"การศึกษา นำมาซึ่งความคิดความอ่าน" ได้ในระดับหนึ่ง
จากที่เคยมีการทำสถิติ เกี่ยวกับ เกณฑ์เฉลี่ยการศึกษา
จะเห็นได้ว่า "กทม. และ ภาคกลาง" มีการศึกษาเฉลี่ยสูงสุด 2 อันดับแรก
ไล่ลงไปก็จะเป็น ภาคใต้ ทั้ง 14 จังหวัด ( ซึ่งผลสำรวจ ใกล้เคียงภาคกลาง )
และ ตามด้วย ภาคเหนือ และ อิสาน ตามลำดับ ( แต่ ดันเป็นที่ มีประชากรอยู่กันมาก )
ดังนั้น...ไม่ต้องแแปลกใจ ถึงสาเหตุ ที่พวกระยำ พวกนั้นมันพยายาม
"ยุบ โรงเรียน" ในเขตที่มี "ประชากรมาก" เพื่อหวังผล นั่นแหล่ะครับ...!!!
ป.ล. ไม่นับรวมพวกที่ อวดตัวว่ามีการศึกษาสูง ที่มาทำตัวเป็นอิแอบ
แฝงตัวอยู่ใน สรท. แต่ ความมคิดไม่ได้แตกต่างจาก "คนเหนือ-อิสาน" เลยนะครับ !!!
เคยไปอยู่ปากช่องมาพักนึง หาร้านเช่าหนังสือไม่มีเลยอะ
ร้านขายหนังสือก็ไม่มี มีเฉพาะแบกะดิน ขายหนังสือพิมพ์กับการ์ตูนถูกๆ และหนังสือดารา
ป้จจุบันไม่รู้เป็นไงบ้าง
ถ้าอยู่ปากช่อง แนะนำให้เข้าที่ สถานีรถไฟ "กลางดง" ครับ
จะมีร้านขายของชำ ใกล้ๆ สถานี มีบริการขายหนังสือพิมพ์
และ การ์ตูน ทั้งแบบเล่มละ 2 บาท ไปถึง 10 บาท ครับ
พอดีว่า ได้มีโอกาสไปทำงาน แถวๆ นั้นพอดี เลยเก็บข้อมูลมาฝาก
แต่นั่นมัน เรื่องของเมื่อ นานมาแล้วนะครับ ( ประมาณ 7-8 ปี )
ปัจจุบัน ไม่ทราบว่า แถวๆ สถานี เปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด
เมื่อก่อนจะเป็นเหมือนตลาดเก่าหน่ะครับ มีทั้งปั๊มหลอด ( แบบหมุน )
และ ตลาดสด ( แบบชาวบ้านพื้นถิ่น มาขายกัน จริงๆ ) สมัยนี้ไม่รู้เป็นไง
ไหนๆ ก็เล่ามาถึงตรงนี้แล้ว ขอเล่าต่อ อีกนิดนึง เรื่องที่ทุกคน(อาจจะ)คิดไม่ถึง
เรื่องนี้ เกิดขึ้นมา ก่อนที่ประเทศของเรา จะมีการแบ่งแยกสี ( โดยไอ้พวกสัตว์นรกมาเกิด )
บ้านเมือง อยู่กันแบบ พี่น้อง จริงๆ นะครับ เป็นลักษณะของสังคมพึ่งพากัน ( น่าอยู่กว่าปัจจุบันเยอะ )
เรื่องก็มีอยู่ว่า...เมื่อประมาณ ปี 2548 ผมได้มีโอกาสไปทำงาน ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง
วันแรกของการไปทำงาน ก็ยังไม่รู้ว่า จะไปไหน หรือ จะออกไปเที่ยวที่ไหนดี
ตอนเย็นๆ แดดร่ม ลมตก ก็จะมี ตลาดนัดของชุมชน ซึ่งชาวบ้านนัดกันมาขายจริงๆ
มีลุงคนนึง แต่งกายด้วยเสื้อม่อฮ่อม ดูก็รู้เลยว่าเป็นคนแถวๆ ละแวกนั้นเอง
เดินแบก "กล้วย" มาหนึ่งเครือ ท่ามกลางผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อหาของสด เพื่อไปทำอาหารเย็น
เมื่อแกเดินมาถึง กลางตลาดนัด แกก็นั่งยองๆ ลงกับพื้น ( ท่าเดียวกับ หลวงพ่อคูณ - มิได้ลบหลู่ แต่ยกตัวอย่างนะครับ )
พร้อมกับวาง "กล้วย" ทั้งเครือ ไว้ข้างๆ ตัวแก....ผมดูแก ตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว รู้สึกแปลกใจนิดๆ
แต่ ชาวบ้านแถวนั้น กลับไม่แปลกใจในท่าทีของแก ทำให้ผมเกิดความสงสัยขึ้นไปอีก จึงเดินไปเลียบๆ เคียงๆ ลุงคนนั้น
และ สิ่งที่ผมสงสัยมานาน ก็ได้ถูกเฉลยขึ้น เมื่อมีหญิงวัยกลางคน เดินมาหาลุง และ เอ่ยถาม ลุงคนนั้นว่า
"วันนี้เอากล้วย มาขายเหรอ ??"...ลุงแก ก็พยักหน้าและยิ้มตอบไป ตามประสาคนพื้นถิ่นที่รู้จักกัน
แก ก็ถามหญิงคนนั้นว่า "เอาเท่าไหร่ ?" ...หญิงคนดังกล่าวก็ตอบว่า "เอามาสัก 5 บาท"
ลุงแก ก็ควักมีด ออกมา แล้วก็บรรจง เฉือน "กล้วย" ออกจากเครือ ประมาณ "ครึ่งหวี" พร้อมยื่นให้
หญิงวัยกลางคนก็รับมา ใส่ตระกร้าที่เธอเตรียมมาเพื่อจ่ายกับข้าว แล้วยื่นเงินให้ลุง และเดินจากไป
ผมรู้สึกว่า "นี่แหล่ะ คือ สังคม ที่แท้จริงของ ชนบทไทย" ที่มีความเป็นอยู่แบบพอเพียงจริงๆ ไม่ต้องฟุ้งเฟ้อใดๆ
ผมอดไม่ได้ที่จะเข้าไปทักทาย และพูดคุยกับลุงคนนั้น เกี่ยวกับ "วิถีการดำเนินชีวิต" ของลุง
แกบอกกับผมว่า "ขายหมดเครือก็พอแล้ว ได้เงินมาสักหน่อย ซื้อข้าวสาร กลับไปหุงกิน ก็พอแล้ว !!!"
"ส่วนเนื้อสัตว์ ก็ไม่ต้องเพราะ เลี้ยงไก่ และ ปลา ไว้กินเองที่บ้าน" ก่อนแยกกัน แกบอกกับผมว่า
"พรุ่งนี้ มาที่ตลาดอีกสิ เพื่อว่าจะได้เอาไข่ไก่ ไปไว้กินมั่งนะ" .....นี่แหล่ะครับ วิถีชาวบ้าน ที่ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว
เนื่องจาก "มีพวกที่ไปยัดเยียด วัตถุนิยม ให้กับชาวบ้าน จนลืมวิถี ของความเป็นไทย ที่แท้จริงไปแล้ว"......!!!
ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ
- pakpoom507340, นายตัวเกร็ง, เช never die and 1 other like this