MIRO

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บอกว่า จะออกคำสั่งอายัดบัญชีของแกนนำผู้ชุมนุมทั้งหมด 18 คน

รวมถึง คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เพราะถูกกล่าวหาหลายฐานความผิดต่างกรรมต่างวาระ อันสืบเนื่องจากการชุมนุมในนาม กปปส

เป็นข้อกล่าวหาหลังจากที่ฝ่ายรัฐบาลหลายคน ออกมาขู่ว่าจะจัดการกับ “ท่อน้ำเลี้ยง” ที่สนับสนุนผู้ที่ร่วมการประท้วงครั้งนี้ ถึงกับระบุว่ามีรายชื่อธุรกิจอย่างน้อย 20 ราย ที่เข้าข่าย “ท่อน้ำเลี้ยง” ที่รัฐบาลกำลังจับตาดู เพื่อตั้งข้อหาว่าสนับสนุนผู้ประท้วง

ผมไม่เข้าใจว่า “ท่อน้ำเลี้ยง” หมายถึงอะไร หรือใคร และความผิดของคนเป็นท่อน้ำเลี้ยงนั้นเป็นอย่างไร แต่เท่าที่รับทราบจากหลายๆ แหล่งข่าว คนไทยจำนวนมากทั้งในฐานะส่วนตัวและผู้บริหารธุรกิจ ไม่ได้กลัวที่จะแสดงตนว่าเป็นผู้สนับสนุนการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศไทย อย่างเปิดเผย คนจำนวนมากทั้งนักธุรกิจและปัจเจกชน ร่วมบริจาคเงินและสิ่งของให้กับผู้ประท้วง เพราะพวกเขาและเธอเห็นว่านี่คือกิจกรรมการเมืองของประชาชน ที่ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และไม่ต้องการให้ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง “ผูกขาด” หรือเป็น “เจ้าของ” ผู้ชุมนุม

เพราะว่านี่คือขบวนการที่มาจากภาคประชาชนหลากหลาย เป็นการตื่นตัวของคนไทยจำนวนมากที่ต้องการแสดงจุดยืนไม่ยอมรับความชั่วร้ายของการเมือง คอร์รัปชัน ผลประโยชน์ทับซ้อน และการใช้เสียงส่วนใหญ่ในสภาผ่านกฎหมายเพื่อคนเพียงกลุ่มเดียว

หากตีความตามที่ดีเอสไอแถลงข่าวเรื่อง “อายัดบัญชี” แกนนำ กปปส. ใครก็ตามที่ซื้อน้ำไปให้ผู้ประท้วง บริจาคเงินและอาหารการกินให้ผู้ต่อต้าน ก็เข้าข่ายจะต้องถูกอายัดบัญชี เพื่อตรวจสอบดูว่ามีเงินไหลเข้าออกที่ผิดปกติเพื่อต่อต้านรัฐบาลหรือไม่

ถ้าแปลความอย่างนี้ ผู้ประท้วงก็มี “ท่อน้ำเลี้ยง” ที่ใหญ่มาก สามารถจะชุมนุมกันได้อีกยาวนาน เพราะนี่เป็นปรากฏการณ์ของมวลชนช่วยเหลือเอื้อเฟื้อกันและกัน เพื่อบอกกล่าวผู้มีอำนาจว่าพวกเขาและเธอ ทนไม่ได้กับสภาพที่เป็นอยู่อีกต่อไปแล้ว

หาก “ท่อน้ำเลี้ยง” หมายถึง การสนับสนุนของคนบางคนต่อมวลชน คำถามก็คือว่า คนที่สนับสนุนรัฐบาลให้กดดันผู้ประท้วงให้สลายตัวจะเรียกว่า “ท่อน้ำเลี้ยง” ได้หรือไม่?

หรือ “ท่อน้ำเลี้ยง” มีทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย?

การที่คนในรัฐบาลพูดเตือน “ท่อน้ำเลี้ยง” ของฝั่งผู้ประท้วงบ่อยๆ นั้น ตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นการขู่และใช้อำนาจในฐานะผู้ปกครองกดดันผู้ต่อต้าน ทั้งๆ ที่ “ท่อน้ำเลี้ยง” ของรัฐบาลเองนั่นแหละ ที่คึกคักและหนาแน่นผ่านกลไกรัฐและพรรคการเมืองของตน เพื่อรักษาฐานอำนาจของตนตลอด

หากรัฐบาลยืนยันว่า “ท่อน้ำเลี้ยง” ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ได้กระทำความผิดกฎหมาย ก็ควรจะต้องระบุชื่อของบุคคลหรือบริษัทห้างร้านเหล่านั้นออกมา เพื่อให้พวกเขาสามารถแสดงเหตุและผล มิใช่กล่าวหาอย่างคลุมเครือ เหวี่ยงแห และใส่ร้ายให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ให้เข้าใจผิดว่าการสนับสนุนผู้แสดงจุดยืนทางการเมือง ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเป็นความผิดทางกฎหมาย

การชุมนุมของคนที่เรียกร้องการปฏิรูปบ้านเมืองครั้งนี้ เป็นไปอย่างสันติ ปราศจากอาวุธ ตามสิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญ ส่วนใหญ่ไม่ได้มาเพราะมีคนเกณฑ์มา และมีความสามารถที่จะดูแลตัวเอง และด้วยเหตุนี้การชุมนุมจึงดำเนินมาได้อย่างยาวนานพอสมควร เพราะตัวเองเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” ของตัวเอง

ยิ่งรัฐบาลใช้วิธีการข่มขู่และกดดันแทนการเจรจาและหาทางออกร่วมกัน ก็ยิ่งจะทำให้ “มวลมหาประชาชน” รู้สึกว่าถูกอำนาจรัฐรังแก ข่มเหง และยิ่งจะตอกย้ำความมุ่งมั่นของผู้ประท้วง ว่า จะต้องผนึกกำลังแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างเหนียวแน่น

รัฐบาลที่ลุแก่อำนาจและใช้วิธีการคุกคามผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับตนอย่างนี้แหละ ที่เป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” ชั้นเยี่ยม...สำหรับผู้ประท้วง

กาแฟดำ

http://www.bangkokbi...ผู้ประท้วง.html

ก็อย่างที่หลายท่านพูดและวิเคราะห์กันเอาไว้

รัฐบาลลุแก่อำนาจ คิดว่ากุมอำนาจรัฐไว้แล้วยิ่งใหญ่คับประเทศ

แต่ยิ่งบ้าอำนาจ ข่มขู่ คุกคาม ยิ่งกลายเป็นการ "เรียกแขก"

มันยิ่งขู่ คนยิ่งกล้า มันยิ่งท้า คนยิ่งเพิ่ม..