pouce

วันนี้นั่งแทีกซี่กลับจากช่อง 3 เจอแท๊กซี่เสื้อแดงเต็มๆ 

ขึ้นไปนั่งปั๊บ พี่แกชวนคุยเลย หลอกถามนู่น นี่ นั้น ถามใหญ่ว่าแล้วมันจะจบยังไง จะชนะยังไง

ควักนกหวีดมาโชว์ด้วย พอดีเห็นตรงที่บังแดด พี่แกเอาเสื้อ นปช. มาหุ้ม (อ๋อไอ้นี่กะจะหลอกถามตูเหรอ มันคิดว่าตูเป็นแกนนำไงวะ)

ที่แรกว่าจะลงอยู่แล้ว พอดีหมั่นเขี้ยว ในเมื่อทำเนียนอยากให้ด่าเสื้อแดงให้ฟัง ได้เลยจัดไปเต็มๆ หลอกด่าไปซะ ว่ามันโง่ยังไง ที่โดนไอ้เหลี่ยมหลอก

แกนนำรวยเอาๆ แต่ควายโดนหลอกมาตาย หน้าเสียเลย ได้แต่หัวเราะแหะๆ

สาเหตุที่สงสัยเรื่องประเด็นฆ่าชิงทรัพย์ว่าเป็นแค่ประเด็นหลอก

 

1.       ปกติการฆ่าชิงทรัพย์ของคนระดับคนขับรถทั่วไป จะเป็นการตัดสินใจชั่ววูบ นั่นก็คือเห็นเงินอยู่ต่อหน้า ตัดสินใจเดี๋ยวนั้น ลงมือเดี๋ยวนั้น แล้วหนี เอาศพทิ้งข้างทางหรือทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ

 

2.       ถ้าคนขับรถต้องการเงิน ไม่มีความจำเป็นต้องฆ่าคุณเอกยุทธ แค่รอจังหวะที่เจ้าตัวเดินทางไปต่างประเทศนานๆ กวาดทรัพย์ที่บ้าน พวกสินทรัพย์ พระเครื่อง เครื่องประดับ แค่นี้ก็ได้หลายล้านแล้ว ดีไม่ดีจะเยอะกว่า 5 ล้านเสียอีก  แล้วหนีออกประเทศเพื่อนบ้าน ...สมองของคนขับรถทั่วไปน่าจะคิดได้แค่นี้

 

3.       ถ้าจะเอาเงิน 5 ล้าน แล้วเอารถตู้มาคืนทำไม รถตู้หรูขนาดนั้น เอาข้ามพรมแดนได้ ก็ได้เงินเพิ่มอีกเป็นหลักล้าน ไม่สมเหตุสมผล

 

4.       การอุ้มเพื่อรีดเงิน ไม่ใช่เรื่องที่โจรมือสมัครเล่นทั่วไปจะทำได้ โดยเฉพาะทำกับคนอย่างคุณเอกยุทธที่เป็นนักบริหารสไตล์สู้ชีวิต คนแบบนี้ปกติจะมีบารมีในตัว ข่มคนได้ ถ้าไม่ใช่ฆาตกรแบบมืออาชีพ ไม่กล้าทำหรอก นอกจากจะทำลับหลังแบบเจ้าตัวไม่รู้ตัว พวกที่อุ้มรีดเงิน มักจะเป็นมืออาชีพอย่างพวกแก๊งค์ลูกหมู หรือแก๊งค์มีสี และถ้าเป็นแก๊งค์จะอุ้มเพื่อเอาเงินแค่ 5 ล้าน เป้าหมายอื่นๆที่เป็น Soft Target ในประเทศยังมีอีกเยอะแยะ ทำไมต้องเสี่ยงกับคนที่เป็นเศรษฐี มีคอนเน็คชั่นเยอะขนาดนี้ ถ้าเป็นโจรที่วางแผนมีสมอง ไม่ใช่ตามอารมณ์แบบข้อ 1 เรื่องแค่นี้ทำไมจะคิดไม่ได้

 

5.       การวางแผนจับตัว พาเข้าเซฟเฮาส์ ฆ่า ซ่อนทำลายศพ เป้าหมายคนดัง ไม่ใช่แค่การลักเด็กเรียกค่าไถ่ เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน แยบยล ไม่ใช่เรื่องที่โจรมือสมัครเล่นที่วางแผนกันในกลุ่ม เพื่อน พ่อ เป็นอุตสาหกรรมครอบครัว จะทำกันได้ และในการลงมือ ถ้าคนหนึ่งเป็นคนขับรถไปแล้ว การจะจับคนตัวใหญ่ขนาดนั้นฆ่าได้ ต้องใช้คนเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 คนในที่เกิดเหตุ และเป็นคนที่รู้ศิลปะการต่อสู้ระดับหนึ่งด้วย ไม่ใช่เอาใครมาก็ได้

 

6.       กระบวนการสืบสวนของตำรวจก็น่าข้องใจ เอาคนที่เป็นคู่กรณีกันลงไปสืบ แทนที่จะเป็นงานของกองปราบ

 

ฯลฯ

 

ผมไม่เชื่อว่าคนหลายๆคนในที่นี้ (คงรู้ว่าหมายถึงใคร) จะพูดออกมาจากความไม่รู้จริงๆ แต่ "โกหก" ทั้งๆที่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และผมเชื่อที่พระท่านกล่าวว่า "คนโกหก ทำชั่วอย่างอื่นได้ทั้งหมด" ผมจึงงดเสวนากับบางคนในบอร์ดนี้ แต่ผมก็ชื่นชมเพื่อนๆหลายท่านที่ยังพยายามโต้แย้งอยู่ แม้ผมจะไม่คิดว่ามันจะเปลี่ยนความคิดพวกเขาได้ เพราะการเปลี่ยนใจคนที่ "ไม่รู้!" นั้นเป็นไปได้ แต่คุณไม่สามารถเปลี่ยนใจ "นักโกหกมืออาชีพ" ได้

 

แต่อย่างน้อยพวกคุณก็ได้หักล้างคำโกหกพกลมของพวกเขา และให้ความเป็นจริงแก่เพื่อนๆในนี้และข้างนอก เพื่อป้องกันไม่ให้พวกนี้แพร่กระจายพิษร้ายของคำโกหกของพวกเขาไปมากกว่านี้

 

...ขอคารวะครับ! 

หลบไปทำใจพักใหญ่ๆ

หดหู่และเสียใจ

ขาดเอกยุทธไป เหมือนเสียขุนพลฝีมือฉกาจไป เสียใจจริงๆ

ต่อไปแนวร่วมประเภท จัดหนัก เล่นได้ทุกแบบ จะหายไป 1 และอาจจะไม่มีอีกเลย

 

แต่บทสรุป ก็ส่อพิรุธที่ใหญ่มากอีกจุดหนึ่ง ที่ทำให้เรากล้าฟันธงว่า งานนี้ คือ อุ้มฆ่า แน่นอน

1. การฝังศพ แบบแก้ผ้าทั้งหมด แม้แต่กางเกงในก็ไม่ให้เหลือติดตัว ถ้าให้เดา เอาไปล้างน้ำก่อนฝังด้วย

    การฝังศพแบบนี้ ส่อให้เห็นว่า มันไม่ใช่มือสมัครเล่นที่แค่ฆ่าล้างแค้นและต้องการทรัพย์สินเท่านั้น

2. การพบเจอศพนั้น เอาล่อเอาเถิดกันจนถึงบ่าย กว่าจะเจอ ได้ข่าวว่าไล่นักข่าวออกไปก่อนด้วย

    ตั้งแต่เช้ามีแววสองทาง เหมือนหยั่งกระแสว่า คนจะสนใจแบบไหน พอคนเริ่มสงสัยและด่ากันว่า

    สงสัยหาศพไม่เจอแน่นอน เพราะที่ผ่านมาถ้าอุ้มฆ่า จะหาศพไม่เจอกันเป็นส่วนใหญ่

    หลังจากคนเริ่มร่ำรือ ก็พบศพกันตอนบ่าย 2

3. ณ เวลานี้ เป็นเวลา "จบบริบูรณ์" ของละครเรื่องนี้ เป็นคดีที่ โคตรง่าย

    คนร้ายสารภาพ  พบศพตามคำให้การของคนร้าย มีพยาน มีหลักฐาน มีการจับกุม

    จริงๆแล้วตอนนี้ แม้จะมีการออกหมายจับทีมฆ่า ก็ยังทำได้เลย

    ก็เหมือนออกหมายจับหลายๆคดี ที่สุดท้าย คนร้ายแก่ตายไปเอง ดูจ่ายักษ์เป็นตัวอย่างไง

แต่สุดท้าย

มันก็มีจุดที่รัดตัวที่ดิ้นไม่หลุดเลยก็คือ

ความขัดแย้งกันแบบเป็นไปไม่ได้เลย

คือ!!!!!

 

4. การสังหารคดีนี้ ทำเป็นระบบ เป็นมืออาชีพ ใจเย็น ให้เหยื่อสามารถคุยโทรศัพท์ได้ ยอมเสียเวลาให้เอกยุทธ์เขียนเช็ค 

    รอเอาไปขึ้นเงิน แม้กระทั่งเขียนปีผิด ยังให้เอกยุทธคุยโทรศัพท์ให้ผ่านเช็คก่อน

    ที่สำคัญ มีการวางแผนกันมาตลอด 3 เดือน

    สิ่งที่พยายามกล่อมเรามาตลอดคือ คนร้ายแค่ต้องการเงิน ต้องการเงิน

 

    ถ้ามันต้องการเงินจริงๆ แล้วได้เงินมาแล้ว 5 ล้านในมือ

    คุณรู้ไหม ว่าเงิน 1 ล้านมันเยอะแค่ไหน สำหรับคนจนๆอย่างผมที่ไม่เคยมีโอกาสจับเงินล้าน

    แล้วพยายามกันมาตลอด 3 เดือน

    ตอนนี้มีเงินล้าน สองล้าน กองอยู่หน้าตัวเองแล้ว

    เป็นคุณถ้าฝังศพเอกยุทธแล้ว คุณจะกล้าขับรถกลับมาที่กรุงเทพอีกครั้งหนึ่งหรือเปล่า

    ถามกันง่ายๆ มีเงิน 2 ล้านอยู่ในมือ เอกยุทธก็ตายแล้ว ไปฝังถึง พัทลุง

    เป็นคุณ จะขับรถเหยื่อ ที่คุณเพิ่งฆ่าแล้วฝังไป กลับขึ้นกรุงเทพมาหรือเปล่า

    หรือ จะหนีออกพม่า เขมร ลาว กบดานซักระยะ รอให้เรื่องเงียบ

 

     วางแผนมาตั้ง 3 เดือน มีเงินในมือแล้ว แต่กลับเอาเงินไปฝากพ่อ

     แล้วขับรถวิ่งขึ้นมาให้โดนจับ และออกมาแถลงหน้าตาเฉยไม่มีสะดุด

   

     สภาพแบบนี้  เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

     นอกเสียจาก การขับรถของเอกยุทธวิ่งกลับเข้ากรุงเทพนั้น

     มันเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่วางไว้

 

     เพราะข่าวแบบนี้มันสะเทือนรัฐบาล แต่ละวันคนก็เพ่งมาที่รัฐบาลและตำรวจ เรื่อยๆ

     ยิ่งนาน คนยิ่งมั่นใจ ยิ่งนาน คนยิ่งด่ามากขึ้น

     แผนมันแตกตรงที่ พี่สาวเอกยุทธ แจ้งความเร็ว และสื่อติดตามอย่างเกาะติดเหนียวหนึบ พร้อมทั้งทนายสุวัตร

     ไม่งั้นก็เอารถมาจอดที่ออฟฟิศได้ แล้ว พร้้อมกับจดหมายที่บอกว่า เอกยุทธจัดฉากหนีไปเอง เพื่อความเนียนมากขึ้น

      ถ้าเอารถมาจอดก่อน จดหมายที่เขียน ก็จะเป็นข่าว 2 กระแสทันที คือเอกยุทธจัดฉากหนีเอง

      ซึ่งสื่อของรัฐพร้อมที่จะประโคมข่าวไปทางนี้อยู่แล้ว

      และ คนขับรถจะถูกฆ่าปิดปาก เงียบหายไปอีกคนนึง

      ศพของเอกยุทธ ก็จะเน่าสลายเหลือแต่กระดูก ไม่มีเสื้อผ้าให้บ่งชี้ได้ว่าเป็นใคร

     

      แต่เมื่อแจ้งความเร็ว และ สื่อเกาะติด ก็ต้องเปลี่ยนแผน ก็เป็นอย่างที่เราเห็น

      ต้องจับตัวคนขับรถก่อน ก่อนที่หน่วยงานอื่นจะจับแล้วเสียแผน เพราะพี่สาวเอกยุทธไปแจ้งความที่กองปราบ

      พิรุธที่สนับสนุนก็คือ จับได้ตั้งแต่เที่ยงวันที่ 10 เอาไปทำอะไรตั้ง 24 ชั่วโมง แล้วเอามาแถลงข่าววันที่ 11

      วันที่ 10 นั้น ผบตร.ก็บอกแล้ว ว่าจับตัวได้แล้ว แต่ ผบช.น.ปฏิเสธสวนทางผบ.ตร.

       แล้วแถลงข่าววันที่ 11 ก็ฉาดฉาน แต่พิรุธเพียบ คนด่ากันทั่วเมือง จนทนายสุวัตรขอสอบสวนด้วย ก็เลยจบอย่างที่เห็น

     

      ก็จบสวยเหมือนกัน

    

      ขอไว้อาลัยให้กับเอกยุทธมา ณ ที่นี้ด้วย

ขออนุญาติ ลงรูปของคนใกล้ชิดของผม ที่ได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมมาเมื่อวานนะครับ ขอบคุณครับ

 

เริ่มจากช่วง 16.00 น. มีตำรวจคุมสถาณการณ์อยู่

 

ช่วง 16.45 น. เริ่มมีผู้ร่วมอุดมการณ์ทยอยเข้ามาในพื้นที่ หน้าห้าง

 

 

 

 

 

 

คุณตำรวจถูกโห่ไล่ออกจากพื้นที่

เริ่มรวมตัวเพื่อเคลื่นย้ายขบวนไปยังหาศิลป์ฯ

 

 

ผ่าน Paragon

ทัพหน้า 

 

ถึงที่หมาย

เริ่มทยอยมาเรื่อยๆ ใช้เวลานานพอสมควรเลยครับ

 

 

ผมดีใจมากครับที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเคลื่อนใหวในครั้งนี้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างสงบ เรียบร้อย แต่ทรงพลังครับ 

หากกระทู้นี้เป็นการรบกวนผู้ใดในบอร์ดนี้  กระผมก็ขออภัยนะครับ 

สุดท้ายนี้ขอเชิญชวนทุกท่านที่มีอุดมการณ์เดียวกันออกมาแสดงตัว แสดงเสียง แสดงสิทธิ ที่ท่านมีอยู่

ให้คนได้เห็นนะครับ เป็นประสบการณ์ดีๆ ครังหนึ่งในชีวิตที่ได้ร่วมต้ายการคอรัปชั่นของชาติ สู้ด้วยกันครับ!

 

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ผมตั้งในบอร์ดเสรีไทยแห่งนี้ หากผมกระทำอะไรผิดพลาดขออภัยด้วยนะครับ 

ขอบคุณสำหรับพื้นที่บอร์ดนะครับ

 

 

 

 

บอกตรงๆ ว่าผมรำคาญสมาชิกที่พยายามแก้ต่างให้พวกล้มเจ้า อย่างเฮนไต

ถ้าความรู้สึกหนาจนไม่กระทบใจในสิ่งที่พวกนี้ปล่อยออกมา ก็ควรจะฝึกปรือจิตสำนึกให้มันแหลมคมกว่านี้

 

การด่ากระทบสถาบัน ไม่ว่าจะเพียงแค่เฉียดไกล้น้อยนิดเพียงใด เราต้องรู้ในทันทีที่อ่าน

แต่ถ้าอ่านไม่ออก ยังไปเปิดโอกาสว่า ต้องให้เขาชี้แจงเสียก่อน คนแบบนี้ก็รอวันเป็นเสื้อแดงได้

 

ที่จริงหลักคิดง่ายๆ ก็มี ใครเข้าข้างพวกล้มเจ้า มันก็คือพวกล้มเจ้า

มันไม่มีหรอกครับ คนที่เป็นกลางแล้วมานั่งแก้ตัวให้พวกล้มเจ้า

 

ที่สำคัญก็คือ คนอย่างเฮนไต ไม่เคยรอช้าที่จะแดกดันพวกรักเจ้า

ทำไมทำอย่างนั้นล่ะ ความรักเจ้านี่ ต้องถูกแดกดันด้วยหรือ

 
ฮือฮา..เรื่องเล่าบนทางด่วนเมื่อเช้านี้…สมเด็จพระเทพฯเสด็จพระราชดำเนินโดยไม่มีรถนำขบวน
4 มิถุนายน 2013 โดย แคน ไทเมือง
http://chaoprayanews...hai/2013/06/04/เรื่องเล่าบนทางด่วนเมื/
 
เช้านี้บนทางด่วน ในเวลาเร่งรีบ
 
เชื่อว่าทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ร่วมกันบนทางด่วน จะต้องตะลึงพร้อมน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้ง เมื่อรู้ว่าในขบวนนี้ มีสมเด็จพระเทพฯประทับอยู่บนรถพระที่นั่ง เพื่อเสด็จออกพระราชกรณียกิจตั้งแต่เช้าตรู่พร้อมด้วยข้าราชบริพารตามเสด็จ โดยไม่มีการสั่งหยุดรถของประชาชนในยามที่ทุกคนก็เร่งรีบเช่นกัน รู้สึกรักและศรัทธาสุดจะบรรยาย…
ที่มาจากเฟซบุ๊คเจ้าพระยา
 
ได้พบเรื่องราวดีๆ เช่นนี้ในเฟซบุ๊คสำนักข่าวเจ้าพระยา และ เว็บไซต์สำนักข่าวเจ้าพระยาบ่อยๆ ก็ดีใจมาก เลยต้องรีบนำมาบอกกล่าว ตามประสาคนชอบคาบข่าว…เป็นอีกาคาบข่าวก็สนุกแบบนี้แหละครับ
แคน ไทเมือง

“ทิพย์ธิดา ศรัทธาทิพย์”  นักเขียนบทละครเบอร์หนึ่งของเมืองไทยได้แสดงความเห็นต่อผ่านเฟซบุ๊ค ต่อกรณีการเมืองเข้าแทรกแซงละคร "เหนือเมฆ 2" ว่า “สัตว์ นรก มึงแบนละครทีวี ไอ้นาซี ละครคงแทงใจดำมึงมากล่ะสิ กูชอบนะเนี่ย เพราะนี่คือปรากฏการณ์ความชั่วของพวกมึง และจะจุดชนวนทางสังคม ด้วยมือพวกมึงเอง สาธุ ขอให้ศิลปินที่ทำละครโทรทัศน์จงภาคภูมิใจ พวกคุณมีเกียรติกว่าคนทำข่าวอีก ที่เป็นหัวหอกทิ่มแทงคนชั่ว จนพวกมันทนไม่ได้ ละครที่อยู่บนฟ้า ย่อมส่องแสงลงมาให้ปีศาจร้อนรนทนไม่ไหว มึงโผล่หัว หางมาให้เต็มตัวเถิด จวนถึงวันที่พระเจ้าจะพิพากษาแล้ว”

ในอินสตาแกรม "noksinjai" ของนางสินจัย เปล่งพานิช หรือ "นก" นัก แสดงชื่อดัง ภรรยานายฉัตรชัย เปล่งพานิช ที่แสดงเป็น "นภา" ภรรยาของนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้บัญชาการหน่วยสืบสวนพิเศษของละครเรื่องดัง กล่าว ได้มีการโพสต์ข้อความว่า "ฉันเชื่อและศรัทธาในความดี อย่ากลัวที่จะเป็นคนดี อย่าอายที่จะทำดี" ลงชื่อ "#นภา#เหนือเมฆ 2" ทำให้ถูกตีความว่า เป็นผลมาจากละครถูกผลกระทบจากการเมือง และมีผู้เข้ามาให้กำลังใจมากมาย ซึ่งในเวลาต่อมา "นก-สินจัย" โพสต์ตอบกลับว่า "ไม่สำคัญว่าเกิดอะไรขึ้น สำคัญที่คุุณคิดอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น"..ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ

ท่านศรอยากคุยกับล็อกอินไหนเป็นพิเศษ
เขียนไว้ด้วยสิครับ เดี๋ยวเผื่อคณะกรรมการตรวจสอบ
ของเว็บผ่านมาเห็นเขาจะได้จัดให้อีก

วันอาทิตย์ติดธุระ ขับรถไปส่งลูกไม่ได้ เลยต้องให้ลูกสาวนั่งแท็กซี่ไปเรียนพิเศษกับเพื่อนอีก 2 คน ค่ะ

ตอนเย็นลูกกลับบ้านรีบมาเล่าให้ฟังว่า

ลุงคนขับแท็กซี่คันที่นั่งไป แกเปิดฟังวิทยุสถานีหนึ่งอย่าหลงไหลได้ปลิ้มกับตำแหน่งไพร่

ฟังได้ใจความว่า กำลังต่อว่าศาลอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน

ลุงแท็กซี่อายุประมาณ 60 ต้น (ในที่นี้ขอเรียกลุงแท็กซี่ว่าลุง 61 ละกันนะคะ) ส่วนลูกสาว อายุ 16

ลุงแท็กซึ่คงเห็นว่าผู้โดยสารเป็นเด็กเลยไม่ค่อยเกรงใจ ลูกสาวนึกปรี๊ดในใจตะงิดๆ ก็เลยถามลุงขับแท็กซี่ว่า


เด็ก 16 : ลุงอยู่จังหวัดไหนค่ะ

ลุง 61 : เอ้อ...จ. อุบล... แล้วหนูล่ะ

เด็ก 16 : กรุงเทพฯ ค่ะ ... แต่แม่หนูอยู่ทางอิสานเหมือนกันค่ะ

ลุง 61 : เหรอ เออ ......ก็เสื้อแดงนะซิ...แถวบ้านลุงก็เสื้อแดงทั้งนั้น ดูซิเนี่ยรัฐบาลกำลังถูกกลั่นแกล้ง
เสื้อแดงกำลังจะรวมตัวกันออกมาสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตยกับรัฐบาล ... แล้วหนูรู้เรื่องการเมืองมั๊ย เข้าใจการเมืองมั๊ย
เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมืองกันนะ หัดฟังข่าวกันบ้างนะหนู เนี่ยลุงไปประท้วงกับเขามาทุกครั้งเลยนะ (บนไปเรื่อย บลาๆๆๆๆ )

เด็ก 16 : (นึกในใจ..อิตาลุงคนนี้ต้องเจอกับแม่.555) ขนาดนั้นเลยเหรอคะลุง หนูไม่มีสีค่ะลุง หนูก็พอจะติดตามบ้างค่ะ
ถูกผิดว่ากันไปตามหลักฐานค่ะลุง เอาตรงนะลุงนะ หนูไม่เห็นด้วยที่เสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองน่ะลุง

ลุง 61 : เอ้ยยยย... (แกร้องเสียงหลง) เสื้อแดงไม่ได้เป็นคนเผานะหนู พวกรัฐบาลตอนนั้นมันใส่ร้าย มันเตรียมแผนการมาหมดแล้ว ตอนนั้นลุงก็ไปนะ
วิ่งหนีพวกทหารกันอุตหลุด

เด็ก 16 : แล้วที่นัฐวุฒิประการว่าเผาไปเลยพีน้อง กับ อริสมันบอกให้เอาน้ำมากันคนละขวดละลุง เขาพูดทำไม ลุงเคยได้ยินมั๊ย

ลุง 61 : อ๋อ นั่นเขาพูดไปงั้นแระ ใครจะไปกล้าทำ แล้วพวกนั้นมันก็สวมรอยทำเอง แล้วก็ใส่ร้ายพวกเสื้อแดง

เด็ก 16 : เหรอ ...ใครบอกลุงล่ะ แล้วใครเผาศาลากลางล่ะคะลุง

ลุง 61 : ฟังข่าวจากวิทยุ พวกแกนนำเขาก็บอกด้วย ใครๆ ก็รู้ ว่าพวกรัฐบาลมันทำแล้วใส่ร้าย เสื้อแดงนะหนู

เด็ก 16 : ลุงรู้จักอินเตอร์เน็ตมั๊ยคะ ยูทูปน่ะ ลุงรู้จักมั๊ยคะ

ลุง 61 : ...... ไม่รู้จัก

เด็ก 16 : ลุงเข้าไปในเน็ตเลยหาดูจะมีข่าวจากหลายๆ ด้านเลยนะลุง ลุงอย่าฟังแต่ข่าวจากข้างเดียว
ถ้าลุงไม่รู้จัก ก็ไปถามลูกหลานลุงก็ได้ให้เขาสอน ลุงจะได้เข้าไปหาอ่านดู เด็กเขาใช้เป็นหมดล่ะลุง
(จิกซะเลยอยากว่าหนู็ไม่สนใจการเมืองนัก)

ลุง 61 : (ลุงเงียบ)

เด็ก 16 : งั้นเอางี้ถ้าลุงชอบฟังข่าวการเมืองจากทางวิทยุ ลุงโทรไปคุยเรื่องการเมืองกับ อ.วีระเลยซิ

ลุง 61 : วีระ มุสิกพงษ์เหรอ ... อ๋อออ ฟังบ่อย

เด็ก 16 : ไม่ใช่ค่ะลุงนั่นวีระคนละคนกัน.... อ.วีระ ที่จัดรายการในวิทยุน่ะ

ลุง 61 : อ๋อออ วีระนั่นนะเหรอ ... ไม่เอาหรอก เดี๋ยวมันด่าเอา...

เด็ก 16 : ทำไมล่ะคะลุง… จะได้แลกเปลี่ยนเรื่อวงการเมืองกันไง พ่อหนู่เคยเปิดฟัง หนูก็ฟังตาม เห็นเขาพูดการเมืองดุเด็ดเผ็ดมันมาก
(ลูกสาวยุเต็มที่แก่บอกว่ากะจะหลอกลุงไปให้ อ.วีระด่าซะหน่อย อิอิ)

ลุง 61 : ไม่เอาๆ ใครไม่รู้จริงอย่าได้ไปคุยกับมันเลยไอ้หมอนี่ ...เดี๋ยวโดนมันด่ากราด

เด็ก 16 : ทำไมล่ะ โทรไปเลยค่ะ ก็ลุงเป็นคนรู้จริงเหมือนกันนิ่ โต้กับแกไปเลย

ลุง 61 : ไม่เอาๆๆๆ เดี๋ยวโดนมันด่า

เด็ก 16 : อ้าว งั้นก็แสดงว่าลุงไม่ได้รู้จริงนะซิ

ลุง 61 : (เงียบกริบเลย)

เด็ก 16 : ลุงๆ จอดตรงนี้เลยค่ะหนูจะลงแล้วค่ะ

แกก็จอดให้ลงค่ะ ยังโชคดีที่แกไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธลูกสาวแต่อย่างใด

เลยต้องติวลูกสาวใหม่ให้ระวังให้มากขึ้นเวลาคุยกับคนพวกนี้ค่ะ

ขอแชร์ประสบการณ์ในกระทู้นี้ด้วยคนนะครับ หวังว่า จขกท คงไม่ว่ากัน
เมื่อซัก 2 ปีที่แล้ว รถผมต้องเอาไปทำสีใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จึงมีเหตุให้ต้องใช้บริการรถสาธารณะ
ซึ่งถ้าเป็นรถไฟฟ้าหรือรถเมล์นี่ยังไม่เท่าไร แต่พอเป็นแท็กซี่ของมิตรรักแฟนควายแดงทั้งหลาย ทุกท่านก็คงพอจะเดาได้นะครับ ว่าควายพวกนี้มันจะชวนเราคุยเรื่องอะไร และมันจะเอียงข้างฝั่งไหน
เหตุการณ์คร่าวๆก็คือ เลิกงานตอน 5 โมง แล้วก็ออกมาสังสรรค์กับเพื่อนแถวแยกเกษตร พอ 3 ทุ่ม ก็มีงานต้องไปตรวจความเรียบร้อยงานก่อสร้างขนาดใหญ่บริเวณหน้ากระทรวงสาธารณสุขที่จะเริ่มทำงานตอน 4 ทุ่ม พอไม่มีรถ กะเลยต้องนั่งแท็กซี่ล่ะครับ และนี่คือสิ่งที่ผมเจอมา

ผม - ไปกระทรวงสาธารสุขครับ (พยักหน้ารับ ตรูก็รีบขึ้นมานั่ง)
พี่แท็ก - น้องบ้านอยู่แถวนั้นหรือ (ถามแบบหน้าหมาสงสัย)
ผม - อ๋อ เปล่าครับ พอดีจะไปตรวจงานก่อสร้าง xxx น่ะครับ เพราะผมทำงานอยู่ที่ XXX น่ะครับ วันนี้มีการยกคานสถานีติดตั้ง ต้องไปดูความเรียบร้อย

...เหมือนไปปลุกควายออกจากปลักอะครับ พอมันรู้ว่าผมทำงานที่ XXX เท่านั้นแหละ ***ก็ว่า อภิสิทธิ์ กับ พรรคร่วมที่ครองกระทรวง ค. แบบเป็นวรรคเป็นเวร จริงก็ไม่ว่าหรอกครับเพราะถ้าที่มันพูดเป็นเรื่องจริงก็ไม่ว่าไร แต่นี่แม่งมั่ว แถมฟังเอาจากไอ้พวกแกนนำควายแดงโดยไม่ดูความจริง ตอนแรกก็ว่าจะฟังเฉยๆไม่ตอบโต้ แต่พอเยอะชักเริ่มทนไม่ไหว เลยต้องตบเกรียนคารถแท็กซี่ซะหน่อย

เหตุการณ์ต่อมาเป็นดังนี้ครับ
พี่แท็ก - น้องรู้เรื่องไหม รับาลนี้แม่งชั่ว เลว แย่จริงๆ
ผม - ไม่รู้ครับ ยังไงหรือครับ
พี่แท็ก - ก็ไอ้รัฐบาลนี้มันเลวมาก โครงการประมูลงานต่างๆ มันโกงกินกันทีตั้ง 60-70 % น่ะ นี่ใจคอมันจะไม่เหบือะไรไว้ให้ประเทศชาติเลยหรือไง
ผม - ขนาดนั้นเลยหรอครับพี่ (พยายามเก็บอารมณ์)
พี่แท็ก - ใช่เลยน้อง ทำไมอภิสิทธิ์ มันถึงได้ชั่วขนาดนี้ ไอ้ห้อยก็เหมือนกัน กินกันแบบไม่บันยะบันยัง ขอให้เวรกรรมเล่นงานมันไวๆ
ผม - (เริ่มรำคาญแระ แต่ยังเก็บอารมณ์ได้อยู่) อืมๆ จริงหรือครับพี่ แล้วพี่ไปรับรู้เรื่องนี้มาจากไหนหรือครับ
พี่แท็ก - ก็ใครๆเค้าก็รู็กัน เค้าก็พูดกันเต็มไปหมด
ผม - (กุว่ากุรุแล้วว่ามึงเอาเรื่องนี้มาจากไหน แต่ยังขอพยายามเก็บอารมณ์ต่ออีก) ใครกันหรือครับพี่ที่เค้าพูดเรื่องพวกนี้กัน
พี่แท็ก - ก็ จตุพร ไงน้อง เค้าอภิปรายในสภาแล้วก็ให้สัมภาษณ์กันอยู่
ผม - (!!!! อึงกับตรรกะมึงจริงๆ เชื่อคนไม่เชื่อ ***ไปเชื่อคางคก แต่ก็พอเดาได้แหละว่าต้องเป็นไอ้คางคกขี้โกหกนี่ และความอดทนผมก็หมดไปแล้ว ว่าแล้วก็เลยขอตบเกรียนซะหน่อย)
ผม - จริงหรือครับพี่ โอ้ ถ้าเป็นจริงนี่ อภิสิทธิ์ กับ ไอ้ห้อยนี่เลวมากเลยนะครับ
พี่แท็ก - ใช่ๆเลยน้อง ***เลวจริงๆ
ผม - จริงครับพี่ (เสร็จกุละมึง เข้ามาในบ่อของกุแล้ว เด๋วจะตอกให้หน้าหงายเลย) แต่เอผมว่ามันคงไม่เปนอย่างนั้นหรอกครับ
พี่แท็ก - (งง!) ทำไมล่น้อง
ผม - ก็พี่ลองคิดดูนะครับ ว่าถ้ารัฐบาลนี้มันโกง 70% อย่างพี่บอกจริง มันต้องเก่งมากๆแน่นอน
พี่แท็ก - (งง ยกกำลังสอง) ยังไงน้อง
ผม - อ้าว ก็ผมจะยกตัวอย่างให้ดูนะ รถไฟฟ้า หรือทางด่วน 1 โครงการเนี่ย สมมติว่าประมาณ 1 หมื่นล้าน พี่ต้องโกง 7 พันล้าน แล้วต้องเอาเงินที่เหลือแค่ 3 พันล้านไปบริหารยังงัยก็ได้ให้สามารถก่อสร้างได้ตามแบบที่มีการประมูลมา พี่คิดว่าเค้าทำได้ไหมล่ะครับ
พี่แท็ก - (ช็อก อึ้งแดก)
ผม - ตามที่ผมรู้มานะครับ ที่ทั่วไปเค้าทำกัน โครงการเล็กๆทั่วไปได้ประมาณ 20-30 % ครับ แต่นี่โครงการระดับหมื่นล้านนะครับ พี่คิดดูว่า ปปช สตง ฝ่ายค้าน จับตาดูและจ้องเล่นงานขนาดไหน ใครมันจะสามารถโกงได้ถึง 70% เลยหรือ ผมไม่ได้รับประกันว่าไม่มีการโกงนะครับ แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันโกงกันจริงหรือไม่ แต่สำหรับงานแบบนี้ เต็มที่ได้ซัก 10 -15% ก็เก่งแล้วครับ
พี่แท็ก - (ยังอึ้งและช็อก พยายามตอบโต้ผม แต่เสียใจด้วยกูกำลังจะปล่อยหมัดน็อกแล้ว)
ผม - การที่เราหวังดีกับประเทศชาติเป็นเรื่องดีนะครับพี่ แต่เราต้องหัดกลั่นกลองข้อมูลที่ได้รับมาก่อนที่จะเชื่อมัน ไม่อย่างงั้นเราจะกลายเป็นคนโง่ ให้คนอื่นเขาหลอกใช้เราได้นะครับ ผมอยากจะเตือนไว้ด้วยความหวังดี
พี่แท็ก - (เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบกลับ)
ผม - โอเคถึงกระทรวงสาธารณสุขพอดี อะนี่ครับไม่ต้องทอน
จบการเดินทางได้ด้วยไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถึงมันจะหาเรื่องผม ผมก็ไม่กลัวอยู่แล้ว
นึกถึงแล้วยังขำ สะใจ และสะเทือนใจ ว่า ทำไมประเทศนี้ถึงมีประชากรด้อยคุณภาพเช่นนี้เยอะแยะจริงๆ

หนังสือ พิมพ์ The Epoch Times ของจีน นำเสนอบทความเรื่อง Thai Democracy Threatened by Organized Subversion (ประชาธิปไตยของไทยถูกคุกคามกลุ่มคนที่ต้องการลบล้างระบอบการปกครอง) ซึ่งตั้งข้อสงสัยว่ากำลังมีกลุ่มแอบแฝงประชาธิปไตยเพื่อล้มล้างระบอบการปกครองประชาธิปไตยในไทย

สื่อมวลชนของจีนฉบันนี้ ระบุว่า จากรายงานข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ เกี่ยวกับความรุนแรงทางอาวุธ ชวนให้คิดว่า การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ อาจเกี่ยวข้องกับการก่อก่อกบฏในราชอาณาจักร ไม่ใช่การประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย

เมื่อวันเสาร์ (10) รัฐบาลประกาศผลักดันกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อแดงหนึ่งในสองของพื้นที่ชุมนุมในกรุงเทพฯ แต่เกิดเหตุปะทะตามมาจนมีผู้เสียชีวิต 11 ราย และบาดเจ็บราว 500 คน ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานข่าวว่า ผู้ประท้วงต้านทานทหารของรัฐบาลด้วยการประทุษร้าย ในกรณีนี้ที่บ่งชี้ได้อย่างชัดเจน คือ การตายของ พันเอก ร่มเกล้า ธุวธรรม

The Epoch Times ระบุว่า พันเอก ร่มเกล้า รู้จักกันดีในฐานะนายทหารผู้ซื่อสัตย์ที่เคยนำทหารเข้าปราบปรามเหตุจลาจลและคืนกฎระเบียบแก่สังคมในช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อปีก่อน และเวลานี้ปรากฏอย่างชัดเจนว่าเขาถูกฆาตกรรม หนังสือพิมพ์ของจีนฉบับนี้ อ้างรายงานของเดอะเนชั่น ระบุคำกล่าวของโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่่นคงภายในราชอาณาจักร บอกเมื่อวันจันทร์ (12) ว่า “มีความเป็นไปได้ที่นายทหารในประจำการ หรือนายทหารปลดเกษียณจะเป็นคนชี้เป้า พันเอก ร่มเกล้า ก่อนมือมืดจะสังหารเขาด้วยระเบิดเอ็ม79”

ขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นอื่นๆ รายงานว่า พยานเห็นลูกไฟถูกยิงขึ้นฟ้าก่อนมือปืนจะลั่นไกใส่พันเอก ร่มเกล้า โดยตรง จนทำให้เขาเสียชีวิต ขณะที่นายทหารคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ เขาได้รับบาดเจ็บ

กลุ่มชายชุดดำ

ในวันที่ 10 เมษายน กลุ่มชายติดอาวุธในชุดดำปรากฏอยู่ในฉากการประท้วงของคนเสื้อแดง หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 12 เมษายน เป็นภาพของชายชุดดำถือปืน เอเค-47 และปืนยาวทาเวอร์ ทาร์ 21 ซึ่งเคยถูกใช้ในเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาในปี 2008

หน้า 3 ของคมชัดลึก เป็นภาพนิ่งจากคลิปวิดีโอช่อง 11 ของชายชุดดำซุ่มอยู่ในตึกและหลบอยู่หลังเสาเปิดฉากยิงเข้าใส่ทหาร

สื่อมวลชนท้องถิ่นยังอ้างพยานที่อยู่ใกล้คนเสื้อแดง ระบุว่า เห็นรถตู้คันหนึ่งขับมาจอดก่อนหน้าเหตุปะทะ และมีชายชุดดำจำนวนหนึ่งลงมาจากรถตู้คันดังกล่าว ทั้งนี้ เมื่อเสื้อแดงเห็นคนเหล่านั้นลงมา ก็ต่างพากันร้องตะโกนส่งเสียงเชียร์ ไม่มีรายงานใดเลยที่ระบุว่า กองกำลังของรัฐบาลใช้อาวุธที่อาจนำไปสู่การตาย โดยผู้สื่อข่าวหลายสำนักในที่เกิดเหตุ บอกว่า ทหารส่วนใหญ่มีแต่กระะบอง และถือเพียงโล่ ขณะเดียวกันปฏิบัติการสลายการชุมนุมครั้งนี้ก็ใช้เพียงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาเท่านั้น

ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นอีก

The Epoch Times ระบุว่า “คนเสื้อแดง” ผู้ประท้วงที่มักอ้างว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถูกจัดตั้งขึ้นมาผ่านการจ่ายเงินตอบแทนและโฆษณาชวนเชื่อ มีข่าวลือต่างๆ นานา ว่า ผู้ประท้วงได้รับค่าจ้างสำหรับร่วมชุมนุมและทางแกนนำก็ได้ค่าตอบแทนจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจำนวนหลายล้านบาท อ้างจากข่าวลือ บทความนี้ของ The Epoch Times ตั้งข้อสังเกตว่า หากลองดูสถานะทางการเงินของ นปช.หลายคน จะพบว่าคนเหล่านั้นมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากการสนับสนุนทักษิณ โดยบางคนจากที่เคยเป็นหนี้ก็สามารถปลดหนี้ได้อย่างง่ายดาย

ในที่ชุมนุมของ นปช.มักมีการโฆษณาชวนเชื่อยั่วยุความรุนแรงอยู่เสมอ โดยนับตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน บรรดาแกนนำบอกกับผู้เข้าร่วมประท้วง ว่า นายกรัฐมนตรีเป็นฆาตกร และบังคับนำศพผู้เสียชีวิต 2 รายออกจากโรงพยาบาล และเอาไปวางไว้บนเวที จากนั้นก็แบกหีบศพเคลื่อนขบวนไปทั่วกรุงเทพฯ ในความพยายามยั่วยุประชาชนให้เกิดความเกลียดชังต่อรัฐบาล

การชุมนุมที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากนี้ เตรียมการโดยสถานีดาวเทียมพีเพิลชาแนล และสถานีวิทยุชุมชน ซึ่งออกอากาศยุยงความเกลียดชังของชาวชนบทต่อรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และสำหรับคนที่มีการศึกษาน้อย ก็เป็นเรื่องง่ายที่พวกเขาจะเชื่อในสิ่งที่ได้ฟังโดยปราศจากการตั้งคำถามใดๆ ผู้สื่อข่าวเคเบิลทีวีขอให้คนเสื้อแดงเดินทางจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อมาร่วมชุมนุม มีชายคนหนึ่งถูกถามว่า มาร่วมประท้วงทำไม เขาตอบว่า ต้องการประชาธิปไตย แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอะไรคือประชาธิปไตย ชายผู้นี้กลับตอบไม่ได้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือประชาธิปไตยหรือมันมีเงื่อนไขอย่างไร

ถามว่า ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยหรือไม่? คำตอบคือใช่ แต่เมื่อผู้คนไม่มีการศึกษา หัวใจและคะแนนเสียงของพวกเขาจึงถูกซื้ออย่างง่ายดาย เมื่อเป็นดังนั้นประชาธิปไตยก็ไม่สามารถบรรลุได้

ให้โอกาสประชาธิปไตย

นับตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน คณาจารย์และสถาบันการศึกษาต่างๆ ได้ก้าวออกมาเพื่อชี้ว่าพฤติกรรมของผู้ประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่แนวทางของคนที่กำลังเรียกหาประชาธิปไตย ยิ่งกว่านั้นพฤติกรรมของพวกเขายังเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏ


Is a movement that wraps itself in the cause of democracy seeking to subvert democracy in Thailand? Recent reports of armed violence suggest the National United Front for Democracy Against Dictatorship (UDD)—the party supported by the red-shirted rioters in Bangkok—may be involved in rebellion, not democratic protest.

On Saturday, April 10, the government vowed it would push the red-shirt protesters out of one of their two bases in Bangkok. In the clash that followed, 11 died and 500 were wounded. The protesters are reported to have resisted the government troops with deadly force.
A case in point is the death of Col. Romklao Thuwatham.
Deputy chief of staff of Thailand’s 2nd Infantry Division, Romklao was known to be an honest officer who had successfully led troops in putting down riots and restoring order this same time one year ago. It now appears he was assassinated.

According to the Bangkok-based newspaper The Nation, Pol. Maj. Gen. Disthaporn Sasamit, the spokesman for the Internal Security Operations Commanded (ISOC), said on Monday, “Either an active or a retired military officer identified Col. Romklao Thuwatham for a gunman to take him out with a M79 grenade.”

Disthaporn further stated that this attack was “planned by the other side”—meaning the rioters—and part of a “revenge.”
Other local media report that witnesses saw a light flare shoot up into the sky before the shot was fired at Romklao directly, killing him and injuring the other officers around him.


Gunmen in Black

On April 10, armed men in black appeared on the scene of the red-shirt protests.


The front page of the April 12 edition of the Kom Chud Leuk newspaper has photos of men dressed in black carrying AK-47s and Tavor TAR-21s—a rifle that was used during the Cambodian-Thai standoff in 2008.

Inside on page 3, stills from a Channel 11 video clip of men dressed in all black are seen situated up in a building and behind poles firing at soldiers.

Local media report that witnesses near the red shirts saw a van pull up prior to the clash. A number of men dressed in all black came out of the van carrying weapons. When red-shirt protesters saw them, they are said to have cheered.

There are no reports of the government forces having used any weapons that could cause death. Reporters at the scene said a majority of the soldiers did not even have batons and were only armed with shields. Soldiers were reported to have used rubber bullets and tear gas on the protesters.



Inciting Further Violence

The red shirts, these protesters who claim to be fighting for democracy, appear to have been created through cash payments and propaganda.

Rumors abound of protesters being paid to attend demonstrations. And the UDD leaders are said to have been paid millions and millions of baht by former Prime Minister Thaksin Shinawatra.

According to the rumors, if you look into the financials of the UDD leaders, an increase in wealth seems to go along with their support of Thaksin. People who once were in debt are no longer in debt.

Once people appear at UDD rallies, they are exposed to violent propaganda. Since April 10, UDD leaders tell those attending that the prime minister has murdered people. Two bodies were forcefully taken from a hospital and placed on stage as a prop and then the coffins paraded around Bangkok in an attempt to incite hatred toward the government.

The ground for this popular movement has been prepared by the People’s Channel TV station and community radio stations, which are constantly broadcasting to the rural people messages of hate toward the government.

For people who are uneducated, who are from the rural areas and live a simple life farming, it is easy for them to believe what is being said without questioning it.

A cable TV reporter asked a red-shirt protester who came from the northeast of Thailand why he was attending the rallies. The man answered because he wanted democracy. When the reporter asked what democracy is, the man couldn’t answer. He didn’t know what democracy is or what it entails.

Does Thailand have democracy? It does. But when people are not educated, and their hearts and votes are easily bought, then democracy itself is not being attained.


Giving Democracy a Chance

Since the events of April 10, top Thai scholars and academics have come forward to point out that the actions by the red-shirt protesters are not aligned with people seeking democracy. Rather, they are the actions of those involved in rebellion.

Prime Minister Abhisit is a man well-suited to function within a Western-style democracy. Unfortunately, his character and education have so far not suited him to deal with the reality of Thailand today.

Thailand is still a developing country, and corruption permeates all levels of society. For the past year, media controlled by the UDD have filled the people’s minds with propaganda that teaches them to hate Abhisit and the government.

Abhisit has been too slow to respond, and now there has been a deadly battle on the streets of Bangkok.

Abhisit has clearly been restrained precisely because he believes in democracy. Perhaps he has sought to govern a country too prone to corruption as though it already had the levels of education and the moral constitution of the successful Western democracies.

The pity is that the red shirts, deluded by their UDD leaders, cannot recognize that the key to the democracy in Thailand that they say they want stands before them in the person of the peaceful and honorable Abhisit.

Puan Khon Thai is a writer living in Thailand who wishes to remain anonymous for security reasons.


http://www.theepocht...ksin-33372.html