝั่งหนึ่งได้รับการคุ้มครองโดยกองทัพ ถึงขนาดไปออกทีวีเพื่อกดดันให้ รบ. ลาออก  ในขณะที่อีกฝั่งมีกระสุนไม่อั้นไว้สำหรับยิงคนที่เรียกร้องการใช้สิทธิเลือกตั้ง  หรือว่า สองมาตรฐานในประเทศนี้มีจริง

ยิ่งลักษณ์ชนะการเลือกตั้ง สิ่งที่ผมเริ่มแตกหักกับพวก พธม. คือการที่ยิ่งลักษณ์ถูกด่าตั้งแต่รับตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องคาว โลกีย์  ผมไม่สนใจว่าเรื่องส่วนตัวใครจะยังไง ผมสนใจว่าเวลางานของเขาคืองานจริงๆ แต่ถ้าหากสหาย พธม. ของผมเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานมันก็เป็นที่น่าสงสัยว่าจริงๆ แล้ว  พวกเขา ใช้ความเชื่อ หรือ ความจริงกันแน่  สิ่งที่ชัดเจนที่สุดสำหรับยิ่งลักษณ์ คือ การหยุดสงครามกับ กัมพูชา การเจริญไมตรีกับ ต่างประเทศ 
และ ความกล้าที่จะขับเคลื่อนนโยบายขนาดยักษ์ เหมือนทักษิณ  ผมให้อำมาตย์ได้ลองบริหารแล้ว และมันไม่เข้าท่า ผมน่าจะต้องให้ฝ่ายที่เคยมีผลงานได้ลองทำอีกครั้ง ผมตัดสินใจที่จะเชื่อในเสียงประชาชน  และ เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง


วันนี้ทุกอย่างชัดเจน ขบวนการแย่งอำนาจประชาชนมีแบบเห็นๆ   ไม่ว่าจะขัดขวางการเลือกตั้ง  แต่มี ศาลคุ้มครอง  กองทัพทำตัวผิดที่ผิดทาง
องค์กรอิสระ  ฝ่ายค้านที่ตัวเองไม่มีความสามารถแต่กลับอยากได้ อำนาจแบบหน้าด้านๆ   ผมเสียใจที่เคยด่าประชาธิปไตย ด่าชาวบ้าน ผมเสียใจที่ไม่ยอมฟังอาจารย์จนถึงท้ายที่สุด    ผมเสียใจที่เคยโน้มน้าวให้คนที่ไม่รู้ไปสนับสนุนเผด็จการอย่างออกหน้าออกตา  


วันนี้ผมลืมตาตื่นแล้ว  จากเหลืองมาสู่แดง   ผมจะใช้ทุกความรู้ ความสามารถทั้งหมดที่ผมมี เพื่อช่วยเหลือฝ่าย ปชต. 
ผมขอโทษประเทศไทย และ คนไทยหัวใจ ปชต. ทั้งหมด   และ ผมจะให้เผด็จการได้เห็นว่าพลังของประชาชนยิ่งใหญ่แค่ไหน

ขอบคุณครับ