Jump to content


Tomhan Han

Member Since 25 May 14
Offline Last Active 30 May 14 06:23
-----

#1194040 พระพุทธศาสนา คือ อะไร?

Posted by dek-harte on 30 May 2014 - 03:39

พุทธศาสนา คือ ศาสนาหนึ่งที่มีเป้าหมายสูงสุด คือนิพพาน มีผู้เป็นศาสดาคือ พระพุทธเจ้า มีผู้สืบทอดคือพุทธบริษัท 4

พุทธศาสนา มีครบทั้ง เป้าหมายสูงสุด คำสอนเกี่ยวกับสิ่งนั้น และ วิธีปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดนั้น

พุทธศาสนา มีหลายระดับคำสอน ตั้งแต่พื้นฐานสำหรับชาวบ้าน จนถึงขั้นสูงสำหรับอธิบายธรรมอันละเอียด

 

พุทธศาสนาในประเทศไทย มีอิทธิพลของประเพณีและพิธีกรรมของศาสนาพราหมณ์ปนอยู่อย่างลึกซึ้ง

เป็นหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนเองที่จะแยกแยะ ความปนนั้นและไม่นำเป้าหมายสูงสุดของทั้งสองมารวมกัน

พุทธศาสนาก็เหมือนศาสนาอื่นโดยทั่วไป ที่มีองค์ประกอบอื่นเพื่อการดำรงอยู่ของศาสนานั้นๆ อันไม่ใช่แก่น ไม่ใช่ส่วนแท้ ไม่ใช่ส่วนจริง

แต่การมีอยู่ก็เพื่อ การดำรงอยู่ของศาสนา เป็นหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนเอง ที่จะแยกแยะ ว่าอันนี้เป็นเปลือก อันนี้เป็นแก่น

สิ่งนี้เพื่อประเพณี สิ่งนี้เพื่อความรวมกัน สิ่งนี้เพื่อดึงดูดบุคคลให้เข้ามาร่วมในศาสนา ฯลฯ

 

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่มีวิธีการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นธรรมขั้นสูงสุด ที่เห็นได้จับต้องได้จริงในเวลาปัจจุบัน โดยไม่ต้องรอชีวิตหน้า

หลักธรรมสำคัญที่อธิบายโลก คือสามัญลักษณะ 3  อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

หลักธรรรมสำคัญที่อธิบายการเกิดทุกข์และการดับทุกข์คือ อริยสัจ 4 (ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ) ซึ่งคือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

หลักธรรมที่อธิบายความเป็นไปของชีวิต คือ ปฎิจจสมุปบาท (หลักแห่งการเกิดโดย เนื่องกัน มีผลแก่กันและกัน)

หลักธรรมที่ใช้ในการปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น ขั้นพื้นฐาน คืออินทรีย์ 5 พละ 5 ขั้นสูงคือโพชฌงค์ 7

หลักธรรมที่ใช้ในชีวิตประจำวันคือ สติ (ซึ่งเป็นหนึ่งในอินทรีย์ 5 พละ 5)

 

พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่มีคำสอนแยกย่อย มากมายหลายแขนง บ้างอธิบายธรรม บ้างอธิบายโลก บ้างอธิบายสิ่งที่เหนือธรรมเหนือโลก

เป็นศาสนาที่มี ความลึก ความกว้าง ความละเอียดยิบย่อยมากมาย

หัวใจสำคัญของพุทธศาสนิกชนที่ต้องขวนขวายทำความเข้าใจ มีทั้ง 3 ด้านคือ ปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ

 

จากที่ทั้งศึกษาเองจากตำรา ทั้งปฏิบัติเอง งูๆปลาๆ พบว่า

หลักการปฏิบัติของพุทธศาสนานั้น ง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ละเอียดอ่อน ตรง เข้มงวด ไม่ผ่อนปรน ไม่ต่อรอง

เปรียบเทียบคล้ายการการถักลูกไม้ที่ละเอียด ซับซ้อน หลักการมีแค่ แทง ตะวัด รัด เกี่ยว แต่สามารถทอเป็นลูกไม้ที่มีความวิจิตรบรรจงอย่างยิ่งได้

ไม่ต่อรอง ไม่ผ่อนปรน ถ้ามัดผิด เกี่ยวผิดลูกไม้นั้นก็เกิดตำหนิ เกิดปม เกิดข้อพลาด ซึ่งโดยรวมแล้วอาจมองไม่เห็น แต่มันก็ยังมีอยู่

 

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของคนจริง พูดจริง ทำจริง ตั้งใจจริง ไม่ยอมอ่อนข้อ ไม่ยอมต่อรอง

เพื่อความจริงแท้ของชีวิตเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อธรรมลวงๆ ความสุขหลอกๆ

 

การศึกษาพุทธศาสนาแต่ทางคัมภีร์โดยไม่ปฏิบัติเลย ถือว่าผิดพลาดมาก เสียโอกาสมาก

การปฏิบัติเพียงเปลือกๆเล็กน้อยๆ แล้วไม่ใส่ใจนำมาใช้ในชีวิตประจำวันถือว่าประมาทมาก เสียโอกาสมาก

การปฏิบัติแล้วได้ผลแล้ว ไม่เข้าใจในผลของการปฏิบัติ ไม่นำผลนั้นไปใช้เพื่อศึกษาและปฏิบัติในขั้นสูงขึ้นไป ยิ่งเรียกว่าน่าเสียดายที่สุด

 

 

ไม่ต้องพูดถึงคนที่แค่เห็นเปลือกของพุทธศาสนา หรือเห็นแค่เหลือบไรของพุทธศาสนาแล้วก็เสื่อมศรัทธา หมดศรัทธา

โดยที่ยังไม่ได้ก้าวเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาเลย (เรื่องนี้เป็นกับน้าชายตัวเองเลยครับ)

เขาเหล่านั้น ต้องขอเรียกว่าประมาทที่สุด น่าเสียดายที่สุดครับ

 

ขอบคุณครับ

 

* หมายเหตุ

ตัวผมเองก็ยังพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ทำสิ่งน่าเสียดายเหล่านั้น และไม่ได้หมายความว่าได้บรรลุแล้วซึ่งธรรมวิเศษใดๆนะครับ

ยังคงขวนขวายยังหาทางดับทุกข์ต่อไป โดยใช้พุทธศาสนานำทางครับ :)




#1193992 พระพุทธศาสนา คือ อะไร?

Posted by น.นกฮูก on 30 May 2014 - 00:43

เป็นคำถามที่ดีจริง ๆ 

 

พุทธศาสนา คือ ศาสนาของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

 

ถัาจะบอกว่า ศาสนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศาสนโคดมองค์ปัจจุบัน นี้ก็เหมือนกันทุก ๆ พระพุทธเจ้า 

ก็แสดงว่า พุทธศาสนา คือ มีเกิดมาก่อนนี้แล้ว และเป็นศาสนาที่สอนไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่ลึกซึ้งกว่า เพราะว่า ไม่เพียงให้ศรัทธา แต่ให้ปฏิบัติเพื่อการวิมุติ หลุดพ้นจากวัฏสงสารได้ ... 

 

จึงย้อนไปที่ พุทธศาสนา คือ ศาสนาของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เพราะว่ามีปัญญาเป็นจุดหมาย ถึงแปลว่า ผู้รู้ มีสมาธิที่ครองสติ สัมปชัญญะ ที่หมายความถึง ความตื่น ไม่หลับ ไม่หลงหลับต่อกิเลส อีกต่อไป และเบิกบานเมื่อหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งปวงแล้ว

 

นั่นแหลาะคือ พุทธศาสนา

ไว้แค่นี้นะ วันหน้าอาจจะได้คุยต่อ

 

ด้วยชื่นชอบคำถาม

 

น.นกฮูก




#1193946 พระพุทธศาสนา คือ อะไร?

Posted by kairyuramon on 29 May 2014 - 23:52

พระพุทธศาสนาคืออะไร สำหรับผมพระพุทธศาสนาคือศาสนาที่สอนถึงความจริงของธรรมชาติ

 

พุทธะแปละว่า รู้ ตื่น และเบิกบาน คนที่ศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนของศาสนานี้ก็ควรจะมีลักษณะของความ รู้ ตื่น และเบิกบานด้วย

 

 

โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยสนใจนะว่าศาสนานี้คืออะไร แต่ผมคิดว่าศาสนานี้สอนอะไร และเราได้อะไรจากศาสนานี้บ้าง

 

ถ้าเรานับถือศาสนาพุทธ พอมีคนถามว่า คุณได้ประโยชน์อะไรจากศาสนานี้บ้าง ผมมองว่านี่แหละเป็นคำถามที่สำคัญ

 

เพราะถ้าบอกว่านับถือพุทธ แต่ว่าตั้งแต่เกิดจนตายยังไม่ได้ประโยชน์จากศาสนานี้อย่างจริงจังเลย ผมว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่ได้นับถือศาสนา

 

เพราะศาสนี้ไม่สามารถให้ประโยชน์อะไรแก่ผู้ที่นับถือได้เลย

 

 

ถ้าถามผมว่า ผมได้ประโยชน์อะไรจากศาสนานี้บ้าง ผมก็จะบอกเลยว่าได้มามากมาย แต่สิ่งที่ผมซาบซึ้งที่สุดคือการบรรเทาทุกข์และสร้างปัญญา

 

มันเป็นสิ่งธรรมดาที่คนเราจะนึกถึงหมอเมื่อยามป่วย ผมก็นึกถึงธรรมะเมื่อผมทุกข์เหมือนกัน ถ้าปกติดีอยู่ผมก็มักจะหลงระเริงไปตามโลกทั่วไป

 

แต่ทุกครั้งที่ผมทุกข์ ผมก็จะกลับมามองธรรมะตลอด และสิ่งนี้ก็ให้คำตอบกับผมได้ สามารถบรรเทาทุกข์ได้ และบอกหนทางว่า ถ้าไม่อยากทุกข์ควรจะทำอะไร

 

สำหรับในแง่ปัญญาตัวผมอาจจะเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่ว่าผมเห็นในคนที่บวชในศาสนานี้ครับ พระที่ผมเคารพมากคือหลวงปู่พุทธะอิสระ

 

ในทางโลกท่านจบไม่ถึงป.สี่ แต่ว่าปัญญาของท่านนั้นมีมากมาย ท่านรู้แทบทุกเรื่อง แก้ไขปัญหาได้ทุกเรื่อง

 

และยิ่งเห็นชัดมากในการออกมาเป็นแกนนำทางการเมืองครั้งนี้ มันทำให้ผมคิดว่า เออ ถ้าเราศึกษาและปฏิบัติธรรมะของศาสนานี้

 

ซักวันหนึ่งเราก็อาจจะมีปัญญาได้แบบท่านบ้าง

 

 

เท่าที่ผมศึกษาและปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบันนี้ ผมเห็นสิ่งที่สำคัญคือสติครับ ความรู้ตัวนี่เป็นธรรมะที่ดูธรรมดา แต่ก็สำคัญมาก

 

ผมยังไม่รู้เลยว่าแค่ธรรมะข้อนี้ ถ้าผมใช้เวลาทั้งชีวิต ผมจะเรียนธรรมะข้อนี้ได้จบไหม แค่การมีสติตลอดเวลา มันก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว

 

การปฏิบัติธรรมที่ดีผมคิดว่ามันควรจะทำได้ตลอดเวลาครับ ไม่ว่าจะหลับหรือตื่น ทำงาน เดิน วิ่ง นั่ง เราสามารถทำได้ตลอด

 

ผมคิดว่าคนที่เข้าถึงธรรมะจริง ๆ นั่งก็เป็นธรรมะ นอนก็เป็นธรรมะ ยืนก็เป็นธรรมะ นอนก็เป็นธรรมะ เขาไม่จำเป็นต้องท่องจำอะไร

 

เพราะทุกการกระทำของเขาแฝงไปด้วยธรรมะแล้ว

 

 

สิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมด ผมก็ถ่ายทอดได้แต่ตัวอักษร สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าผมรู้อะไรครับ แต่ผมว่าสิ่งสำคัญคือ ตัวคุณเองรู้อะไร

 

ถ้าคิดว่าศาสนานี้ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ผมแนะนำว่าให้ลองศึกษาและปฏิบัติดูครับ ถ้าเปรียบธรรมะเป็นน้ำ อย่าเก็บไว้แต่ในขวดครับ

 

ลองหยิบเอามาดื่มบ้าง เมื่อลองดื่มดูแล้ว คุณจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า ธรรมะมันรสชาติอย่างไร คุณควรจะดื่มมันต่อ หรือว่าโยนมันทิ้งไป

 

มีแต่ตัวคุณเองเท่านั้นที่สัมผัสมันได้ครับ ขอให้ท่านมีความเจริญในธรรมครับ

 

 

ปล. เขียนออกนอกลู่นอกทางไปเยอะครับ ขออภัยที่ตอบหลุดประเด็นไปไกล




#1193945 พระพุทธศาสนา คือ อะไร?

Posted by แม้ว ม.7 on 29 May 2014 - 23:49

ยอมรับว่าเป็นคนหยาบ ครับ ขออ่านอย่างเดียว  :)


ทางด้านปริมาณกิเลส ผมกับท่านเราเท่ากัน


#1193787 พระพุทธศาสนา คือ อะไร?

Posted by คนสับปรับ on 29 May 2014 - 21:51

   พุทธศาสน์ พุทธศาสนา คือตำรา สิ่งสืบทอดกันมาของผู้รู้ ผู้ตื่น

ไสยศาสน์ คือ ความรู้ อันหลับไหล มืดบอด

ธรรมะ คือ ธรรมชาติ

     อยากฝากเรื่องสังฆทานซะหน่อย ไหนๆก้อเข้าเรื่องแล้ว

เมื่อเราถวายสังฆทาน แล้วกล่าว"อิมานิ มะยังฯลฯ" คนส่วนใหญ่จะถวายแก่พระเป็นรูปๆไป

พระที่รับไป ส่วนใหญ่ก้อรับมาเก็บไว้ผู้เดียว หารู้ไม่ว่า คำอุทิศนั้น

เขาให้แด่พระสงฆ์ ไม่ได้จำเพาะเจาะจงแก่ผู้ใด พระสงฆ์สามารถใช้สอยสิ่งนั้นได้

ถ้าเก็บไว้เพียงผู้เดียว เท่ากับเบียดบังของสงฆ์ 

ถ้าจะให้แก่พระรูปใด เจาะจงเฉพาะรูป  เรียกว่า  ปาฎิบุคลิกทาน ไม่ต้องมีพิธีไรมากมาย

   หลวงพี่ทั้งหลาย อย่าเอาของสงฆ์มาเก็บไว้ให้รกกุฏิเลย เอามาตั้งแจกเขาบ้างนะ 

 

ปล.  อาวุโส กับ ภัณเต ใครแก่กว่ากัน? :)




#1193851 พระพุทธศาสนา คือ อะไร?

Posted by กระต่ายหมายจันทร์ on 29 May 2014 - 22:38

พุทธศาสน์ พุทธศาสนา คือตำรา สิ่งสืบทอดกันมาของผู้รู้ ผู้ตื่น
ไสยศาสน์ คือตำรา ความรู้ อันหลับไหล มืดบอด
ธรรมะ คือ ธรรมชาติ
     อยากฝากเรื่องสังฆทานซะหน่อย ไหนๆก้อเข้าเรื่องแล้ว
เมื่อเราถวายสังฆทาน แล้วกล่าว"อิมานิ มะยังฯลฯ" คนส่วนใหญ่จะถวายแก่พระเป็นรูปๆไป
พระที่รับไป ส่วนใหญ่ก้อรับมาเก็บไว้ผู้เดียว หารู้ไม่ว่า คำอุทิศนั้น
เขาให้แด่พระสงฆ์ ไม่ได้จำเพาะเจาะจงแก่ผู้ใด พระสงฆ์สามารถใช้สอยสิ่งนั้นได้
ถ้าเก็บไว้เพียงผู้เดียว เท่ากับเบียดบังของสงฆ์ 
ถ้าจะให้แก่พระรูปใด เจาะจงเฉพาะรูป  เรียกว่า  ปาฎิบุคลิกทาน ไม่ต้องมีพิธีไรมากมาย
   หลวงพี่ทั้งหลาย อย่าเอาของสงฆ์มาเก็บไว้ให้รกกุฏิเลย เอามาตั้งแจกเขาบ้างนะ 
 
ปล.  อาวุโส กับ ภัณเต ใครแก่กว่ากัน? :)

พูดถึงการถวายสังฆทานแล้ว  ทำให้นึกถึงอดีตเมื่อ ๖-๗ ปีก่อน
ตอนนั้นบวชโครงการในหลวง ๘๐ พรรษา เฉลิมพระเกียรติพอดี
จำพรรษาอญู่วัดที่ใหญ่พอควร วัดนี้มีลาภสักการะมากพอสมควร
เนื่องจากอยู่ในเขตเมืองที่เจริญ วันหนึ่งหลังจากที่ได้ฉันเพลก่อน
เรียนภาคบ่าย ตอนกลับกุฏิเห็นโยมผู้ชายผู้หญิงสามีภรรยาคู่หนึ่ง
ตรงมาหาผม ผมจึงได้ถามว่ามาทำไม เขาทั้งสองก็ตอบว่า ตั้งใจ
จะมาถวายสังฆทาน เจอท่านก็ดีแล้ว ขอนิมนต์ท่านเลย ตอนนั้น
ไม่ได้คิดอะไรจึงบอกให้ไปรอที่ศาลาวิหารสักห้านาที เดี๋ยวจะตามไป
พอไปถึงก็รับสังฆทาน  ให้โยมกรวดน้ำจากนั้นก็ให้พรตามพิธีการ
แต่พอเสร็จพิธี สังเกตได้ว่าสองคนนี้หน้าตาอมทุกข์มากๆ จึงได้
เลียบๆเคียงๆถามว่า บ้านอยู่ไหน สองคนนั้นก็ตอบว่าอยู่ อ.สอยดาว
จากนั้นก็ถามต่อว่าทำอาชีพอะไร เขาก็ตอบว่าทำสวนยางพาราและ
กรีดยางเองประมาณ๓๐ ไร่ ผมก็เลยหยอดไปว่าคงพอมีตังส์นะ
สองคนก็ตอบว่าก็ไม่เดือดร้อน ไม่มีหนี้สินอะไร ทีนี้ก็เลยยิงคำถาม
ไปอีกว่า แล้วโยมมาถวายสังฆทานทำไม ฝ่ายผู้หญิงทำท่าจะร้องไห้
ผู้ชายตอบว่า ตอนนี้ลูกผมป่วยหนักอยุู่ห้องไอซียู มีคนแนะนำให้มา
ถวายสังฆทานครับ ถึงตอนนี้ผมก็เลยเอากระดาษเอสี่มาให้คนละแผ่น
แล้วบอกให้ฝ่ายสามีไปหยิบหนังสือมนต์พิธีมา บอกให้ทั้งคู่เปิดไปที่
หน้า ๗๗ แล้วบอกให้คนทั้งสองจดบทสวดโพชฌงค์ เมื่อจดเสร็จ
ก็ได้กำชับว่าให้เอาบทสวดนี้ไปสวดให้ลูกของคุณฟังเถิด ทั้งสองคน
ได้ฟังดังนั้น ก็แย้งขึ้นมาว่า ผมจะสวดได้ไงไม่ได้บวชเป็นพระซะหน่อย
มันจะขลังเหรอ ผมก็เลยบอกไปว่า โยมจำไว้อย่างหนึ่งนะ พ่อแม่ถือเป็น
พระอรหันต์ของลูก ฉะนั้นสิ่งที่พ่อแม่ทำให้ลูกย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์เสมอ
สองคนนั้นก็ลากลับไป ยอมรับเลยว่าไม่รู้คิดผิดหรือคิดถูกที่ทำแบบนี้
ตอนนั้นรู้แต่เพียงว่าคนที่มาถวายสังฆทานส่วนใหญ่มีทุกข์มาให้พระแก้
แทบทั้งสิ้น  สำคัญแต่เพียงว่าคนเป็นพระจะแก้ถูกหรือแก้ผิดเท่านั้น
สำหรับตัวผมแล้วเมื่อมีคนมาถวายสังฆทานทุกครั้ง ผมจะไปมอบให้เป็น
ของกลางสำหรับสงฆ์ทุกครั้ง ส่วนปัจจัยก็เอาไว้ใช้บ้างตามอัตภาพ อ้อ
หลังจากที่คนคู่นั้นกลับไปแล้วประมาณ ๒ สัปดาห์ ก็ได้กลับมาหาอีก
มาคราวนี้ ไม่ได้มาถวายสังฆทาน แต่มีสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับข่าวดีว่า
ลูกของแกพ้นขีดอันตรายแล้ว  เฮ้อ  โล่งอก.............




#1189828 >> สนทนา ตามประสา หมา ๆ แมว ๆ <<

Posted by พระฤๅษี on 27 May 2014 - 13:44

10355894_585592494887696_163470620311908




#1189793 ผมรู้สึกรัก และชื่นชม อเมริกันชน คนนี้จริงๆ...:) :) :)

Posted by Suraphan07 on 27 May 2014 - 13:31

เพราะ รู้จริง/รักและหวังดีต่อประเทศของตน

มากกว่าคนไทยอีกหลายๆคน ที่อาศัยแผ่นดินไทยเกิด... ;) 

 

ทนายสหรัฐวอนแคร์รี่อย่ายุ่งเรื่องไทย

Screen Shot 2014-05-27 at 13.28.37.png

 

ทนายความของบริษัทชื่อดังในสหรัฐชี้รัฐประหารเป็นประโยชน์ต่อคนไทยเชื่อกองทัพจะคืนอำนาจให้เมื่อถึงเวลา

 

โจเซฟ ครีทซ์ ที่ปรึกษาทางกฎหมายจาก “ครีทซ์ แอนด์ เซเรบิน” บริษัทกฎหมายชื่อดังแห่ง ซานฟรานซิสโก ได้ส่งจดหมายถึง จอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า ในฐานะของพลเมืองสหรัฐผู้มีสิทธิในการเลือกตั้ง และมีความสัมพันธ์ทางครอบครัวและเศรษฐกิจกับประเทศไทยอย่างเหนียวแน่น ขอเรียกร้องให้ แคร์รีหยุดแทรกแซงกับสถานการณ์ทางการเมืองในไทย

 

ครีทซ์ ได้อ้างกฎหมายของสหรัฐ มาตรา 22 USC 8422( B)(iii) ที่ระบุถึงการระงับความช่วยเหลือทางการทหารแก่ประเทศที่ทหารโค่นล้มอำนาจรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี ครีทซ์ แสดงทัศนะว่า กฎหมายดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในไทยเพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของไทยได้ถูกปลดออกไปแล้วก่อนหน้าที่จะเกิดการรัฐประหาร

 

ที่ปรึกษาทางกฎหมายผู้นี้ยังแสดงทัศนะว่า การทำรัฐประหารจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทย ทั้งคนจนและคนรวย คนเมืองและคนชนบท และย้ำว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนเลวร้าย หากสหรัฐยังคงสนับสนุนทักษิณต่อไป อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งประเทศได้

 

“เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว รวมถึงพรรคเพื่อไทย ขาดการสนับสนุนจากคนไทยแล้ว  สหรัฐควรตระหนักว่า ทักษิณ เป็นขโมย นักการเมืองที่เห็นแก่ได้ ซื้อเสียง ฆาตกร และเป็นผู้มีอิทธิพลที่ใจแคบ นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงและหากทางสหรัฐยังคงเข้าข้างกลุ่มที่สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ จะเป็นการทำให้คนไทยซึ่งนิยมชมชอบสหรัฐ อาจหันมาต่อต้านและเกลียดชังแทน” ครีทซ์ ระบุในจดหมาย พร้อมย้ำว่า การกระทำของแคร์รีครั้งนี้จะก่อให้เกิดผลเสียต่อสหรัฐ

 

จดหมายระบุต่อไว้ว่าสหรัฐต้องไม่เข้าแทรกแซงกิจการภายในออกประเทศไทย และเชื่อว่าในท้ายที่สุด กองทัพจะคืนอำนาจให้กับประชาชนเองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

 

“แคร์รี และ คริสตีย์ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย จะต้องหยุดการวิจารณ์การเมืองไทย และปล่อยให้ประเทศไทยจัดการกับปัญหาของตนเอง นอกจากนี้ ไม่ว่าสหรัฐจะเข้ามาแทรกแซงหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วกองทัพไทยจะคืนอำนาจให้กับพลเรือนเอง แต่ต้องรอให้ถึงสถานการณ์และเวลาที่เหมาะสมเสียก่อน ไม่ใช่การบงการจากสหรัฐ”

http://www.posttoday...่ายุ่งเรื่องไทย

 




#1186689 ถึงฝ่ายที่ต่อต้านการยึดอำนาจ สิ่งที่ท่านกำลังถามหาคืออะไรครับ

Posted by เรื่อยๆเอื่อยๆ on 26 May 2014 - 01:18

ถ้าจะถามหาสิทธิเลือกตั้ง อีกไม่เกินสองปีก็ได้เลือกแน่ๆ ดีไม่ดี จะได้ลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญแถมด้วย ถ้าปูยังเป็นรัฐบาลต่อ ท่านก็ต้องรออีกสองปีกว่าจะได้เลือกตั้งใหม่เหมือนกัน แถมไม่มีสิทธิลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ต้องปล่อยให้ สส ย่ำยีไปตามใจชอบ

 

ถ้าจะถามหารัฐธรรมนูญ ก็พวกท่านไม่ใช่หรือที่ต้องการแก้ไขจนตัวสั่น แต่ก็ทำไม่ได้ซักที บอกว่ามันไม่เป็นประชาธิปไตย ทหารเขามายกเลิกให้แล้ว มันไม่ดีหรืออย่างไร

 

ถ้าจะถามหาเสรีภาพของสื่อ ท่านอ้างว่าสื่อถูกห้ามไม่ให้เสนอข่าว แต่สมัยรัฐบาลปู แม้ไม่ได้ประกาศห้ามแต่สื่อไม่กล้าแม้แต่จะวิจารณ์นโยบายอันล้มเหลว ท่านได้ปิดปากทำลายเสรีภาพตัวเองไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงเพิ่งจะมาถามหาในตอนนี้

 

ถ้าจะถามหาเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสาร วันนี้ทีวี วิทยุก็ได้กลับมาออกอากาศเหมือนเดิม มีรายการเหมือนเดิม แค่มีโลโก้ คสช เพิ่มขึ้นมาและตัดประกาศวันละหลายครั้ง แต่มันต่างอะไรกับแถลงการณ์ของ ศอ รส ที่ตัดเข้ามาแทรกรายการทุกวันเหมือนกัน ระหว่างหน้าท่านวินธัย กับไอ้ปึ้ง หน้าไหนที่ชวนมองกว่ากัน

 

ถ้าจะอ้างว่าต้องการ สส ไปทำหน้าที่ในสภาไม่ใช่ทหาร ท่านเคยได้เห็นการทำหน้าที่ของตัวแทนเหล่านี้หรือเปล่า แค่ยกมือประท้วง แค่ชี้หน้าด่าฝ่ายตรงข้าม แค่นั่งเสนอหน้าออกทีวี หรือแม้แต่แค่มาเซ็นต์ชื่อเข้าประชุม ทำแค่นี้ทหารเขาทำแทนได้ครับ ไม่รับเงินเดือนเพิ่มด้วย

 

 

ถ้าแค่อยากออกจากบ้านหลังสี่ทุ่ม ก็ช่วยหันไปมองคนที่บ้านบ้างว่าเขาอยากให้ท่านให้เวลากับพวกเขาหรือเปล่า

 

แต่สิ่งที่ท่านไม่เคยถามถึง ณ วันนี้ ทหารเขากำลังทำให้ครับ ไม่ว่าจะจัดระเบียบพวกล้มเจ้า กวาดล้างพวกหัวรุนแรงใช้อาวุธสงครามกับประชาชน  การระงับโครงการผลาญเงินชาติ การยกเครื่องประเทศไทย สิ่งเหล่านี้มันพอจะทำให้ท่านฉุกคิดก่อนออกไปก่อกวนทหารได้บ้างหรือไม่ 

 

 




#1186701 ถึงฝ่ายที่ต่อต้านการยึดอำนาจ สิ่งที่ท่านกำลังถามหาคืออะไรครับ

Posted by เสือยิ้มยาก on 26 May 2014 - 01:47

ที่กำลังถามหาอยู่คือ ...โรงศพ!!

 

ผมไม่ได้ขู่ แต่เสื้อแดงที่คิดจะไปชุมนุมต่อต้านคุณคิดให้ดี อย่าเอาปฎิวัติปี 49 มาเทียบ ครั้งนี้มันหนักกว่าเพราะมีปัญหาที่ต้องแก้ไขเยอะและเป็นปัญหาใหญ่

ถ้าทำงานใหญ่แล้วหน่อมแหน๋มคงไม่ได้ ก็ดูประกาศคำสั่งแต่ละฉบับก็แล้วกัน ไม่ใช่ประกาศลอยๆ ข่าวกรองเขาทำงานมานาน บางคนถูกสั่งมารายงานตัวคนยังไม่รู้จักเลย

 

คนที่จะออกไปต่อต้านทหาร ความหมายคือกำลังจะไปเอาชนะทหาร นั่นคือไปยัดข้อหากบฎที่มีโทษประหารชีวิตให้ทหาร แล้วคุณคิดว่าทหารจะยอมให้คุณชนะหรืออย่างไร

อย่าว่าแต่พวกจับกังไปตั้งกองกำลังเลย ต่อให้พวกมะเขือเทศที่เคยอยู่อีกฝ่าย มาแข็งข้อก็ต้องโดนเหมือนกัน เพราะเขาออกมาแล้วต้องจัดการให้เรียบร้อยเท่านั้น เป็นอย่างอื่นไม่ได้