Jump to content


อมพระมาพูด

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 15 ตุลาคม 2551
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2557 09:29
-----

Topics I've Started

เปิดชีวิตแกนนำในค่ายทหารภาค2"แปลกมึนฮาน้ำตานอง"

29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 12:25

เปิดชีวิตแกนนำในค่ายทหารภาค2"แปลกมึนฮาน้ำตานอง"

 

Posttoday : 29 พฤษภาคม 2557 เวลา 11:48 น.

 

 

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

บรรยากาศการอยู่รวมกันในค่ายทหารยังคงได้รับการพูดถึงต่อเนื่อง แม้แกนนำสองฝ่ายผ่านสังเวียนข้างถนนมาโชกโชน แต่ก็ยอมรับว่านี่เป็นประสบการณ์แปลก มึน ฮา

 

โดยเฉพาะค่ายกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งถือว่ามีแกนนำ กปปส. กลุ่มเพื่อไทย และเสื้อแดง ถูกควบคุมตัวไปรวมกันมากที่สุดร่วม 50 คน

ที่แห่งนั้นมีแกนนำ กปปส. 9 คน อาทิ นิติธร ล้ำเหลือ เสรี วงษ์มณฑา อัญชะลี ไพรีรัก สุริยะใส กตะศิลา พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ส่วนพรรคเพื่อไทย-เสื้อแดง ส่วนใหญ่เป็นอดีตรัฐมนตรีและแนวร่วม เช่นสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ชลน่าน ศรีแก้ว ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ อดิศร เพียงเกษ

ค่ายแห่งนี้ กปปส.อยู่แค่ 3 คืนก็ได้รับการปล่อยตัว ส่วนเพื่อไทย-เสื้อแดง ทยอยปล่อยตัวเป็นกลุ่มๆ เร็วบ้าง ช้าบ้าง

ย้อนกลับไปวันแรกที่ถูกเรียกมารายงานตัว ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คสช. กล่าวต้อนรับสั้นๆ ว่า ขอให้ทุกคนร่วมมือและขอโทษที่ทำให้พวกท่านไม่สะดวกสบาย ทั้งหมดก็เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งก็มีคำถามจากหลายคน เช่น สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ว่าจะต้องอยู่กี่วัน แต่ก็ไม่มีคำตอบ

ข้อห้ามสำหรับผู้ถูกควบคุม งดโทรศัพท์ ห้ามญาติมาเยี่ยม ห้ามส่งเสียงดัง ใครมีโรคประจำตัวต้องการยาให้บอกทหารจะจัดให้หรือประสานทางบ้านให้

ทั้งสองฝ่ายเข้าถึงค่ายช่วงบ่าย 3 รวมกว่า 50 ชีวิต เมื่อไปถึงทหารให้รวมอยู่ในบ้านหลังเดียวกันก่อน หลายคนอยู่ในสภาพมึนงง เก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูก บ้างก็ทักทายตามประสาคนการเมือง แต่มีหลายคนที่นั่งนิ่ง อาทิ สมชาย ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ส่วนแกนนำเสื้อแดงบางคนยังไม่กล้าทัก กปปส. เว้นแต่พวกที่เคยเป็น สส.ที่ยอมพูดคุยกันบ้าง

อย่างไรก็ตาม ค่ายทหารที่พระนครศรีอยุธยาแห่งนี้อยู่กลางทุ่งและอากาศค่อนข้างร้อน อีกทั้งบ้านพักรับรองที่เดิมเป็นที่ฝึกโครงการวิวัฒน์พลเมืองสำหรับเด็กที่มีปัญหามาก่อน เมื่อไปถึงมีแต่ห้องโล่งที่เพิ่งผ่านการเช็ดถูพื้นไม่นาน ทหารเอาเตียงพับพร้อมเบาะมาให้ในช่วงเย็น และเพิ่มบ้านพักสองชั้นอีก 3-4 หลัง ให้กับฝ่ายเพื่อไทยและเสื้อแดงอยู่หลังละ 8 คน ส่วน กปปส.อยู่หลังเดิมใหญ่กว่าทุกบ้าน

แกนนำที่ได้รับการปล่อยตัวเล่าบรรยากาศว่าอึดอัดที่สุดคือวันแรกที่มาถึง เพราะต้องรวมอยู่ด้วยกัน แม้จะไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ก่อนจะแยกบ้านในช่วงค่ำ บางคนดูดบุหรี่แก้เครียด บ้างจับกลุ่มใครกลุ่มมัน ฝ่าย กปปส.แหย่ผู้บังคับการค่ายให้เอาคาราโอเกะมาแข่งกันร้องจะได้ลดบรรยากาศตึงเครียด แต่ผู้การค่ายฯ ก็ดูมึนๆ เพราะเพิ่งมาทราบเรื่อง กระนั้นก็เป็นโอกาสอันดีที่สองขั้วขัดแย้งได้เจอตัวเป็นๆ จึงได้พูดคุยถึงปัญหาการบริหารงานยุคยิ่งลักษณ์

กปปส.บางคนถาม อำพน กิตติอำพน เลขาธิการ ครม. ว่า ทำงานสมัยยิ่งลักษณ์เป็นอย่างไร เรื่องการบินไทยทำไมถึงบริหารขาดทุน แล้วจะโดน คสช.ปลดหรือไม่ แต่ “ดร.กบ” ดูยังงงไม่หาย ตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน

เสรี วงษ์มณฑา เล่าว่า เมื่อไปถึงมีการแจกขันน้ำ สบู่ และยาสีฟัน ให้ทุกคน เหมือนฝึกวิชาทหารในค่าย จะมีทหารที่เรียกว่าพ่อบ้านมาสอบถามต้องการอะไรบ้าง ถ้าจะติดต่อทางบ้านขอให้แจ้ง ซึ่งเขาจะอำนวยความสะดวกให้หมด ถ้าต้องการรับประทานอะไรก็จะขับรถไปซื้อที่ร้านเซเว่นฯ

“เสียอย่างเดียวอากาศร้อนไปหน่อย เพราะเราเคยอยู่กับห้องแอร์มาก่อน เราจึงบอกทหารขอติดต่อลูกน้องช่วยซื้อพัดลมไอน้ำมาให้ก็ทำให้คลายร้อนไปได้” เสรี กล่าว

แว่วว่าเหตุที่ฝ่าย กปปส.ไม่ยอมซื้อแอร์มาติดเหมือนกับซีกเพื่อไทยที่ทุ่มทุนซื้อมาติดกันทุกหลังทุกห้อง รวมถึงซื้อทีวีมาอัพเดทข่าวสารตลอดก็เพราะเสียดายเงิน โดยเชื่อว่าจะได้รับการปล่อยตัวเร็ว แต่สุดท้ายก็กลับช้ากว่าแกนนำเพื่อไทย

สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่ละหลังมีทหารนายสิบดูแล 5 คน กางเต็นท์นอนด้วยกันชั้นล่าง ส่วนด้านนอกมีทหารถือปืนเดินลาดตระเวนตลอด เป็นมาตรการที่เข้มกว่าปกติ

เมื่อแยกบ้านกันอยู่ กปปส. 1 หลัง เพื่อไทย-เสื้อแดง” 4 หลัง อยู่ไม่ไกลนัก มองเห็นกันได้ ก็มีแวะเวียนไปมาหาสู่กันบ้าง

สุริยะใส กตะศิลา แกนนำ กปปส. เล่าว่า ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาพงงเพราะไม่เชื่อว่าทำไมถึงถูกจับ แต่ไม่มีใครตอบได้ บางคนทำใจอยู่ยาวถึง 7 วัน โดยรวมทหารดูแลดีและแม้สองฝ่ายจะแยกบ้านกันอยู่แต่ก็ยังข้ามมาพูดคุยกัน เช่น กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ อดีต รมช.คมนาคม พรรคเพื่อไทย ปั่นจักรยานมาดูดวงให้ นิติธร ล้ำเหลือ โดยถามว่าเกิดปีไหน เมื่อไร พอทราบก็บอกว่ามิน่าถูกจับข้อหากบฏ และยังดูลายมือให้ ทยา ทีปสุวรรณ โดยไม่รู้ว่าคนที่ยืนข้างๆ ซึ่งก็คือ ณัฏฐพล เป็นสามี กิตติศักดิ์ทำนายว่า ถ้าไม่เลิกกับสามี สามีก็จะขอเลิก มารู้ทีหลังว่าเป็นสามีภรรยากันก็หัวเราะกันลั่น

“ที่ตลกคือบ้านที่ ศันสนีย์ นาคพงศ์ อยู่ พวกผมเห็นเขากำลังกลับตอน 2 ทุ่ม เลยบอกทหารให้ไปยกทีวีฝั่งนั้นที่เพิ่งซื้อเอามาติดไว้ที่บ้านเราเพราะไม่มีใครดูแล้ว เพราะฝ่ายเราเองก็หงุดหงิด ไม่มีทีวี หนังสือพิมพ์ที่ทหารซื้อมาให้ข่าวมันดีเลย์ แต่จู่ๆ ก็เห็นพวกเพื่อไทยกลับมาอยู่ที่บ้านกัน เอาไงวะ เราไปเอาทีวีมาแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้เอาคืน เพราะเพื่อไทยกลุ่มนี้ได้กลับตอนเช้าอยู่ดี”สุริยะใส เล่าติดตลก

 

ชุมพล จุลใส แกนนำ กปปส. เล่าว่า ฝ่ายเราอยู่ด้วยกันตามอัตภาพ ไม่มีทีวีดู ถูกห้ามใช้มือถือ แต่ทหารซื้อหนังสือพิมพ์มาให้อ่านตลอดเวลาที่อยู่ในค่าย ซึ่งวันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไร ที่ประทับใจคงเป็นที่มีทหารยศ พ.อ.พิเศษนายหนึ่ง ท่าทางแข็งแรงมาก จะมาคอยดูและตรวจตรา ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเด็กอยู่โรงเรียนประจำ เพราะในชีวิตก็ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน

อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเสื้อแดงที่มาอยู่ค่ายเดียวกันประกอบด้วย นิสิต สินธุไพร ยงยุทธ วิชัยดิษฐ จะเล่นดนตรี บันเทิง ตลอดเวลา ต่างจากพวกเราจะอยู่ตามปกติ แต่ก็มีข้ามไปหากันบ้าง พูดคุยกันปกติชุมพล กล่าว

มีเรื่องเล่าด้วยว่า ตกดึกฝั่งเพื่อไทยมักเฮฮาคลายเครียด โดย วิทยา บุรณศิริ อดีต รมว.สาธารณสุข และ สส.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งถือเป็นคนพื้นที่จะคอยดูแลพรรคพวก สั่งทหารไปซื้อเหล้าแบล็ก เลเบิ้ล พ่วงกับแกล้มตอนตี 2-3 เล่นเอาผู้บังคับการค่ายกังวลว่าถ้าดื่มกันหนักอาจช็อกในค่ายได้ ยิ่งอากาศร้อนเป็นทุนเดิม พลอยให้เจ้าของพื้นที่ลำบากเพราะต้องดูให้ปลอดภัย มิฉะนั้นอาจมีการขยายผลกระทบ คสช. ขณะที่ทหารเวรในบ้านฝั่งเสื้อแดงก็อยากย้ายมาดูแลที่บ้าน กปปส.แทนเพราะเหนื่อย แทบไม่ได้หลับได้นอน

คนที่อาการหนักที่สุดคือผู้สูงวัย อย่าง บุญรื่น ศรีธเรศ อดีต รมช.ศึกษาธิการ ที่ไม่สบาย ขอกลับก่อน เช่นเดียวกับขวัญชัย ไพรพนา อาการย่ำแย่หนัก แต่ทหารก็คอยดูแลเต็มที่ ผิดกับ สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง นั่งสมาธิอยู่หน้าบ้านตลอด ในชุดกางกางเล เสื้อขาวตราห่านคู่ ซึ่งเป็นชุดที่ซื้อใส่กันแทบทุกบ้าน

ไม่เว้นแม้แต่ฝ่าย กปปส. เสรี วงษ์มณฑา ร้องไห้เกือบทุกคืน เพราะทำใจไม่ได้ที่ถูกควบคุมตัวและต้องมาอยู่ค่ายเดียวกับเสื้อแดง บ้างไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่ายตรงข้าม สมชาย ศันสนีย์ ถูกปล่อยตัวออกไป ทั้งที่ กปปส.ไม่ได้เผาเมืองหรือพาดพิงสถาบัน

การข้ามฝั่งของฝ่ายเพื่อไทยมาคุยกับแกนนำ กปปส. ยังแอบตัดพ้อว่าพวกเขามีอำนาจแต่ใช้ไม่เป็นเอง ความจริงน่าจับ พ.ต.ท.ทักษิณ กับสมชาย จะได้จบๆ ไม่ใช่มาเหวี่ยงแหอย่างนี้

 

ก่อนกลับทหารได้แจกใบประเมินผลในค่ายและความรู้สึกให้แกนนำทุกกลุ่มกรอก มีคำถาม 4 ข้อ อาทิ รู้สึกอย่างไรที่ถูกเรียกมารายงานตัว ระหว่างนำตัวได้รับการปฏิบัติอย่างไร ดีหรือไม่ และให้เขียนข้อเสนอต่อกองทัพ มีรายงานว่า แม้แต่ฝ่าย กปปส.ก็ยังเขียนดุเดือดทุกคน เช่น ตั้งคำถามว่านักโทษยังได้โอกาสเจอญาติ แต่กรณีนี้ไม่ได้เจอ และยังไม่รู้ว่าเจอข้อหาอะไร

“ตอนออกเขาให้จดที่อยู่ปัจจุบัน ให้วาดแผนที่บ้านตัวเอง เบอร์มือถือให้หมด ดังนั้น แกนนำแม้จะพ้นจากการควบคุมตัวแล้วแต่ก็ยังอยู่ในสายตา คสช.ที่จะเรียกกลับได้ตลอดเวลา” แกนนำ กปปส.รายหนึ่ง กล่าว

 

สุเทพ  สวมเสื้อ “บูรพาพยัคฆ์

ฝ่ายแกนนำกปปส. 5 คน ประกอบด้วย   สุเทพ เทือกสุบรรณ  เอกณัฐ พร้อมพันธุ์  สาทิตย์  วงศ์หนองเตย  สมบัติ ธำรงค์ธัญญวงศ์ และ สมศักดิ์ โกศัยสุข ถูกนำขึ้นรถตู้เก่าๆ ปิดกระจกรถให้ทึบเพื่อไม่ให้รู้เป้าหมาย มุ่งหน้าตรงไปยังค่ายทหารแห่งหนึ่ง ซึ่งกว่าจะไปถึงที่หมาย เล่นเอาทุกคนเมื่อยก้นไปตามกัน  เพราะพลขับดันขับรถหลงค่าย  ก่อนจะรู้ภายหลังเป็นค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี

ครั้นไปถึงค่าย ทุกคนก็ไม่มีเสื้อผ้ามาสับเปลี่ยน เพราะไม่รู้ระแคะระคายมาก่อนว่าจะถูกควบคุมตัว ทางทหารจึงนำเสื้อผ้า มาให้สวมใส่ แต่ด้วยความที่ “กำนันสุเทพ” เป็นคนรูปร่างใหญ่ จึงต้องใส่กางเกง เสื้อยืด คับติ้ว และที่ทุกคนพากันอมยิ้มเพราะหลังเสื้อกำนันสุเทพ สกรีนคำว่า “บูรพาพยัคฆ์

เท่านั้นยังไม่พอ  ในบ้านที่ใช้ควบคุมตัว มีเครื่องปรับอากาศที่อยู่ในสภาพที่ไม่สมประกอบ  “กำนันสุเทพ” เปรยในช่วงกินข้าว ว่า  “ต้องซ่อมแอร์กันวันละ 3 รอบ และที่ต้องเจ็บใจก่อนกลับออกจากค่ายทุกคนต้องถูกปิดตาหมด เพื่อไม่ให้รู้ว่าที่ตั้งของค่ายทหารแห่งนี้อยู่ใด


นิวัฒน์ย้ำ รัฐบาล ลาออก ไม่ได้ สื่อถาม กลัวถูกรัฐประหารหรือ ?

22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 16:02


แนวหน้า : วันพฤหัสบดี ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557, 15.45 น.
 
104628.jpg

22 พ.ค.57 ที่กระทรวงพาณิชย์ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ รัฐบาลได้ร่วมหารือกับ กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ที่สโมสรทหารบก ว่า เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ได้ส่งตัวแทนไปคุยแล้ว และวันนี้ก็ยังมี นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม เป็นหัวหน้าคณะเช่นเดิม ซึ่งรัฐบาลยินดีร่วมกันหาทางออกให้ประเทศอย่างเต็มที่

 

เมื่อถามว่า จากการหารือเมื่อวานนี้ จุดยืนของแต่ละฝ่ายยังสวนทางกัน นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ไม่ใช่สวนทางซะทีเดียว ซึ่งในส่วนของ กกต.พูดถึงแนวทางการเลือกตั้ง 2 ระยะ ทั้งเร็วและช้า และเราก็เห็นพ้องกับข้อเสนอของ กกต.เรื่องการเลือกตั้ง อยากให้เกิดการเลือกตั้งเร็ว เพื่อให้ได้รัฐบาลถาวรที่มีอำนาจเต็ม และต้องเข้าใจว่าขณะนี้เราอยู่ระหว่าง พรฎ.ยุบสภา ดังนั้น รัฐบาลจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 หากจะใช้วิธีอื่นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จากที่ศึกษาไม่มีวิธีอื่นที่จะให้มีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มได้

 

เมื่อถามว่า ข้อเสนอให้รัฐบาลลาออก ยังเป็นเงื่อนไขอยู่ นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ก็เป็นอะไรที่เขาเสนอ แต่ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้มีตำแหน่งถาวะ เพียงอยู่ในสถานะรักษาการเท่านั้น ตาม พรฎ.ยุบสภา ตำแหน่งรัฐมนตรีหายไปแล้ว ถ้าจะให้ลาออกอีกก็ไม่รู้จะลาออกอย่างไร

ขณะเดียวกัน ตามมาตรา 181 และ 182 กำหนดให้ ครม.ที่เหลือทำหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งชุดถาวรมาทำหน้าที่ ถ้าเราไม่ทำก็ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผิดกฎหมาย และสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา

เมื่อถามว่า แสดงว่ายังยืนยันไม่รับข้อเสนอการลาออกใช่หรือไม่ นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า มันผิดกฎหมาย เมื่อถามว่า แต่ถ้าเป็นการอ้างเพื่อขอให้เห็นแก่ทางออกของประเทศ นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ถ้าผิดกฎหมาย อ้างอย่างไรก็โดนฟ้องอยู่ดี ถามต่อว่า วันนี้อำนาจของ ผบ.ทบ.สามารถที่จะยกเว้นบางมาตราในรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ไม่มีระบุว่าการประกาศกฎอัยการศึกแล้วจะละเว้นหรือไม่ปฏิบัติข้อกฎหมายข้อใดได้

 

เมื่อถามว่า ถ้ายังยึดในจุดยืนอยู่ เกรงว่าจะนำไปสู่การทำรัฐประหารหรือไม่ นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า อันนี้คงตอบอะไรไม่ได้ เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวมีโอกาสจะหารือกับ ผบ.ทบ.ด้วยตัวเองหรือไม่ นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า เมื่อวานได้คุยกันทางโทรศัพท์แล้ว และกำลังประสานหาช่วงเวลาที่ว่างของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่ง ผบ.ทบ.ยังยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือหาทางออก ไม่มีเวลา รอมีเวลา เพราะตนก็อยากเจอ เพื่อจะได้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////

 

พูดกันเป็น โรบอท ลาออกไม่ได้ !!!! เห็นแก่ตัว และหน้าด้าน อิ๊บอ๋าย


"เพื่อไทย" เล็งเอาคืนชัตดาวน์ กปปส.นัดแสดงพลัง 4 มี.ค.

28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 17:31

นายประชา ประสพดี รัฐมนนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดทไย ล่าวว่า ทราบข่าวมีการซ่องสุมกำลังเตรียมปฏิบัติการบางอย่างในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทยที่มาจากการเลือกตั้งเตรียมตัวตั้งเป็นเครือข่ายอาสาพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ปกป้องประชาธิปไตย โดยว่าที่ส.ส.ทุกเขตจะเป็นผู้นำทัพกองกำลังประชาชน ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์   โดยวันที่ 4 มี.ค.จะรวมตัวกันที่รัฐสภาเพื่อแสดงพลังเหมือนกับที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ประกาศปกป้องรัฐธรรมนูญ ยอมตายในระบอบประชาธิปไตย เบื้องต้นได้วางมาตราการชัตดาวน์กลุ่มกปปส.และกลุ่มต่อต้านประชาธิปไตยอื่นๆ 4 รูปแบบคือ 1.มาตรการทางสังคม โดยบอยคอตธุรกิจ สินค้า ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยง หากเป็นธนาคารก็จะถอนเงิน หยุดจ่ายหนี้ 2.มาตรการทางกฎหมาย โดยแจ้งความศาลแพ่งทั่วประเทศเพื่อเอาผิดกรณีสร้างความเสียหาย รวมทั้งการเสียโอกาสทำมาหากิน 3.มาตรการภาคประชาชน โดยรวมพลังแสดงการต่อต้านอย่างต่อเนื่อง และ 4.มาตรการทางวัฒนธรรม ศีลธรรม โดยทำพิธีกรรมต่างๆ เพื่อคลีนนิ่งล้างใจคนบาป ซึ่งจะรณรงค์ทุกภาคส่วนทั้งนักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจ คนทำงาน จนถึงคนแก่คนเฒ่า กระจายต่อกันไปเป็นลูกโซ่


ด้านนพ.ทศพร เสรีรักษ์ ผู้สมัครส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 4 มี.ค. เวลา 10.00 น. ผู้สมัครส.ส.จากหลายพรรคที่คาดว่าจะได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.จะเดินทางไปรวมตัวกันที่รัฐสภาเพื่อหารือกับนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภาว่า จะสามารถทำอะไรได้บ้างในระหว่างที่รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศอย่างเป็นทางการ ตอนนี้แม้ยังไม่ได้รับการรับรองแต่ต้องการทำงานก่อนเพื่อให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจเลือกตั้งเข้ามา ต้องการผลักดันการปฏิรูปประเทศ รัฐธรรมนูญ การเมืองและกระบวนการยุติธรรมให้ได้

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

สงสัยมั้ย ? ปิด กทม. เดินทั่วกรุงมาตั้ง สามเดือน พวกแม  ร่ง  ไม่เคยคิดจะทำห้า ไร แต่พอพจมาร โดนเป่านกหวีดปุ๊ป มี Action ทันที ทาริดก้อทำเป็นคดีพิเศษยิ่งกว่า ไวไวควิก 


ปู วอนอย่าอย่านำเรื่องความเดือดร้อนของชาวนามาเป็นประเด็นการเมือง

7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 18:17

เดลินิวส์ :

 

เมื่อวันที่ 7 ก.พ. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการจ่ายเงินให้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว ว่า ยืนยันรัฐบาลจ่ายเงินในโครงการับจำนำข้าวให้ชาวนาแน่นอน ไม่มีรัฐบาลไหนละทิ้งปัญหาหรือความเดือดร้อนของประชาชน ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งทำงานภายใต้ข้อจำกัดของรัฐบาลรักษาการ ซึ่งผู้ที่มาก่อนก็จะได้เงินก่อน ข้าวอยู่ในคลังของรัฐบาลแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องจ่ายไม่ว่ารัฐบาลนี้หรือรัฐบาลใหม่เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล แต่นายกรัฐมนตรีไม่สามารถระบุกรอบระยะเวลาจ่ายเงินให้กับชาวนาได้ ต้องรอให้ทุกอย่างเดินหน้าตามขั้นตอน ขอทุกฝ่ายเห็นใจชาวนาอย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมือง จนชาวนาต้องเดือดร้อนเพิ่มขึ้นอีก

 

เมื่อถามอีกว่า หมายความว่าถ้ายังไม่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารงานก็ไม่สามารถจ่ายเงินให้ชาวนาได้ใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ ขณะนี้มีกลไกและขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังทำงานกันอยู่ ซึ่งอาจจะไม่คล่องตัวเหมือนเมื่อครั้งเป็นรัฐบาลก่อนการยุบสภา เพราะขณะนั้นสามารถปฏิบัติงานได้ ยืนยันว่าทุกฝ่ายได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว จึงอยากขอความกรุณา เพราะการดูแลชาวนามีขั้นตอนในการทำงาน อย่ามองเป็นประเด็นการเมือง และอย่าใช้ประเด็นการเมืองมาทำให้ชาวนาเดือดร้อน และทำให้กระบวนการในการทำงานช้าลง  

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม นายกฯ ปฎิเสธที่จะตอบคำถามว่าขณะนี้รัฐบาลมีขั้นตอนในการทยอยจ่ายเงินให้กับชาวนาแล้วหรือยัง โดยหลังให้สัมภาษณ์จบ ได้เดินกลับขึ้นไปยังห้องทำงานที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมอีกครั้ง.

///////////////////////////////////////////////////////////////

ดีออก สลัดได!!!!

 

 

 

จม.จากพี่แจ่ม ถึงน้องกบ

27 มกราคม พ.ศ. 2557 - 14:50

แจ่มศรี สุกโชติรัตน์

กบน้องรัก วันนี้ลืมตาตื่นขึ้นมา คนแรกที่พี่คิดถึงคือน้องกบสุดรัก ต้องรีบเขียนจดหมายฉบับที่ 2 เพราะมีน้องๆที่บริษัทส่งข่าวมาว่า คณะกรรมการบริษัท ที่น้องเป็นประธานฯอนุมัติขึ้นเงินเดือนปีนี้ 600ล้านบาท แถมด้วยเงินเพิ่มพิเศษจาก KPI อีก 1,000 ล้านบาท แล้วยังแถมประชานิยมอีกว่า พนักงานระดับล่างเงินเดือนต่ำกว่า 50,000 จะได้มากกว่า และจะรีบดำเนินการจ่ายให้เร็วที่สุด น้องจะเอาเงินมาจากไหน อย่างไร หรือจะยังไง ยังไง พี่ไม่สนใจ เพราะพี่ต่อ 10 เอา 1 มานานแล้วว่า ไงไง น้องต้องรีบประกาศขึ้นเงินเดือน และต้องมีพิเศษอีกเยอะ ใครจะเอาอะไรช่วงนี้ ได้หมด เพื่อแลกกับการ"ไปต่อ" ของน้อง รางวัลที่ 1 ไม่ยักถูก เจ๋งเป้งไม๊ล่ะ

เมื่อพนักงานได้ พี่ก็ยินดีปรีดากับพนักงานทุกคน แต่เรื่องเงินน่ะมันเรื่องเล็ก มันซื้อคนฉลาดไม่ได้หรอกน้อง น้องไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับพนักงาน เงินเดือนขึ้น เป็นสิทธิที่พวกเขาพึงได้ ที่ผ่านมาในอดีตก่อนบุญหล่นทับน้อง ได้เข้ามามีอำนาจเบ็ดเสร็จที่นี่ การขึ้นเงินเดือนเขาก็เตรียมงบประมาณจ่ายกันทุกปี ถึงเวลาก็เข้ากิจการสัมพันธ์ เข้า EMM เข้าบอร์ด แจ้งให้ทราบเพื่ออนุมัติตามเสนอ. ปรับขึ้นเงินเดือน แบ่งเม็ดเงินเพื่อให้ยุติธรรมกับพนักงานชั้นผู้น้อย เราก็ทำกันอย่างนี้มาเป็นเวลา 20-30 ปี

แต่ทันใดที่น้องเข้ามาเป็นประธานบอร์ด น้องประกาศไม่ขึ้นเงินเดือน 3 ปี เอาแผนฟื้นฟูที่พวกน้องทำกันเอง โดยพนักงานไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย ออกมากางแล้วก็หลับตาจิ้มลงตรงที่เขียนว่า "ไม่ขึ้นเงินเดือน 3 ปี" แล้วสั่งปฏิบัติการทันที อ้าวไหงงั้นล่ะ มีเรื่องอื่นอีกเยอะแยะในแผนฟื้นฟู ทำไมไม่เสือกทำ เอ๊ย! ไม่เลือกทำ ดันเลือกไม่ขึ้นเงินเดือนพนักงานก่อนอันดับแรก แล้วก็บังเอิญที่ตอนนั้นพี่เป็นประธานสหภาพฯ ถ้าพี่อยู่เฉยก็บ้าซิ แบบนั้นไม่ใช่พี่แน่นอน

เมื่อระเบียบบริษัทฯเขียนไว้ว่า พนักงานที่ไม่ได้ทำความผิด ทำงานดีต้องมีความชอบตอบแทน น้องก็ควรปฏิบัติตามระเบียบฯ น้องเองก็เป็นข้าราชการ ย่อมรู้ดีว่าระเบียบฯมีไว้ปฏิบัติ ไม่ได้มีไว้ใหัอ่านเล่นเวลาปวดอึ ไม่งั้นไอ้คนที่เช้าชามเย็นสามชามบวกอีก 1ก๊ง ก็มีความดีความชอบเท่ากันกับคนทำงานหนัก คือเงินเดือนไม่ขึ้นเหมือนกัน คนสติดีใครจะยอม ก็มีการชุมนุมประท้วงกัน ไปเจรจากันถึงกระทรวงแรงงาน แต่น้องก็ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ไม่คื้น ไม่ขึ้น สรุปปีนั้นพนักงานไม่ได้ขึ้นเงินเดือน แล้วน้องก็โกรธแค้นพี่ตั้งแต่นั้นมา ตอนนั้นรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คือพล.อ.อ ณรงค์ศักดิ์ สังขพงษ์

แสดงว่าบอร์ด แม่งใหญ่จริงๆ ใหญ่ที่สุดในบริษัท ชี้เป็นชี้ตายได้ทุกเรื่อง DD คนไหนก็ไร้ความหมาย แถมน้องยังให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า "มากันแค่ 200 คน ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของพนักงาน คนอีกเป็นหมื่นไม่มา แสดงว่าเขาเห็นด้วยที่ไม่ขึ้นเงินเดือน" พี่เจอตรรกะแบบนี้เข้า งงเป็นไก่ตาแตก กลับไปนอนคิดอยู่หลายวันว่า เฮ้ย พี่งั่งหรือน้องโง่กันแน่ว่ะ สรุปแล้วคิดไม่ออก หาคำตอบไม่ได้ พนักงานเลยไม่ได้ขึ้นเงินเดือนดังที่กล่าวมาแล้ว เอวังก็มีด้วยประการะฉะนี้

บอกตรงๆว่าทุกวันนี้คิดถึงประโยคนี้ทีไร ก็ยังงงเหมือนเดิม พี่ว่าตำแหน่งประธานบอร์ด การบินไทย ใครๆก็เป็นได้ เหมือนสโลแกน ใครๆก็บินได้ไง นั่นคือประสพการณ์แรกที่ได้สัมผัสตัวตนและวิธีคิดของน้อง ช่างเป็นบุญของพี่จริงๆที่ได้พบได้สัมผัส เพราะพี่เองก็อยู่การบินไทยมา 36 ปี ทำงานสหภาพแรงงานฯ มาตั้งแต่สาวจนแก่ ตั้งแต่น้องยังเป็นข้าราชการตัวเล็กๆละมั้ง ทำงานกับประธานบอร์ดมาแล้วหลายท่าน ลองไปหาประวัติศาสตร์การบินไทยอ่านดู ทุกท่านล้วนมีชื่อเสียง มีเกียรติภูมิทั้งนั้น หากจะมีความขัดแย้งกัน ก็ไม่ใช่กับพนักงาน

เมื่อพนักงานประท้วง ชุมนุม เข้าใจกันแล้ว ยุติไปแล้ว ก็จบกันไป พบกันอีกในเรื่องอื่นๆก็ปรึกษาหารือกันในเรื่องนั้นๆ ไม่มีอาฆาตแค้น ทุกท่านที่ผ่านมาไม่มีใครเหมือนน้องเลย น่าภูมิใจในความเป็นพิเศษจริงๆ ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้จึงกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรไปแล้วว่า จะขึ้นเงินเดือนประจำปีพนักงาน น้องต้องเมตตาให้ ถ้าน้องเมตตาก็ได้ น้องไม่เมตตาก็อด เอาการขึ้นเงินเดือนมาเป็นเครื่องมือต่อรองเรื่องความเป็นความตาย ความอยู่รอดหรือไม่รอดของบริษัท

เก่งนะ จุ๊บ จุ๊บ รักน้องสุดหัวใจ พี่แจ่ม

/////////////////////////////