sigree

...

 

คนทำงานเขาไม่พูดทางวิชาการ เขาพูดทางปฎิบัติและเผื่อ  แรกมามั่นใจตอนนี้ไปเรื่อยๆผมให้เดือนหนึ่งไม่จบ

 

 

ตะนิ่นตาญี รู้ไม่จริง ใน เรื่องเกี่ยวกับ ระบบนิเวศน์วิทยา แต่ก็เห็นด้วยกับ คุณ sigree ที่บอกว่า

 

เรื่องนี้ไม่มีทางจบ ใน เวลา ๑ เดือน...ดูไหนไม่ต้องดูไกลให้ลองดูเรื่องเกี่ยวกับ Exxon Valdez ที่ Alaska ก็ได้

 

เหตุเกิด ๒๔ มีนาคม ค.ศ. ๑๙๘๙ ผ่านมาแล้ว ๒๔ ปี ก็ยังไม่อาจแก้ไข ระบบนิเวศน์ ให้ฟื้นคืนมาเหมือนเดิมได้

 

ลางคนอาจบอกได้ว่า กรณี ของ Exxon Valdez นั้น ปริมาณ น้ำมันที่รั่วไหลลง ทะเล นั้น มากกว่าของ บ้านเรา เยอะ

 

นั่นก็ "อาจจะ" ใช่แต่ใคร "ยืนยัน" ได้บางว่า "ข้อมูล" ที่ ปตท. ให้ไว้ต่อ สื่อ นั้น เป็นความจริง เพราะฟังจากการสัมภาษณ์

 

เจ้าหน้าที่ ของ ปตท. โดย คุณสรยุทธฯ ตามที่ คุณ ppner ยกมาแล้ว ไม่ได้บ่งบอกถึง ความสำนึก-ความละอาย 

 

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานี้เลย ด้วย ความไม่ละอาย นี้เอง จึง ไม่กล้าให้คำตอบอย่างถ่องแท้ชัดแจ้ง

 

ความรับผิดชอบ ต่อ การท่องเที่ยว- ประมงชายฝั่ง-ระบบนิเวศน์...ทั้งหมด จึงเป็นเพียงแค่ ความฝัน ลมลม-แล้งแล้ง ของ คนไทย

 

ที่จะเห็น คนกล้า ยืดอก เดินออกมา ประกาศ "ความรับผิดชอบ" ใน เหตุการณ์ทั้งปวงที่เกิดขึ้นนี้

 

ใครจะปกป้อง ใคร ก็ ตามใจ ตามสบาย เลยครับ ประชาธิปไตย เสียอย่าง แก้ไข ได้ ในทุกประการอยู่แล้วกระมังครับ

 

ตะนิ่นตาญี

 

วันจันทร์ที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

 

เวลา ๒๐.๒๒ นาฬิกา

ผมไม่เข้าใจตรงนี้แหละ อาจด้วยวัฒนธรรมที่ต่างเลยพาลไม่เข้าใจว่าการย้ายออกอะไรยังไง

 

 

เพราะเท่าที่ตามๆไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกไหมนะครับ เหมือนย้ายไปรอบนอกของเมือง แต่ไม่เข้าไปอยู่ในเมืองทำให้เมืองขาดรายได้

 

เมืองนี้พึ่งโรงงานผลิตรถอย่างเดียวเลยเหรอ? อดนึกถึงเมืองแห่งโกดักที่ทุกคนในเมืองทำงานที่โกดัก พอโกดักเจ๊งเมืองล่มจมเลย

 

 

ผมไม่เข้าใจตรงนี้แหละ อาจด้วยวัฒนธรรมที่ต่างเลยพาลไม่เข้าใจว่าการย้ายออกอะไรยังไง

- ย้ายบ้านไปอยู่เขตอื่นที่มีสภาพแวดล้อมดีกว่า อาชกรรมน้อยกว่า โรงเรียน สาธารณูปโภค ดีกว่า

 

เพราะเท่าที่ตามๆไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกไหมนะครับ เหมือนย้ายไปรอบนอกของเมือง แต่ไม่เข้าไปอยู่ในเมืองทำให้เมืองขาดรายได้

 

- เข้าใจถูกต้องแล้ว

การจัดเก็บรายได้ของ city หลัก ๆ ก็มาจากภาษี (sales tax, property tax, income tax) ในเขตของซิตี้นั้น ๆ

เพราะงั้น ตรงนี้มันก็เป็นอะไรที่เห็นได้ชัดว่าทำไมรายได้ของซิตี้ลด

นอกจากภาษีแล้ว ซิตี้ได้รับเงินสนับสนุน(ช่วยเหลือ) จากรัฐบาลทั้งในระดับ federal, state และ county ด้วยนะ

 

เมืองนี้พึ่งโรงงานผลิตรถอย่างเดียวเลยเหรอ?

- ไม่ถึงขนาดนั้น แต่รายได้หดหายไปแยะนะ

เพราะ property tax จากพวกโรงงานเหล่านี้ เยอะนะ มันเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องกันไปเหมือนโดมิโน่

อธิบายไม่เก่ง แต่คิดว่าน่าจะนึกภาพออก   

 

--------------------------------------------------------------

 

 4 เมืองที่ล้มละลายจะได้เงินช่วยเหลือหรือไม่ รัฐบาลกลาง IMF ฯลฯ

- เคสแบบนี้ เราว่ารัฐบาลกลาง คงไม่มา bailout เหมือนพวกตอนโรงงานผลิตรถยนต์ แอร์ไลน์ ฯลฯ​

 ขืนทำแบบนั้น...รัฐบาลกลางตายแน่ ๆ เพราะประเดี๋ยว เมืองโน้น เมืองนี้ ก็จะทำกันใหญ่เลยสิ

 มีอีกหลายเมืองที่มีสภาพร่อแร่ไม่ต่างจากดีทรอย์เลยตอนนี้ 

 

 คงต้องรอดูกันต่อไปว่า ถ้าเคสไปถึง federal court แล้ว จะมีมาตรการอะไร ยังไงบ้าง

จะจัดจ่ายเจ้าหนี้ของซิตี้ยังไง  รัฐบาลกลางอาจจะช่วยเหลือคนที่ได้รับผลกระทบในด้านอื่น

ที่ไม่ใช่ตัวเงินแทน 

 

(ตอบแค่นี้ก่อน ยังมึน ๆ อยู่ แฮ่  ….)

หน่วยข่าวเผย มือโพสต์คลิป "อัลกออิดะห์ไล่ล่าอดีตนายกฯ" ต้นทางอยู่มาเลย์ ชี้คลิปไม่ได้ตัดต่อแต่ไม่น่าใช่อัลกออิดะห์

 

http://www.isranews....ม่น่าเชื่อ.html

 

การล้มละลาย ฟังดูเหมือนแย่ แต่เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีอย่างหนึ่งครับ

 

จะล้มละลายได้ต้อง "มีหนี้สินล้นพ้นตัว"  และจะต้องเป็น "คำสั่งศาล" ครับ

 

ถ้าเป็นบุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล เมื่อมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่สามารถตกลงกับเจ้าหนี้ได้

เจ้าหนี้หากต้องการหนี้สินคืน ก็จะฟ้อง "ล้มละลาย" ลูกหนี้ต่อศาล

หากศาลตัดสินให้ล้มละลาย โดยไม่มีการประนอมหนี้ ก็จะมีการพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด

และการทำธุรกรรมต่างๆในทรัพย์สินของลูกหนี้จะเป็นหน้าที่ของ "เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์"

โดยลูกหนี้ไม่มีสิทธ์ทำอะไรเลย แล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็จะนำทรัพย์สินเหล่านั้นขายทอดตลาด

เพื่อจัดสรรปันส่วนให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย  ถ้าเคลียร์หนี้ได้เกินครึ่งก็ปลดจากการล้มละลาย

หรือหากมูลหนี้เกิดจากหนี้ธรรมดา ไม่มีการทุจริตฉ้อโกง ก็จะปลดจากการล้มละลายหลังจากผ่านไปแล้ว 3 ปี 

กลับมาเป็นคนเดิม แต่หนี้จะมากซักเท่าใดก็อันตรธานหายไปสิ้น ครับ

 

กับเมืองดีทรอยต์ ก็เช่นเดียวกัน มี "หนี้สินล้นพ้นคัว" และไม่มีปัญญาจ่าย แต่ต่างกันที่ กฎหมายไอ้กันเปิดช่อง

ให้เมืองสามารถยื่นขอให้ศาลสั่งล้มละลายได้  หากศาลสั่งให้ล้มละลาย ก็จะต้องมีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

(ในกรณีนี้ อาจเป็นอย่างอื่น) มาจัดการขายทรัพย์สินของดีทรอยต์ แล้วนำไปเคลียร์เจ้าหนี้ตามส่วน  

ซึ่งอาจได้ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำครับ สามารถล้างหนี้ได้หมดและกลับมาบริหารเป็นปกติ ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า

 

แต่ล่าสุดที่ผมตามข่าว ปรากฎว่าศาลให้เมืองดีทรอยต์ถอนคำร้องขอล้มละลายแล้ว  และอยู่ระหว่างอุทรณ์ของดีทรอยต์

เพราะกระทบต่อการจ่ายบำนาญแก่ผู้สูงอายุ ซึ่งจะขัดกับกฎหมายใหญ่ของไอ้กัน

 

โดยสรุปก็คือ ดีทรอยต์ ต้องการยืมมือศาล ในการชักดาบ ล้างหนี้

หรือจ่ายหนี้เท่าที่พอจ่ายได้ นั่นเองครับ

 

 

 

หน้าที่ของขี้ข้า คือ ต้องเลียลูกอัณฑะของหัวหน้าพรรคประชาธิปลวดเอาไว้ ถ้ามีใครทำให้นายของบรรดาขี้ข้าไม่พอใจ ถือว่าเป็นการทำความชั่ว ไอ่สลิ่มนี่มันช่างโง่จริงๆ

 

บอร์ดสาธารณะ เราว่าคุณหยาบไปนะคะ จะแสดงความเห็นตำหนิใคร กรุณารับผิดชอบต่อสังคมด้วย  หลายกระทู้แล้วที่คุณใช้คำแสดงกำพืดออกมา

ปรับปรุงด้วยค่ะ ถ้าไม่อยากโดนแบน

เอาล่ะครับ..........บังทองตั้งกระทู้......ขงเบ้งเข้ามาตอบ.......

 

 

รอโจโฉ......อีกคน......ก็จะครบองค์พอดี.....คือ......

 

 

"สงครามแตกทัพเรือ" .............  

 

ทางเขตฯ ทำหน้าที่ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ

ขอชื่นชมสำนักงานเขตภาษีเจริญครับ และขอแบ่งคำชมไปยังท่านผู้ว่าฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชา ด้วยครับ

https://www.facebook...ics?ref=tn_tnmn

ตอนแรกภรรยาไม่ยอมให้ไปเพราะเห็นกรณีเชียงใหม่ เค้ากลัวมีปะทะกัน

ผมก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอกตำรวจเยอะแยะ

โต้เถียงกันอยู่นานเห็น จน 4 โมง เค้าก็บอกว่างั้นขอไปด้วย เอาลูกไปด้วย

สปริงนิวบอกว่าจะเลิกประมาณ6โมง เลยพาลูกสาวกะภรรยาไปซะเลย

กว่าจะไปถึง 5โมงครึ่งกว่า ไม่มีใครอยู่แล้ว

ลูกผมอุตส่าห์เตรียมตัว ซ้อมคำว่า " ออกไปๆ " และพกหน้ากากเสือไปอันหนึ่ง

แม้ไม่ได้ร่วมชุมนุมกับเพื่อนๆ แต่ก็ได้ร่วมชุมนุมกับครอบครัวครับ

ถ่ายรูปหน้าหอศิลป์กับลูกสาวมาฝาก

 

  งั้นฮาต่ออีกสักเงิบขอรับ...

 

คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องด้วยเลยครับ ผมเสนอแนะเขามาตลอดครับ

ท่านด๊อกครับ มีหลายคนที่รู้เรื่องมากกว่าท่านด๊อกครับ อย่าคิดว่าฉลาดรู้เรื่องคนเดียว

 

 

ท่านด้อกคนเดียวเค้ารู้เรื่องเท่ากับหลายคน หลายสาขานะครับ

 

แกคนเดียวเขียนวิจารณ์ผังเมือง ที่มีคนทำงานตั้งหลายคนหลายสาขา

 

ด็อกบอกทำคนเดียวก็ยังกล้าวิพากษ์วิจารณ์นะ แล้วด็อกรู้มั้ยว่า ผังเมืองเค้ายังมีอีกหลายเรื่องที่ด็อกไม้ได้พูดถึงเลย เช่น การอนุรักษ์ในฐานะที่ีกทม.เป็นเมืองโบราณเป็นเมืองประวัติศาตร์ที่สำคัญของชาติ ขึ้นทะเบียนโบราณสถานก็หลายแห่ง ภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการไหลของน้ำและการระบายน้ำ พื้นที่ฟลัดเวย์ ความหนาแน่นที่เกิดจากการอพยพย้ายถิ่นเพื่อมาหางาน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ด็อกไม่พูดเลย นอกจากด็อกไม่รู้แล้วก็บอกว่าเป็นแค่ข้ออ้างของกทม. แล้วก็ยกวิธีแก้ปัญหาของต่างชาติที่ถูกจริตด็อก โดยไม่อธิบายอะไรเลย

 

แล้วด็อกบอกกทม.เป็นเมืองโตเดี่ยว นี่แหละคือปัญหาที่ทางรัฐต้องการให้พัฒนาขึ้นในหลายเมือง เป็นการกระจายความเจริญ (ทุกวันนี้ไม่มีประเทศเป็นเมืองโตเดี่ยวแล้ว นอกจากประเทศเล็ๆอย่างสิงคโปร์ หรือบรูไน) ทำให้เกิดความแออัดมากขึ้น มีปัญหาการย้ายถิ่นที่อยู่มากจนเกินไป

 

ปล.ด็อกรู้มั้ยมีเมืองหลวงแห่งหนึ่งของประเทศในยุโรป ซึ่งผังเมืองกทม.ก็เอารูปแบบมาจากเมืองนี้แหละ (ลองเสริชหาในอากู๋ดู ที่จริ

มีเมืองหลวงอีกหลายที่ที่ห้ามสร้างตึกสูง) ที่บีบจนคนต้องออกกระจายออกไป เพราะสร้างอาคารสูงไม่ได้อย่างที่ด็อกวิจารณ์ผังเมืองกทม. 

 

  ขออภัยที่จู่่ๆถามแบบไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย เมื่อวานต้องผ่านถนนในหมู่บ้านเอื้ออาทร สุไหงโกลก

 

  มันร้างและดูไม่มีอนาคตว่าต่อไปยังไง

 

  เลยขอรบกวนถามทุกท่าน  ตกลงโครงการนี้ตายแล้ว จบแล้วไหม? บ้านร้างจากโครงการพวกนี้จะอย่างไร?

 

มันยังไม่ตายสนิทครับท่านsigree ที่อยู่ได้ก็เพราะยังมีสายอ๊อกซิเจนอยู่

 

ถ้าดึงออกเมื่อไหร่ ก็เขียนใบ "มรณบัตร" ได้เลยครับ

 

มันไม่ใช่เฉพาะ โครงการที่สุไหงฯ ที่เดียวหรอกครับ

 

มันเป็นไปหมดทุกที่ แม้แต่ในเมือง อย่างเช่น "โครงการสวนพลู - เย็นอากาศ" ( แบบคอนโด)

 

ก็ยังเข้าอยู่ไม่ได้ โครงสร้างตึก สร้างเสร็จมาประมาณ 2-3 ปี แล้ว

 

แต่ระบบ Facility ต่างๆ ยังไม่สมบูรณ์สักที ( นี่ขนาดอยู่ในเมืองแท้ๆ )

 

และโครงการตามชานๆ เมือง Infar structure เสร็จ เบิกเงินกัน แล้วก็หนี มีเยอะแยะ

 

และยังมีโครงการท่าข้าม พระราม2 ก็ยังปล่อยให้รกร้าง กลายเป็นแหล่งมั่วสุมอย่างดี

 

สาเหตุก็มาจาก บริษัท จากประเทศจีน ที่เข้ามารับช่วงงาน จากการเคหะฯ โดนเอาเปรียบ

 

ทั้งราคาที่ดิน และ การเบิกจ่ายค่างวด ที่ต้องสำรองไปก่อน นานๆ เข้าก็ไปลงที่ผู้รับเหมารายย่อย

 

ไหนจะเป็นเรื่องวัสดุที่ล่าช้า ไหนจะเบิกจ่ายมาไม่ทันกำหนด แล้วผู้รับเหมาที่ไหนจะอยู่ไหว

 

ในทีสุดก็ต้องทิ้งงานไป เพราะทนแบกภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว..ทีนี้จะหาผู้รับเหมามาทำต่อ

 

ก็คงจะยาก เนื่องจาก ชื่อเสียงของบริษัทจีน เสียไปหมดแล้ว จากการบอกเล่าปากต่อปากของผู้รับเหมา

 

สุดท้าย ที่จะอดกล่าวถึงไม่ได้เลย ก็คือ "เจ้าหน้าทีจากการเคหะ" ทำตัวเยี่ยงขอทาน ก็ไม่ปาน

 

ทางการเคหะ ใช้มาคุมงาน แต่ดันไปเรียกเก็บค่าคุ้มครอง จาก ผู้รับเหมาซะงั้น กลั่นแกล้งทุกทางถ้าไม่ยอมจ่าย

 

ตรวจงานก่อนเทปูน แบบไม่สวยมั่งหล่ะ มีช่อง ร่องโหว่ มั่งหล่ะ...ให้แก้กันไม่จบไม่สิ้น จนเลยงวดเบิกเงินไป

 

แต่ถ้ายอมจ่ายให้กับผู้ควบคุมงาน ต่อให้แบบคานเบี้ยว รูบานเท่าปากโอ่ง มันยังยอมให้ผ่านเลยคร้าบบบ...555+ !!!

 

ประมาณนี้แหล่ะครับท่านsigree ....ที่เหลือส่วนอื่นๆ รอเพื่อนๆ สรท. มาช่วยเพิ่มเติมอีกทีนะครับ

 

ขอบคุณครับที่ตามอ่าน นิทานก่อนนอน อีกเรื่องนึงครับ

พอดีภรรยาผมเป็นแม่บ้าน หรือเรียกอีกอย่างคือ คนใช้ คือใช้ผมอย่างเดียว คนอื่นไม่ยอมใช้

 

คนใช้ผมชอบซื้อไข่มาเป็นแถว และ แช่เย็นไว้แบบนั้น เวลาผมหิวข้าวมาดึกๆอยากข้าวต้มรอบดึกกับภรรยาสุดสวย

 

แต่บ้างครั้งเจอไม่มีกับข้าวมีแต่ไข่ แต่เจอไข่มันเหลว เห็น ท่านหมื่นปีมีวิธีการถนอมอาหาร โดยเอาไข่ไก่มาทำไข่เค็ม

 

ผมจึงอยากได้วิธีการทำนะครับ

 

ถ้าท่านหมื่นปี ไม่ห่วงวิชา หรือถ้าท่านหมื่นปี คิดค่าเฟรนไซส์คิดมาได้นะครับ

 

ผมจ่ายให้นะครับ

เอางี้ครับขออธิบายสักนิดในฐานะที่รับราชการมาค่อนชีวิต ผมว่าตัวเลขงบประมาณที่เอาเข้าสภาครั้งนี้น่าจะผิดพลาดยาก เพราะเป็นเอกสารสำคัญต้องผ่านการตรวจสอบหลายชั้น ตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่ หัวหน้างาน หัวหน้าฝ่าย หัวหน้าสำนัก ผู้อำนวยการกอง รองปลัด สุดท้ายปลัดกระทรวง แล้วยังมีฝ่ายการเมืองอีก เฮ้อ เห็นไหมครับขั้นตอนราชการมันมากมายจริง ๆ เสนอเรื่อง 1 เรื่อง กว่าจะเสร็จถึงต้องใช้เวลานานไงครับ ความผิดพลาดจะเกิดขึ้นได้ครับ กรณีเดียวเท่านั้น คือทุกคนทุกขั้นตอนที่ว่ามา มันห่วย ไม่ดู ไม่ให้ความสำคัญ ซึ่งในกรณีนี้มันเป็นไปไม่ได้ งบประมาณกระทรวงของตัวเอง ต้องรู้ ต้องดู ให้ละเอียดครับ ถ้าผิดพลาดกระทรวงคุณจะทำงานกันยังไงครับ

อธิบายผมทีสิ ถ้าเป็นข้าวลม ผมจ่ายผมจะได้อะไร

 

อยากปิดความสงสัย เราได้เอาไปต่อได้อย่างมีคำอธิบาย

กระบวนการหากินกับข้าวลม

โรงสี ก.ซื้อข้าว 100 ตันจากรัฐบาล ซึ่งฝากไว้กับโรงสี ข.

โรงสี ข.ต้องส่งมอบข้าว 100 ตันให้กับ โรงสี ก. แต่ไม่มีข้าว เพราะได้ลักลอบขายข้าวไปก่อนหน้านี้

โรงสี ข.จึงขอซื้อข้าว 100 ตัน ทางบัญชีโดยให้กำไรโรงสี ก. 6,300 บาท/ตัน

 

ประเด็นจึงมีดังต่อไปนี้

 

1.กรณีโรงสี ก. กับโรงสี ข. ไม่รู้จักกัน

  - โรงสี ก.ได้กำไร 6,300 บาท/ตัน โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมาก เพราะรู้มาว่าโรงสี ข.มีข้าวลม

 

2.กรณีโรงสี ก. กับโรงสี ข. เป็นแก็งค์เดียวกัน

  - โรงสี ก.ได้กำไร 6,300 บาท/ตัน เพียงตัวเลข แต่ช่วยกลบเกลื่อนการทุจริตให้โรงสี ข. ซึ่งลักลอบขายข้าวไปก่อนหน้านี้ และได้กำไรไปแล้ว ได้เงินไปหมุนก่อนหน้านี้แล้ว ได้ดอกเบี้ยเงินฝาก หรือผลประโยชน์จากการลงทุนไปแล้ว

  - โรงสี ข.มักชอบให้รัฐบาลฝากข้าวไว้เป็นเวลานาน เพราะได้ค่าฝาก และยังได้ส่วนลด เพราะผู้เข้าร่วมประมูลราคาต่ำ แต่ก็ได้ลักลอบขายไปในราคาท้องตลาด