เปิดชีวิตแกนนำในค่ายทหารภาค2"แปลกมึนฮาน้ำตานอง"
Posttoday : 29 พฤษภาคม 2557 เวลา 11:48 น.
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
บรรยากาศการอยู่รวมกันในค่ายทหารยังคงได้รับการพูดถึงต่อเนื่อง แม้แกนนำสองฝ่ายผ่านสังเวียนข้างถนนมาโชกโชน แต่ก็ยอมรับว่านี่เป็นประสบการณ์แปลก มึน ฮา
โดยเฉพาะค่ายกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งถือว่ามีแกนนำ กปปส. กลุ่มเพื่อไทย และเสื้อแดง ถูกควบคุมตัวไปรวมกันมากที่สุดร่วม 50 คน
ที่แห่งนั้นมีแกนนำ กปปส. 9 คน อาทิ นิติธร ล้ำเหลือ เสรี วงษ์มณฑา อัญชะลี ไพรีรัก สุริยะใส กตะศิลา พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ส่วนพรรคเพื่อไทย-เสื้อแดง ส่วนใหญ่เป็นอดีตรัฐมนตรีและแนวร่วม เช่นสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ชลน่าน ศรีแก้ว ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ อดิศร เพียงเกษ
ค่ายแห่งนี้ กปปส.อยู่แค่ 3 คืนก็ได้รับการปล่อยตัว ส่วนเพื่อไทย-เสื้อแดง ทยอยปล่อยตัวเป็นกลุ่มๆ เร็วบ้าง ช้าบ้าง
ย้อนกลับไปวันแรกที่ถูกเรียกมารายงานตัว ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คสช. กล่าวต้อนรับสั้นๆ ว่า ขอให้ทุกคนร่วมมือและขอโทษที่ทำให้พวกท่านไม่สะดวกสบาย ทั้งหมดก็เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งก็มีคำถามจากหลายคน เช่น สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ว่าจะต้องอยู่กี่วัน แต่ก็ไม่มีคำตอบ
ข้อห้ามสำหรับผู้ถูกควบคุม งดโทรศัพท์ ห้ามญาติมาเยี่ยม ห้ามส่งเสียงดัง ใครมีโรคประจำตัวต้องการยาให้บอกทหารจะจัดให้หรือประสานทางบ้านให้
ทั้งสองฝ่ายเข้าถึงค่ายช่วงบ่าย 3 รวมกว่า 50 ชีวิต เมื่อไปถึงทหารให้รวมอยู่ในบ้านหลังเดียวกันก่อน หลายคนอยู่ในสภาพมึนงง เก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูก บ้างก็ทักทายตามประสาคนการเมือง แต่มีหลายคนที่นั่งนิ่ง อาทิ สมชาย ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ส่วนแกนนำเสื้อแดงบางคนยังไม่กล้าทัก กปปส. เว้นแต่พวกที่เคยเป็น สส.ที่ยอมพูดคุยกันบ้าง
อย่างไรก็ตาม ค่ายทหารที่พระนครศรีอยุธยาแห่งนี้อยู่กลางทุ่งและอากาศค่อนข้างร้อน อีกทั้งบ้านพักรับรองที่เดิมเป็นที่ฝึกโครงการวิวัฒน์พลเมืองสำหรับเด็กที่มีปัญหามาก่อน เมื่อไปถึงมีแต่ห้องโล่งที่เพิ่งผ่านการเช็ดถูพื้นไม่นาน ทหารเอาเตียงพับพร้อมเบาะมาให้ในช่วงเย็น และเพิ่มบ้านพักสองชั้นอีก 3-4 หลัง ให้กับฝ่ายเพื่อไทยและเสื้อแดงอยู่หลังละ 8 คน ส่วน กปปส.อยู่หลังเดิมใหญ่กว่าทุกบ้าน
แกนนำที่ได้รับการปล่อยตัวเล่าบรรยากาศว่าอึดอัดที่สุดคือวันแรกที่มาถึง เพราะต้องรวมอยู่ด้วยกัน แม้จะไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ก่อนจะแยกบ้านในช่วงค่ำ บางคนดูดบุหรี่แก้เครียด บ้างจับกลุ่มใครกลุ่มมัน ฝ่าย กปปส.แหย่ผู้บังคับการค่ายให้เอาคาราโอเกะมาแข่งกันร้องจะได้ลดบรรยากาศตึงเครียด แต่ผู้การค่ายฯ ก็ดูมึนๆ เพราะเพิ่งมาทราบเรื่อง กระนั้นก็เป็นโอกาสอันดีที่สองขั้วขัดแย้งได้เจอตัวเป็นๆ จึงได้พูดคุยถึงปัญหาการบริหารงานยุคยิ่งลักษณ์
กปปส.บางคนถาม อำพน กิตติอำพน เลขาธิการ ครม. ว่า ทำงานสมัยยิ่งลักษณ์เป็นอย่างไร เรื่องการบินไทยทำไมถึงบริหารขาดทุน แล้วจะโดน คสช.ปลดหรือไม่ แต่ “ดร.กบ” ดูยังงงไม่หาย ตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน
เสรี วงษ์มณฑา เล่าว่า เมื่อไปถึงมีการแจกขันน้ำ สบู่ และยาสีฟัน ให้ทุกคน เหมือนฝึกวิชาทหารในค่าย จะมีทหารที่เรียกว่าพ่อบ้านมาสอบถามต้องการอะไรบ้าง ถ้าจะติดต่อทางบ้านขอให้แจ้ง ซึ่งเขาจะอำนวยความสะดวกให้หมด ถ้าต้องการรับประทานอะไรก็จะขับรถไปซื้อที่ร้านเซเว่นฯ
“เสียอย่างเดียวอากาศร้อนไปหน่อย เพราะเราเคยอยู่กับห้องแอร์มาก่อน เราจึงบอกทหารขอติดต่อลูกน้องช่วยซื้อพัดลมไอน้ำมาให้ก็ทำให้คลายร้อนไปได้” เสรี กล่าว
แว่วว่าเหตุที่ฝ่าย กปปส.ไม่ยอมซื้อแอร์มาติดเหมือนกับซีกเพื่อไทยที่ทุ่มทุนซื้อมาติดกันทุกหลังทุกห้อง รวมถึงซื้อทีวีมาอัพเดทข่าวสารตลอดก็เพราะเสียดายเงิน โดยเชื่อว่าจะได้รับการปล่อยตัวเร็ว แต่สุดท้ายก็กลับช้ากว่าแกนนำเพื่อไทย
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่ละหลังมีทหารนายสิบดูแล 5 คน กางเต็นท์นอนด้วยกันชั้นล่าง ส่วนด้านนอกมีทหารถือปืนเดินลาดตระเวนตลอด เป็นมาตรการที่เข้มกว่าปกติ
เมื่อแยกบ้านกันอยู่ กปปส. 1 หลัง “เพื่อไทย-เสื้อแดง” 4 หลัง อยู่ไม่ไกลนัก มองเห็นกันได้ ก็มีแวะเวียนไปมาหาสู่กันบ้าง
สุริยะใส กตะศิลา แกนนำ กปปส. เล่าว่า ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาพงงเพราะไม่เชื่อว่าทำไมถึงถูกจับ แต่ไม่มีใครตอบได้ บางคนทำใจอยู่ยาวถึง 7 วัน โดยรวมทหารดูแลดีและแม้สองฝ่ายจะแยกบ้านกันอยู่แต่ก็ยังข้ามมาพูดคุยกัน เช่น กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ อดีต รมช.คมนาคม พรรคเพื่อไทย ปั่นจักรยานมาดูดวงให้ นิติธร ล้ำเหลือ โดยถามว่าเกิดปีไหน เมื่อไร พอทราบก็บอกว่ามิน่าถูกจับข้อหากบฏ และยังดูลายมือให้ ทยา ทีปสุวรรณ โดยไม่รู้ว่าคนที่ยืนข้างๆ ซึ่งก็คือ ณัฏฐพล เป็นสามี กิตติศักดิ์ทำนายว่า ถ้าไม่เลิกกับสามี สามีก็จะขอเลิก มารู้ทีหลังว่าเป็นสามีภรรยากันก็หัวเราะกันลั่น
“ที่ตลกคือบ้านที่ ศันสนีย์ นาคพงศ์ อยู่ พวกผมเห็นเขากำลังกลับตอน 2 ทุ่ม เลยบอกทหารให้ไปยกทีวีฝั่งนั้นที่เพิ่งซื้อเอามาติดไว้ที่บ้านเราเพราะไม่มีใครดูแล้ว เพราะฝ่ายเราเองก็หงุดหงิด ไม่มีทีวี หนังสือพิมพ์ที่ทหารซื้อมาให้ข่าวมันดีเลย์ แต่จู่ๆ ก็เห็นพวกเพื่อไทยกลับมาอยู่ที่บ้านกัน เอาไงวะ เราไปเอาทีวีมาแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้เอาคืน เพราะเพื่อไทยกลุ่มนี้ได้กลับตอนเช้าอยู่ดี”สุริยะใส เล่าติดตลก
ชุมพล จุลใส แกนนำ กปปส. เล่าว่า ฝ่ายเราอยู่ด้วยกันตามอัตภาพ ไม่มีทีวีดู ถูกห้ามใช้มือถือ แต่ทหารซื้อหนังสือพิมพ์มาให้อ่านตลอดเวลาที่อยู่ในค่าย ซึ่งวันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไร ที่ประทับใจคงเป็นที่มีทหารยศ พ.อ.พิเศษนายหนึ่ง ท่าทางแข็งแรงมาก จะมาคอยดูและตรวจตรา ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเด็กอยู่โรงเรียนประจำ เพราะในชีวิตก็ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน
“อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเสื้อแดงที่มาอยู่ค่ายเดียวกันประกอบด้วย นิสิต สินธุไพร ยงยุทธ วิชัยดิษฐ จะเล่นดนตรี บันเทิง ตลอดเวลา ต่างจากพวกเราจะอยู่ตามปกติ แต่ก็มีข้ามไปหากันบ้าง พูดคุยกันปกติ”ชุมพล กล่าว
มีเรื่องเล่าด้วยว่า ตกดึกฝั่งเพื่อไทยมักเฮฮาคลายเครียด โดย วิทยา บุรณศิริ อดีต รมว.สาธารณสุข และ สส.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งถือเป็นคนพื้นที่จะคอยดูแลพรรคพวก สั่งทหารไปซื้อเหล้าแบล็ก เลเบิ้ล พ่วงกับแกล้มตอนตี 2-3 เล่นเอาผู้บังคับการค่ายกังวลว่าถ้าดื่มกันหนักอาจช็อกในค่ายได้ ยิ่งอากาศร้อนเป็นทุนเดิม พลอยให้เจ้าของพื้นที่ลำบากเพราะต้องดูให้ปลอดภัย มิฉะนั้นอาจมีการขยายผลกระทบ คสช. ขณะที่ทหารเวรในบ้านฝั่งเสื้อแดงก็อยากย้ายมาดูแลที่บ้าน กปปส.แทนเพราะเหนื่อย แทบไม่ได้หลับได้นอน
คนที่อาการหนักที่สุดคือผู้สูงวัย อย่าง บุญรื่น ศรีธเรศ อดีต รมช.ศึกษาธิการ ที่ไม่สบาย ขอกลับก่อน เช่นเดียวกับขวัญชัย ไพรพนา อาการย่ำแย่หนัก แต่ทหารก็คอยดูแลเต็มที่ ผิดกับ สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง นั่งสมาธิอยู่หน้าบ้านตลอด ในชุดกางกางเล เสื้อขาวตราห่านคู่ ซึ่งเป็นชุดที่ซื้อใส่กันแทบทุกบ้าน
ไม่เว้นแม้แต่ฝ่าย กปปส. เสรี วงษ์มณฑา ร้องไห้เกือบทุกคืน เพราะทำใจไม่ได้ที่ถูกควบคุมตัวและต้องมาอยู่ค่ายเดียวกับเสื้อแดง บ้างไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่ายตรงข้าม สมชาย ศันสนีย์ ถูกปล่อยตัวออกไป ทั้งที่ กปปส.ไม่ได้เผาเมืองหรือพาดพิงสถาบัน
การข้ามฝั่งของฝ่ายเพื่อไทยมาคุยกับแกนนำ กปปส. ยังแอบตัดพ้อว่าพวกเขามีอำนาจแต่ใช้ไม่เป็นเอง ความจริงน่าจับ พ.ต.ท.ทักษิณ กับสมชาย จะได้จบๆ ไม่ใช่มาเหวี่ยงแหอย่างนี้
ก่อนกลับทหารได้แจกใบประเมินผลในค่ายและความรู้สึกให้แกนนำทุกกลุ่มกรอก มีคำถาม 4 ข้อ อาทิ รู้สึกอย่างไรที่ถูกเรียกมารายงานตัว ระหว่างนำตัวได้รับการปฏิบัติอย่างไร ดีหรือไม่ และให้เขียนข้อเสนอต่อกองทัพ มีรายงานว่า แม้แต่ฝ่าย กปปส.ก็ยังเขียนดุเดือดทุกคน เช่น ตั้งคำถามว่านักโทษยังได้โอกาสเจอญาติ แต่กรณีนี้ไม่ได้เจอ และยังไม่รู้ว่าเจอข้อหาอะไร
“ตอนออกเขาให้จดที่อยู่ปัจจุบัน ให้วาดแผนที่บ้านตัวเอง เบอร์มือถือให้หมด ดังนั้น แกนนำแม้จะพ้นจากการควบคุมตัวแล้วแต่ก็ยังอยู่ในสายตา คสช.ที่จะเรียกกลับได้ตลอดเวลา” แกนนำ กปปส.รายหนึ่ง กล่าว
สุเทพ สวมเสื้อ “บูรพาพยัคฆ์”
ฝ่ายแกนนำกปปส. 5 คน ประกอบด้วย สุเทพ เทือกสุบรรณ เอกณัฐ พร้อมพันธุ์ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย สมบัติ ธำรงค์ธัญญวงศ์ และ สมศักดิ์ โกศัยสุข ถูกนำขึ้นรถตู้เก่าๆ ปิดกระจกรถให้ทึบเพื่อไม่ให้รู้เป้าหมาย มุ่งหน้าตรงไปยังค่ายทหารแห่งหนึ่ง ซึ่งกว่าจะไปถึงที่หมาย เล่นเอาทุกคนเมื่อยก้นไปตามกัน เพราะพลขับดันขับรถหลงค่าย ก่อนจะรู้ภายหลังเป็นค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี
ครั้นไปถึงค่าย ทุกคนก็ไม่มีเสื้อผ้ามาสับเปลี่ยน เพราะไม่รู้ระแคะระคายมาก่อนว่าจะถูกควบคุมตัว ทางทหารจึงนำเสื้อผ้า มาให้สวมใส่ แต่ด้วยความที่ “กำนันสุเทพ” เป็นคนรูปร่างใหญ่ จึงต้องใส่กางเกง เสื้อยืด คับติ้ว และที่ทุกคนพากันอมยิ้มเพราะหลังเสื้อกำนันสุเทพ สกรีนคำว่า “บูรพาพยัคฆ์”
เท่านั้นยังไม่พอ ในบ้านที่ใช้ควบคุมตัว มีเครื่องปรับอากาศที่อยู่ในสภาพที่ไม่สมประกอบ “กำนันสุเทพ” เปรยในช่วงกินข้าว ว่า “ต้องซ่อมแอร์กันวันละ 3 รอบ และที่ต้องเจ็บใจก่อนกลับออกจากค่ายทุกคนต้องถูกปิดตาหมด เพื่อไม่ให้รู้ว่าที่ตั้งของค่ายทหารแห่งนี้อยู่ใด