พี่น้องตระกูลชินวัตรคู่นี้ มันไม่รู้จักคำว่า 'ซื่อสัตย์ ทำดี และ คุณธรรม'
credit เจ้าของภาพ 'Michy' http://pantip.com/topic/31396454
- Suraphan07, Charlie and ซีมั่น โลช่า like this
โดย สมชายสายชม on 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 17:03
พี่น้องตระกูลชินวัตรคู่นี้ มันไม่รู้จักคำว่า 'ซื่อสัตย์ ทำดี และ คุณธรรม'
credit เจ้าของภาพ 'Michy' http://pantip.com/topic/31396454
โดย ดอกปีบ on 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 11:54
ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจากม็อบราชดำเนิน สู่การเคลื่อนไหวดาวกระจายทวงคืนอำนาจรัฐ ระดับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นน่าแปลกที่ไม่อาจทำให้หญิงสาวอย่างเธอรู้สึกหวาดกลัว ตรงกันข้ามเธอกลับยืนขึ้นในฐานะแกนนำ
“การปรองดอง การที่เราจะให้อภัยใคร เราให้กับคนที่สำนึกผิดและพร้อมจะปรับปรุงตนเอง แต่วันนี้คุณทักษิณสำนึกผิดหรือไม่? แล้วจะให้อภัยกันแบบนี้ได้อย่างไร?...ขอบอกอย่างหนึ่งว่า หนูตั๊นคนนี้จะขอสู้เพื่อไม่ให้คนโกงกลับประเทศได้อีก!” นี่คือบางถ้อยคำจากการปราศรัยครั้งแรกของ ตั๊น - จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี
เธอคือแกนนำคนหนึ่งที่ร่วมต่อสู้นับตั้งแต่วันแรกที่การเคลื่อนไหวนี้เริ่มต้นขึ้น ดวงหน้าที่สวยและน่ารักเป็นที่พูดถึง ทว่าหากสำรวจเข้าไปในตัวตนของเธอ พบว่าเธอมีส่วนทำงานด้านการเมืองมาตั้งแต่อายุ 23 ปีเท่านั้น
“ตั้งแต่เด็กๆ ตั๊นชอบเรื่องเกี่ยวกับการเมือง เคยขอคุณพ่อคุณแม่ว่าอยากกลับมาทำงานเพื่อประเทศชาติ คือมันเป็นความรู้สึกแบบนั้น แล้วเราก็รู้สึกเหมือนกับว่า ไม่เกี่ยวกับการเสียสละหรือว่าอะไรนะมันก็แบบ มันอยากจะทำสิ่งที่เราใฝ่ฝันมากๆ”
แรงบันดาลใจจากวัยเด็กสู่เส้นทางการเมืองเปี่ยมอุดมการณ์ ถึงวันนี้ที่เธอยืนอยู่บนเวทีท่ามกลางการจับจ้องในฐานะสีสันของการชุมนุม แต่เมื่อสำรวจลงไปในเรื่องราวชีวิตของเธอ เราไม่ควรมองแต่เพียงความน่ารักภายนอก หากแต่รับรู้ถึงอุดมการณ์อันเข้มแข็งและดีงามที่ขับเคลื่อนชีวิตของเธออยู่ภายในด้วย
ลงพื้นที่ทำงานการเมือง เด็กผู้อยากเป็นนักการเมือง
คำถามที่มักถามอยู่บ่อยครั้งกับเด็กทุกยุคทุกสมัยคือ อยากจะเป็นอะไรในอนาคต น่าแปลกที่ในคำตอบเหล่านั้นไม่มีอาชีพ “นักการเมือง” เป็นตัวเลือกเท่าไหร่นัก แปลกยิ่งกว่าคือตั้งแต่เด็ก ตั๊น - จิตภัสร์อยากเป็นนักการเมือง!!
หลังจากลัดฟ้าเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในเมืองผู้ดีตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เมื่อจบปริญญาตรี คณะภูมิศาสตร์ คิงส์คอลเลจ และปริญญาโทด้านกฎหมาย รีเจนท์ส คอลเลจ เธอนำพาตัวเองเข้าไปหาประสบการณ์ในบริษัทชื่อดังหลายแห่ง ตั้งแต่ Blue UIR Advertising, Orange (True move), Christian Dior
“ที่จริงอยากเรียนกฎหมายเศรษฐกิจเพราะในอนาคตเราไม่รู้ว่าจะกลับไปช่วยที่บ้านทำงานหรือทำธุรกิจของตัวเองรึเปล่า” เธอเผยถึงช่วงตัดสินใจเรียนที่เธอวางเป้าหมายไว้ว่า อยากจะเป็นนักการเมือง
หลังจากดูหลักสูตร คิดทบทวนกับตัวเองก็พบว่า หากเรียนกฎหมายที่ประเทศอังกฤษก็ไม่สามารถกลับมาใช้ในประเทศไทยได้ เธอจึงตัดสินใจได้ว่า ควรเลือกเรียนในสาขาที่ทำตามความฝันของเธออย่างกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะได้ทั้งกฎหมายที่สามารถใช้ได้ทั่วโลก และยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับวิชาชีพนักการเมืองได้อีกด้วย
“แต่เมื่อคิดว่าต้องเรียนกฎหมายของอังกฤษมันก็ไม่ใช่อยู่ดี เพราะเอากลับมาใช้ที่ประเทศไทยไม่ได้ ก็เลยคิดว่าไหนๆ จะเรียนกฎหมาย ทำไมไม่เลือกเรียนกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะว่าทั่วโลกก็ใช้เหมือนกันหมด และที่เรียนไม่ได้อยากเป็นทูต แต่อยากเป็นนักการเมือง”
นามสกุลที่อยู่ท้ายชื่อบางครั้งก็เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลมากกว่าชื่อที่นำหน้า กับนามสกุล “ภิรมย์ภักดี” แน่นอนว่าเป็นที่รู้จักกันในฐานะตระกูลเจ้าของธุรกิจเบียร์สิงห์ ภาพของคุณหนูไฮโซย่อมตกเป็นของเธอไปโดยปริยาย
“คนมามองลบว่าเราเป็นคุณหนูหรือเราเป็น “ภิรมย์ภักดี” มันก็ได้” เธอเผยถึงความรู้สึกเมื่อคนยึดติดว่าความสำเร็จของเธอทุกวันนี้มาจากนามสกุล ภิรมย์ภักดีมากกว่าความสามารถของเธอเอง “เรารู้สึกว่า เราโชคดีมากที่สุดที่เป็น “ภิรมย์ภักดี” มีคุณทวดที่เก่งมากที่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา มีคุณปู่คุณพ่อที่ทำงานหนักมาตลอด ให้ลูกๆ ได้มีโอกาสที่ดี ก็ต้องขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ที่ทำให้เราและน้องๆ มีโอกาสทำงานที่ตัวเองชอบ ตั๊นมีจุดยืนของตั๊นตรงนี้ว่า เรามาทำตรงนี้เพราะว่าอะไร”
โดยชื่อเล่น “ตั๊น” ที่ฟังดูแปลกหูแต่มีเอกลักษณ์ของเธอก็มาจากที่คุณพ่อ (จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี) ชอบเล่นกีฬาคาราเต้ จึงตั้งชื่อลูกๆ เป็นท่าคาราเต้ที่แตกต่างกัน ทั้งเธอที่ชื่อ “ตั๊น” มาจาก “ตั๊นหน้า” น้องสาวตุ๊ยและน้องชายต่อย ทั้งนี้ในส่วนของการทำงานในฐานะนักการเมือง
“คุณพ่อคุณแม่คอยเป็นกำลังใจให้ ท่านจะไม่ยุ่งเรื่องงานไม่บังคับและปล่อยให้คิดตัดสินใจเอง แต่ถ้ามีปัญหาก็สามารถไปปรึกษาได้เรื่อยๆ โดยคุณแม่จะช่วยดูแลเรื่องการแต่งตัวบ้าง แต่ว่าที่บ้านถึงแม้ว่าไม่ได้ทำงานการเมือง แต่ประเด็นเรื่องการเมืองก็จะคุยกันตลอดเวลา เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เราจะไม่เอาชนะกัน”
นอกจากนี้ในส่วนของชื่อจริง “จิตภัสร์” เธอเผยว่ารู้สึกภูมิใจกับชื่อนี้มากๆ เพราะเป็นชื่อพระราชทานซึ่งมีความหมายว่า จิตที่ร่มเย็น
“หลายคนบอกว่าเป็นชื่อที่เหมาะกับนิสัยเราเป็นบางวัน” เธอเอ่ยพลางหัวเราะ “แต่จะพยายามจะใจเย็นให้ได้”
กับการทำตัวเป็นคุณหนูไฮโซนั้น เธอยืนยันเลยว่า ทำอะไรไม่ได้หากคนจะมองแบบนั้น เพราะสิ่งที่เธอทำทุกอย่างคือตัวตนและสิ่งที่เธอรัก
“เราก็อยู่ตรงนี้และทำงานอย่างที่รัก เราบังคับให้คนมามองเรายังไงไม่ได้อยู่แล้ว เราต้องทำงานไปเรื่อยๆ เดี๋ยวผลงานเราออกมาเมื่อไหร่คนก็จะเห็นเองว่าเราเป็นคนยังไง”
สาวตั๊นกับคุณพ่อ (จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี) นอกเวลางานการเมืองยังเข้มข้น
ความสนใจในเรื่องการเมืองนั้น สำหรับคนทั่วไปอาจเริ่มขึ้นเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่กับเธอมันเริ่มต้นตั้งแต่เธออายุเพียง 14 - 15 ปีเท่านั้น ตั้งแต่เด็กเธอจะได้ยินจากผู้ใหญ่บ่อยครั้งว่า นักการเมืองโกงเงินจนประเทศเดินไปไม่ถึงไหน จนถึงความเข้าใจที่มากขึ้นในภาพที่กว้างขึ้น กลายเป็นคำถามที่นำพาเธอสู่การทำงานด้านการเมือง
“ก่อนหน้านั้นเรายังไม่เข้าใจว่าการเมืองมันคืออะไร ตอนเด็กๆ ได้ยินผู้ใหญ่คุยกันตลอด เอ๊ะ... ทำไมนักการเมืองถึงโกงเงิน ฟุตปาธทำไมมันพังตลอดเวลา และเราไม่เคยเข้าใจเลยว่า ทำไมคนดีถึงไม่เข้ามาทำการเมือง แล้วที่สังเกต อย่างเวลาเลือกตั้ง บางคนก็ไม่มาใช้สิทธิ์แล้วก็จะบ่นว่านักการเมืองไม่ดี”
คำถามเหล่านี้ก่อตัวขึ้นมาสร้างความอยากรู้ให้กับเธอ และเธอก็เลือกที่จะค้นหาคำตอบ เริ่มศึกษา อ่านหนังสือ จนเมื่อเวลาผ่านไปความเข้าใจมีมากขึ้น กระทั่งได้เข้ามาสัมผัสกับวงการเมืองเป็นครั้งแรกในการฝึกงานที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หน้าการเมือง
“ประสบการณ์ตรงนั้นทำให้ตั๊นเริ่มเข้าใจภาพรวมการเมืองไทยมากขึ้น”
ชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังจากหันลงมาเล่นการเมือง เธอเผยว่า เปลี่ยนไปมาก จากแต่ก่อนที่เรียนอยู่เมืองนอก พอกลับบ้านช่วงหยุดยาวใน 1 วันก็จะตื่นสบายๆ นัดทานข้าวกับเพื่อน มีเวลาก็ออกไปชอปปิ้ง ตกเย็นก็หากไม่ไปงานเปิดตัวสินค้าของเพื่อนก็จะทานข้าวกับครอบครัว
“จริงๆ ตั๊นเป็นคนแอกทีฟคือจะเบื่อถ้าเกิดไม่ค่อยมีอะไรทำ พอมาทำงานการเมืองรู้สึกว่าชอบ คือทุกวันนี้ อยากจะตื่นมาทำงาน ดีใจมากกับการที่ตื่นขึ้นมาทำงาน ทุกวัน “ลองวีคเอนด์” ที่ผ่านมาจะนั่งบ่นเมื่อไหร่จะวันจันทร์ซะที ทำไมมันถึงนานขนาดนี้ เราอยากทำงานแล้ว บ่นมากจนคุณพ่อคุณแม่บอกว่า นี่เธอพักบ้างนะ”
บอกได้ว่า เธอได้ทำในสิ่งที่เธอรักอย่างเต็มใจ เป็นสิ่งที่เธอยืนยันว่าอยากทำมาตั้งแต่เด็กๆ
“เราก็รู้สึกเหมือนกันว่า ไม่เกี่ยวกับการเสียสละหรือว่าอะไรนะมันก็แบบ มันอยากจะทำสิ่งที่เราใฝ่ฝันมากๆ หลายคนบอกว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่เสียสละ เราคิดว่าไม่จริง คือมันชอบและมีความสุขที่ตื่นขึ้นมาแล้วได้ทำงานการเมือง อธิบายไม่ถูกแต่เวลาแม่คุยกับใคร แม่จะบอกว่าเราบ้าการเมืองมากๆ”
อย่างไรก็ตาม แม้เธอจะแบ่งเวลาในชีวิตแทบทั้งหมดไปกับความสนใจด้านการเมือง ในช่วงวันหยุดพักผ่อนเธอก็ยังคงไปดูหนังกับครอบครัว และมีศิลปินคนคือเลดี้ กาก้านอกจากนี้ยังมีงานอดิเรกสุดเท่อย่างการขับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่ Ducati เป็นพาหนะคู่ใจของเธอ
ไม่หวั่นแม้ต้องเจอสายฝน นักการเมืองสาว
หลังจากก้าวแรกสู่ทำเนียบในฐานะนักข่าวการเมืองประจำทำเนียบ เธอได้เข้าใกล้แวดวงการเมืองเข้าไปอีก เมื่อได้โอกาสติดตามช่วยงานนายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี ในช่วงรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช เป็นช่วงเวลาสั้นๆ
“คิดว่าเป็นการเข้ามาเรียนรู้คำว่าประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งไม่มีคำว่าเด็กเกินไป โดยส่วนตัวเคยฝึกงานมาหลายด้าน เป็นเรื่องดีเสียอีกที่ได้เข้ามาเรียนรู้งานตั้งแต่อายุยังน้อยๆ เพราะจะได้เข้าใจและทันเกมนักการเมือง”
โดยก้าวแรกในฐานะนักการเมืองเต็มตัวของเธอนั้นมีจุดเริ่มมาจากการชักชวนของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่มีความสนิทสนมกับครอบครัวของเธอ ทั้งยังรู้มาว่าเธอสนใจการเมืองเป็นอย่างมาก ทำให้จังหวะและเวลามาลงตัวที่เธอได้มาทำงานเป็นผู้ช่วยและเลขานุการของดร.ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หน้าที่ของเธอคือติดต่อ ประสานงาน หาข้อมูลและจดประเด็นต่างๆเวลาเข้าร่วมการประชุม
“อยากช่วยประเทศชาติ ช่วยตรงไหนก็ได้” เธอเผยถึงอุดมการณ์ในการเข้าทำงานการเมือง “พอได้มาทำงานจริงก็รู้สึกสนุกกับงาน เลยคิดว่าถ้าทำงานเก็บประสบการณ์ไว้เยอะๆ เพื่อในอนาคตจะได้ทำหน้าที่ได้ดีขึ้น และเมื่อมีโอกาสมาอยู่ตรงนี้ก็ทำให้ได้เรียนรู้ดูว่าใครทำอะไรยังไง คือใครทำดี ก็มองว่าเป็นสิ่งที่ดี แล้วก็จะได้ทำตาม แต่ว่าใครทำอะไรที่ไม่ดี ก็ได้เห็นได้เรียนรู้ข้อบกพร่องและเมื่อรับรู้แล้วในอนาคตจะได้ไม่ทำตามตัวอย่างที่ผิดๆ”
แต่แล้วด้วยวัยเพียง 23 ปีกับตำแหน่งประจำสำนักนายกฯ ชื่อของเธอกลายเป็นที่รู้จักเมื่อถูกตีข่าวในทางไม่ดีกับการแจกปฏิทันลีโอที่มีภาพนางแบบเซ็กซี่ซึ่งกำลังมีปัญหาทางกฎหมายอยู่ในขณะนั้น
“ตอนนั้นตกใจมากกว่าค่ะ ตกใจว่าคนให้ความสำคัญกับเรามากขนาดนี้เลยเหรอ แต่ด้วยสถานที่ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นบทเรียนให้เราเรียนรู้และระวังตัวมากขึ้น โดยเฉพาะ กับสถานที่ทางราชการด้วย ตั๊นก็เลยแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งประจำสำนักนายกฯ ค่ะ”
อย่างไรก็ตาม เธอยังคงทำงานด้านการเมืองโดยได้เข้าทำงานเป็นเลขาธิการรัฐมนตรีกระทรวงไอซีที และด้วยตำแหน่งนี้ ทำให้เธอได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมในการทำงาน ในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
“ตั๊นมีโอกาสได้คิดได้ทำโปรเจกต์ต่างๆ อย่างตอนนั้นก็ได้เริ่มต้นทำเว็บไซต์ถวายพระพรออนไลน์ www.welovekingonline.com ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่ภูมิใจมาก เพราะได้ลงมือทำด้วยตัวเองค่ะ”
ถึงตอนนี้แม้เธอจะพ่ายแพ้ในสนามการเมืองแรก แต่ตำแหน่งรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กับการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องถึงชุมชนเขตดุสิตที่ตัวเองรับผิดชอบก็ทำให้เธอเป็นนักการเมืองสาวที่ทำงานร่วมกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
บุกกระทรวงกลาโหม ปัญหาการเมืองไทย
ชีวิตบนเส้นทางการเมืองที่เริ่มต้นแต่เด็ก แม้ตอนนี้เธอจะยังดูอายุน้อยเมื่อเทียบกับนักการเมืองคนอื่นๆ แต่ประสบการณ์ทั้งลงพื้นที่ ทำงานในหน่วยงานราชการ จนถึงภาคการเมือง เธอมองเห็นปัญหาหลายอย่างที่แฝงฝังอยู่ในระบบการเมืองไทยมากมาย
“ตั๊นรู้สึกเห็นใจข้าราชการเมืองไทยนะคะ ทุกวันนี้ ทุกคนก็ทำหน้าที่กันอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว แต่ปัญหาหลักคือ มีเรื่องการเมืองเข้ามาแทรก พอเปลี่ยนขั้วรัฐบาลทีไรก็มีปัญหาทุกครั้ง ข้าราชการ โดยเฉพาะ ปลัดกระทรวง ก็ต้องถูกย้ายบ้าง หรือต้องแบ่งขั้วเลือกข้างเพื่อให้ได้ตำแหน่งตามไปด้วย เหตุนี้ประเทศจึงต้องย่ำอยู่ที่เดิม จึงอยากให้ระบบราชการมีอิสระเพิ่มขึ้น โดยภาคการเมืองไม่มาก้าวก่าย เพียงแค่วางนโยบายแล้วให้ทางราชการดำเนินงานจัดการกันเองค่ะ”
ในส่วนของโครงการต่างๆ ที่ดีอยู่แล้วในรัฐบาลเดิม เธอมองว่าควรได้รับการสานต่อ โดยเฉพาะด้านการศึกษา แม้จะไม่เห็นในช่วง 1 - 2 ปี แต่ทำให้เกิดในระยะยาว
“อย่างที่ผ่านมา เด็กเข้าใจและตั้งใจเรียนกับระบบนี้ รัฐบาลเปลี่ยน อ้าว! เปลี่ยนอีกแล้ว เด็กงงค่ะ เมื่อผู้ใหญ่ยังเดินสะเปะสะปะกันแบบนี้ จะวางเส้นทางความรู้ให้เด็กเดินจนถึงเป้าหมายคงยากค่ะ”
อย่างไรก็ตามปัญหาเหล่านี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหา ตั๊น - จิตภัสร์ได้เรียนรู้ผ่านการทำงานในช่วงที่ผ่านมาว่า ปัญหาของการแบ่งสีของประชาชนเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก
“ถามว่าท้อกับเรื่องแบ่งขั้วแบ่งสีไหม คงตอบว่าไม่ท้อค่ะ แต่กลับอยากทำงานจริงจังขึ้น เพื่อให้ประเทศเดินหน้าค่ะ อยากให้คนไทยกลับมาสามัคคีกันเหมือนเมื่อก่อน ซึ่ง ณ จุดนี้ คงเป็นไปได้ยากค่ะ โดยเฉพาะเรื่องสมานฉันท์ แต่ก็ยังมีความหวังอยู่นะคะ ตั๊นคิดว่า เมื่อพรรคการเมืองสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อนาคตการเมืองไทยก็น่าจะเปลี่ยนแปลงไป บางทีพวกเราอาจจะเห็นว่า ถึงเวลาที่เราจะเลิกเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และคิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนรวมกันได้แล้ว ตั๊นรอให้ถึงวันนั้นค่ะ วันที่เราจะมีรอยยิ้มร่วมกัน และกลับมารักใคร่ปรองดองกันอีกครั้ง”
โดยต้นต่อของปัญหานี้เธอมองว่าคือการที่คนไทยยังไม่เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยอย่างทั่วถึงและชัดเจน
“มันก็เลยยังมีปัญหาอยู่บ้างในเรื่องของอำนาจ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่พูดยากและคงต้องใช้เวลา เพราะถ้าเทียบกับระบบของอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งจะลงตัวมากกว่า ต่างกับประเทศไทย ที่ระบบมีการเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งเราก็รอวันที่การเมืองจะเข้าระบบและกฎหมายจะได้เข้มแข็งขึ้น”
นำทัพประชาชนรวมตัวย่านประตูน้ำ คุณหนูแกนนำ
หลังจากร่วมเป็นแกนนำคนหนึ่งในการชุมนุม เธอได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีราชดำเนิน การเมืองนอกสภากลายเป็นความหวังหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงประเทศ
แม้จะถูกมองว่าเป็นคุณหนูแต่เธอก็เป็นคนที่เริ่มเดินลงมาสู่พื้นที่การเมืองนอกสภาตั้งแต่วันแรกๆ ที่มีการเคลื่อนไหวคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม บอกได้ว่าเธอปรากฏตัวที่ม็อบตั้งแต่ช่วงที่ยังมีเพียงม็อบอุรุพงษ์เท่านั้น
“ประชาชนบางส่วนก็ย่อมอึดอัดและต้องหาที่ระบายออกแสดงจุดยืนภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ที่อยากจะเห็นและเรียกร้องจากรัฐบาลคืออยากให้หันมาใส่ใจทุกภาคส่วน ทุกกลุ่ม ไม่ใช่มาเลือกปฏิบัติเฉพาะกับบางกลุ่มเท่านั้นเพราะคุณคือรัฐบาลของประเทศไทยทั้งประเทศ” เธอเผยถึงการลงพื้นที่ร่วมชุมนุมครั้งนั้น
ต่อมาเมื่อการต่อสู้ยกระดับขึ้น จากเวทีประชาชนสามเสนสู่เวทีราชดำเนิน การโค้นล้มระบอบทักษิณเริ่มก่อร่างกระทั่งเสียงนกหวีดดังขึ้น เธอขันอาสาร่วมทัพหน้าในการชุมนุม
“เขาหาว่าเราเป็นม็อบคุณหนูค่ะ...แต่คุณหนูตั๊นคนนี้จะสู้ไม่ให้คนโกงอย่างคุณได้กลับมาเหยียบแผ่นดินนี้ได้อีก!!! จะคุณหนูหรือไม่.. เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เกิดมาแล้วเราในฐานะปชช.เราสามารถเลือกสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้องได้ค่ะ!!!” นี่คือถ่อยคำท้ายในการปราศรัยครั้งแรกของเธอ
จากนั้นไม่ว่าการชุมนุมจะเดินหน้ารวมกลุ่มคนจากที่ไหน ผู้ชุมนุมก็จะได้เห็นเธอยืนขึ้นเป็นผู้นำตั้งแต่รวมมวลชนขาชอปย่านประตูน้ำ จนถึงยุทธศาสตร์ดาวกระจายที่กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงกลาโหม
ภาพหญิงสาวตัวเล็กๆ ยืนเด่นอยู่บนรถสิบล้อพร้อมถือไมค์นำประชาชนมาเพื่อมอบดอกไม้ให้กับกองทัพ สิ่งนี้เป็นภาพที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นแกนนำ นำมวลมหาประชาชน พี่น้องหัวใจรักชาติมาให้กำลังพี่น้องข้าราชการทหาร กระทรวงกลาโหมค่ะ”
นอกจากนี้เธอยังไม่ลืมหน้าที่รองโฆษกพรรคในช่วงค่ำของบางวัน เธอจะปราศรัยรายงานความเคลื่อนไหวของการชุมนุมเป็นภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารไปยังนานาชาติ
จนถึงตอนนี้แม้ว่าการชุมนุมดูเหมือนจะผ่านช่วงที่รุนแรงที่สุดมาแล้ว ทว่าการต่อสู้ยังคงต้องดำเนินต่อไป กับความอยุติธรรมที่ยังคงดำรงอยู่ในสังคมไทย เธอฝากความคิดการใช้ชีวิตถึงผู้มีหัวใจรักชาติทุกคนไว้ว่า
“ในเมื่อเราได้เลือกข้างแล้ว ขอให้เชื่อมั่นและยึดมั่นในอุดมการณ์ อย่ากลัวที่จะสู้ในสิ่งที่ถูกต้อง ตั๊นขอทำหน้าที่ของวันนี้ให้ดีที่สุด จะสู้เคียงข้างพี่น้องประชาชน..ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆหัวใจรักชาติค่ะ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์”
คอยช่วยเหลือพยาบาลผู้ชุมนุม
เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากการชุมนุม
เรื่องโดย ทีมงาน Manager Lite http://www.manager.c...D=9560000150840
ภาพประกอบบางส่วนจาก Facebook.com/ตั๊น จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี
โดย เพื่อนร่วมชาติ on 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 11:40
ปฏิวัติโดยประชาชนนั้นแตกต่างจากปฏิวัติโดยทหาร อย่างที่ อ.ธีรยุทธว่าไว้
อำนาจทหารนั้นเบ็ดเสร็จ แต่อำนาจประชาชนนั้นค่อยเป็นค่อยไป
ผมยังเชื่อในเจตนาของลุงสุเทพและแกนนำ กปปส. ที่ต้องการเห็นการเมืองที่ดีกว่าเดิม
แต่เมื่อฟังคำสั่งบางข้อตั้งแต่วันที่ 9 ก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะมันคล้ายคำสั่งของการปฏิวัติโดยทหาร
ผมเกรงว่าภาพที่สื่อออกไป จะกลายเป็นว่าลุงสุเทพกำลังใช้อำนาจเยี่ยงทหาร หรือเป็นผู้บงการ มากกว่าเป็นผู้ประสานความร่วมมือไปสู่ความเปลี่ยนแปลง
จึงอยากฝากใครก็ได้ที่อ่านบอร์ดนี้ และสามารถเสนอแนะแก่ลุงสุเทพและแกนนำ กปปส.
ว่าปฏิวัติโดยทหารใช้วิธีกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่ปฏิวัติโดยประชาชนจำเป็นต้องกุมหัวใจประชาชนส่วนใหญ่
สารที่สื่อออกไป ภาพที่สื่อออกไป ผมขอเสนอแนะให้ระมัดระวัง
ผมเองไม่ได้มีความรู้สูงส่ง ประสบการณ์ก็ไม่ได้ยาวนานเท่าพวกท่าน ผมอาจจะคิดผิด
ยังไงก็ตาม อยากขอให้พวกท่านไตร่ตรองดู
โดย เช never die on 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 09:02
ไม่เอาพวกมันเป็นรักษาการณ์ วันนี้ึึควรจะเป็นวันถอนรากถอนโคนพวกมันให้หมดเลยทีเดียว
เห็นด้วยเต็มที่ครับ ....
ใครหน่วยใดพอจะมีกำลัง ช่วยกันตามล่าไอ้เลิศไม้เก่า ไอ้อารีย์ ไกรนรา สองตัวเหี้ ย แกนหลักในการเข่นฆ่าพี่น้องเสื้อแดง
ช่วยเอาไอ้สองตัวเหี้ ยนี้มาขึ้นศาลประชาชน และต้องไม่ลืมอีนกแสก ไอ้เหวง ไอ้ตู่ ไอ้เต้น ไอ้แรมโบ้ เอามาเผาทิ้งให้หมด ไม่อย่างนั้นประเทศนี้ไม่มีวันสงบครับ
โดย arch_freeman on 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 22:12
ประเทศไทยในยุคปฏิรูป ใครเป็นเสื้อแดงจะโดนบอยคอต ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
ของจะขายไม่ออก ไม่มีคนคบค้าไม่มีความก้าวหน้าในการงาน
นี่คือ อนาคตของพวกไพร่เสื้อแดง
ส่วนพวกแกนนำ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย พวกหัวรุนแรงจะโดนเก็บ ที่เหลือจะขนทรัพย์สินหนีออกนอกประเทศ
ส่วนพวกข้าราชการเสื้อแดง ก็ เตรียมกระโดนลงหลุม ที่มวลมหาประชาชนขุดไว้ฝังกลบ เพื่อไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด ออกมาใช้อำนาจในทางที่ผิดอีก ใครร่วมกับระบอบทักษิณทำผิด ก็จะต้องติดคุก
ประเทศไทยจะต้องไม่มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ เราจะมีตำรวจชุนขนขึ้นมาแทน ไอ้ตำรวจแบบกองทัพจะหมดไป
โดย 55555 on 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 14:39
แมนเดลล่า ผู้นำที่เป็นตำนานของโลก ผู้ยอมอยู่ในคุก 27 ปี จะบอกว่า
"It always seems impossible until it 's done"
พวกรัฐบาล กับ อีนายกโง่ ไม่ต้องถาม ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องไปอ้างขี้ปากใครต่อใคร
ทำสิ่งที่ตัวเองควรทำตามอำนาจทีีมีในรัฐธรรมนูญก่อน จะลาออก หรือ ยุบสภา เพราะนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของสภาประชาชน
ถึงเวลานี้ เห็นได้ชัดว่า อีโง่ กับ เหล่าขี้ข้าทักษิณเป็นอุปสรรคต่อ ความสงบสุขของประเทศ
หลังจากทำในสิ่งที่ มนุษย์ดี ๆ รัฐบาลดี ๆ เค้าไม่ทำกัน
ออกไปซะ แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นเค้าจัดการ
คนอื่นจะได้ดำเนินการขั้นตอนต่อไปเพื่อให้เกิดได้จริง
แต่ถ้าไม่ออกก็ไม่ต้องสำรอกบ่อย ๆ ว่า ตัวเองไม่ยึดติดกับเก้าอี
จะทำได้หรือไม่ได้ จะมีผู้รับผิดชอบต่อไปเอง ไม่ใช่หน้าที่ของคนสติปัญญาอย่างเอ็งมาคิด
เวลานี้ไม่มีใครคิด หรือเชื่อว่า รัฐบาลอีโง่ กับ บรรดาขี้ข้าทักษิณ จะยอมให้เกิดสภาประชาชน
ลงจากอำนาจซะ อย่าทำตัวเป็นจระเข้ขวางความสงบสุขของประเทศ
โดย wat on 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 09:41
มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จท่านฯ หลายครั้งหลายครา คือจงรักภักดี???
เข่นฆ่าพี่น้องร่วมชาติ, โกงชาติบ้านเมือง, ขายชาติ ทรยศชาติ, สั นดานทรราชย์ทั้งตระกูล, เสี้ยมให้คนไทยฆ่ากันเอง, ตอแหลกับปวงประชาทั้งพี่ทั้งน้อง, ฯลฯ
โถๆๆๆๆ... ไอ้เ หรี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยๆๆๆๆๆ... ไปลงนรกบ้านพ่องเม ริงซะเถิด แผ่นดินจะได้สูงขึ้น....
โดย หมาเน่า on 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 00:04
โดย Mootang on 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 08:56
ตอนนี้แม้วเลยเหลือทางรอดทางเดียวก็คือชิงตั้งสภาปฏิรูปก่อนสภาประชาชน
โดยที่จะขอให้ชาติหมามิตรสหรัฐและตะวันตกช่วยหนุน คาดว่าพวกมันคงจะคุยกันไว้แล้ว
ซึ่งหนทางนี้เป็นหนทางรอดสุดท้ายของมันแล้ว ถ้าพลาดก็จบ โดนทอดทิ้งแน่ๆ
นางยกถึงยังไม่ยอมยุบสภาหรือลาออกเพราะถ้าทำแบบนั้นแล้วมันจะไม่มีอำนาจดำเนินการตามแผน
แต่ทางแกนนำน่าจะหาวิธีแก้เกมได้และส่งทรราชแม้วลงนรกทั้งเป็นได้แน่
โดย เช never die on 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 07:00
ทักษินไม่จดจำบทเรียน ทรราชที่รับใช้ซีไอเออยู่ในประเทศต่างๆมีจุดจบเช่นไร
ทรราช บาร์ติสต้าที่รับใช้ซีไอเอ แห่งคิวบามีจุดจบเช่นไร
ซัดดัม ฮุดเซ็น ที่รับใช้ซีไอเอทำ proxy war รบกับอิหร่าน สุดท้ายถูกซีไอเอจัดการเช่นไร
ผู้นำอียิปต์ที่รับใช้ซีไอเอมานานปี สุดท้าย ถูกซีไอเอปล่อยลอยแพ
ฯลฯ
จนล่าสุด แม้แต่บิลลาเดน ที่เคยรับใช้ซีไอเอทำมูจาฮิดต่อต้านกองทัพโซเวียตในอาฟกานิสถาน สุดท้ายก็ถูกซีไอเอหมายหัวกำจัดทิ้ง จนบิลลาเดนต้องหันมาทำสงครามก่อการร้ายกับสหรัฐ
ทักษินไม่เคยจดจำบทเรียนจริงๆ
โดย น้านิ่ม on 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 20:22
โดย คนกรุงธน on 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 17:35
ถ้าศัตรูยื่นข้อเสนอใจกว้างให้ พิจารณา. เขากำลังซื้อเวลา แต่ถ้าจู่ ๆ ศัตรูเสนอให้สงบศึกโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน... เขากำลังออกอุบาย ~ซุนวู~
โดย ช่อมัลลิกา on 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 17:15
มีใครพอทราบข่าวพี่คนนี้ไหม อ่านมาเมื่อวานข่าวบอกว่าพอหลังจากแกฉีดถังดับเพลิงเสร็จก็หันหลังกลับวิ่งมา แต่ว่าโดนกระสุนเข้าที่หัว เพิ่งหารูปจากเฟสพี่ศิริศักดิ์ได้
ภาวนาขอให้เป็นกระสุนยาง และขอให้พี่แกปลอดภัยเถอะ
โอว ไม่นะ ขออย่าให้มีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นกับผู้กล้าคนนี้เลยนะคะ
ใจคุณหล่อมากค่ะ
โดย HiddenMan on 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 15:51
Community Forum Software by IP.Board 3.4.6
Licensed to: serithai.net