Jump to content


-3-

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน 2551
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2557 21:04
-----

Topics I've Started

ล้างภัย 'มนุษย์วิบัติ' 'ตุลาการภิวัตน์' คือ 'หน้าที่ตุลาการ'

24 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 21:35

http://www.ryt9.com/s/tpd/1862619

 

 

ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- อาทิตย์ที่ 23 มีนาคม 2557 00:00:15 น.สมจิตต์ นวเครือสุนทร

 

ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายที่คำว่า "ตุลาการภิวัตน์" จะถูกนำมาปั่นกระแสสร้างชุดความคิดเท็จเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ในการรักษาระบอบทรราชให้ตัวเองและพรรคพวกอยู่เหนือระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของประเทศ  หลังจากที่หายไประยะหนึ่งเมื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สืบสันดานทรราชจากพี่ชายนักโทษหนีคดีเข้ามาเป็นใหญ่ในบ้านเมือง

มีคดีสำคัญที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหลายกรณี ภายใต้การบริหารของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ยึดเสียงข้างมากเป็นที่ตั้ง พังระบบตรวจสอบ  ลอบทำร้ายประชาธิปไตยเพราะหัวใจคือเผด็จการ แต่ยิ่งลักษณ์และพรรคพวกไม่เคยโวยวาย ตราบเท่าที่พวกเขาพึงพอใจต่อคำตัดสินที่เป็นคุณกับพวกตัวเอง

 

มาทบทวนกันหน่อยว่า มีคดีอะไรบ้างที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นคุณกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และพวกเขาก็ออกมาสรรเสริญเยินยอว่า "ศาลเป็นธรรม"

 

1.) 22 ก.พ.55 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.เงินกู้  3.5 แสนล้านบาท หรือ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 (1) (2)

 

2.) 22 ก.พ.55 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนฟื้นฟูและสถาบันการเงิน พ.ศ.2555 หรือ พ.ร.ก.โอนหนี้กองทุนฟื้นฟู 1.14 ล้านล้านบาทให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 (1) (2)

 

3.) 20 เม.ย.55 ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องกรณีพรรคประชาธิปัตย์ขอให้วินิจฉัยสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม (ในขณะนั้น) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยอีก 6 คน ได้แก่ นายการุณ โหสกุล, นายสุรชาติ เทียนทอง, นายวรชัย เหมะ, นายทนุศักดิ์  เล็กอุทัย, นายวิชาญ มีนชัยนันท์ และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์  สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ จากการแต่งตั้ง ส.ส.เข้าไปร่วมบริหารใน ศปภ. เนื่องจากไม่ปรากฏว่ามีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริต หรือใช้อำนาจหน้าที่แทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ

 

4.) 13 ก.ค.55 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ไม่เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่เห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนทั้งฉบับควรผ่านการทำประชามติก่อนว่าต้องการให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่

 

5.) 4 ต.ค.56 ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องกรณี ส.ส.และ ส.ว.รวม 112 คนส่งให้วินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 มาตรา 27 และมาตรา 28 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรค 8 และวรรค 9

 

6.) 10 ต.ค.56 ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง 40 ส.ว.-ปชป.  ประเด็นแก้รัฐธรรมนูญปมที่มาของ ส.ว. ไม่เข้าหลักเกณฑ์ให้ระงับกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 เนื่องจากเห็นว่า รัฐธรรมนูญหมวด 15 มาตรา 291 บัญญัติหลักเกณฑ์วิธีการตาม (1) ถึง (7) ว่าต้องทำเป็นญัตติขอให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มิใช่ทำเป็นร่างพระราชบัญญัติ ทั้งมาตรา 291 (7) ได้บัญญัติให้นำบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการตราพระราชบัญญัติ เฉพาะมาตรา 150  และมาตรา 151 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ไม่ได้บัญญัติให้นำมาตรา 154 ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยการควบคุมการตราพระราชบัญญัติมิให้ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่รับวินิจฉัย

 

7.) 12 มี.ค.57 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยกคำร้องกรณีถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส.ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ว่า คณะรัฐมนตรีกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2  ก.พ.57 ไม่อาจนำมาซึ่งการประชุมสภาฯ ครั้งแรก และทำให้สภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถให้ความเห็นชอบบุคคลมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ภายใน 30 วัน ซึ่งการอยู่ในตำแหน่งของรักษาการนายกรัฐมนตรีเป็นการดำรงอยู่โดยขัดต่อเจตนารมณ์ของศาลรัฐธรรมนูญ โดยศาลเห็นว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวยังไม่มีมูล จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะรับไว้พิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68

 

จะเห็นได้ว่ามีคดีจำนวนมากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า  รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้ทำผิดรัฐธรรมนูญ ซึ่งยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยก็กระดี๊กระด๊าชื่นชมศาลรัฐธรรมนูญว่าปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญชุดเดียวกันนี้วินิจฉัยว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีพฤติกรรมกระทำผิดรัฐธรรมนูญ ก็จะมีการป้ายสีศาลรัฐธรรมนูญตามมาด้วยวาทะเดิมๆ ว่า "ศาลรัฐธรรมนูญสองมาตรฐาน เป็นเครื่องมืออำมาตย์ล้มรัฐบาล"

 

ตามมาด้วยการปั่นกระแส "ตุลาการภิวัตน์" ให้ประชาชนเกิดความสับสนและเข้าใจผิดว่า "ตุลาการภิวัตน์"  คือการใช้กฎหมายกลั่นแกล้งทักษิณและพวก ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะความหมายของตุลาการภิวัตน์ คือ แนวคิดที่เกิดจากการมองว่า สถาบันตุลาการคือสถาบันเดียวที่มีความชอบธรรมภายใต้ระบอบประชาธิปไตยในการตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับความเป็นธรรม โดยหลายประเทศก็ใช้หลักการนี้บนหลักคิดที่ว่า "อำนาจอธิปไตยของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ต้องคู่ขนานไปกับหลักการปกครองด้วยความยุติธรรม ซึ่งจะเป็นการคลี่คลายข้อขัดแย้ง หรือเพื่อถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ โดยพิจารณาถึงความยุติธรรมในสังคมเป็นหลัก"

 

ดังนั้น การกล่าวหาว่า "ตุลาการภิวัตน์" คือกระบวนการล้มรัฐบาลทักษิณ ยิ่งลักษณ์ จึงเท่ากับว่ามนุษย์วิบัติเหล่านี้ยอมรับว่า "แม้ตัวเองจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เป็นรัฐบาลผ่านการเลือกตั้ง แต่ได้ปกครองบ้านเมืองโดยไม่ยึดหลักการความยุติธรรม จึงทำให้ถูกดำเนินคดีในหลายกรณีเพราะมีการละเมิดกฎหมาย ไม่เคารพรัฐธรรมนูญ"

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัส ไว้เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 แก่คณะศาลปกครองสูงสุดและประธานศาลฎีกา พร้อมด้วยผู้พิพากษาประจำศาลยุติธรรม มีความตอนหนึ่งว่า

...หน้าที่ของผู้พิพากษา หน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปกครอง มีหน้าที่กว้างขวางมาก ซึ่งเกรงว่าท่านอาจจะนึกว่าหน้าที่ของผู้ที่เป็นศาลปกครองมีขอบข่ายที่ไม่กว้างขวาง ที่จริงกว้างขวางมาก ในเวลานี้อาจจะไม่ควรพูด แต่อย่างเมื่อเช้านี้เองได้ยินเขาพูดเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และโดยเฉพาะเรื่องเลือกตั้งของผู้ที่ได้คะแนน ได้แต้มไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

 

แล้วก็เขาเลือกตั้งอยู่คนเดียว ซึ่งมีความสำคัญ เพราะว่าถ้าไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็เขาคนเดียว ในที่สุดการเลือกตั้งไม่ครบสมบูรณ์ ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับท่านหรือเปล่า แต่ความจริงน่าจะเกี่ยวข้องเหมือนกัน เพราะว่าถ้าไม่มีจำนวนผู้ที่ได้รับเลือกตั้งพอ ก็กลายเป็นว่า การปกครองแบบประชาธิปไตยดำเนินการไม่ได้

แล้วถ้าดำเนินการไม่ได้ ที่ท่านได้ปฏิญาณเมื่อตะกี้นี้ก็เป็นหมัน ถึงบอกว่าจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้การปกครองแบบประชาธิปไตยต้องดำเนินการไปได้ ท่านก็เลยทำงานไม่ได้ และถ้าท่านทำงานไม่ได้ ก็มีทางหนึ่ง ท่านอาจจะต้องลาออก เพราะไม่ได้มีการแก้ไขปัญหา ไม่ได้แก้ปัญหาที่มีอยู่ ต้องหาทางแก้ไขได้ เขาอาจจะบอกว่าต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญ แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็บอกไม่ใช่เรื่องของตัว ศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นการร่างรัฐธรรมนูญ ร่างเสร็จแล้วก็ไม่เกี่ยวข้อง

เลยขอร้องว่า ท่านอย่าไปทอดทิ้งความปกครองแบบประชาธิปไตย การปกครองแบบที่จะทำให้บ้านเมืองดำเนินการผ่านออกไปได้ แล้วก็อีกข้อหนึ่ง การที่จะบอกว่ามีการยุบสภา และต้องเลือกตั้งภายใน 30 วัน ถูกต้องหรือไม่ ไม่พูดเลย ไม่พูดกันเลย ถ้าไม่ถูกก็จะต้องแก้ไข แต่ก็อาจจะให้การเลือกตั้งนี้เป็นโมฆะหรือเป็นอะไร ซึ่งท่านจะมีสิทธิ์ที่จะบอกว่า อะไรที่ควร ที่ไม่ควร

ไม่ได้บอกว่ารัฐบาลไม่ดี แต่ว่าเท่าที่ฟังดูมันเป็นไปไม่ได้  คือการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย เลือกตั้งพรรคเดียว คนเดียว ไม่ใช่ทั่วไป แต่ในแห่งหนึ่งมีคนที่สมัครเลือกตั้งคนเดียว  มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องของประชาธิปไตย เมื่อไม่เป็นประชาธิปไตย ท่านก็พูดกันเองว่า ท่านต้องดูเกี่ยวข้องกับเรื่องของการปกครองให้ดี ตรงนี้ขอฝาก

อย่างดีที่สุด ถ้าเกิดท่านจะทำได้ ท่านลาออก ท่านเอง ไม่ใช่รัฐบาลลาออก ท่านเองต้องลาออก ถ้าทำไม่ได้ รับหน้าที่ไม่ได้ ตะกี้ที่ปฏิญาณไป ดูดีๆ จะเป็นการไม่ได้ทำตามที่ปฏิญาณ ฉะนั้น ก็ตั้งแต่ฟังวิทยุเมื่อเช้านี้ กรณีเกิดที่นบพิตำ  กรณีที่อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช อันนั้นไม่ใช่แห่งเดียว ที่อื่นมีอีกหลายแห่ง ที่จะทำให้บ้านเมืองล่มจม  บ้านเมืองไม่สามารถที่จะรอดพ้นจากสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้อง

ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านไปศึกษาว่าเกี่ยวข้องอย่างไร ท่านเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ถ้าท่านไม่เกี่ยวข้อง ท่านก็ลาออกดีกว่า  ท่านผู้ที่เป็นผู้ที่ได้รับหน้าที่ ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ เป็นผู้ที่ต้องทำให้บ้านเมืองดำเนินได้ หรือมิฉะนั้นก็ต้องไปปรึกษากับท่านผู้พิพากษาที่จะเข้ามาต่อมา ท่านผู้พิพากษาศาลฎีกา ท่านผู้นี้ก็คงเกี่ยวข้องเหมือนกัน ก็ปรึกษากันสี่คน

ท่านปรึกษากับผู้พิพากษาศาลฎีกาที่จะเข้ามาใหม่ ปรึกษากับท่าน ก็เป็นจำนวนหลายคนที่มีความรู้ ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ที่มีความและมีหน้าที่ที่จะทำให้บ้านเมืองมีขื่อมีแป  ฉะนั้นก็ขอฝากคุณอักขราทร ก็ต้องไปพูดกับสมาชิกอื่นๆ  ด้วย ก็จะขอบใจมาก เดี๋ยวนี้ยุ่ง เพราะถ้าไม่มีสภาผู้แทนราษฎรก็ไม่ทางจะปกครองแบบประชาธิปไตย ของเรามีศาลหลายชนิดมากมาย แล้วมีสภาหลายแบบ และก็ทุกแบบนี่จะต้องเข้ากัน ปรองดองกัน และคิดทางที่จะแก้ไขได้...

จากพระราชดำรัสดังกล่าว ทำให้มีความพยายามที่จะ  "ดึงฟ้าต่ำ" อย่างเป็นระบบต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งที่ความจริงแล้ว พ่อหลวงมิได้ทรงเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายใด นอกจากการให้สติคนที่มีหน้าที่ในบ้านเมือง ให้ทำงานของตนอย่างเต็มกำลังเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนเท่านั้น ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สุดของประเทศไทยที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำให้ชาติของเรารอดพ้นจากวิกฤติมาได้หลายครั้งหลายคราว กระทั่งต่างชาติเองก็ยังยอมรับในเรื่องนี้

คาร์ล ไฮนซ์เฮคฮาวเซน ประธานหอการค้ายุโรป และประธานหอการค้าไทย-เยอรมัน กล่าวไว้เมื่อวันที่ 24 เม.ย.49 หรือ 1 วันก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีพระราชดำรัสให้ 3 ศาลหารือกันเพื่อหาทางออกจากวิกฤติการเมือง ภายใต้ระบบกฎหมายและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยคาร์ลให้ความเห็นไว้ว่า

"การชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องซีเรียสสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ตราบใดที่ไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร ขอยืนยันว่านักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะยุโรป มองว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้ ถือเป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย และยังทำให้เกิดการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย และยังอดทึ่งไม่ได้ว่าทำไมการชุมนุมที่ยาวนาน จึงสงบเรียบร้อยโดยไม่เกิดจลาจล ไม่เหมือนฝรั่งเศสที่เกิดความรุนแรง...จุดหนึ่งที่ประเทศไทยได้เปรียบคือ ความเข้มแข็งของสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดวิกฤติก็เชื่อว่า พระบารมีของในหลวงจะช่วยคลี่คลายวิกฤตินั้น"

แต่เมื่อฝ่ายตุลาการพิจารณาอรรถคดีตามหลักการ ตุลาการภิวัตน์กลับถูกบิดเบือนโดยฝ่ายที่เสียประโยชน์ว่า เป็นการใช้ตุลาการมาสนองเป้าหมายทางการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และกล่าวหาว่ามีธงล่วงหน้าในคดีการเมือง ลากตุลาการลงมาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง พร้อมกับการทำลายความน่าเชื่อถือตุลาการในทุกรูปแบบ และผลักให้ตุลาการซึ่งทำหน้าที่พิทักษ์ความถูกต้อง ยุติธรรมในสังคมไทยกลายเป็นหนึ่งในขบวนการล้มรัฐบาล ทั้งที่ความจริง "ตุลาการภิวัตน์" คือ การให้อำนาจตุลาการตรวจสอบการออกกฎหมาย ตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อให้ใช้อำนาจในการพิพากษาคดีให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม

สิ่งที่คนไทยต้องพึงตระหนักให้มั่นคือ ศาลไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาคดีใดได้หากไม่มีการนำเรื่องขึ้นร้องต่อศาล และที่สำคัญคือ การพิจารณาคดีเป็นไปตามข้อเท็จจริงและหลักกฎหมาย ดังนั้น "ตุลาการภิวัตน์" จึงมิใช่เครื่องมือของอำมาตย์ที่จ้องล้มทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ตามที่มีความพยายามสร้างชุดความคิดเท็จกันอยู่ในขณะนี้ แต่ "ตุลาการ" มีหน้าที่จัดการกับคนที่ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย เพื่อรักษาความเป็นธรรมให้กับสังคม

รัฐบาลใดก็ตามที่อ้างว่าตัวเองถูกเล่นงานโดย "ตุลาการภิวัตน์" ก็เท่ากับยอมรับโดยปริยายว่าตัวเองทำ "ผิดกฎหมาย" เพราะถ้ามิได้ทำผิดย่อมไม่มีคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาล

คำสารภาพล่าสุดของยิ่งลักษณ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12  มี.ค.57 หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยด้วยมติเอกฉันท์ว่า เนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทขัดรัฐธรรมนูญ  โดยเธอระบุไว้ว่า "อยากให้มองดูที่เจตนา อย่ามองการใช้ข้อกฎหมายเป็นเพื่อที่จะลิดรอน หรือเป็นข้อที่จะตัดสิทธิ์ของทุกคนเลย แล้วอย่างนี้เราจะไปกันลำบาก พัฒนาประเทศต่างๆ ก็ลำบาก"

คำพูดของยิ่งลักษณ์ยิ่งชัดเจนว่า เธอยอมรับว่ารัฐบาลภายใต้การนำของเธอ มิได้บริหารประเทศภายใต้หลักนิติรัฐ  นิติธรรม แต่ยึดตามหลักนิติกู คือยกเจตนารมณ์ของฝ่ายบริหารอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง

ถ้าไม่มี "มนุษย์วิบัติ" ที่เป็นมหันตภัยต่อชาติบ้านเมือง  "ตุลาการภิวัตน์" ก็คงไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ การดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งของสังคมไทยคือ การรักษาอำนาจอธิปไตยสามฝ่ายให้สมดุลเพื่อให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยเกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม ไม่ใช่หน้าด้านคิดแต่ว่า "ได้กูเอา เสียไม่จ่าย แถมทรัพยากรที่ใช้ยังเป็นของชาติ ไม่ใช่ของส่วนตัวพวกเมริงด้วย".

 

เผื่อเสื้อแดงหลายๆ คนจะไม่เคยรับรู้ว่ามีคดีเหล่านี้ด้วยน่ะครับ  -_-


"พงศา ชูแนม" ประกาศลงสมัคร สว.ชุมพร

7 มีนาคม พ.ศ. 2557 - 23:23

 

นายพงศา ชูแนม หัวหน้าหน่วยอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำพะโต๊ะ และหนึ่งในแนวร่วม กปปส. ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญลาออกจากราชการในวันศุกร์นี้ (7 มี.ค.57) โดยจะไปลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จังหวัดชุมพร

 
ใน FB ของนายพงศา ชูแนม  มีข้อความว่า ในวันที่ 7 มี.ค.นี้ จะเดินทางไปสมัครที่กกต.ชุมพร.  พร้อมกับระบุว่า สว.ไม่ใช่นักการเมือง ดูคุณปราโมทย์ ไม้กลัด.ลงสมัครสว.กทม.ได้เป็น.แต่ไม่เป็นนักการเมือง  ดูคุณรสนา โตสิสกุลก็ไม่ใช่นักการเมือง.. ช้าราชการหัวใจประชาชนแบบพงศา ชูแนม ไม่เป็นนักการเมือง..
 
ผมต้องการ...ปฏิรูปประเทศ อาสาเอาธรรมะชนะอธรรม..

 

http://www.nationcha...tics/378397591/

 

ล่าสุดโดนเบรกบนเวทีแล้วครับ บอกว่าแนวทางของ กปปส คือปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ไม่มีแนวทางส่งใครลงสมัครใดๆ 

 

เพื่อนๆ สมาชิกคิดเห็นเช่นไรครับ?

 

------------------------------------------

 

ปล โดนส่วนตัว คิดว่าควรโทรคุยกันก่อนมากกว่า ไม่ควรประกาศบนเวทีขนาดนี้

 

แต่การเคลื่อนไหวต่อไป น่าจะแยกกันเดิน ร่วมกันตีครับ  :huh:


เพจ สศจ โดน ICT block?

6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 - 09:27

ใครเข้าได้บ้าง บอกด้วยครับ ว่าจะเข้าไปหาข้อมูลบางอย่างซักหน่อย

 

(จริงๆ แค่ใช้ proxy ก็คงได้แหละ แค่อยากรู้ว่าโดนจริงหรือเปล่า)


Suthep Tour Live in Bangkok 2014

14 มกราคม พ.ศ. 2557 - 20:53

 

สถานการณ์การเมืองติดลมบน ลามไปยังกระแสทวิตเตอร์ เหล่ามวลมหาวัยรุ่น ฮิตโอปป้ากำนันสไตส์ ทำให้ #Hashtag #SuthepTourLiveinBKK2014 ขณะนี้ขึ้นสู่อันดับ 1 อย่างเต็มภาคภูมิ ฮา ฮ่า 

 

 

https://www.facebook...&type=1

 

ลองตามดู มันก็ฮาดีเหมือนกัน  :lol:

#SuthepTourLiveinBKK2014

 

i0yo.png

 

 

 

e46b.png

 

 

ฟรีคอนเสิร์ต 7 เวทีทั่วกรุง คนล้นหลามทุกเวที

 

เกสต์คือ เจ เจตริน

1vvw.png

 

มีฟิกเกอร์ด้วยนะเออ  :lol:

jkl7.png

 

 


“บก.ลายจุด” โวยรายการตัวเองหลุดผังช่องแดง “เอเชียอัปเดต” แย้ม “จตุพร-ณัฐวุฒิ” โดนด้วย

4 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 17:47

 

 

แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง เผยรายการโทรทัศน์ที่ผลิตป้อนให้กับเอเชียอัปเดต ทีวีดาวเทียมเสื้อแดง หลุดออกจากผัง พร้อมกับรายการของจตุพร-ณัฐวุฒิ เจ้าตัวเผย ผอ.สถานีบอกมีแต่รายการโต้กันไปมาสองฝ่าย เลยปรับออกเพื่อกลับไปเริ่มต้นใหม่ “ก่อแก้ว” เผยยังติดต่อ ผอ.ช่องไม่ได้
       
       วันนี้ (3 พ.ย.) นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “Asia Update ปรับผังรายการ หลุดเป็นแผง เสียดายประชาชน 3.0 ตอนสัมภาษณ์ อ.ธิดา (ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช.) วันนี้ไม่ได้ออกในวันจันทร์” นอกจากนี้ยังกล่าวว่า “จตุพร เต้น กระเด็นหมด สุดยอด” ซึ่งหมายถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ที่จัดรายการชูธง และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ซึ่งจัดรายการอยากมีเรื่อง หลุดออกจากผังไปด้วย
       
       ต่อมา นายสมบัติ ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์มติชนออนไลน์ ถึงกรณีรายการประชาชน 3.0 ของตนถูกปรับออกจากผังรายการดังกล่าว ระบุว่า ได้รับแจ้งจาก ผอ.สถานีว่าปัจจุบันมีความขัดแย้งกันและตอบโต้กันไปมา 2 ฝ่าย ซึ่งไม่มีประโยชน์ ดังนั้น ต้องปรับรายการดังกล่าวออก เพื่อกลับไปเริ่มต้นใหม่ เพื่อยุติความขัดแย้ง ส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นเกมที่จะผลักดันให้ไกลกันขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้เป็นปมประเด็น
       
       ทั้งนี้ รายการที่โดนปรับออกไม่ได้มีรายการของตนเพียงคนเดียว แต่รายการของนายณัฐวุฒิ นายจตุพร และนางธิดา ซึ่งมีแนวคิดไม่ยอมรับนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ก็โดนปรับออกด้วย ในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย.) จะไม่มีรายการของตนเองออกอากาศทางช่องเอเชียอัปเดตแล้ว แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะจะนำเทปรายการล่าสุด ตอนสัมภาษณ์นางธิดา มาเผยแพร่ทางยูทิวบ์ อีกทั้งก่อนที่จะเริ่มต้นไปจัดรายการให้สถานีเอเชียอัปเดต ตามการชักชวนของ ผอ.สถานี ก็เล่นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ มีช่องทางสื่อสารกับสาธารณะอยู่แล้ว จึงไม่ได้หนักใจอะไร
       
       เมื่อถามว่าคาดหมายล่วงหน้าว่าจะถูกปรับออกจากผังหรือไม่ นายสมบัติ กล่าวว่า เป็น 1 ในการคาดการณ์ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นจริง มีความเป็นไปได้ แต่ไม่คิดว่าจะกล้า ทั้งนี้ อยากฝากไปยังพรรคเพื่อไทย และทางสถานีเอเชียอัปเดตว่า ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่าเรายังอยู่ในขบวนประชาธิปไตยหรือเปล่า ยังเชื่อสถานีปลายทางประชาธิปไตยอยู่ไหม
       
       ด้าน นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ได้รับข่าวที่ลือกันว่ารายการช่องเอเชียอัปเดต ทั้งของ นายสมบัติ นายจตุพร รวมถึงนายณัฐวุฒิ ถูกปลดจากผังรายการ ตนยังติดต่อ ผอ.ช่องไม่ได้ แต่ถ้าข่าวลือนี้เป็นจริง ตนเห็นว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมากจนจะทำให้เรื่องที่คิดต่างกันอยู่ในกรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กลายเป็นเรื่องอื่นที่ลุกลามไปใหญ่โต
       
       นายก่อแก้ว กล่าวต่อว่า ทั้ง 3 คน มีจุดยืนทางการเมืองที่น่าชื่นชม และควรรับฟังกัน มีคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และมีแฟนคลับที่ติดตามรายการ เชื่อว่ามากที่สุดในบรรดาผังรายการทั้งหมด ถ้าปลดจากผังรายการ เพียงเพราะ 3 คนไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.ฉบับสุดซอยนี้ ในประเด็นคนสั่งฆ่าประชาชนเท่านั้น ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นผู้กล้าหาญและเสียสละมากมาย ทั้งเสี่ยงชีวิต ติดคุก ถูกฟ้องร้องมีคดีจำนวนมาก ถ้าปลดทั้ง 3 รายการออก ดีไม่ดี คนเสื้อแดงอาจประชด ไปติดตามชมรายการช่องบลูสกายแทนก็เป็นได้ ตนภาวนาอย่าให้ข่าวลือที่ได้รับมาเป็นจริงเป็นอันขาด
       
       อนึ่ง สำหรับสถานีโทรทัศน์เอเชียอัปเดต ก่อตั้งโดยบริษัท เดโมเครซี นิวส์ เน็ตเวิร์ก จำกัด ส่งสัญญาณออกอากาศจากห้องส่งสตูดิโอและสำนักงาน ชั้น 5 ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว มีนายอดิศร เพียงเกษ เป็นประธานสถานีโทรทัศน์ โดยผู้บริหารช่องเอเชียอัปเดตในปัจจุบันได้แก่ นายวรุธ ทัฬหสุคนธ์ กับ นางสาวประไพ ยั่งยืน ผู้อำนวยการสถานี และ นายบุญเลิศ มโนสุจิตรชน ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถานี

 

http://www.manager.c...D=9560000137052

 

 

“บก.ลายจุด” ถาม “เอเชียอัพเดท” ยังเชื่อ "ปลายทาง ปชต.ไหม" หลังถูกปรับผังออกทั้งเซต

 

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ให้สัมภาษณ์ “มติชนออนไลน์” ถึงกรณีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเชีย อัพเดท ปรับผังรายการใหม่ฉับพลัน โดยไม่มีรายการ “ประชาชน 3.0” ที่ดำเนินรายการโดย นายสมบัติ รวมทั้งรายการที่ดำเนินไปโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ (รายการอยากมีเรื่อง (ให้คิด), นายจตุพร พรหมพันธุ์ (รายการชูธง) และนางธิดา โตจิราการ (รายการเหลียวหลังแลไปข้างหน้าเพื่อประชาธิปไตย) อีกต่อไป


นายสมบัติกล่าวว่า ได้รับแจ้งจาก ผอ.สถานีว่าปัจจุบันมีความขัดแย้งกันและตอบโต้กันไปมา 2 ฝ่ายซึ่งไม่มีประโยชน์ ดังนั้น ต้องปรับรายการดังกล่าวออก เพื่อกลับไปเริ่มต้นใหม่ เพื่อยุติความขัดแย้ง ส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นเกมที่จะผลักดันให้ไกลกันขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้เป็นปมประเด็น ซึ่งรายการที่โดนปรับออกไม่ได้มีรายการของตนเพียงคนเดียว แต่รายการของนายณัฐวุฒิ นายจตุพร และนางธิดา ซึ่งมีแนวคิดไม่ยอมรับนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ก็โดนปรับออกด้วย
 
ในวันพรุ่งนี้ (4พ.ย.) จะไม่มีรายการของตนเองออกอากาศทางช่องเอเชียอัพเดทแล้ว แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะจะนำเทปรายการล่าสุด ตอนสัมภาษณ์นางธิดา มาเผยแพร่ทางยูทูบ อีกทั้งก่อนที่จะเริ่มต้นไปจัดรายการให้สถานีเอเชียอัพเดท ตามการชักชวนของ ผอ.สถานี ก็เล่นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ มีช่องทางสื่อสารกับสาธารณะอยู่แล้ว จึงไม่ได้หนักใจอะไร

เมื่อถามว่าคาดหมายล่วงหน้าว่าจะถูกปรับออกจากผังหรือไม่ นายสมบัติกล่าวว่า เป็น 1 ในการคาดการณ์ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นจริง มีความเป็นไปได้ แต่ไม่คิดว่าจะกล้า ทั้งนี้ อยากฝากไปยังพรรคเพื่อไทย และทางสถานีเอเชียอัพเดทว่า ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่าเรายังอยู่ในขบวนประชาธิปไตยหรือเปล่า ยังเชื่อสถานีปลายทางประชาธิปไตยอยู่ไหม

http://www.matichon....1&subcatid=0100

 

 

ไม่มีอะไร แค่อยากหัวเราะเป็นภาษาไทย  :lol:  :lol: