หากจะมองให้ชัดเจนคงต้องลองไปศึกษาว่า ประชาธิปไตย แบบประธานาธิบดี ในโลกนั้น มีประเทศใดบ้าง และก็อาจพบว่า มันไม่สำเร็จอะไรนักกับการพัฒนาบ้านเมืองเลยสักนิด กลับทำให้บ้านเมืองมีแต่พวกคณาธิปไตย คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย และประชาชนย่ำอยู่ที่เดิม จะมีก็แต่ประเทศบางประเทศเช่น สหรัฐอเมริกา แต่ถ้าหากมองย้อนไปถึงจุดกำเนิดประเทศอเมริกา(นั่นก็คือศึกษาประวัติศาสตร์ของเขา) ก็จะพบว่า มันแตกต่างกับเราๆ โดยสิ้นเชิง มันเกิดขึ้นจากอะไร ถ้าไม่ใช่คนจากหลายถิ่น แสวงหา new land คนละรูปแบบของการสร้างประเทศของเรา และหากมองไปตั้งแต่แรก กว่าที่อเมริกาจะมีวันนี้ มีความด่างพร้อยทางมนุษยพันธ์มากมายที่เกิดขึ้น เช่นการเข้าไปขับไล่ผู้อยู่ดั้งเดิม จำกัดสิทธิ ฯลฯ มีอะไรมากมายที่มันไม่ใช่ประชาธิปไตย มีอะไรมากมายที่ไร้จริยธรรมและไร้ยางอายเป็นที่สุด
การก่อร่างสร้างประเทศเขาจึงมีโครงสร้าง แนวคิด ต่างจากเราโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถนำเอามาเป็นกรณีศึกษาเทียบเคียงกับเราเลย ไม่ว่าจะช่วงใดของประวัติศาสตร์
แม้กระทั่งประเทศตั้งมาแล้ว ก็ตาม คิดว่าเป็นปึกแผ่นและประชาธิปไตยเสียเหลือเกินก็ตาม แต่หลายท่านก็คงทราบว่า กฏหมายริดรอนสิทธิประชาชนผิวสีนั้น เพิ่งจะยกเลิกกันไปไม่นานเอง (คนดำขึ้นรถเมล์คนขาวยังไม่ได้เลยครับ) และหลังจากการสร้างประเทศนานโขทีเดียว ทั้งที่ ทั้งคนผิวสี คนเผ่าดั้งเดิม ก็มีส่วนร่วมใน civil war เพื่อเรียกหา ความเสมอภาคและประชาธิปไตย
ย้อนกลับมาที่ประเทศไทย การก่อร่างสร้างประเทศของเรา เกิดจากผู้นำในระบอบสมบูรณายาสิทธิราช มาช้านาน
ผู้นำของประเทศที่เป็นกษัตริย์ เป็นผู้กอบกู้ประเทศด้วยสมอง ปัญญา และอำนาจเท่าที่มือในมือ ทั้งที่ประเทศเรานั้นด้อยพลังกว่าประเทศที่เป็นประเทศจักรวรรดินิยมในสมัยนั้นๆ
และนี่เป็นที่มาของวัฒนธรรมที่ฝังลึกในความคิดและสมองของลูกหลานไทยมาตลอด (ซึ่งประเทศอีกหลายประเทศในโลกก็เป็นลักษณะคล้ายกัน จนปัจจุบัน)
ที่สำคัญคือ พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์จวบจนปัจจุบันนั้น กล่าวได้เต็มปากว่า ทุกพระองค์มุ่งที่จะสร้างประเทศ สร้างพลเมืองในประเทศให้มีคุณภาพ ให้มีศักดิ์ศรีพอที่จะให้ประเทศที่มุ่งร้ายหวังเอาแผ่นดินนี้ไป เกรงขาม และหรือยอมรับในความเป็นคนศิวิไลซ์ (ซึ่งถ้าหากไม่ค่อยศิวิไลซ์ ก็จะเป็นข้ออ้างให้รุกรานเข้ามาของพวกล่าอาณานิคม)
นอกจากการทำนุบำรุงบ้านเมืองและประชาชน ที่เห็นได้ชัดมากๆตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เรื่อยมา ก็ยังปูรากฐานให้ประชาชนในประเทศได้ศึกษาทำความเข้าใจกับระบบการปกครองของประเทศที่เรียกตนเองว่า อารยะประเทศอีกด้วย
มีการพัฒนาการศึกษา เพื่อให้เกิดวิสัยทัศน์มองออกไปยังโลกภายนอกว่าเป็นอย่างไร เกิดอะไร เขาทำอะไรกัน และเราทำอะไร ต่อไปเราควรเดินไปทางใด การพัฒนาทางการทหาร เพื่อให้ประเทศมีกำลังและแสนยานุภาพพอจะป้องกันตนเองได้ ยามมีผู้มารุกราน ฯลฯ
กล่าวโดยรวมสรุปก็คือ พระมหากษัตริย์ ยังทรงเป็นแกนหลักในการสร้างบ้านเมือง และสร้างประชาชนในประเทศ ให้มีความเข้าใจและมีความรู้ที่ดีพอในการยืนหยัดกับโลกาภิวัฒน์ (ซึ่งโลกาภิวัฒน์นี้มันเริ่มมานานแล้วตั้งแต่อดีต ไม่ใช่เพิ่งเริ่ม) และที่เป็นสิ่งสำคัญของประเทศเราก็คือ คำว่า จริยธรรม
ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดเลยที่จะไม่แฝง ไม่ปลูกฝัง เรื่อง จริยธรรมความดีแก่ประชาชน เพราะนั่นคือ แกนหลักของการดำรงชีวิต ไม่ว่าคุณจะรอบรู้เพียงใดก็ขาดไปมิได้ในสิ่งนี้
มาจนปัจจุบัน แกนหลักในการดำเนินชีวิตที่กษัตริย์ไทยทรงให้แก่ประชาชนนั้นคืออะไร? คือ การสอนให้ประชาชนรู้จักการดำรงชีวิตจากสิ่งที่ตนเองมี และทำอย่างไรให้มันยั่งยืนไปจนลูกหลาน สอนให้ประชาชนรู้จักแนวคิดดีๆทางจริยธรรม เช่น การกตัญญูกตเวที (พรองค์ท่านได้แสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมประจักษ์แก่สายตาประชาชน กับสิ่งที่ทรงกระทำต่อ สมเด็จย่าฯ) ความสามัคคี ความยุติธรรม ผ่านทั้งทางพระบรมราโชวาท พระราชดำรัสในโอกาสสำคัญ และ การปฏิบัติให้เห็นจริงในโครงการหลวงหรือในหลายๆราชกรณียกิจ
แกนหลักของบ้านเมืองนี้ ก็คือ แบบอย่าง คำสอนที่ดีของ พระเจ้าอยู่หัว ของสถาบันที่มีแต่สิ่งดีๆเรื่อยมาจากอดีตจวบจนปัจจุบัน
ใครทำร้ายและทำลายแกนหลักได้ ไม่ว่าจะทางใด หรือแม้กระทั่งให้ชื่อเสียมัวหมอง หรือแม้กระทั่งทำให้คนเกิดความลังเลได้ ก็เท่ากับว่า ได้ทำลายพลานุภาพอันเป็นกุศลต่อบ้านเมืองและประชาขนได้แล้ว
เพื่ออะไร?
ก็เพื่อแผ้วถางทางให้กลุ่มบุคคลซึ่งก็เป็นกลุ่มพวกเขานั่นแหละ ได้ครองอำนาจบ้านเมือง ตักตวงทุกอย่าง โดยมิได้มีความสนใจที่จะทำนุบำรุงบ้านเมืองและประชาชนเหมือนสถาบันนั่นเอง
การจะทำเช่นนั้นได้ ก็ต้องวางแผนมากมายหลายส่วนและปฏิบัติการพร้อมกันอย่างต่อเนื่อง
การจาบจ้วงสถาบัน การเอาความเท็จมาให้ร้ายสถาบัน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็เปรียบเสมือนการแผ้วถางทางไปสู่การครองอำนาจ ซึ่งมั่นใจเหลือเกินว่า หากไม่ทำลายแกนหลักอันเป็นทั้งหลักยึดเหนี่ยวทางความคิดจิตใจ และ หลักยึดในรูปแบบการสร้างประเทศให้ล้มไปก่อน ก็ยากที่จะเดินไปยังแผนการเปลี่ยนรูปแบบการปกครองเพื่อครองประเทศในอีกระบบหนึ่ง
และไม่ว่าสิ่งใดจะมาก่อน ก็ไม่เกิดผลดีต่อบ้านเมืองและประชาชน
- แสนยานุภาพ, overtherainbow and จาจา like this