ถ้าคุณ 50satang ถอยมามองอีกสักนิดครับ
1. ท่านเดือดร้อนเพราะมาตรานี้อย่างไร >> ความจริงวิจารณ์สถาบัน วิจารณ์ได้ปกตินะ แต่เค้าห้ามหมิ่น มิใช่หรือ ถามด้วยความไม่รู้จริงๆนะ หรือเพราะเราไม่เคยเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้จึงไม่เข้าใจ ถามจริงๆเหอะ มีเวลาไปวิพากษ์ วิจารณ์ขนาดนั้นเลยหรือ ความจริงทำมาหากินตามปกติ ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรือเปล่า เราเองก็พูดถึง ก็วิจารณ์ แต่มันก็อยู่ในวงแคบๆ ไม่ได้แสดงตัวให้โลกรู้ขนาดนั้น คนที่หมิ่นแล้วแสดงตัวให้โลกรับรู้ ถามหน่อยเหอะ ว่างขนาดนั้นเลย? หรือเพราะเราไม่ได้อยู่ใน กทม. เลยไม่เข้าใจหว่า???
ตอบครับ
ผมว่าการวิจารณ์เพื่อแสดงความคิดเห็น ก็เพื่อให้คนรับรู้ครับ ดังนั้นมีความคิดเห็นถ้าไม่แสดงออกไป จะเรียกว่าความคิดเห็นได้อย่างไรครับ ดังนั้นผมไม่แปลกใจเลยว่าเมื่อวิจารณ์แล้วต้องการให้มีผู้รับรู้ครับ เป็นปกติ ส่วนเรื่องว่ามีเวลามากขนาดไหนนั้นขึ้นกับแต่ละคนครับคุณ 50satang ไม่มีเวลาพอจะแสดงความคิดเห็นวิภาควิจารณ์ก็ไม่ต้องวิภาควิจารณ์ครับ แต่หากบุคคลอื่นมีเวลา และแสดงความคิดเห็นออกไปได้คุณ 50satang ก็ควรจะยอมรับกับการมีเวลาและความคิดเห็นของเขาครับ ผมว่าที่พวกเขาอยากให้แก้ไขก็เพราะเมื่อวิจารณ์แล้วคนอื่นอาจมองว่าเป็นการด่าแบบสุภาพหรือการหมิ่นได้ครับ แล้วก็มีคนเอาไปขยายไปเล่นงานคนวิภาควิจารณ์อีกทีครับ ถ้าการดำเนินการตามมาตรา 112 มีมาตรฐานเห็นชัดขอบเขตขนาดไหนคนก็สามารถแสดงความคิดเห็นวิภาควิจารณ์ได้ตามกรอบ แต่ปัจจุบันมันไม่มีและไม่รู้ว่าจะใช้แบบไหน อย่างไร คนก็เลยเสนอให้ยกเลิกมาตรานี้เสีย ผมคิดว่าเขาคิดประมาณนี้นะครับ และการแสดงความคิดเห็น โดยการวิภาควิจารณ์นั้นประโยชน์ของมันคือเพื่อการพัฒนาก็ได้นะครับ ไม่ได้ออกไปในทางโจมตีเพียงอย่างเดียว แต่เพราะเรามองออกไปในทางไม่ดีอย่างเดียวหรือเปล่าครับเราจึงไม่ยอมรับการวิภาควิจารณ์ของผู้อื่น ผมว่าโลกเรามันมีมุมมองมากกว่า 1 ด้านทุกเรื่องแหละครับ แต่เวลากระทำจริงอาจต้องทำในมุมมองเดียว ซึ่งถ้าเราเลือกจะทำในมุมมองเดียว เราต้องแจ้งเหตุผลได้ว่าทำไมถึงทำในมุมมองนั้นและแสดงให้คนอื่นสามารถเห็นพ้องด้วยว่ามันมีประโยชน์มากกว่าจึงเลือกมุมมองนั้นมากระทำ ซึ่งก็คือการตอบข้อวิจารณ์ของคนอื่นนั่นเองครับ กาตอบข้อวิภาควิจารณ์นี้แหละครับจะทำให้เกิดการพัฒนาและตอบสนองต่อผู้มีส่วนได้เสียได้เป็นอย่างดีครับ
2. บางคนตั้งคำถามว่าทำไมวิจารณ์ไม่ได้ ทำไมมีสิทธิเหนือกว่าคนอื่น ทำไมไม่เท่าเทียม >> เพราะเป็นสถาบันหลักของประเทศ เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องปกป้อง เมื่อมีคนจาบจ้วง เลยมีโทษหนักกว่าทั่วไป บุคคลทั่วไปก็หมิ่นไม่ได้นะ แจ้งความก็โดนข้อหาหมิ่นประมาทไงล่ะ แต่โทษอาจน้อยกว่า ท่านลองมองธงชาติไทย ที่ท่านยืนตรงเคารพวันละ 2 เวลาดูอีกที ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เว้นแต่สีธงชาติไทยจะเปลี่ยน หรือท่านจะไม่ยืนตรงเคารพธงชาติกันล่ะ ไม่ลองนึกถึงบางชนชาติที่ไม่มีประเทศอยู่ ดังเช่น มอญ โรฮิงญา เป็นต้น หรือท่านจะลองหนีตายอย่าง ชาวโรฮิงญา เผื่อท่านจะรักและหวงแหนประเทศมากกว่านี้
ตอบครับ
ถ้าเป็นการด่า ดูหมิ่น ผมเห็นด้วยครับที่ต้องมีโทษมากกว่าปกติ แต่ถ้าวิภาควิจารณ์โดยบริสุทธิ์ใจสมควรมีโทษรุนแรงด้วยไหมครับผมก็ว่าไม่เหมือนกันครับ ตอนนี้ถ้าเราแยกออกว่าเป็นแบบไหน ปัญหาก็ไม่เกิดครับ
3. วันเฉลิมพระชนม์ ก็ได้หยุดงาน นักโทษก็ได้ลดหย่อนโทษทุกปี ยิ่งในเวลาที่ต่างคนขัดแยังทางความคิด คงมีเพียงสถาบันหลักเท่านั้น ที่ยังเป็นศูนย์รวมใจคนไทยได้ หรือท่านอยากเปลี่ยนให้ นายกรัฐมนตรี หรือคนอื่น มาเป็นศูนย์รวมจิตใจคนไทยกันล่ะ จะมีใครหน้าไหนมีบารมีเทียบเท่า จะมีใครที่มีคนศรัทธาเพียงนั้น
ตอบครับ
สิ่งนี้ผมเห็นด้วยครับ ช่วยให้คนสามารถกลับตัวกลับใจมาทำความดีได้
4. หากอัดอั้นตันใจมาก ท่านก็วิจารณ์ไปคนเดียวสิ มาวิจารณ์ มาหมิ่น มาชักชวนคนอื่น เกลียด ไม่เคารพตามท่านทำไม อยากด่าก็ด่าไป เหตุใดต้องมาด่าออกสื่อ ออกหน้าออกตา ให้ชาวโลกรับรู้ขนาดนั้น
ตอบครับ
ผมว่าไม่น่าเรียกว่าอัดอั้นนะครับ ถ้าเปิดใจให้กว้าง และรับรู้ข้อดีข้อเสียของการวิภาควิจารณ์
ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้มีเจตนาเพื่อจะบลัฟนะครับ แต่เราควรยอมรับมุมองของคนที่เห็นต่างด้วยครับ