Jump to content


Charlie

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2551
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2557 09:43
-----

#1153774 เป็นคนดี ต้อง "เคารพกติกาบ้านเมือง"!ศาลนัดตั้งแต่ ๑๐.๐๐ น. นายกปู...

โดย Bookmarks on 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 17:00

 

 

ถ้าจะเอาข้อกฎหมาย  ข้อเท็จจริง  อย่างไรก็ไม่ผิด

แต่ถ้าจะเอาผิดให้ได้ก็อีกเรื่อง

แต่สุดท้าย  นายกฯและ  ครม รษก  จะต้องอยู่จนกว่า  มี  ครม  ชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่

อันนี้เป็นกฎหมายสูงสุด  คำสั่งใครก็ลบล้างไม่ได้

 

เอาอีกแล้ว... จาฤก เก่งกว่าศาล อีกแล้วนะมรึง?

 

ไม่ต้องเก่ง  หรือต้องศาลตีความหรอก  คนทั่วไปอ่านหนังสือออกก็ตีความได้แล้ว
 
มาตรา ๑๘๐ รัฐมนตรีทั้งคณะพนจากตําแหนง เมื่อ 
(๑) ความเปนรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา ๑๘๒ 
(๒) อายุสภาผูแทนราษฎรสิ้นสุดลงหรือมีการยุบสภาผูแทนราษฎร 
(๓) คณะรัฐมนตรีลาออก 
ในกรณีที่ความเปนรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา ๑๘๒ (๑) (๒) (๓) (๔) 
(๕) (๗) หรือ (๘) ใหดําเนินการตามมาตรา ๑๗๒ และมาตรา ๑๗๓ โดยอนุโลม 
มาตรา ๑๘๑ คณะรัฐมนตรีที่พนจากตําแหนง ตองอยูในตําแหนงเพื่อปฏิบัติหนาที่ตอไป
จนกวาคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหมจะเขารับหนาที่ แตในกรณีพนจากตําแหนงตามมาตรา ๑๘๐ (๒) 
........

 

ตลกอีกแล้ว โจรทำผิด แล้วอยู่ในฐานะนายกรักษาการ ก็ต้องให้อยู่ในตำแหน่ง กินเงินเดือนไป จนกว่าจะได้นายกคนใหม่หรือ ตีความกฎหมายไม่ใช่สมองเลย 




#1142878 ไม้หนึ่ง ก.กุนที ไปซะแระ

โดย Bookmarks on 24 เมษายน พ.ศ. 2557 - 09:30

ดูไอ่นี่ตาย แดงมันพยายามทำให้เรื่องดังมากเลย ทั้งๆที่เป็นแค่แดงปลายแถว ไอ่ด๊อกโสโครก พยายามใช้การตายของไอ่นี่ปลุกระดมสงครามกลางเมือง แดงควายถูกส่งไปตามเวปต่างๆ หาว่าเป็นเหลืองฆ่า กะจะใช้การตายของไอ่แดงปลายแถว กลบข่าวทุจริต หรือไม่ก็ปลุกระดมควายแดงออกมาชุมนุม ดูพวกควายแดงพยายามจะใช้การตายของไอ่นี่ให้เป็นประโยชน์อย่างหนัก มันน่าสงสัยเอามากๆ ว่าจะตายเพราะพวกเดียวกัน โดยการสั่งเก็บ 




#1141724 ลูกเขย “ทักษิณ” เผยแผนลงทุนปี 57 "ส่วน ลูกหลาน เทือกสุบรรณ" ทำอะไรเป็...

โดย -3- on 22 เมษายน พ.ศ. 2557 - 19:44

อะไรวะ พวกเองมันเอียงเท่เล่จริงๆ กลับย้อนไปดูพวกเอ็งด่าข้า และนักการเมืองฝัง ตรงข้ามชิ ไม่พัฒนาเลยเอ็งนี้

 

 

ผมก็ใช้ประชาธิปไตยแบบเดียวกับที่พันทิพราชดำเนินใช้กัน

 

ผิดตรงไหนครับ?  :lol:




#1141679 ลูกเขย “ทักษิณ” เผยแผนลงทุนปี 57 "ส่วน ลูกหลาน เทือกสุบรรณ" ทำอะไรเป็...

โดย amplepoor on 22 เมษายน พ.ศ. 2557 - 19:11

ตามค่านิยมจีน

เขยที่แต่งเข้าบ้านเมีย มีค่าเท่ากับคนรับใช้

 

ถ้าผู้ชาย มีชื่อเสียงได้เพราะเป็นลูกเขยคนอื่น

คนแบบนี้ไม่มีศักดิ์ศรีหรอกครับ




#1141620 อือมมม...น่่่ี่น่าจะเป็นหนึ่งของการใช้เงิน 'ซื้อหรือจ้าง' ที่ถนัดทำกั...

โดย Alkene on 22 เมษายน พ.ศ. 2557 - 18:13

พล.อ.เปรม ได้ลงนามคำสั่ง 66/2523 ให้พวกคอมกลับใจได้ออกจากป่า เหวง-ธิดา พวกหัวคอมเก่าก็ได้ออกมามีชีวิตสุขสบาย ซ้ำยังเผยแพร่อุดมการณ์แบ่งแยกล้างสมองอยู่ทุกวันนี้

จิตใจพวกนี้คงขาดสามัญสำนึกอย่างถึงที่สุดแล้ว




#1122609 ดวงเมือง

โดย แม้ว ม.7 on 31 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 23:02

แล้วยังไง ตอนที่ 9/10 (1) – แม่หมอฟันธงชัวะๆ (ลุงกำนันบอกว่า ไม่ใช่ล้มแบบนี้โว้ย ยัยฟอง)
--------------------------------------------------------------------------------
วรวรรณ ธาราภูมิ
30 มีนาคม 2557

{ตอนที่ 9/10 นี้ แบ่งเป็น 4 ตอนย่อย จาก ตอนที่ 9/10 (1) ไปจนถึง 9/10 (4) ขอให้ตามเก็บให้ครบ} 

ตั้งแต่แรกเกิด ตกฟากในบ้านริมน้ำที่อยุธยา (ในขณะที่พี่สาวกับน้องสาวล้วนจุติในห้องคลอดของโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ) ก็มีโหราจารย์ชื่อ ลุงเนิ่น ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ผูกดวงให้พี่บนกระดานชนวน แต่ดวงจะเป็นอย่างไรพี่ก็ไม่ทราบ รู้แต่ว่าเป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นจากบรรพบุรุษ แต่จะพลัดพรากไปเติบโตแตกหน่อทำงานหนัก (เยี่ยงทาส) ที่อื่น ไอ้เรื่องที่เราๆ อยากรู้กัน เช่น จะรวยไหม จะมีตำแหน่งการงานที่สูงส่งไหม จะมีเนื้อคู่หนังคู่เป็นพระเอกขนาดไหน หรือไม่มีเอาเสียเลย แบบเนี๊ยะ ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่เคยเล่าให้ฟังเลย และเกิดมาก็เคยดูดวงแบบจับพลัดจับผลูกับแบบตั้งใจเพียงไม่เกิน 10 ครั้งเท่านั้น ซี่งไม่ใช่เพราะไม่เชื่อ หรืออยากเอาไว้ลุ้นตอนจริง แต่เป็นเพราะกลัวความแม่นยำ 

ตอนที่ทำงานเป็นลูกน้องของ ดร.เจษฎา โลหอุ่นจิตร (ยูเรสโตร เจ้าของคอลัมน์ “ถอดรหัสลับดวงดาว” ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ) ประมาณกว่า 2 ปีนั้น ก็นึกปวดหัวและแอบเบื่อกับความพากเพียรของอาจารย์เจษ ที่อยากถ่ายทอดความรู้ด้านนี้ให้ลูกน้องทุกคนที่สนใจ เวลาอาจารย์อธิบายความเป็นมา เป็นไป ของดวงดาวอย่าง ยูเรนัส เนปจูน พลูโต ฯลฯ เราก็นินทาในใจด้วยอวิชชาว่า “ฮ่วย ทำไมอาจารย์ถึงไม่ฟันธงเลยเล้า ให้ฟังภาษากุโบส อยู่ได้ ฟังไม่รู้เรื่อง ง่วงๆๆๆๆ หิวข้าวด้วย”

แต่พออาจารย์ฟันธง แล้วมันเกิดจริงเป๊ะๆ ก็ทำให้พี่กลัวโหราศาสตร์ไปเลย จนต้องลาออกแบบไม่มีเหตุผลอันสมควรจนอาจารย์คงนึกอยากจะแพ่นกระบาลในความดื้อของพี่ ทั้งๆ ที่ท่านกรุณาพี่มาก ประจวบเหมาะกับที่คุณพ่อเสียชีวิต ตามที่อาจารย์เตือนไว้ ซึ่งนอกจากเรื่องคุณพ่อแล้วก็เตือนว่า ... เอ๊ะ ... ทำไมมีเกณฑ์ย้ายงาน ... ซึ่งพี่ก็ขำก้าก เพราะไม่เคิดจะย้ายไปไหนเลย 

แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ พี่ก็เลยไม่มีอารมณ์ทำงาน ขออนุญาตกราบลาอาจารย์เพื่อออกไปตั้งสติจากความสูญเสียก่อน แล้วก็ได้มาทำงานที่กองทุนบัวหลวงนี่ละ ก็ตั้งใจไว้ว่าจะไม่แอบนินทาอาจารย์เจษอีก อุ้ย ... นี่ก็เรียกว่านินทาได้แล้วกระมัง !!

ตั้งแต่นั้น โหราศาสตร์ สำหรับพี่ตู่ก็คือเรื่องที่สนใจ แต่ไม่ได้สนใจจะศึกษาในแง่ดวงดาวอะไร เพราะมันเกินสติปัญญาตนจริงๆ แต่พี่สนใจถึงที่มา การนำไปใช้ประโยชน์ ส่วนการจำชื่อดาวนั้น ดาวนี้ ว่าเป็นตัวแทนอะไรก็ยากมากๆ จำได้แต่ ดาว มยุรี 

ก็คงคล้ายๆ กับแมงเม่าที่ไม่ยอมฟังที่มาที่ไป ไม่ศึกษาปัจจัยพื้นฐาน เสวนาทีก็ขอให้ฟันธงออกมาเลย ประมาณนั้นแหละ ความรู้ด้านนี้ของเราจึงไม่งอกเงย เอาแต่ผลไปใช้ ไม่สนใจเหตุ

อย่างไรก็ตาม มาถึงปูนนี้ คนเรามันก็ต้องตกผลึกทางความคิดกันบ้างละ ไม่งั้นลูกหลานมันจะนินทาเราว่า “แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน” เออ .. ไม่ใช่ “แก่เพราะกินเหล้า เฒ่าเพราะเหนียงยาน” นะ 

วิกิพีเดีย ระบุว่า “โหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการทำนายอนาคตหรือโชคชะตาของมนุษย์ปรากฏการณ์ต่างๆ ของบ้านเมืองและของโลก โดยอาศัยเวลาและตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ บนท้องฟ้าเป็นสำคัญ แล้วบันทึกไว้เป็นสถิติ ซึ่งโหราศาตร์นี้แม้จะพิสูจน์จนเห็นเป็นประจักษ์ จนสรุปออกมาเป็นทฤษฎีได้ไม่ว่าจะทดลองกี่ครั้ง เช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ แต่โหราศาสตร์ก็ยังคงเป็นวิชาที่ค่อนข้างลึกลับ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ไม่รับรองโหราศาสตร์ว่าเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลอินเดียได้มีการประกาศเมื่อวันที่ 11 พค. 2544 ให้มีการสอนวิชาโหราศาสตร์ในมหาวิทยาลัยได้”

อ่านจากวิกิพิเดียแล้ว พี่ฟันธงมั่ง ว่า “แม้วิทยาศาสตร์จะระบุในทางเปิดเผยแบบนั้น แต่เรื่องจริงก็คือ นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกหลายภาคส่วนต่างยอมรับในเรื่องโหราศาสตร์กันอย่างไม่มีเงื่อนไข เพียงแต่ไม่ออกนอกหน้า และทำการศึกษากันอย่างขะมักขะเม้นในทางลับและทางเปิดเผย”

ในแวดวงการเมืองการปกครองและการ (ศึก) ต่างประเทศ เขาใช้โหราศาสตร์ในการทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้า ทั้งยังเอาไปใช้ในปฏิบัติการณ์จิตวิทยาเพื่อชักจูงมวลชนด้วย อย่างในสมัยฮิตเลอร์ เขาก็ใช้เป็นรายวันเลยละ

วิชาอื่นๆ เรายังเชื่อได้โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่เห็นถามเลยว่าทำไมมุมตกต้องเท่ากับมุมกระทบ เราเชื่อจากการเรียนการสอนที่ถูกกำหนด พอโตขึ้นก็เชื่อจากประสบการณ์ แต่โหราศาสตร์อันเป็นศาสตร์ชั้นสูงที่มีมาคู่สยามประเทศตั้งแต่ครั้งตั้งกรุงสุโขทัย กลับไม่ได้รับการบรรจุเป็นหลักวิชาในโรงเรียน ทั้งๆ ที่มีการเรียนการสอนในอดีต เพราะอะไร

พี่เดาเองว่าเป็นเพราะผู้หลักผู้ใหญ่ในอดีตจนปัจจุบันต่างถูกครอบงำทางความคิดให้เชื่อหลักสูตรการเรียนการสอนในแบบตะวันตกเท่านั้น แบบว่าฝรั่งเป็นเทพ อะไรที่ฝรั่งไม่ทำ เราไม่ควรทำ เพราะมันงมงาย เพราะมันล้าสมัย ไม่ศิวิไลซ์

เมื่อเป็นเช่นนี้ ศาสตร์ชั้นสูงอย่างโหราศาสตร์จึงหลุดออกจากโคจรของการศึกษาไปอย่างน่าเสียดายที่สุด แต่ยังดีที่มีผู้สนใจศึกษาเพิ่มเติมมากขึ้นในสมัยนี้ จนมีชื่อเสียงกันหลายคน บางรายก็ของจริง บางรายก็ของปลอม และหลายรายก็ปรับไปทำมาหากินด้วยการทำนายเรื่องส่วนตัวของศิลปินดารา ซึ่งก็ว่ากันไม่ได้ เพราะแนวใคร แนวมัน สร้างดาวคนละดวงกันไป

อย่างไรก็ดี ธรรมชาติมนุษย์คือมีความอยากรู้วิถีในวันหน้า โหราจารย์จึงเป็นที่นิยมของบุคคลที่มีชื่อเสียงในทุกแวดวง รวมทั้งกองทัพ และนักการเมือง

โบรกเกอร์รายใหญ่ระดับโลกแห่งหนึ่ง ยังทำนายเศรษฐกิจการลงทุนด้วยโหราศาสตร์ปีละครั้งในช่วงขึ้นปีใหม่เลย ดังนั้น ไม่ว่าใครจะปากแข็งไม่ยอมรับอย่างไร อย่างน้อยก็ต้องเคยเปิดอ่านดวงโหลตามราศรีของตนในหนังสือใดหนังสือหนึ่งกันบ้างละ จริงป่ะ

ทีนี้นอกเหนือไปจากอาจารย์เจษฎาแล้ว ทำไมพี่ถึงติดตามงานของพี่ฟองสนาน ทั้งๆ ที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน เพิ่งได้เจอแม่หมอใจดีในวันที่ 28 มีนาคม 2557 นี้เป็นครั้งแรกล่ะ?

นั่นก็เพราะแนวทางของพี่ฟอง มีหลักคิด หลักเหตุ หลักผล และพี่ฟองไม่โม้ ไม่เชื่อมาดูตัวอย่างความแม่นยำของพี่ฟองกัน

พี่ฟองทำนายเรื่องดวงเมืองแตกร้าว จะเปลี่ยนแปลงใหญ่ชนิดอะไรที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น แล้ววันนี้เราเป็นอย่างไร พี่ฟองทำนายในตอนที่คุณอภิสิทธิ์ยุบสภาให้เลือกตั้งใหม่ว่าเราจะได้ผู้หญิงเป็นนายกฯ นั่นไงของแปลกอย่างที่หนึ่งมาแล้ว --> นายกหญิง 

ที่สำคัญคือทำนายว่านายกปูจะล้มในวันที่ 15 มีนาคม 2557 แล้วผลที่เกิดขึ้นก็คือล้มจริงๆ คือหกล้มตอนลงจากรถตู้ !! ซึ่งลุงกำนันบ่นว่า ....

“ไม่ใช่ล้มแบบนี้โว้ย ยัยฟอง"

------------

 

แล้วยังไง ตอนที่ 9/10 (2) – แม่มดฟันธงชัวะๆ (อุบาทว์พระอินทร์)

---------------------------------------------------------------------
วรวรรณ ธาราภูมิ
30 มีนาคม 2557

ภาพรวมดวงเมืองไทย
----------------------
แม่หมอ ฟองสนาน เริ่มการบรรยายในวันที่ 28 มีนาคม 2557 ด้วยการบอกถึงกำเนิดของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพี่ตู่ค้นหาข้อมูลละเอียดมาเพิ่มเติมให้ 

อาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2325 เวลา 06.54 น.ที่กรุงเทพฯ เป็นวันเกิดของกรุงรัตนโกสินทร์ มีการทำพิธีวางฤกษ์ตามพิธีสร้างเมืองสำหรับท้าวพระยามหากษัตริย์ วันนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงเป็นประธานในพิธี มีมหาสมณะ ชีพราหมณ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ เข้ามาร่วมทำพิธีกัน 4 วัน 4 คืน 
ดวงเมือง

พี่ฟองเล่าว่า …..

ตามประเพณีของการสร้างเมือง จะต้องฆ่าคนที่มีชื่อตามโฉลก คือ อิน จัน มั่น คง ในหลุมฝังเสาหลักเมือง เพื่อทำหน้าที่รักษาเมืองให้รุ่งเรืองมั่นคง แต่ในหลุมฝังเสาหลักเมืองวันนั้นไม่มีคนมีชีวิตถูกนำไปสังเวยในหลุมเลยสักคน มีแต่งูเล็กๆ 4 ตัว นอนอยู่ก้นหลุมโดยไม่มีใครเห็นมาก่อน มาเห็นก็ตอนหย่อนเสาลงหลุมและถึงเวลากลบเสาแล้ว ถึงได้เห็นงูเล็กทั้ง 4 ตัวเลื้อยกระดุ๊กกระดิ๊กอยู่ที่ก้นหลุม จะแก้ไขอะไรก็ไม่ทัน เพราะพิธีการต่างๆ ทำเสร็จสิ้นหมดแล้ว เลยกลบดินลงไปทับงูทั้ง 4 ตัวเอาดื้อๆ 

แต่ทั้งรัชกาลที่ 1 กับขุนโหรและผู้รู้ทั้งสมณะชีพราหมณ์ทั้งหมด ก็ได้เห็นได้รู้กัน ว่านั่นเป็นเรื่องอาถรรพณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อบอกเหตุของบ้านเมืองที่จะหลีกเลี่ยงไม่พ้น

อย่างไรก็ดี มีจดหมายเหตุความทรงจำของ กรมหลวงนรินทรเทวี ผู้เป็นพระขนิษฐา (น้องสาว) ของ
รัชกาลที่ 1 ข้อความว่า …. 

"ณ วันอาทิตย์ เดือน 7 ขึ้น 1 ค่ำ ปีระกาเอกศก เวลาบ่าย 3 โมง 6 บาท อสุนีบาติพาดสายตกติดหน้าบันมุขเด็จเบื้องทิศอุดร ไหม้ตลอดทรงบนปราสาท ปลายหักฟาดลงพระปรัสซ้ายเป็นสองซ้ำลงซุ้มพระทวารแต่เฉพาะไหม้ ….. พระโองการตรัสว่า เราได้ยกพระไตรปิฎก เทวาให้โอกาสแก่เรา ต่อเสียเมืองจึงเสียปราสาท ด้วยชะตาเมืองคอดกิ่วใน 7 ปี 7 เดือน เสร็จสิ้นพระเคราะห์เมือง จะถาวรลำดับกษัตริย์ถึง 150 ปี" 

แปลความสรุปสั้นๆ ว่า มีฟ้าผ่าลงหน้ามุขเด็จของพระที่นั่งอมรินทราภิเษก มหาปราสาท แล้วเกิดเป็นเพลิงไหม้เครื่องบนและหลังคา แล้วเลยลุกลามไหม้ทั้งองค์พระมหาปราสาทจนหมดสิ้น เหตุการณ์ฟ้าผ่าแบบนี้โบราณถือว่าเป็น “อุบาทว์พระอินทร์”

เรื่องฟ้าผ่าแบบนี้เคยมีปรากฏจนบันทึกไว้ในพงศาวดารว่า ในสมัยพระเจ้าปราสาททอง เกิดฟ้าผ่าพระราชวัง จนไฟไหม้ โหรทายว่าปกติแล้วถึงคราวจะต้องเสียเมือง แต่เทวดาสงเคราะห์ช่วยรักษาให้รับเคราะห์เพียงเล็กน้อย ต่อไปบ้านเมืองจะรุ่งเรือง ปราศจากศัตรูเข้ามาย่ำยี ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น เพราะบ้านเมืองในช่วงรัชสมัยของพระองค์เจริญรุ่งเรืองมากมายในทุกด้าน 

สำหรับเหตุการณ์ในครั้งรัชกาลที่ 1 นั้น เนื่องจากทรงรอบรู้โหราศาสตร์ จึงหยั่งเหตุการณ์ได้ จึงมีพระราชโองการตรัสว่า “เราได้ยก (ชำระสะสาง) พระไตรปิฎก เทวดาจึงให้โอกาสแก่เรา ต่อเสียเมือง (น่าจะหมายถึงกรุงศรีอยุธยา) จึงเสียปราสาท ด้วยชะตาเมืองคอดกิ่วใน 7 ปี 7 เดือน เสร็จสิ้นพระเคราะห์ครองเมือง (แล้ว) จะถาวรลำดับกษัตริย์ถึง 150 ปี”

นั่นก็คือ รัชกาลที่ 1 ทรงทำนายว่าระบอบกษัตริย์จะมีต่อไปอีก 150 ปี ก็จะหมดยุค 

ลองนึกถึงคนในยุคปีที่ 150 ตามคำทำนายสิ จะว่ากังวล ตระหนกอกสั่น กับสิ่งที่อาจจะเกิดตามคำทำนายนั้นแค่ไหน และในเชิงการเมืองก็ย่อมจะมีคนหยิบยกเรื่องนี้ไปเป็นประโยชน์ในการก่อการบ้างละ อย่างพอถึงต้นรัชกาลที่ 7 ก็มีคนช่างจำมาสะกิดขึ้นว่า ปี พ.ศ. 2475 นี้พระนครจะครบ 150 ปีแล้ว เป็นปีมะเส็งงูเล็กเสียด้วย เหมือนงูเล็กในหลุมหลักเมืองเลย ในหลวงรัชกาลที่ 7 ก็ประสูติปีมะเส็ง (พ.ศ.2436) 

ไอ้อย่างนี้ละที่จะลือกันปั่นป่วนไปยกใหญ่ในทางไม่เป็นมงคล ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่ต้อง lay Off ข้าราชการออก เพราะท้องพระคลังร่อยหรอจากยุคก่อนหน้า เกิดปัญหารุมเร้าในหลวงรัชกาลที่ 7 ในทุกๆ ด้าน ตรงนี้ บันทึกของ ดร.วิษณุ เครืองาม ระบุว่า ...

“พวกที่ไม่เชื่อโชคลาง ก็ไม่เชื่อ แต่ที่นั่งรอลุ้นว่า มันต้องเกิดอะไรสิน่า ก็พอมีอยู่บ้าง ข้างฝ่ายทหารและพลเรือนที่คบคิดกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2469 ณ กลางกรุงปารีส บัดนี้ก็ดูจะได้แนวร่วมมากหน้าหลายตาเพียงพอแล้ว ช้าจะไม่เป็นการ นานจะไม่เป็นคุณ จะหาฤกษ์ยามใดเหมาะไปกว่านี้เห็นจะไม่มีอีกแล้ว ส่วน วัน ว. เวลา น. นั้น มีคนอ้างว่า หลวงพ่อโน้น หลวงปู่นี้ โหรคนนั้น คำนวณฤกษ์ก่อการ มีอยู่หลายเจ้า” 

พี่ฟอง บอกว่า 150 ปี ต่อจากนั้น ก็คือวันที่ 24 มิถุนายน 2475 พอดี โดยเป็นวันที่มีการปฏิวัติเปลี่ยนการปกครองโดยเลิกระบอบราชาธิปไตย เปลี่ยนไปเป็นระบอบประชาธิปไตย อำนาจในการบริหารบ้านเมืองได้ถูกดึงออกไปจากกษัตริย์ ไปอยู่กับคนที่เรียกตนเองว่าเป็นผู้แทนของปวงชนชาวสยาม หรือ คณะราษฎร์ ในยุคนั้น มาจนถึงวันนี้ 

ขอย้อนกลับไปยังบันทึกของ ดร.วิษณุ เครืองาม อีกท่อนหนึ่งที่น่าสนใจ ท่านเขียนไว้ว่า ....

พระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ทรงยอมเสด็จฯ กลับ (จากวังไกลกังวล) ไม่ทรงหนีหรือสั่งให้ต่อสู้ปราบปราม แม้จะมีกองทหารที่จงรักภักดีอยู่ทางหัวเมืองปักษ์ใต้ ตรัสว่าความคิดเช่นนี้ก็ทรงมีอยู่แล้ว จึงนับว่าคณะราษฎรกับพระองค์คิดไม่ต่างกัน ถ้ามีการต่อสู้ คนไทยกันเองก็จะมาล้มตายเสียเปล่าๆ และหากทรงขัดขืน คณะที่ยึดอำนาจก็จะลำบาก เพราะต่างชาติคงไม่กล้ารับรองรัฐบาลใหม่ง่ายๆ การจะเสด็จฯกลับไม่ใช่เพราะทรงอยากได้ใคร่ดี พระสุขภาพก็ไม่ดีอยู่แล้ว พระราชโอรสก็ไม่มี แต่ก็จะทรงกลับไปช่วยให้เหตุการณ์คืนสู่ความสงบเรียบร้อยโดยเร็ว

อ่านถึงตรงนี้ขอให้เปรียบเทียบกับบ้านเมืองเราในวันนี้ด้วย บางวทีคนอ่านที่ไม่ชอบประวัติศาสตร์อาจจะเปลี่ยนใจได้ เพราะเห็นว่า การศึกษาเรื่องราวในอดีตมันมีประโยชน์มาก

ทีนี้กลับมาที่พี่ฟองกัน …..

-------------

 

แล้วยังไง ตอนที่ 9/10 (3) – แม่มดฟันธงชัวะๆ (หมอผี ปชป ไม่ทำหน้าที่)

----------------------------------------------------------------------------
วรวรรณ ธาราภูมิ
30 มีนาคม 2557

พี่ฟอง แม่หมอใจดี ฟันธงชั้วๆๆๆๆ ว่า ....

“ดวงเมืองไม่มีแพ้ใคร หากมีอะไร ลูกหลานรัชกาลที่ 1 จะออกมาปะทะก่อนเลย ก็วางกันมาอย่างนั้น”

ฟังถึงตรงนี้ ในใจคิดว่า โอ้ ... ลูกหลานของพระองค์ ช่างมากมายนัก 

เพราะมีเป็นล้านๆ คนเลยที่ออกมาถือธงชาติ เป่านกหวีดกันอยู่บนถนนเนี่ยะ เพิ่งรู้ว่าไอ้เราก็น่าจะมีเชื้อเจ้าไปกับเขาด้วย เพราะออกมาปะทะแถวหน้าก่อนเพื่อนในกรณีไม่เอา ร่าง พรบ.นิรโทษสุดซอย ก่อนจะมีมวลมหาประชาชนเกิดขึ้น ซึ่งน่าทึ่งนักที่บางคนใช้ความถนัดขึ้นเวทีร้องเพลงแบบคอนเสิร์ต แสดงละครสนุกสนาน บางคนก็ทำเสื้อ ทำหมวก ฯลฯ ขายหาเงินมาช่วยเป็นระวิง ที่น่าตื้นตันใจที่สุดก็คือ คนมากมายเหลือคณานับที่อยู่รายทาง ต่างบริจาคเงินเล็ก เงินใหญ่ ให้เอาไปสู้ 

พี่ฟองเล่าต่อว่า .... 

“ตามวิชาโหร ก็บ่งบอกล่วงหน้ามาแล้วว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มากในดวงเมือง ประชาธิปัตย์โง่มาก (ที่ไปยุบสภาสมัยคุณอภิสิทธิ์ ฮ่าๆๆๆๆๆ) คุณสัมพันธ์ ทองสมัคร ซึ่งมีฉายาเป็นถึงหมอผี หรือ ดร. วูดู ก็ไม่รู้จักเตือน ปชป ทั้งๆ ที่ดวงเมืองแตก และแตกถึง 2 ชั้นในระยะใกล้ๆ กัน แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย”

พี่ฟองบอกด้วยว่า พรรคการเมือง ผู้หลักผู้ใหญ่ ทุกวงการต่างวิ่งเข้าหาหมอดู วางฤกษ์ วางยาม กระทำการกันทั้งนั้น แม้จะไม่ยอมรับ อย่างนายกหญิงก็น่าจะมาเพราะพี่ชายไปดูดวงเมืองเทียบ ก็เลยส่งมาในช่วงที่เหมาะสม ส่วนพี่ฟองนั้น ใครอย่ามามองว่าเชียร์ ปชป เพราะพี่ฟองอยู่ข้างด่านายกฯ ทุกคนมาโดยตลอด เรียกว่าเป็นศัตรูกับทุกพรรครัฐบาลนั่นแหละ 555555555+

การที่ดวงเมืองแตกนั้น มันก็ต้องเข้าใจโดยเปรียบเทียบกับยุคก่อนๆ ซึ่งเรื่องนี้พี่ฟอง แม่หมอผู้ร่ำรวยอารมณ์ขัน บอกว่า ...

“เมื่อราหูอันเป็นตัวแทนของความลุ่มหลง มัวเมา ประชานิยมก็ใช่ รวมทั้งการเก็งกำไรด้วย โคจรมาเจอเสาร์ซึ่งคือรัฐบาล ก็เลยไปกันใหญ่ แถมดวงเมืองยังแตกร้าวสุดๆ แตก 2 ชั้น แบบไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวอย่างในอดีตก็คือช่วงสงครามเก้าทัพ”

พี่ตู่จำได้ว่า สงครามเก้าทัพ เป็นสงครามครั้งที่ 1 ระหว่างไทยกับพม่า เกิดขึ้นหลังจากกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีได้ 3 ปี พอถึงปีมะเส็ง (งูเล็กอีกแล้ว) พ.ศ.2328 กษัตริย์พม่าคือพระเจ้าปดุงทรงประกาศแสนยานุภาพ (ตามระเบียบ) รวบรวมเมืองเล็กเมืองน้อย ประเทศราช ให้เป็นปึกแผ่น แล้วยกทัพมาเพื่อทำลายล้างกรุงรัตนโกสินทร์ให้พินาศเหมือนนกรุงศรีอยุธยา โดยรวมกำลังพลถึง 144,000 นาย จัดเป็นกระบวน 9 ทัพ เดินทัพ 5 เส้นทาง ในขณะที่ฝ่ายไทยนั้น รัชกาลที่ 1 รวบรวมกำลังไพล่พลได้เพียง 70,000 นายเท่านั้น เรียกว่าพม่า 2 ต่อไทย 1 และโชคไม่ดีเลยที่เราไม่ได้อยู่ข้าง 2

แต่เราก็ชนะ โดยกรมพระราชบวรมหาสุรสิงหนาท หรือวังหน้าพระยาเสือ พระอนุชาของรัชกาลที่ 1 ทรงเป็นผู้พิชิตศึกอย่างแท้จริง เพราะผลจากการรบในยกแรก ทำให้กองทัพใหญ่จำนวนมหาศาลของฝ่ายพม่าติดอยู่ในช่องเขา และต้องเผชิญกับกลศึกมากมาย เพราะไทยรบแบบกองโจรด้วยวิธีจรยุทธ์ ในมหาสงครามที่จะชี้ขาดความเป็นความตายให้กับชาวสยาม อันที่จริงผู้นำการรบแบบกองโจร จรยุทธ์มาใช้คนแรกก็คือ พระนเรศวร นั่นเอง

รายละเอียดหาอ่านได้ที่นี่ สนุกมาก http://www.unigang.com/Article/8641

พี่ฟอง บรรยายต่อว่า ...

“ในคราวสงครามเก้าทัพนั้น ดวงเมืองแตกจากอริราชศัตรู แต่วันนี้ ดวงเมืองของเราแตกเพราะจิตใจคน มีการทำให้มัวเมาในประชานิยมโดยไม่ได้คำนึงถึงพื้นฐานเศรษฐกิจและสังคมว่ารองรับไหวไหม จิตใจคนไทยแตกแยกกันแบบไม่เคยเป็นได้ถึงเพียงนี้ แตกเพราะไปลุ่มหลงมัวเมา ซึ่งต่อไปผลที่ต่อเนื่องจากนโยบายเหล่านั้นจะกระทบหนักมาก ซึ่งทำนายโดยเอาช่วงดวงเมืองแตกในเหตุการณ์สงครามเก้าทัพ มาเปรียบเทียบกับศึกดวงเมืองแตกคราวนี้

ช่วงเริ่มกดดันคือ 24 พฤษภาคม 2554‐7 กันยายน 2555 การบริหารบ้านเมือง (ยุคคุณอภิสิทธิ์) จะมีปัญหา จะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ชนิดที่อะไรที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็น แล้วก็จริง เพราะการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 พรรคเพื่อไทยเสนอสิ่งแปลกใหม่คือนายกฯ หญิง ซึ่งหาเสียง 49 วันได้เป็นนายกฯ ด้วยการออกนโยบายประชานิยมมาท่วมประเทศ (ชนิดที่ใครไม่เลือกก็คงเสียสติ) เช่น ข้าว(คือพระเสาร์) 15,000 บาท/ตัน ค่าแรง(พระเสาร์) 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ รถยนต์คันแรก บ้านหลังแรก แท็ปเล็ท ฯลฯ”

พี่ตู่ว่าคนที่เลือกในวันนั้น มาถึงวันนี้มีหลายคนที่เสียสติแทนคนที่ไม่ได้เลือกเธอในวันนั้น โดยเฉพาะชาวนาที่เอาข้าวไปจำนำแล้วยังไม่ได้เงิน จนหลายรายผูกคอตายไปแล้วกับนโยบาย “พี่คิด น้องทำ จนความ ... (จุดจุดจุด) จึงจะตกแก่บ้านเมืองไปอีกนาน”
 
แล้วยังไง ตอนที่ 9/10 (4) – แม่มดฟันธงชัวะๆ (ราศรีพิจิกขอตายคาประชาธิปไตย ตายคาสวนลุม)
------------------------------------------------------------------------------
วรวรรณ ธาราภูมิ
30 มีนาคม 2557

พี่ฟอง เล่าอดีตต่อว่า …. 

“ดวงเมืองแตกขั้นที่ 1 เริ่ม 7 กันยายน 2555 รัฐบาลเข้มแข็งและมีอิทธิพลมาก จิตใจคนไทยเริ่มแตกเป็นสองเสี่ยงอย่างมาก ส่วนดวงเมืองแตกขั้นที่ 2 เริ่มมาแล้วเมื่อ 11 ธันวาคม 2555 พระราหูจรยกตามเข็มนาฬิกา จากราศีพิจิกเข้าราศีตุลย์ มาช่วยพระเสาร์คู่มิตรใหญ่ ทำให้ดวงเมืองแตกขั้นที่สองด้วยนโยบายประชานิยม คนต่างแดน คนหนีกฎหมาย ตำรวจ เมืองต่างๆ แตกหมด เหมือนมีหินก้อนที่สองมาทับดวงเมืองซ้ำ 

นอกจากนี้ พระเสาร์ยังทำมุมฤทธิโยคถึงพระจันทร์(๒) ดวงเดิมดวงเมือง ที่ราศีกรกฎเป็นคู่หนี้ ทำให้เกิดความลุ่มหลงมัวเมา คิดแต่ทางได้ ไม่คิดทางเสีย อีกอย่างหมายถึงฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลถูกกดโงหัวไม่ขึ้น เพราะนับวันแล้วอิทธิพลรัฐบาลจะเพิ่มมากขึ้นตามองศาพระเสาร์-ราหูเคลื่อนเข้าใกล้กันเรื่อยๆ เปรียบกับคราวสงคราวเก้าทัพก็น่าจะใกล้เคียงกับคราวพระเจ้าปะดุงยกทัพมาที่เมาะตะมะ จ่อข้ามมาตีกรุงรัตนโกสินทร์ราวธันวาคม 2327 แรมสี่ค่ำ ปีมะเส็ง ซึ่งแม้ศึกเก้าทัพครั้งนั้นจะใหญ่มาก คนไทยก็สามัคคีกันสู้จนชนะอริราชศัตรู แต่คราวนี้กลายเป็นศึกในอกคนไทย”

แม่หมอฟองสนาน ชี้ให้เห็นเพิ่มว่า ...

“การตรึงกันของหัวหน้าดาวดีและดาวร้าย เริ่มตั้งแต่ 30 พฤษภาคม 2556 ผลคือยื้อกันสุดฤทธิ์สุดเดช เพราะต่างฝ่ายต่างเบ่งพลังเพิ่มสู้กัน ในขณะที่รูปดวงเมืองยังคงแตกสองชั้นอยู่ โดยมีตัวอย่างปรากฎการณ์ตรึงกำลังของสองขั้ว เช่น

- อภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมทั้งเรื่องข้าว ยื่นให้ ปปช. สอบช่วงแรกก็ไม่ก้าวหน้า แม้ ปปช.จะแจ้งข้อกล่าวหาคุณบุญทรงกับพวกรวม15 รายไปแล้ว 

- คุณยิ่งลักษณ์ ยุบสภา 9 ธันวาคม 56 แต่ กปปส.ก็ยังชุมนุมได้เป็นล้าน แต่ก็ไม่ชนะเหมือนกัน

- รัฐบาลประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน ศาลแพ่งก็ออกข้อกำหนดให้ขยับอะไรลำบาก

- เลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 แล้วก็เป็นโมษะ

- ตอนนี้ ปปช.กำลังรอชี้แจงจากคุฯยิ่งลักษณ์ ขณะที่ กวป.กวน ปปช. แต่ กปปส. คปท ให้กำลังใจ ปปช.”

พี่เองก็คิดถึงอาการที่ตรึงกันจนอึดอัดเหมือนมีขี้ขำคา ... (จุด จุด จุด) ตามสำนวนอาจารย์ธีรยุทธ์ ได้เพิ่ม คือ เรื่องของคุณถวิล เปลี่ยนสี ที่กว่าจะคืนตำแหน่งให้เธอ ก็ยังดื้อด้านจนกระเบื้องตราช้างอยากขอสูตรไปทำวัสดุก่อสร้างพันธุ์ใหม่ แถมตอนนี้ก็ยังจะไปสอบสวนกลั่นแกล้งเขาเพิ่มอีก 

พี่ฟอง เล่าต่อว่า ปรากฎการณ์ เสาร์-ราหู ทับกันสนิท แล้วต่อมาเดินสวนจนแยกห่างจากกัน ทำให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ และฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลจากกลุ่มเล็กๆ เริ่มรวมตัวกันติด จาก กปท.ที่ประตูสามทำเนียบรัฐบาล เป็น คปท. เป็นสามเสน และ กปปส. โดยดวงเมืองตั้งแต่ 8 ตุลาคม 2556 พระเสาร์จร(7) ที่ราศีตุลย์ สวนกับพระราหูจร(8) ที่ราศีตุลย์ แล้วเริ่มถอยห่างจากกัน พี่ฟองบอกว่า “วันนั้น 8 ตุลาคม 2556 คุณทักษิณโทรศัพท์ให้สัมภาษณ์สื่อว่ามีโหรทำนายไม่ดี ซึ่งก็น่าจะหมายถึงพี่ฟองเอง ทำให้หนังสือ เทวาสุรสงครามสยามประเทศ ของพี่ฟองขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นี่ต้องขอขอบคุณ คุณทักษิณ มากๆ”

“บันทึกเป็นปูมโหรว่า 31 ตุลาคม 2556 ที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่าง พรบ.นิโทษกรรมนั้น อิทธิพลร่วมของรัฐบาลและรัฐสภาลดลงแล้ว คือพระเสาร์จรและราหูจรแยกจากกันประมาณ 4 องศา ใกล้เคียงกับเหตุการณ์คราวสงครามเก้าทัพตอนเริ่มทำศึก เมื่อ 1 ธันวาคม 2328 ซึ่งในคราวนั้นพระเสาร์จรกับพระราหูจรในราศีมังกรถอยห่างจากกันประมาณ 3 องศา

เสาร์ ราหูจร ยิ่งห่างจากกัน พระจันทร์จะยิ่งเข้มแข็ง ทำให้รัฐบาลต้องถอยให้กับมวลมหาประชาชน อะไรไม่เคยพบเคยเห็น ก็ได้เห็น เมื่อวุฒิสภาสภาคว่ำร่าง พรบ.นิรโทษกรรมในวันที่ 11 ธันวาคม 2556 (พี่ฟองทำนายเป็น 10 ธันวาคม 2556) พระเสาร์-ราหูจร เคลื่อนห่างจากกัน 6 องศา เมื่อเทียบกับครั้งไทยชนะศึกลาดหญ้าที่กาญจนบุรีเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2328 ก็มีพระเสาร์-ราหูจร ที่ราศีมังกร เคลื่อนห่างจากกัน 6 องศา เท่ากันพอดี 

9 ธันวาคม 2556 ยุบสภา เวลา 9.30 น. แต่มวลมหาประชาชนก็ยังออกมาเป็นหลายล้านคน แบบไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน เป็นวันที่ดวงเมืองและดาวจร พระเสาร์-ราหูจร เคลื่อนห่างจากกันประมาณ 10 องศา พระอาทิตย์จร(1)เข้าภพมรณะ เทียบได้ใกล้เคียงกับไทยชนะศึกถลาง 13 กุมภาพันธ์ 2328 ซึ่งในคราวนั้น พระเสาร์-ราหูจร ที่มังกร เคลื่อนห่างจากกันประมาณ 10 องศา แล้วฝ่ายไทยก็ไล่เก็บชัยชนะมาเรื่อยทั้งหัวเมืองฝ่ายใต้และเหนือ”

พี่ตู่ฟังแล้วก็เห็นจริง คือไม่มีใครยอมใคร เพราะไปไกลกันเกินกว่าจะย้อนกลับ ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตน ทำให้อึดอัดมาก ไม่มีใครแพ้ชนะสักที ยุบสภาแล้วก็ยังไม่จบ แต่พี่ฟองบอกว่า ...

“ทั้งลุงกำนัน และ คุณยิ่งลักษณ์ ต่างเป็นคนราศรีพิจิก ดังนั้น สู้ยิบตาเหมือนกัน ศึกในสมัยรัชกาลที่ 1 นั้น หัวหน้าดาวสองขั้วไม่ตรึงกัน แต่คราวนี้ เราโชคร้ายเกิดศึกในอกแยกฝ่ายเป็นสองขั้ว ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ลีลาขัดแย้งในประเทศจึงยังมีต่อ” 

อ้อ ..... ราศรีพิจิกนี่เอง ถึงขอตายคาประชาธิปไตยที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้จัก เพราะไม่ยอมรับอำนาจตรวจสอบกับกฏหมาย แต่เอ๊ะ ... หรือว่าราศรีพิจิกอีกคนที่หน้าดำปิ๊ดปี๋ จะยอมตายคาสวนลุมกันแน่ ก็ต้องรออ่านจากภาคอนาคต ในตอนที่ 10 กัน
 
แล้วยังไง ตอนที่ 10/10 (1) – แม่มดฟันธงชัวะๆ (อนาคต)

------------------------------------------------------------
วรวรรณ ธาราภูมิ
30 มีนาคม 2557

{ตอนที่ 10/10 นี้ แบ่งเป็น 2 ตอนย่อย จาก ตอนที่ 10/10 (1) ไปจนถึง 10/10 (2) ก็จบซีรีย์ “แล้วยังไง” ขอให้ตามเก็บให้ครบ}

เหตุการณ์ในเดือน มีนาคม 2557 
---------------------------------
วันที่ 7 มีนาคม 2557 รัฐบาลเจอเรื่องคืนตำแหน่งเลขา สมช ให้คุณถวิล เปลี่ยนศรี

วันที่12 มีนาคม 2557 มติศาลรัฐธรรมนูญเป็นเอกฉันให้ ร่าง พรบ.เงินกู้สองล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญ

พี่ฟอง บอกว่า “วันที่ 15 มีนาคม 2557 พฤหัสบดีที่เดินถอยหลังมาตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2556 เริ่มกลับมาเดินหน้า ฝ่ายกฎหมายจึงเข้มแข็งขึ้น”

20 มีนาคม 2557 มติ ปปช.เอกฉันท์ ชี้มูลความผิด นิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ว่าทำหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ กรณีแก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ สว.

21 มีนาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้เลือกตั้ง สส เมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นโมฆะ

ภาคอนาคต กรอบใหญ่
------------------------
พี่ฟอง แม่หมอมากฤทธิ์ บอกว่า ตั้งแต่ 21 เมษายน 2557 เป็นต้นไป ทักษาจรดวงเมืองจะเปลี่ยนจากภูมิพฤหัสบดี เป็นภูมิราหู ไปจนถึง 21 เมษายน 2558 โดยพระจันทร์เป็นศรีจร พฤหัสบดีเป็นกาลกิณีจร และตั้งแต่ 17 มิย.2557 เป็นต้นไป จะยุติการตรึงกันระหว่างพฤหัสบดีกับพระเสาร์ เพราะพฤหัสบดียกจากราศีมิถุนเข้ากรกฎ ทำให้เริ่มเห็นผลแพ้ชนะทางการเมือง 

“ฝ่ายธรรมะจะชนะอธรรม แต่ต้องมีกระบวนการฟื้นและกระบวนการวิวัฒนาการเพื่อเดินหน้าเข้าสู่ยุคใหม่ ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2558”

เย้ๆๆๆๆ เราจะชนะแล้ว <--- นี่เป็นคำพูดของคนหลายคนที่ตะโกนร้อง เพราะใครๆ ไม่ว่าฝ่ายไหน ต่างก็คิดว่าตนเองเป็นคนดี เป็นฝ่ายเทพ ฝ่ายธรรมะ

“แต่ ....” พี่ฟองรีบพูดต่อ ทำเอาคนฟังร้องอ้าวด้วยเคืองใจเล็กน้อย

“แต่ตั้งแต่ 17 มิถุนายน 2557 เป็นต้นไปจนถึง 21 เมษายน 2558 ในปีหน้า จะเป็นช่วงเทวดาประจำเมืองพิโรธทับพระจันทร์ ดวงเมืองจะหยุดแตกขั้นที่ 1 ตั้งแต่ 30 มิถุนายน 2557 เมื่อพระราหูจร ยกจากราศีตุลย์ตามเข็มนาฬิกาเข้าราศีกันย์ภพอริดวงเมือง มีผลให้ความลุ่มหลงมัวเมาของประชาชนและการใช้อารมณ์จะลดลง”

อ้าว มันก็ดีไง ไม่ใช่เหรอพี่ฟอง ?

พี่ฟอง ตอบว่า “แต่เป็นการเริ่มของปรากฎการณ์ ราหูล่าจันทร์ หรือ ราหูล่าหนี้ และจะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาเศรษฐกิจ”

จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก .... 

ก็ตรงนี้ละที่พี่ตู่กังวลมาจะเดือนนึงแล้ว เพราะตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ น่ากลัวมาก ล่าสุดโทรไปปรึกษา ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ท่านก็บอกว่า GDP เราปีนี้อาจโตได้แค่ 1.1% เท่านั้น 

สิ่งที่พี่กังวลมากคือกำลังซื้อของประชาชนมันแย่ลงไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ดูจากตัวเลขเศรษฐกิจนะ พี่สังเกตุจากการดูคนจับจ่ายใช้สอย ทั้ง ใน กทม และ ตจว มันหดลงไปเรื่อยๆ แล้ว คนไม่มีเงิน เพราะผ่อนอะไรไปเยอะ เช่น บ้าน รถ แถมเกษตรกรก็ไม่ได้ค่าจำนำข้าว ชาวสวนยางขายยางไม่ได้ราคาอีกด้วย ฯลฯ

แค่ดูจากโปรโมชั่นเรียกลูกค้าเข้าห้างตามที่ส่งไปรษณีย์มาที่บ้าน กับการลดแลกแจกแถมให้ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด ก็สะท้อนได้ว่า “ขายไม่ออก”

พี่ฟอง บอกว่า ….. 

“จะมีการกำเนินคดี ลงโทษ และยึดทรัพย์กันบ้าง และน่าจะมีการเปลี่ยนสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งหมายความว่าเป็นจุดเริ่มต้นเปลี่ยนกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับสภาฯ และเป็นจุดเริ่มต้นของการได้สภาชุดใหม่ ทั้งนี้ ดวงเมืองจะหยุดแตกขั้นที่สองตั้งแต่ 26 พย.57 เป็นต้นไป โดยพระเสาร์จร(7) จะยกจากราศีตุลย์เข้าราศีพิจิก ภพมรณะดวงเมือง ความหมายคือ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลอยู่ นี่คือจุดสิ้นสุด

ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2557 เป็นต้นไป พระอังคารที่ยกเข้าราศีตุลย์ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 และเริ่มเดินถอยหลังตั้งแต่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 เป็ นต้นมา ยังถอยหลังต่อ และจะกลับเข้าราศีกันย์ในวันที่ 6 เมษายน 2557

พระอังคารที่ดูเข้มแข็ง โลดโผด ผิดธรรมดานี้ แม่หมอทำนายว่า ….

“จะมีสงครามตัวแทน มีปรากฎการณ์หมูท้าสู้ราชสีห์ เริ่มทะเลาะวิวาทเจ็บหัวเจ็บเท้าอีกแล้ว (อาจจะเป็นบรรดาลิ่วล้อรับจ้างที่ชอบอาละวาดชกต่อย ถ่อยถีบ กระทืบพระ มีเรื่องกับชายชุดเขียว ก็ได้) และอาจจะมีศึกต่างเมืองมา ซึ่งก็มีคนชักศึกเข้าบ้านอย่างเช่นที่เราเห็นคนพยายามไปฟ้องยูเอ็น และดึงยูเอ็นเข้ามาก็ได้” 

วันที่ 21 เมษายน 2557-17 มิถุนายน 2557 เรื่องร้ายเกิดขึ้นเป็นระยะๆ จะกลายเป็นดีช่วงสั้นๆ 2 เดือนนี้ คาดว่าการปฏิรูปและฝ่ายกฎหมายจะก้าวหน้า มีการแต่งตั้งบุคคลสำคัญของประเทศท่ามกลางเหตุแทรกซ้อน มีการปะทะกันเป็นหย่อมๆ จนเสียเลือดเนื้อ เจ็บหัว เจ็บเท้า เพราะมีความขัดแย้งกันระหว่างรัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองกับทหารตัวอย่างเช่นที่ ม.รามฯ และหลักสี่ ระหว่าง 15 พฤษภาคม 2557-15 มิถุนายน 2557 ราชสีห์อย่างทหารจะประมาทหมูอย่างอาตี๋ไม่ได้

พอเริ่ม 17 มิถุนายน 2557 ไปจนถึง 21 เมษายน 2558 ดาวสองขั้วหยุดตรึงกัน เป็นการเริ่มกระบวนการสู่การฟื้นฟูเพื่อปฏิรูปเข้าสู่ยุคใหม่ แบบฟื้นฟูไป ทะเลาะกันไป” 

เฮอ ..... เอาละ เข้าสูยุคใหม่แล้ว น่าจะดีได้ ฟ้าสีทองจะผ่องอำไพเสียที

“แต่มาพร้อมปรากฎการณ์พฤหัสไม่คุ้มครองเมือง และเทวดาประจำเมืองพิโรธมากนะ” แม่หมอให้ข้อมูลเพิ่ม

อ้าว .... ไรว้า ...… 

(ภาพประกอบจากโพสท์ ทูเดย์)

1947761_10203137055534489_14831717_n.jpg

 

แล้วยังไง ตอนที่ 10/10 (2) จบ – แม่มดฟันธงชัวะๆ (ดวงใคร ดวงมัน)

------------------------------------------------------------------------
วรวรรณ ธาราภูมิ
30 มีนาคม 2557

แม่หมอฟองสนาน บอกว่า พอเริ่ม 17 มิถุนายน 2557 ไปจนถึง 21 เมษายน 2558 ดาวสองขั้วหยุดตรึงกัน เป็นการเริ่มกระบวนการสู่การฟื้นฟูเพื่อปฏิรูปเข้าสู่ยุคใหม่ แบบฟื้นฟูไป ทะเลาะกันไป แต่มาพร้อมปรากฎการณ์พฤหัสไม่คุ้มครองเมือง และเทวดาประจำเมืองพิโรธมากนะ” 

“ก็เพราะดวงเมืองวันที่ 17 มิถุนายน 2557 พฤหัสบดีกาลกิณีจร(๕) ไปยกเข้ากรกฎ ขณะพระเสาร์จร(7) ยังถอยหลังอยู่ที่เดิม นั่นไง และวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 ดวงเมืองจะหยุดแตกขั้นที่หนึ่ง ทำให้คนไทยหยุดแตกกันขั้นที่หนึ่ง แม้จะมีความเสี่ยงเรื่องอิสานล้านนา เพราะยังคงเหลือความเครียดและขมขื่นอยู่ ที่สำคัญคือจะเริ่มมีปัญหาทางเศรษฐกิจ นํ้ามัน ภาษี และพระราหูล่าหนี้ประเทศชาติ ประชาชนจมหนี้ เจ็บปวดมาก ทีวีใหม่ให้ระวัง อาจรอดได้ไม่กี่ราย จะได้เห็นทั้งเงินเฟ้อกับเงินฝืด หรือ Stagflation ในเวลาเดียวกัน และเป็นจุดเริ่มต้นของการได้สภาแบบแปลกๆ”

พี่ฟอง สรุปย้ำเรื่องเศรษฐกิจว่า “ปัญหาเศรษฐกิจจะหนักมากๆ เริ่มตั้งแต่กรกฎาคมนี้ หนักแบบไม่เคยเกิดมาก่อน หนี้จะไล่ล่าประชาชน แต่สติจะกลับมา”

“จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของเมือง 10-12 กรกฎาคม 2557 โดยดูลีลาของพระอังคารจร(๓) เห็นว่าถอยหลังในราศีกันย์ไปจนถึงวันที่ 9 มิถุนายน 2557 จึงกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง เราจึงน่าจะได้เริ่มเห็นอะไรกันตรงนี้ (9 มิถุนายน 2557‐12 กรกฎาคม 2557)

นอกจากนั้น ลีลาของพระอังคารจร(๓) จากกันย์เดินหน้ากลับเข้าราศีตุลย์ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2557 บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงใหญ่ของเมือง มุมนี้ต้องระวังอย่างสูงเพราะพระอังคารกับพระราหูสมาสัปต์กันในดวงเมือง
แล้วยังเป็นช่วงอังคารจร(3) สวนกับพระราหู(8) บ่งบอกการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในดวงเมือง

สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันนี้ พี่ฟองคาดว่าไม่ดี”

จับตาวันที่ 12 กรกฎาคม 2557 พระเสาร์จร(7) เริ่มเดินหน้า การบริหารบ้านเมืองจะเริ่มต้น หรืออาจเป็นไปได้ว่าจะได้คณะรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศ ขณะที่กรรมเก่าจากเรื่องหนี้และข้าว ที่ลดไปช่วงหนึ่งตั้งแต่พระเสาร์เดินหน้า ก็จะกลับมาร้อนแรงอีก ระวังควันไฟจะท่วมเมือง เลือดนองท้องช้าง 

30 เมษายน 2557-17 มิถุนายน 2557 หุ้นยังโอเค หลังจากนั้นระวังให้ดีๆ และปัจจัยนอกประเทศอาจมีจีนกับสหรัฐฯ ตรึงกำลังกันด้วย พอไปปลายปีตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน 2557 หนักหนาสาหัส อาจถึงขั้นหยุดระบบชั่วคราวให้ผู้ลงทุนหาย Panic ก่อนเปิดใหม่ในช่วงต้นธันวาคม 2557 – มกราคม 2558 

คำเตือน
---------
นี่เป็นการคาดการณ์ของพี่ฟองสนานด้วยหลักโหราศาสตร์ มิได้เป็นการชี้นำให้ซื้อขายหุ้น หรือปั่นหุ้น ทุบหุ้นแต่ประการใด และก่อนจะถึงเวลานั้นก็สามารถมีเรื่องจรเข้ามาจนทำให้คำทำนายปรับเปลี่ยนไปก็ได้ หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นตามคำทำนายก็ได้

พี่ฟองฟันธงต่อว่า ...

"วันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 เริ่มหยุดดวงเมืองแตกขั้นที่สอง เป็นจุดเริ่มต้นที่รัฐบาลเก่าจะล้มหายตายจาก หรือเดินเข้าคุก หรือจากไปไกล เราได้รัฐบาลใหม่ที่ให้โชคกับประชาชน แต่ใมห้ระวังนํ้าท่วมใหญ่อีกครั้ง เป็นจุดเริ่มต้นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ระดับเป็นข่าวไปทั่วโลก ซึ่งเหตุการณ์ร้ายเหล่านี้จะกินระยะเวลาไปสองปีครึ่ง 

อ้าว ไหนว่ารัฐบาลใหม่จะให้โชคกับประชาชนไง นี่มันโชกเลือดแล้วนาพี่ฟอง

“พอเข้า 21 เมย 2558 ตรงกับวันเกิดดวงเมือง เริ่มช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคใหม่ ระวังการสูญเสียผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง จนน้ำตานองกันด้วย"

คำทำนายรายบุคคล
--------------------
คุณกรณ์ ดวงแรงมาก พอเข้าอายุ 53 ปีเป็นต้นไป ใครก็ฉุดความพุ่งไกลไม่อยู่ (น้องเจ เอาโซ่ล่ามเลย)

คุณอภิรักษ์ จะดวงดี พร้อมๆ คุณอภิสิทธิ์ ที่จะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่กลางมิถุนายนนี้ 

คุณยิ่งลักษณ์ ตกขั้น 1 มานาน และตกถึง 3 ชั้น จนถึง 17 มิถุนายน 2557 ในด้านความผิด และจะถูกตรึงไปจนถึง 26 พฤศจิกายน 2557 ถ้ายังดันทุรัง ก็จะเกิดเรื่องร้ายหนัก

ลุงกำนันเป็นคนหัวคดท้ายตรง ใจนักเลง คบได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ ใน ปชป แต่อยู่ราศีพิจิก ราศีเดียวกับคุณยิ่งลักษณ์ ดังนั้น ก็จะตกพอๆ กัน เพราะแมงป่องมีลูกบ้าเยอะ สุเทพจะหนักไป 3-4 ปี น่าจะเป็นเรื่องต่อสู้กับคดีความ แต่ต้องระวังช่วงใกล้ๆ นี้ก่อน คือ 15 เมษายน นี้ ช่วงสงกรานต์ ระวังโดนลอบฆ่า ลอบทำร้าย (พกหลวงพ่อทวดไว้)

คนไกลดวงสูง (เหมือนดวงคุณสุรินทร์) แต่ดาวการเงินดวงแตก ถ้าไม่ตัดเรื่องการเงินจากชีวิต จะแย่ไปเรื่อย ถ้าหยุดเรื่องเงินจะดี อาจได้กลับช่วง 17 มิถุนายน 2557- 2558 แต่กลับในสภาพไหนยังไม่รู้ รู้แต่ว่าหากไม่ปรับเปลี่ยนแล้วจะทุกข์ไปอีก 7-10 ปี เจอฤทธิเสาร์ที่ยาวนานตั้งแต่ปี 2549

ท้ายสุด พี่ฟองบอกว่า ได้ไอเดียจากป๋าทนงวันนี้ โดยจะไปดูดวงช่วงสงครามโลก 1+2 เพื่อเทียบดูโอกาสเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 

สรุป
----
โหราศาสตร์ไม่แน่ว่าจะถูกต้องได้มั้งหมด เพราะต้องดูดวงดาวแล้วตีความ อย่างไรก็ตาม อย่าประมาทในการใช้ชีวิต ดำรงตนอยู่ด้วยความดี มีศีล มีสัตย์ ไม่เบียดเบียนใคร เป็นดีที่สุด 

คำทำนายร้ายๆ จะไม่ทำให้เราเป็นทุกข์ ถ้ารู้จักเผื่อเหลือเผื่อขาด เตรียมแผนไว้รองรับล่วงหน้าถ้ามันเกิด

คำทำนายดีๆ ถ้ามีก็อย่าเหลิง เพราะเคยมีแล้วประมาท จนทำให้สูญเสียไปหมด

ถ้าเศรษฐกิจเราจะย่ำแย่อย่างที่แม่หมอฟองสนานคาดการณ์ผ่านดวงดาว ถ้าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างที่พ่อมดทนงคาดการณ์ไว้ ก็ขอให้ลูกหลานรัชกาลที่ 1 ทั้งหลาย ร่วมกันสู้และฟื้นฟูกันต่อไป เพราะก่อนจะได้ฟ้าสีทองผ่องอำไพ เราต้องผ่านช่วงเทวดาประจำเมืองพิโรธหนักที่มีการลบหลู่ของสูง มีการแตกแยก มีการทำร้ายกันเองไปก่อน 

หลังจากนั้น ก็จะเหมือนเราได้เกิดใหม่ในแผ่นดินที่ทรงคุณธรรม มีความผาสุกสมใจหวัง ดังคำทำนายว่า เป็นยุค ชาววิไล ที่เมื่อบ้านเมืองยุคเข็ญไปแล้ว เราจะได้ประสบความเจริญรุ่งเรืองกันเสียที

 

1958570_10203137196778020_1948796084_n.j

 



#1140562 นพดล'แถลง'ทักษิณ-ครอบครัว'พร้อมเสียสละ ยุติบทบาทการเมือง

โดย chaidan on 21 เมษายน พ.ศ. 2557 - 14:09

นพดล'แถลง'ทักษิณ-ครอบครัว'พร้อมเสียสละ ยุติบทบาทการเมือง

 

นายนพดล ยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว พร้อมเสียสละยุติบทบาททางการเมือง เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ แต่ขณะเดียวกัน ทุกฝ่ายต้องเสียสละ และยึดมั่นในกติกาเช่นกัน นักการเมืองที่ออกไปตั้งม็อบต้องยุติ ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่การตั้งเงื่อนไข และไม่จำเป็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องลงเลือกตั้ง หรือไม่ แต่เห็นว่า ปัญหาต่างๆ จะยุติลงได้ต้องเกิดจากความร่วมมือของสองฝ่าย ซึ่งขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แสดงความจริงใจฝ่ายเดียวว่า พร้อมจะเสียสละ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ พร้อมยืนยันว่า การเลือกตั้งเป็นทางออกทางเดียวที่สันติ และยุติธรรมที่สุด อย่างไรก็ตาม นายนพดล เห็นว่า ปัญหาการเมืองต้องแก้ไขกันในสภา ไม่ใช่หน้าที่ขององค์กรอิสระ...

 

ถึงเสียสละ ยุติบทบาท ...
ก็ไม่ทำให้ ไม่ต้องติดคุกนะครับ ...

:lol:




#1137178 ประเทศชาติ มาจากไหน? ทำไมรักกันจัง?

โดย Bookmarks on 17 เมษายน พ.ศ. 2557 - 10:56

จขกท มันไม่รู้ว่า ชาติ ก็หมายถึงคนในชาติ เรียกสั้นๆ ก็คือชาติ นักการเมืองขายชาติ ก็หมายถึงขายคนในชาติ นักการเมืองหาผลประโยชน์จากประเทศชาติ ก็หมายถึงหาผลประโยชน์จากคนในชาติ เพราะไม่อยากให้นักการเมือง มันทำร้ายประเทศชาติ ก็หมายถึงไม่อยากให้นักการเมืองชั่วมันทำร้ายคนในชาติ จขกท แยกชาติ ออกจากคน ทั้งๆ ที่มันแยกออกจากกันไม่ได้ 




#1135081 ใครที่คิดจะสู้เพื่อทักษิณ ลองอ่านดูแล้วถามตัวเองว่าพร้อมจะเป็นซิมบับเวหรือไม่

โดย no name on 13 เมษายน พ.ศ. 2557 - 23:05

หลายคนคงสงสัยว่า มูกาเบ้ ของ ซิมบับเว้ ไปเกี่ยวอะไรกับทักษิณ ก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้

 

ปี 2544 หลังจาก ซิมบับเว เกิดปัญหา มูกาเบ้ เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดยเข้าหารือกับ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี 

 

ปี 2554-2555 นางนลินี ทวีสิน ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนการค้าไทยและได้รับโปรดเกล้าเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งมีข่าวการแต่งตั้งให้เป็น รมต.ครั้งนี้เกิดจากการช่วยงานทักษิณในการติดต่อการค้าและช่วยเหลือการทุจริตให้กับรัฐบาลมูกาเบ้ ส่งผลให้ นางนลินีฯ โดนสหรัฐฯ ขึ้นแบล็กลิสไม่ให้เข้าประเทศ

 

อย่างนี้แล้วคงไม่ต้องสงสัยแล้วละมั่งว่าทักษิณได้ความคิดทั้งหมดมาจากใคร




#1134882 ใครที่คิดจะสู้เพื่อทักษิณ ลองอ่านดูแล้วถามตัวเองว่าพร้อมจะเป็นซิมบับเวหรือไม่

โดย no name on 13 เมษายน พ.ศ. 2557 - 16:33

วันนี้ 13 เม.ย. 57 เห็น manager ลงข่าว สลด! ชาวซิมบับเวถูกจระเข้งาบ ดับอนาถอย่างน้อย 17 ศพ ขณะข้ามแม่น้ำหวังไปแสวงหาชีวิตใหม่ในแอฟริกาใต้

 

มันทำให้นึกถึงปี 2543 ที่ ซิมบับเว เริ่มประสบปัญหาเศรษฐกิจ จากปัญหาเงินทุนไหลออก แล้วเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้ส่งออกแพลตินั่มใหญ่อันดับสองของโลก และได้ชื่อว่า มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากประเทศหนึ่งในทวีปแอฟริกา หากเทียบกับไทยด้วยมูลค่าเงินแล้วไทยเรียกว่าชิดซ้ายไปเลย เพราะอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลเล่ห์ ซิมบับเว เกือบเท่า 1 ดอลล่าห์สหรัฐ ในขณะที่ไทยต้องใช้เงินถึง 20-25 บาท ในช่วงนั้น

 

ถ้าใครเกิดทันพอจำได้ คงเคยเห็นข่าวชาวซิมบับเว้ต้องเอาเงินใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สามใบ เพื่อไปกินข้าวนอกบ้านสักมื้อ หรือแม้แต่เด็กที่ไปเรียนหนังสือ ต้องถือกระเป๋าสองใบ ใบหนึ่งใส่หนังสือ อีกในใส่ธนบัตรปึกใหญ่เพื่อซื้อน้ำกินสักขวด

 

สาเหตุเกิดจากหลังจากรัฐบาลมูกาเบ้เข้ามาบริหารประเทศได้พักหนึ่ง รัฐบาลได้ใช้นโยบายประชานิยมแบบไทยนี่แหละ คือเอาเรื่องการเกษตรเข้าล่อคนในประเทศ จนทำให้รัฐบาลถังแตกเงินไม่พอจ่าย จึงพิมพ์ธนบัตรขึ้นมาใช้เอง

 

ปี 2551 ซิมบับเว ประสบปัญหาเงินเฟ้อถึง ร้อยละ 231,000,000 ต่อปี (พิมพ์ไม่ผิด 231 ล้าน) ทำให้ในเดือน พย.ปีนั้นธนาคารกลางต้องพิมพ์ธนบัตรใบละ 1 แสนล้านดอลล่าห์ มาใช้เพื่อแก้ปัญหาการต้องถือเงินจำนวนมากไปซื้อของ แต่ปัญหายิ่งบานปลายที่ประสบภาวะเงินเฟ้อในปีถัดมาสูงขึ้นเป็น 516,000,000,000,000,000,000 ก็พิมพ์ไม่ผิดอีก เพราะมันคือ 516 ล้านล้านล้านต่อปี ส่งผลให้ราคาสินค้าที่ขายอยู่ในท้องตลาดต้องปรับราคาเป็นสองเท่าทุก ๆ วัน ถ้าคิดง่าย ถ้าวันนี้ซื้อน้ำขวดละ 10 ล้านล้านดอล์ พรุ่งนี้จะซื้อได้ต้องใช้เงิน 20 ล้านล้านดอล แล้ววันต่อไปจะขึ้นราคาเป็น 40 ล้านล้านดอล

 

ลองนึกภาพ จะเป็นอย่างไร หากพวกคุณเป็นชาวซิมบับเว

 

ปัญหาการขาดแคลนสินค้าจำเป็นในการดำรงชีวิต ยารักษาโรคขาดแคลน เกิดการกักตุนสินค้า ค่าเงินเสื่อมลงทุกวัน แม้คนที่มีอันจะกินเมื่อวานนี้ ตื่นมากลายเป็นคนไม่มีจะกินไปทันที 

 

ปัญหาของซิมบับเว จึงไม่เห็นหนทางแก้ไขจนทำให้ทุกคนในประเทศเริ่มเห็นว่า ชีวิตนี้ไม่รอดแน่จึงต้องไปตายเอาดาบน้ำ แต่ด้วยซิมบับเว เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทะเล ทางหนีทางเดียวคือการข้ามแม่น้ำ ซึ่งต้องเดินทางผ่านป่า ที่เต็มไปด้วยสัตว์ดุร้าย และที่สำคัญคือจระเข้ที่ดุที่สุด คนที่จะข้ามไปได้ จึงต้องมีบางคนยอมเสียสละชีวิต เพื่อให้อีกหลายคนข้ามไปหาอิสระภาพในประเทศอื่นว่ากันอย่างงั่น

 

เขียนมานาน ก็เอาเข้าเรื่องสักที จริงๆ แล้ว ซิมบับเว ก็เหมือนไทยอยู่หลายอย่าง คือ เป็นประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ มีเศรษฐกิจที่ดี มีประชากรที่มีคุณภาพ และที่สำคัญ มีรัฐบาลที่ชื่อ มูกาเบ้ เข้าบริหารประเทศ ที่เต็มไปด้วย การทุจริตคอรัปชั่นที่ อีกทั้งความเหมือนที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ รัฐบาลมูกาเบ้ สอนให้คนประเทศแตกแยกกัน บูกาเบ้ สอนให้แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ชาวผิวดำ และ ผิวขาว สร้างวาทะกรรม ไพร่ อำมาตย์ ขึ้นมาปลุกระดม ทำให้คนในชาติคิดไปว่า คนผิวดำโดนรังแก ใช้นโยบายประชานิยม หาเสียงกับคนผิวดำซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ด้วยการออกนโยบายยึดที่ดินของคนผิวขาวเอามาให้คนผิวดำ ซึ่งแน่นอน ทำให้คนผิวดำซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ไม่ลังเลที่เลือกมูกาเบ้ เลือกตั้งกี่ครั้งก็ชนะทุกครั้ง เพราะเป็นเหมือนขวัญใจคนยาก

 

มูกาเบ้ หลงอำนาจ ทำทุกอย่างที่ได้มาโดยไม่ฟังใคร แม้จะมีเสียงด่า เสียงเตือน จากหลายฝ่าย มูกาเบ้แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค์ต่อการคอรัปชั่น มูกาเบ้ แต่งตั้งพวกฟ้อง และคนในเครือญาติ เข้ามาบริหารประเทศ มูกาเบ้ทำทุกอย่างได้โดยอ้างการเลือกตั้ง ที่ได้รับประชามติจากคนส่วนใหญ่

 

แล้ววันนี้เป็นอย่างไร เมื่อชาวผิวขาว ซึ่งถือเป็นเสียงส่วนน้อยถูกกำจัด มันก็จึงเหลือคนส่วนใหญ่ที่เลือกมูกาเบ้เข้ามา คนส่วนใหญ่นี้เองที่เป็นเครื่องมือกำจัดคนที่เห็นต่างให้ออกไปได้แล้ว ผลที่ตามมาจึงไม่พ้นที่คนผิวดำถูกฆ่าทั้งเป็นตามมา คนผิวดำซึ่งคิดว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่พวกเขากลับพบความจริงว่า นอกจากชีวิตต้องเผชิญกับปัญหาที่หนักหนาแล้ว พวกเขายังคิดว่าแผ่นดินที่ให้กำเนิดเขามา คงอยู่กันไม่ได้แล้วนับจากนี้ เพราะรัฐบาลเมื่อยึดเอาที่ดินมาจากคนผิวขาวแล้ว ก็เอาไปขายให้คนต่างชาติ ชีวิตพวกเขาจึงเหมือนเป็นทาส ที่รัฐบาลออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติ สามารถทำอะไรก็ได้กับคนในชาติ

 

จะเป็นอย่างไร ถ้าพวกคุณทำงานวันละ 18 ชั่วโมง โดยได้ค่าจ้างไม่พอแม้แต่ซื้อข้าวกินสักมื้อ จะเป็นอย่างไรถ้าวันหนึ่งมีคนบอกว่า ลูกคุณโตพอที่จะทำงานในเหมืองแล้วโดนเกณฑ์ไปทำงานทันที จะเป็นอย่างไรถ้าลูกสาวแสนสวยของคุณเป็นที่ถูกใจของคนต่างชาติแล้วขอไปเป็นนางบำเรอ แล้วจะเป็นอย่างไรถ้ารัฐบาลบอกคุณเป็นคนหัวรุนแรงที่ต้องจำกัดได้โดยถูกกฎหมาย เหตุการณ์แบบนี้คุณคิดว่ามันเกิดขึ้นได้ในซิมบับเว ก่อนที่มูกาเบ้จะครองอำนาจได้เบ็ดเสร็จจากคะแนนเสียงที่เลือกเขามาแบบถล่มทลาย แต่มันเป็นไปแล้ว

 

ผมว่ากรณีศึกษา ซิมบับเว ก็คงไม่พ้นต้องมามองดูไทยวันนี้ ที่ระบอบทักษิณ กำลังเอามาใช้กับไทย

 

หลายคนอาจยังมองไม่เห็นชัด แล้วผมก็ไม่ยืนยันว่ามันจะเหมือนกันได้ทุกเรื่อง เพียงแต่มันมีสัญญาณหลายอย่างเพื่อให้สังคมได้ขบคิดกันแล้วในวันนี้

 

เพราะความเหมือนที่ดูแล้วมันแทบจะเลียนแบบกันมาแบบที่หาความแตกต่างไม่เจอ โดยเฉพาะการแบ่งแยกคนในชาติออกเป็นสองกลุ่ม คือ คนเสื้อแดง กับคนที่ไม่ใช่เสื้อแดง ซึ่งก็คงเหมือนกับ คนผิวดำ กับ คนผิวขาว การใช้วาทะกรรม ไพร่ อำมาตย์ ที่แยกคนออกเป็นชั้นๆ ทำการแบ่งแยกคนเพื่อให้เกลียดกัน คนชั้นล่าง เกลียดคนชั้นกลาง ชั้นสูง ให้คนชั้นกลาง ชั้นสูง เห็นการกระทำของคนชั้นล่างแล้วรู้สึกหดหู่ใจ เริ่มสอนให้ไล่คนที่ไม่ใช่เสื้อแดงออกไป แล้วประเทศนี้เป็นของคนเสื้อแดงอย่างเดียว

 

อย่างงี้แล้วจะให้มองเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร ถ้าระบอบทักษิณไม่กำลังทำเหมือน ซิมบับเว  เพียงแต่วันนี้ไทยยังไม่เจริญรอยตามมากนัก อาจเป็นมีความแตกต่างอยู่บ้าง ที่วันนี้คนไทยส่วนใหญ่ออกมาต่อสู้ ไม่ใช่เพราะตัวเองเท่านั้น แต่กำลังต่อสู้ในลูกหลานของคนไทย ได้มีที่ยืนในแผ่นดิน

 

ไม่เหมือนกับซิมบับเว ที่ยอมจำนนต่อมูกาเบ้ ที่แม้จะรู้ว่าจะทำให้ประเทศพินาศฉิบหาย ก็ยอม เพียงเพราะตัวเองได้รับประโยชน์จากการจัดสรรที่ดิน (ที่ยึดมาจากคนผิวขาว) แล้วเป็นอย่างไรตอนนี้ เมื่อมูกาเบ้จำกัดคนที่คิดต่างออกไปได้ ที่ดินเหล่านั้นก็ถูกเวนคืนกลับมาขายให้ต่างชาติ (ทำเหมือง)  คนซิมบับเว จึงต้องตกเสมือนเป็นทาสกับรัฐบาลมูกาเบ้ และชาวต่างชาติ ที่คิดจะทำอะไรก็ได้กับคนในชาติ ไม่ว่าจะเป็นการปล้น ฆ่า ข่มขืน เพราะกฎหมายคือรัฐบาล ที่จะออกเพียงแค่รับใช้รัฐบาลเท่านั้น

 

นี่คือบทเรียนที่ว่า วันนี้ทำไมคนไทยคงต้องออกมาปกป้องประเทศให้ปลอดจากระบอบทักษิณ ที่สร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติ มีการไม่รับกฎหมาย ไม่รับรัฐธรรมนูญ ไม่รับกฎกติกา  พยายามสร้างกติกาของตัวเองขึ้นมา โดยมีหลักสำคัญคือ รัฐบาลทำอะไรก็ไม่ผิด แม้แต่จะไปย้ายใครออกเพื่อเอาญาติตัวเองเข้ามารับตำแหน่ง ไม่ว่าเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาลทำก็ไม่ผิดใครจะกล่าวโทษไม่ได้  การเห็นเงินชาวนาที่ไม่ได้รับเงินจำนำข้าวเป็นเรื่องปกติไม่ผิด  หรือแม้แต่ปล้นแหล่งพลังงานในประเทศไปให้คนต่างชาติก็ไม่ผิด

 

ผมจึงว่า มันมีความเหมือนของระบอบมูกาเบ้กับทักษิณ เพียงแต่วันนี้ไทยอาจมีความแตกต่างอยู่บ้าง ทีเห็นคนในชาติมองเห็นหายนะของระบอบนี้ก่อนที่ไทยจะเจริญรอยตามซิมบัวเว ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่คนที่เห็นด้วยกับรัฐบาลในระบอบทักษิณ ซึ่งก็หมายถึงคนเสื้อแดงก็คงต้องหนีตายไม่ต่างจากคนซิมบับเวในปัจจุบัน ว่าแต่เมื่อถึงเวลานั้นคนเสื้อแดงคิดหรือยังว่า จะหนึไปประเทศไหน เพราะดูแล้วประเทศเหล่านั้นคงไม่ต้อนรับคนเสื้อแดงสักเท่าไร เพราะคงไม่มีใครอยากรับคนที่แม้แผ่นดินเกิดยังทำลายได้ ก็ไม่อยากคิดหากถึงวันนั้นจริง คนเสื้อแดงอาจเป็นเหมือนชาวโรนินยา ที่ไม่มีประเทศไหนยอมรับ แม้กระทั่งปากีสถาน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของพวกเขาก็ตาม เพราะอะไรก็อยากให้ไปศึกษาประวัติศาสตร์ของพวกเขาดูเอา 

 

แล้วอย่าบอกว่านะว่าที่เขียนมันโอเวอร์ เป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็คงไม่ต่างจากคนซิมบับเว ที่ตอนนั้นหลายคนเตือนรัฐบาลมูกาเบ้ว่าจะเกิดหายนะกับซิมบับเว แต่ตอนนั้นรู้สึกคนที่ชื่มชมรัฐบาลออกมาดาหน้า ฉลองชัยใหญ่โตว่า มูกาเบ้หรือเทพเจ้าแห่งคนยากจะนำพาประเทศเจริญรุ่งเรื่องเทียบกับสหรัฐ แล้ววันนี้เป็นอย่างไร มันก็คงไม่แตกต่างหากระบอบทักษิณยังครอบงำชาติเหมือนอดีตที่ผ่านมา




#1132467 ขอแสดงความระลึกถึง พลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม และ ทหารกล้าของไทย

โดย RaRa on 10 เมษายน พ.ศ. 2557 - 15:05

วันนี้ ( 10 เม.ย. 2557 ) เป็นวันที่ ระลึก ถึง พลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม และ นายทหารท่านอื่นๆ

 

ที่ได้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องประเทศไทย ทุกๆ ท่าน............ครับ

 

พันเอกร่มเกล้า ธุวธรรม.jpg

 

พลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม.jpg

 

ครบรอบ 4 ปี วันที่ ระลึก นึกถึง ความกล้าหาญ ของวีรบุรุษ ทุกๆ ท่าน ครับ

 




#1128931 "ณัฐวุฒิ" บอก ไม่ต้องเปรียบเทียบยอดมวลชนกับ กปปส. ให้เก็บเเรงไว้ชุมนุ...

โดย พอล คุง on 7 เมษายน พ.ศ. 2557 - 13:15

ขอตอบแทนมวลชนคนเสื้อแดงนะครับ ผมในฐานะเสื้อแดงคนนึง ..  

 

ก็เสื้อแดงส่วนใหญ่เค้าพิจารณาแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมต่อต้านใดๆในช่วงนี้ เลยไม่มีคนไป.. . 

สิ่งที่เสื้อแดงต้องการตอนนี้คือ ต้องการให้กำนันสุเทพทำในสิ่งที่ประสงค์ให้สำเร็จ ทำไปเลย . . .

กล่าวง่ายง่ายคือ ต้องการให้สุเทพแสดงอภินิหารสิ่งเหนือรัฐธรรมนูญต่างๆ ออกมาให้ชัดๆ(ไม่ไช่แค่พูด)

 

เสื้อแดงเค้ารอวันนั้นครับ วันที่ความชอบธรรมจะมาอยู่ฝั่งแดงเต็มๆ ตอนนี้มันก็อยู่ที่กำนันจะกล้าพอไหมเท่านั้นเหละ

 

แล้ววันที่ 5 เมษา ประกาศจะรบแตกหักเพือ?

 

ไม่พอยังมีหน้าบอกว่า ถ้าคนเยอะกว่า กปปส ให้กำนัลยุติการชุมนุม

 

แต่พอคนมาน้อย กลายเป็นแค่ซ้อม แล้วเหรอ

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา




#1125831 เสื้อแดง เอารถสุขา ไปจอดไว้ตรงพระบรมรูปพระฉายาลักษณ์ ที่ ถนน.อักษะ

โดย หนูอ้อย on 4 เมษายน พ.ศ. 2557 - 13:03

ดูตอนจบมีแต่ขยะและกลิ่นหึ่งแน่นอน จากที่เคยแอบไปสำรวจเสื้อแดงตอนชุมนุม

จะเยี่ยวจะขี้ไม่เป็นที่เป็นทางเลย จะทิ้งขยะไว้เกลื่อนตลอด ได้ตังกินอิ่มแล้วกลับ

 

เรื่องขรี้ มีเรื่องจะเล่าตอนปี 2553 เสื้อแดงตั้งส้วมไว้ข้างถนนปล่อยท่อขรี้ส่งตรงลงท่อระบายน้ำข้างถนนแถวราชประสงค์

พวกมันเอาไปเล่าเฮฮาที่บ้านนอกว่าแกล้งกทม.มันที่ให้ส้วมมาไม่พอกับพวกมัน

 

ที่ไหนได้ต้องนอนดมขรี้ของพวกเสื้อแดงด้วยกันเอง กลิ่นลอยมาเป็นระยะๆ

ยังโรคภัยที่มากับขรี้อีก นึกแล้วก็ขำกับเรื่องขรี้ๆของพวกมัน ยังมีน้ำหน้าเอามาโม้อีกว่าแกล้งกทม.ได้  -- ฮา




#1008698 ยลโฉม 'นางฟ้า' ในหมู่ม็อบ สีสันชัตดาวน์ กรุงเทพฯ (กระทู้ตบหน้าเจ้าพระ...

โดย ดอกปีบ on 15 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:43

(ต่อค่ะ) :)

 

 

  557000000574107.JPEG blank.gif        
  557000000574108.JPEG blank.gif        
  557000000574109.JPEG blank.gif        
  557000000574110.JPEG blank.gif        
  557000000574111.JPEG

http://www.manager.c...D=9570000005514




#1123675 วิเคราะห์การเมืองเล่นๆ กัน : ทำไมจตุพรเลือกชุมนุมที่ ถนนอักษะ

โดย ชาวสวน on 2 เมษายน พ.ศ. 2557 - 00:16

-รัชมังคลา ไม่ได้แล้ว ใกล้ราม อาจโดนเอาคืน

-ถนนอุทยาน มวลชนจากเหนือ-อีสาน กลางลุ่มเจ้าพระยา ตะวันออก ไม่สะดวก คนละฟากของเมือง เพิ่มค่ารถหลอกแม้วได้อีกต่อ

-สภาพแวดล้อมชานเมือง อากาศดี หัวค่ำแมลงเยอะ ประธานนปช.ชอบ

-ถนนสวยๆ ต้นไม้งาม พุ่มไม้ดีๆ จะเสียก็คราวนี้ จากพวก(เขา)

-ถนนโล่ง มีที่จอดรถเยอะ ถ้าคนไม่มากยิ่งดูโหรงเหรง ไม่เป็นไร ภาพเก่า ในสต๊อกเยอะ

-สถานที่ใหม่ มวลชนไม่รู้เส้นทาง กลับก่อนไม่ได้ 

-ฝั่งธน แดนขุนพลแห่งบางบอน 

-มีคูน้ำ ช่วยลดความร้อน จากการลงไปแช่

-เสาไฟ เก้าอี้ อัลลอย ราคาดี เหมาะกับการ ไม่กลับบ้านมือเปล่า

-มีทุ่งนา เหมาะกับ มวลชน

- และอื่นๆ อีก มากควาย

:D