MIRO

    ประเทศขณะนี้ "ไม่มีรัฐบาล-สภาผู้แทนฯ" บริหารโดย "ศอ.รส." กลางวัน...ตั้งตนเป็นรัฐบาล จิกหัวมวลมหาประชาชนว่าเป็นกบฏ ก่อความไม่สงบในบ้านเมือง แล้วขอหมายศาลจับรายหัว    
    กลางคืน...เป็นแนวร่วมกองกำลังพิทักษ์อำนาจทักษิณ อำนวยความสะดวกให้โจรออกฆ่ามวลมหาประชาชน "ไม่เลือกหัว" ด้วยอาวุธสงคราม!
    แบบนี้......
    "ข้าราชการในกระทรวงที่เกี่ยวกับทหาร" คือกองทัพ จะปล่อยให้โจรแฝงชื่อ-แฝงอำนาจ "กอ.รมน." ไปใช้ปราบปราม-ลอบฆ่ามวลมหาประชาชนผู้ออกมาทำหน้าที่พิทักษ์ชาติ พระศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่ได้อย่างไร?
    พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.๒๕๓๔ "หมวด ๖ การรักษาราชการแทน" ในมาตรา ๕๐ ระบุชัด....
    "ความในหมวดนี้มิให้ใช้บังคับแก่ราชการในกระทรวงที่เกี่ยวกับทหาร"!
    นั่นหมายถึง ความใน "หมวด ๑ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร" ที่ว่า.....
       "ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เรียกโดยย่อว่า “ผอ.รมน.” เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างใน กอ.รมน. และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของ กอ.รมน. โดยมีผู้บัญชาการทหารบกเป็นรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร..." นั้น
    นายนิวัฒน์ธำรง รองนายกฯ "ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน" จะทึกทักเป็น ผอ.รมน. แทนอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ที่ "ตายขาด" ไปแล้วไม่ได้!
    ฉะนั้น ศอ.รส.ซึ่งเถื่อนอยู่แล้ว แต่อาศัย พ.ร.บ.นี้ตั้งขึ้น เมื่อไม่มีรัฐบาล-ไม่มีนายกฯ คำสั่งที่ออกด้วยมุ่งร้ายมวลมหาประชาชน เปิดโอกาสให้กองโจรระบอบทักษิณเข้าเข่นฆ่าดังประจักษ์นั้น
    เมื่อ ผอ.รมน.ไม่มี แล้วใครล่ะ รับผิดชอบในคำสั่งขณะนี้?
    เหมาะสมด้วยสถานการณ์ และเหตุการณ์เป็นจริงแล้วที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะ "รอง ผอ.รมน." ออกแถลงการณ์ ๗ ข้อ เมื่อวาน (๑๕ พ.ค.๕๗)
    ๑.ขอเป็นกำลังใจให้ทุกพวกทุกฝ่ายที่กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมือง เพื่อนำประเทศชาติไปสู่ความสงบเรียบร้อย ทั้งด้วยวิธีการทางกฎหมายก็ดี หรือการพูดคุยเจรจาก็ดี หรือสันติวิธีอื่นๆ ก็ดี
    อย่างไรก็ตาม การใช้ช่องทางตามกฎหมาย หรือการพูดคุยประชุมหารือกัน อาจไม่ประสบผลมากนักในห้วงเวลานี้ เพราะมีข้อถกเถียงและโต้แย้งมากมาย และอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งมีแนวโน้มเกิดความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
    ดังนั้นทุกฝ่ายควรดำเนินการด้วยวิธีการอันสงบสันติ ไม่สร้างเงื่อนไขและปัญหาเพิ่มมากขึ้น ต้องหยุดสร้างความรุนแรง และช่วยกันนำพาประเทศชาติออกจากความขัดแย้งให้ได้โดยเร็ว
    ๒.จากสถานการณ์การใช้อาวุธเมื่อคืนวันที่ ๑๔ พ.ค.๕๗ ซึ่งมีทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้กระทำ ล้วนแต่เป็นการกระทำผิดกฎหมายทั้งสิ้น
    จึงขอให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ช่วยกันประณามทุกฝ่ายที่ใช้ความรุนแรง และใช้อาวุธสงครามต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งขอให้ส่งข้อมูลหรือเบาะแสให้กองทัพบกทันทีเมื่อได้รับทราบ
    ๓.การที่หลายฝ่ายกล่าวพาดพิง ผบ.ทบ. และ ผบ.เหล่าทัพ ว่าอยู่เฉย ไม่ดำเนินการใดๆ ขอเรียนว่า กองทัพได้ดำเนินการทุกอย่างมาด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาในครั้งนี้มีความซับซ้อน และมีผลกระทบในหลายมิติ
    ๔.ขอเตือนผู้ที่กล่าวให้ร้ายกองทัพ ให้ระมัดระวังคำพูด ซึ่งถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของกองทัพ ทหารทุกคนไม่สามารถยอมรับได้
    ๕.ขอเตือนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธสงครามต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ให้หยุดการกระทำนั้นตั้งแต่บัดนี้ เพราะหากสถานการณ์ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทหารอาจจำเป็นต้องออกมาระงับเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและประเทศชาติโดยรวม
    ๖.หรือหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นจนมีแนวโน้มถึงขั้นจะเกิดการจลาจล เพื่อความสงบเรียบร้อย กองทัพอาจมีความจำเป็นต้องใช้กำลังทหารเข้าคลี่คลายสถานการณ์ ในขั้นนั้นหากมีผู้หนึ่งผู้ใด หรือกลุ่มบุคคล หรือกองกำลังติดอาวุธ ตอบโต้กองทัพ หรือทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อีก บุคคลผู้นั้น หรือกลุ่มบุคคลนั้น จะต้องถูก จนท.ใช้มาตรการทางกฎหมายปราบปรามอย่างเด็ดขาด
    โดยผู้ที่กระทำความผิดดังกล่าว อาจจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ได้ เช่นกันกับกลุ่มบุคคลที่มีความคิดจะบุกรุกหรือปิดล้อมหน่วยทหาร ขอให้ยุติแนวคิดการกระทำดังกล่าวโดยทันที
    ๗.กองทัพเป็นของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนคนไทยทุกคน มิได้เป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่กองทัพก็ต้องปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ และประชาชน เมื่อมีความจำเป็น อย่างเต็มความสามารถ
    "กองทัพบก" โดยตัวบุคคลขณะนี้ คือ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" พูดโดยจิตก้นบึ้งคนไทย ทุกสถานการณ์ที่บ้านเมืองวิกฤติ
    กองทัพ คือ ท่าน....
    คือ "ศูนย์รวมแห่งหวัง" เป็นทางออกจากวิกฤติชาติ!
    ทุกอำนาจในยูนิตบริหารและปกครอง ต่อให้สหรัฐอเมริกา "เจ้าโลก" ก็เถอะ จะศักดิ์สิทธิ์-ไม่ศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่ "กองทัพพิทักษ์-ไม่พิทักษ์"
    ท่านก็ทราบถึงการผูกพันด้วย "จิตใต้สำนึก" คนไทยต่อกองทัพอยู่ตลอด มิเช่นนั้น ในแถลงการณ์ ข้อ ๗ จะไม่มีประโยคว่า...
    "กองทัพเป็นของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนคนไทยทุกคน..." นำประโยค!
    ประเทศไทยนั้น คนเก่ง-คนดี-คนมีวิชาความรู้-คนซื่อสัตย์-คนกตัญญูชาติ "มีมาก" ในจำนวนประชากร ๖๕ ล้านคน จะมากถึง ๖๔.๙๙ ล้านคนด้วยซ้ำ
    แต่ "คนกล้า" ในสถานการณ์วิกฤติ....
    "มีซัก ๕ คน"...ประเทศไทยในอาเซียนนี้ ใครจะหาญทาบ?
    กล้าในที่นี้ คือ กล้านำ-กล้าตัดสินใจ
    เหตุที่ขอเพียง ๕ เพราะผมเข้าใจดี แรกเริ่ม เราสอนให้คน "คิดตาม-พูดตาม-ทำตาม" ในห้องเรียนหนึ่ง มี ๔๕ คน หาซักคนก็ยาก ที่จะยกมือได้เลยหู!
    บุคคลในกองทัพเท่านั้น ถูกฝึกให้มี "คุณสมบัติผู้นำ" คุณสมบัติข้อแรกที่ "ทหารมี" แต่คนไทยทั่วไปไม่มี หรือมี ก็เจือจาง
    "วินัยปฐม" คือ...การเข้าแถว!
    คนเข้าแถวเป็น ก็เหมือนนักปฏิบัติธรรมขั้นบรรลุ รู้ว่า "ปัญหาทั้งโลก" อยู่ที่ "อุปาทาน" ตัวเดียว คือการเข้าไปยึดมั่น-ถือมั่นในสิ่งสมมุติ
    ถ้าวันนี้.....
    สมาชิกวุฒิสภา ศาล องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ปลัดกระทรวง อธิการบดีมหาวิทยาลัย และกองทัพ
    "หยุดอุปาทาน" ด้วยยึดติดในอำนาจบริหารสมมุติหลอนชาติได้!
    "วิกฤตชาติ" ก็แก้ได้!!
    แก้ ด้วย กล้า...ที่คาราคาซังทุกวันนี้ ใช่ว่าแต่ละคนไม่รู้กฎหมาย ไม่รู้ผิด-รู้ถูก รู้กันทั้งนั้น รู้กันทุกคน
    แต่ไม่กล้านำ ไม่กล้าตัดสินใจ เมื่อกลุ่มนำสังคมอันฝึกอบรมด้านคุณสมบัติผู้นำ "ไม่กล้านำ-ไม่กล้าตัดสินใจ"
    แล้วประชาชน ซึ่งเป็นผู้ "คิดตาม-พูดตาม-ทำตาม" ทั้งหลาย ส่วนหนึ่งมีแค่สีเสื้อเป็นอุปาทาน จะอยู่ร่วมชาติ-ร่วมสังคมบนความเป็นอเนกนิกร เป็นกลุ่มก้อนเดียวกันด้วยรัก-สามัคคีได้อย่างไร?
    วิกฤติขณะนี้ มันพ้นเงื่อนไขคำว่า "แบบไหนผิด-แบบไหนถูก" ไปแล้ว แต่มาอยู่ในจุดที่ว่า "แบบไหนควร-แบบไหนไม่ควร"
    และคนระดับนำบริหารแต่ละยูนิตชาติ วางตำแหน่งวิกฤติไว้บนความได้-เสีย ผ่านว่านวงศ์ตัวบุคคล หรือวางความได้-เสียไว้บนผลประโยชน์ประเทศชาติ?
     ถ้ายังอุปาทานบนการได้-เสียผ่านว่านวงศ์ตัวบุคคล....
     ก็โวหาร-ลีลากันไปเถอะ เพราะเรื่องกฎหมาย เป็นเรื่อง "มองต่างมุม" เหตุนั้น จึงเกิดอาชีพทนาย เพื่อให้แต่ละฝ่ายมา "เถียงกันไม่จบ" เป็นอาชีพ
    จึงต้องมี "ตุลาการ" เพื่อทุบค้อน "ให้จบ" ไงล่ะ!
    ไม่มีใครทุกคนเห็นด้วยกับเสียงค้อนทุบหรอก แต่ก็ไม่มีใครขัดขืนบทจบจากเสียงค้อนทุบนั้น
    ฉันใด ก็ฉันนั้น....
    ประธานวุฒิสภา "นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย" หนึ่งเดียวที่มีอำนาจเปลี่ยนผ่านตามรัฐธรรมนูญบัญญัติเวลานี้ ท่านก็ทำหน้าที่ประชุม ปรึกษาหารือ เคาะความเห็นแต่ละฝ่ายมา ๓-๔ วัน
    ได้ความเห็นครบถ้วนแล้ว พอที่จะ "สรุป" เพื่อทุบค้อนแล้วมิใช่หรือ?
    เท่าที่ผมสดับ...
    ทิศทางสังคม มาถึงจุดที่ว่า "เอาไงก็ได้...ขอให้มันลงตัวไปซะอย่าง เพื่อบ้านเมืองจะได้เดินหน้า"
    มันก็ใช่นะ หน้าที่รับสนองพระบรมราชโองการ ชัดอยู่แล้วทั้งตามประเพณีการปกครอง และทั้งตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐
    คือเมื่อไม่มีนายกฯ ไม่มีประธานรัฐสภา รองประธานวุฒิสภา อย่างนายสุรชัยก็ต้องทำหน้าที่นั้น
    ไม่มีนายกฯ พระราชทาน, ไม่มีนายกฯ มาตรา ๗, ไม่มีนายกฯ คนกลาง, ไม่มีนายกฯ ขัดตามทัพ, ไม่มีปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง และไม่มีเลือกตั้งก่อนปฏิรูป
    แต่จะมีนายกฯ "อินเตอร์มิสชั่น" หรืออีกนัยก็ "นายกฯ แม่บ้าน" เข้ามาทำหน้าที่เก็บกวาด จัดระบบ-ระเบียบสังคมใหม่ ตั้งโต๊ะ ปูเตียง
    เพื่อให้ "สมาชิกครอบครัวชาติไทย" ๖๕ ล้านคน เข้าอยู่อาศัยได้สะดวก สุขสบาย เจริญหู เจริญตา
    พร้อมพรักด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้คนที่อยากชมสวนประชาธิปไตยได้เข้าไปชม-เข้าไปใช้ โดยไม่ต้องแย่งกันเด็ด แย่งกันดม!
    ก็เป็นเช่นนี้แหละ ขืนรอให้ทุกฝ่ายพอใจ ถึงชาติหน้าก็ยังหามติร่วมไม่ได้ "กล้ายามวิกฤติ" ให้ดูซักทีเถอะครับ
    อยากเห็น "นปช.ยกระดับ" ว่าเป็นยังไง?.