yuth8866

แต่ส่วนขาดทุนของรัฐบาล มันเกิดจาก พวกข้าราชการ โรงสี ผู้ส่งออก
เพราะมีการเอาข้าวสารคุณภาพต่ำ เช่น ข้าวต่างชาติ ข้าวเก่า จากโครงการเก่า มาส่งมอบคลังกลาง
แทนข้าวคุณภาพดี ของชาวนา
ทั้งหมด มันเป็นความพกพร่อง ของคนทำงาน หรือรัฐบาล เองที่ทำให้รัฐบาลขาดทุนมากกว่าที่ควร
ตรงนี้คือส่วนที่เราต้อง โจมตี

ถ้าต้องการข้าวขาว 5% 1 ตัน ต้องใช้ข้าวเปลือกจำนวนเท่าไหร่ครับ
หากต้องการขายข้าวขาว 5% ในราคาตันละ 17000 บาท ต้องซื้อข้าวเปลือกตันละเท่าไหร่ครับ

อย่างที่คุณ Solidus อ้างไว้ข้างบนครับ
เอาอัตราส่วนการส่งมอบข้าวสาร* ราคาตลาด
มูลค่าข้าว ตามภาวะตลาดที่รัฐบาลซื้อมาจาก ชาวนา(รับมาจากโรงสี) จะอยู่ที่ 12,000 บาท/ตัน
นั่นคือรัฐบาล ขาดทุนทันที ที่ 3,000 บาท/ตัน เมื่อรับข้าวจากชาวนา

รัฐบาลจำนำ นาปี+นาปรัง ไป 18 ล้านตัน มูลค่าที่น่าจะขาดทุน ควรอยู่ที่ 18*3,000 = 54,000 ล้านบาท
บวกค่าจัดการ+ฝากเก็บ ไปอีก น่าจะประมาณ 6 หมื่นล้าน
เลขที่มันขาดทุนขึ้นไปเป็น 1- 2แสนล้าน จึงเกิดจากความบกพร่องในการบริหาร ของรัฐมนตรีครับ
ที่ปล่อยให้ โรงสี +ผู้ส่งออก เข้ามากอบโกย

นั่นคือตัวเลขที่ขาดทุนทันทีไงครับ แล้วที่ยังไม่ขาดทุนทันทีอย่างค่าเสื่อมสภาพจากการขายข้าวไม่ออกนี่เท่าไหร่อีกครับ
รัฐมันบกพร่องตั้งแต่จำนำเกินราคาตลาดแล้วล่ะครับ
ส่วนเรื่องโรงสี +ผู้ส่งออกนะ คุณหาได้รึยังว่าพวกนี้ควรได้กำไรกี่ % ถึงจะเรียกว่าไม่กอบโกย

แล้วคำถามผมไม่ลองตอบหน่อยหรือครับ
หากต้องการขายข้าวขาว 5% ในราคาตันละ 17000 บาท ต้องซื้อข้าวเปลือกตันละเท่าไหร่ครับ

ส่วนขาดทุน เพิ่ม เกิดจากข้าวเสื่อมสภาพ ?
ผมก็ยังว่ามันเกิดจากการบริหารไม่ดีครับ เป็นการรวมหัวกันระหว่าง ข้าราชการ ผู้ส่งออก โรงสี
เสื่อมเพราะอะไร ข้าวคุณภาพไม่ดี ตั้งแต่เริ่มรับ หรือเก็บรักษาไม่ดี ?

แต่ตามธรรมชาติ ข้าวเก่า แพงกว่าข้าวใหม่ ครับ
ผมหมายถึง ข้าวหอม อายุ 15 เดือน ราคาสูงกว่า ข้าวหอม อายุ 3 เดือน นะครับ ถามแม่บ้านที่หุ้งข้าวดูได้
ไม่ใช่ เอาข้าว 5 ปี มาเทียบกับข้าวใหม่ นะ

ข้าวเก่าแพงกว่าเพราะคนไทยต้องการมากกว่า แล้วมิทราบว่าข้าวที่สีแปรรูปแล้วเก็บได้กี่ปีโดยคุณภาพเท่าเดิมครับ แล้วข้าว 15000 ที่กำลังคุยกันอยู่เนี่ยมันข้าวหอมรึครับ
แล้วเรื่องข้าว 5 ปีนี่มันคือความจริงไม่ใช่รึ จำนำมาแล้วขายไม่ออกเนี่ยถึงได้อยู่ในโกดังถึง 5 ปีนะ แล้วถ้าถึง 5 ปีจริงเห็นว่าเอาไปเป็นอาหารสัตว์เลยนี่ครับ
ส่วนเรื่องค่าเสื่อมสภาพนะ ถ้าข้าวเก่าแพงกว่า แล้วมิทราบเรื่องที่ให้หักข้าว 1 ปี หักค่าเสื่อม 5% ข้าว 2 ปี หักค่าเสื่อม 15% ข้าว 3 ปี หักค่าเสื่อม 30% ข้าว 4 ปี หักค่าเสื่อม 50% ออกมาได้ไงครับ


ตกลงตอบได้ยังว่าโรงสี +ผู้ส่งออกนะ คุณหาได้รึยังว่าพวกนี้ควรได้กำไรกี่ % ถึงจะเรียกว่าไม่กอบโกย คำถามนี้ผมก็เคยถามคุณตั้งนานแล้วแต่ก็ยังไม่เคยได้คำตอบ
หากต้องการขายข้าวขาว 5% ในราคาตันละ 17000 บาท ต้องซื้อข้าวเปลือกตันละเท่าไหร่ครับ

อ้างที่คุณ Solidus บอก ราคาข้าว 5% ราคา 17,980 ข้าวเปลือกราคา 12,000 บาท
ถ้าข้าว 5% ราคา 17,000 เป็นข้าวเปลือก น่าจะราคาประมาณ 11,500 บาท ครับ

เรื่องข้าวเก่า แพงกว่าข้าวใหม่ ใช้กับขข้าวขาว ก็เหมือนกันครับ

เพราะข้าวใหม่ มันเหนียว หุ้งยาก เวลาสุกจะเป็นไตอยู่ข้างใน
ข้าวบริโภคภายใน(เสาไห้)ของไทยราคา ตันละ 2 หมื่นกว่า เพราะเป็นข้าวเก่าครับ หุงง่าย ขึ้นหม้อ
ปลายข้าวเก่า ที่เอามาทำก๋วยเตี๋ยว ตันละ 18,500 ยังแพงกว่าข้าว 5% ที่ผู้ส่งออกซื้อเลยครับ


ผมถึงได้บอกว่า ที่รัฐบาลขาดทุนจากโครงการจำนำ มันเป็นส่วนที่เกิดจากชาวนาแค่ 60,000 ล้านบาทเท่านั้น
แต่ที่มันเพิ่ม มาเป็นหลายแสนล้าน เพราะข้าวเสื่อม... เสื่อมเพราะอะไร
-ข้าวเสื่อมตั้งแต่ ตอนรับข้าว เพราะ รัฐบาลปล่อยให้ โรงสีเอาข้าวเก่ามาเวียนเทียน หรือเอาข้าว ต่างชาติมาส่งหลวง
-ข้าวเสื่อมเพราะรัฐบาลเก็บรักษาไม่ดี
-ข้าวดี เก็บรักษาดี มีคุณสมบัติเป็นข้าวเก่า
แต่รัฐบาลกับผู้ส่งออกผู้ส่งออก สร้างวาทะกรรม ข้าวเสื่อมเพื่อ ซื้อของจากรัฐบาลราคาถูกๆ

ราคาตลาด คือราคาที่มีคนพอใจซื้อขาย ที่ราคานั้นครับ ถ้าของดี ที่ขายราคาตลาด ก็ควรจะขายสินค้าได้
ที่ขายไม่ออกเพราะ ข้าวมันเสื่อม แต่จะเอาเท่าราคาข้าวปกติ คนเขาถึงไม่ซื้อ เลยต้องเก็บใว้เป็นข้าวเก่า 2ปี 5ปี
ข้าวที่ประมูลออกมา ก็ขายให้ผู้ส่งออกไงครับ ไงกลับมาส่งคลังได้อีก เสื่อมตั้งแตวันแรกที่เข้าคลังแล้วครับ

แต่ส่วนขาดทุนของรัฐบาล มันเกิดจาก พวกข้าราชการ โรงสี ผู้ส่งออก
เพราะมีการเอาข้าวสารคุณภาพต่ำ เช่น ข้าวต่างชาติ ข้าวเก่า จากโครงการเก่า มาส่งมอบคลังกลาง
แทนข้าวคุณภาพดี ของชาวนา
ทั้งหมด มันเป็นความพกพร่อง ของคนทำงาน หรือรัฐบาล เองที่ทำให้รัฐบาลขาดทุนมากกว่าที่ควร
ตรงนี้คือส่วนที่เราต้อง โจมตี

ถ้าต้องการข้าวขาว 5% 1 ตัน ต้องใช้ข้าวเปลือกจำนวนเท่าไหร่ครับ
หากต้องการขายข้าวขาว 5% ในราคาตันละ 17000 บาท ต้องซื้อข้าวเปลือกตันละเท่าไหร่ครับ

อย่างที่คุณ Solidus อ้างไว้ข้างบนครับ
เอาอัตราส่วนการส่งมอบข้าวสาร* ราคาตลาด
มูลค่าข้าว ตามภาวะตลาดที่รัฐบาลซื้อมาจาก ชาวนา(รับมาจากโรงสี) จะอยู่ที่ 12,000 บาท/ตัน
นั่นคือรัฐบาล ขาดทุนทันที ที่ 3,000 บาท/ตัน เมื่อรับข้าวจากชาวนา

รัฐบาลจำนำ นาปี+นาปรัง ไป 18 ล้านตัน มูลค่าที่น่าจะขาดทุน ควรอยู่ที่ 18*3,000 = 54,000 ล้านบาท
บวกค่าจัดการ+ฝากเก็บ ไปอีก น่าจะประมาณ 6 หมื่นล้าน
เลขที่มันขาดทุนขึ้นไปเป็น 1- 2แสนล้าน จึงเกิดจากความบกพร่องในการบริหาร ของรัฐมนตรีครับ
ที่ปล่อยให้ โรงสี +ผู้ส่งออก เข้ามากอบโกย

นั่นคือตัวเลขที่ขาดทุนทันทีไงครับ แล้วที่ยังไม่ขาดทุนทันทีอย่างค่าเสื่อมสภาพจากการขายข้าวไม่ออกนี่เท่าไหร่อีกครับ
รัฐมันบกพร่องตั้งแต่จำนำเกินราคาตลาดแล้วล่ะครับ
ส่วนเรื่องโรงสี +ผู้ส่งออกนะ คุณหาได้รึยังว่าพวกนี้ควรได้กำไรกี่ % ถึงจะเรียกว่าไม่กอบโกย

แล้วคำถามผมไม่ลองตอบหน่อยหรือครับ
หากต้องการขายข้าวขาว 5% ในราคาตันละ 17000 บาท ต้องซื้อข้าวเปลือกตันละเท่าไหร่ครับ

ส่วนขาดทุน เพิ่ม เกิดจากข้าวเสื่อมสภาพ ?
ผมก็ยังว่ามันเกิดจากการบริหารไม่ดีครับ เป็นการรวมหัวกันระหว่าง ข้าราชการ ผู้ส่งออก โรงสี
เสื่อมเพราะอะไร ข้าวคุณภาพไม่ดี ตั้งแต่เริ่มรับ หรือเก็บรักษาไม่ดี ?

แต่ตามธรรมชาติ ข้าวเก่า แพงกว่าข้าวใหม่ ครับ
ผมหมายถึง ข้าวหอม อายุ 15 เดือน ราคาสูงกว่า ข้าวหอม อายุ 3 เดือน นะครับ ถามแม่บ้านที่หุ้งข้าวดูได้
ไม่ใช่ เอาข้าว 5 ปี มาเทียบกับข้าวใหม่ นะ

คุณyuth8866 ตั้งแต่ปีที่แล้วคุณก็ออกความเห็นในลักษณะนี้ เพราะคุณเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากโครงการนี้

คุณเลยมองไม่เห็นปัญหาที่แท้จริง

ผลเสียของระบบจำนำแบบที่รัฐบาลนี้ทำอยู่ข้อที่ผมว่าร้ายแรง คือ
ทำลายระบบการค้าข้าวของไทยอย่างถาวร
ทำลายการพัฒนาประสิทธิภาพของชาวนาและคุณภาพของข้าว
ทำลายจิตสำนึกความรับผิดชอบที่มีต่อส่วนรวม ต่อประเทศ

สิ่งเหล่านี้เป็นการทำลายชาวนาและประเทศไทยในระยะยาว

หรือว่าคุณ yuth8866 มองเห็นปัญหานี้
แต่เพราะผลประโยชน์ครอบงำจิตสำนึกหรืออย่างไรไม่ทราบ คุณไม่พยายามพูดถึงปัญหาเหล่านี้เลย



การประกันรายได้สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เป้าหมายเพื่อพยุงชาวนาให้อยู่ได้ในระบบผลิตข้าว แต่ไม่ใช่จุดหมายหลัก
ผมเข้าใจว่าจุดหมายที่แท้จริงคือ "ระบบการผลิตและจำหน่ายข้าวที่ไม่มีภาครัฐเข้าไปแทรกแซง๑๐๐เปอร์เซ็น"
รัฐจะเป็นเพียงผู้สนับสนุนเท่านั้น

ผมว่า "การประกันภัยพืชผลทางการเกษตร" เป็นตัวอย่างที่ให้เห็นว่า
สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ตั้งใจทำเพื่อประโยชน์ชองชาวนาไทยอย่างยั่งยืนโดยแท้จริง

แต่สำหรับคนเห็นแก่ตัวคงจะมองเรื่องอย่างนี้ไม่ออก


คุณyuth8866 ลองบอกหน่อยสิว่า มีระบบจำนำข้าวนี้แล้วรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีแผนงานอะไรเพิ่มเติม
เพื่อประโยชน์ชองชาวนาไทยอย่างยั่งยืนบ้าง
อีกอย่างผมว่ารัฐบาลนี้กำลังวัดดวงอยู่นะ คงจะลุ้นจนถึงวิกฤติขั้นสุดท้ายนั่นแหละ


ป.ล.ให้รอดูได้เลยอีกไม่เกิน๒ปีนี้ จะรู้ว่าเป็นนโยบายแหกตาหรือเปล่า

ผมยอมรับครับว่าผมเป็นฝ่ายได้รับผลประโยชน์จากโครงการ

เรื่องข้อเสีย จากการจำนำ
ยอมรับครับว่า เห็นด้วยกับข้อเสียของการจำนำ แต่ไม่ทั้งหมด

เพราะโจทย์ที่ พท. กับ ปชป. ตั้ง มันผิดกันไงครับ
ผลลัพธ์ จึงออกมาดัง การเลือกตั้งที่ผ่านมา

ปชป. เอา แค่ไม่ขาดทุน อยู่ได้ 10,000 บาท/ตัน
ส่วน พท. บอก 15,000 รับบาลบริหาร จัดการได้

คุณถามในแง่คนรับ ถ้ามันถูกกฏหมาย ใครจะไม่ชอบครับ
ผมจึงเสนอให้มีกฎหมาย บังคับให้ นักการเมือง ใช้เงินไปในแต่ละโครงการให้เหมาะสมกับงบประมาณ
แต่ถ้าถามผมว่า ด้วยเงินขาดทุนที่เท่าๆ กัน ผมเห็นว่า การจำนำที่รัดกุม สร้างรายรับให้ชาวนาได้มากกว่า

ผลร้ายแรงของโครงการจำนำ

ผมเห็นนักวิชาการ ติง ตั้งแต่รุ่น แม้ว จำนำ ข้าวหอมที่ 8,000 บาท
ข้าว 5% ที่ 6,000 บาท ปี 2548
ว่าระบบข้าวจะเสียหาย ด้วยเหตุผล เดิมๆ ที่ยังเถียงกันอยู่ ณ.ปัจจุบัน
ท้ายสุดราคาข้าวก็ปรับเป็น 11,000-15,000 บาท (ราคาตลาด)

ถ้าเหล่านักวิชาการ มั่นใจว่า ผลเสีย เหล่านั้นจะเกิดขึ้น จริง ในเวลาอันใกล้นี้
ผมว่า เราปล่อยให้มันเกิด เถิดครับ ยิ่งเร็ว ยิ่งดี อย่างน้อย ให้ชาวนาเขารู้ว่า สิ่งที่แม้วทำ มันหากินได้แค่ช่วงสั้น
ถึงวันนั้น ยี่ห้อ แม้วเสีย พท. ขายไม่ออกเองครับ
ขาดทุน 2-3 แสนล้าน แลกกับ ไล่ตระกูลชิน แบบไม่ต้องเสียเลือด เสียเนื้อ มันคุ้ม นะครับ

แต่ส่วนขาดทุนของรัฐบาล มันเกิดจาก พวกข้าราชการ โรงสี ผู้ส่งออก
เพราะมีการเอาข้าวสารคุณภาพต่ำ เช่น ข้าวต่างชาติ ข้าวเก่า จากโครงการเก่า มาส่งมอบคลังกลาง
แทนข้าวคุณภาพดี ของชาวนา
ทั้งหมด มันเป็นความพกพร่อง ของคนทำงาน หรือรัฐบาล เองที่ทำให้รัฐบาลขาดทุนมากกว่าที่ควร
ตรงนี้คือส่วนที่เราต้อง โจมตี

ถ้าต้องการข้าวขาว 5% 1 ตัน ต้องใช้ข้าวเปลือกจำนวนเท่าไหร่ครับ
หากต้องการขายข้าวขาว 5% ในราคาตันละ 17000 บาท ต้องซื้อข้าวเปลือกตันละเท่าไหร่ครับ

อย่างที่คุณ Solidus อ้างไว้ข้างบนครับ
เอาอัตราส่วนการส่งมอบข้าวสาร* ราคาตลาด
มูลค่าข้าว ตามภาวะตลาดที่รัฐบาลซื้อมาจาก ชาวนา(รับมาจากโรงสี) จะอยู่ที่ 12,000 บาท/ตัน
นั่นคือรัฐบาล ขาดทุนทันที ที่ 3,000 บาท/ตัน เมื่อรับข้าวจากชาวนา

รัฐบาลจำนำ นาปี+นาปรัง ไป 18 ล้านตัน มูลค่าที่น่าจะขาดทุน ควรอยู่ที่ 18*3,000 = 54,000 ล้านบาท
บวกค่าจัดการ+ฝากเก็บ ไปอีก น่าจะประมาณ 6 หมื่นล้าน
เลขที่มันขาดทุนขึ้นไปเป็น 1- 2แสนล้าน จึงเกิดจากความบกพร่องในการบริหาร ของรัฐมนตรีครับ
ที่ปล่อยให้ โรงสี +ผู้ส่งออก เข้ามากอบโกย

จำนำ 15000 บาท/ตัน ขาดทุน 2 แสนล้านบาทเลย ก็ได้ครับ
นั่นหมายความว่าข้าวที่เข้าโครงการ ตอนนี้ ประมาณ 18 ล้านตันข้าวเปลือกจะขาดทุน
ตันละ 200,000/18 =11,111 บาท
หรือรัฐบาลขายข้าวทิ้งที่ราคา 15,000-11,111 =3,889 บาท/ตัน เท่านั้นโอกาสก็เกิดขึ้นได้น้อยเช่นกัน ครับ

ประกันรายได้ ถ้าปรับราคาประกัน เป็น 15,000 บาท/ตัน
ราคา FOB ไทยจะใกล้เคียงกับของเวียดนาม 460 USD
หรือ คิดกลับเป็น ข้าวเปลือกราคา ประมาณ 8,000 บาท เท่านั้น
นั่นคือ รัฐบาลต้องจ่ายส่วนต่าง 15,000-8,000 =7,000 บาท/ตัน *34 ล้านตัน=2.38 แสนล้านบาท


แต่อย่าลืมนะครับว่า เลขขาดทุนจากจำนำเป็นเลขประมาณการที่อาจเกิด
แต่ของประกัน นี่รัฐบาลจ่ายทิ้ง เปล่าแน่นอน

ประกันนี่ รัฐบาลสูญแน่ ๆ ครับ ดังนั้น ที่ผ่านมาการประกันจึงไม่หนีไปจากราคาในตลาดโลกมากนัก เพื่อให้เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรได้ในจำนวนมาก และเพื่อไม่ให้เป็นการแทรกแซงราคาข้าวในตลาดมากจนเกินไป

ถ้าประกันที่ราคา ๑๕๐๐๐ ไม่บ้าก็เมาแล้วครับ

คุณยุทธคิดราคาต้นทุนการจำนำไว้แบบนั้นไม่ได้ครับ เพราะเวลาที่จำนำ จะจำนำเป็นข้าวเปลือกที่ ๑๕๐๐๐ ก็จริง แต่เวลาขาย จะขายเป็นข้าวสาร ซึ่งข้าวเปลือก ๑ ตัน จะได้ข้าวสารราว ๖ ถึง ๘๐๐ กิโลตามแต่กระบวนการสี และความชื้น ตีให้เป็นตรงกลางคือ ๗๐๐

ดังนั้น เพื่อให้ขายข้าวสารได้ ๑ ตัน จะต้องใช้ข้าวเปลือกที่ ๑.๔ ถึง ๑.๕ ตัน ตีเป็น ๑.๔ เท่ากับว่า ต้นทุนเฉพาะข้าวอย่างเดียวต่อข้าวสาร ๑ ตัน จะเท่ากับ ๒๓๐๐๐ บาทแล้วครับ

แล้วยังมีในส่วนที่เป็นค่าเก็บ ค่ารมยา ค่าสี ค่าขนส่งอีก เหล่านี้รวมๆ ก็ราวร้อยละ ๓๐ จึงทำให้ต้นทุนต่อข้าวสาร ๑ ตัน จากการจำนำ ไม่น่าจะต่ำกว่า ๒๖๐๐๐ บาทครับ

และจากข้อมูลที่รัฐบาลขายข้าวให้ไอเวอร์รี่โคสต์ เราขายแค่ตันละ ๑๗๐๐๐ บาท เท่านั้นเอง ขาดทุนเกือบหมื่นทีเดียว(ถ้าคิดจากราคาเฉลี่ย)

และอย่างที่เคยบอกไว้ก่อนหน้า สมัยหน้าเหลี่ยมเป็นนายก ข้าวที่จำนำมาต่อปี ขายออกแค่ราวร้อยละ ๑๕ ขอจำนวนทั้งหมดเท่านั้นเอง ที่เหลือกลายเป็นอาหารสัตว์ราคาแทบไม่ถึงร้อยละ ๓๐ ของราคาจำนำ ซึ่งตอนนั้น รับจำนำที่อัตราร้อยละ ๑๓๐ ของราคากลาง ส่วนปัจจุบัน เกือบร้อยละ ๒๐๐

ยิ่งพิจารณาจากแนวโน้มการสั่งข้าวของต่างประเทศ ที่ลดลงกว่าครึ่งจากยอดที่เคยขายได้ในปีก่อน ๆ ณ ช่วงเวลาเดียวกัน แถมที่ผ่านมา ปริมาณที่ส่งออกกว่าร้อยละ ๙๐ เป็นของเอกชนที่ราคาต้นทุนไม่ได้สูงเท่ากับของรัฐบาลด้วย

คิดว่ารัฐจะเอาข้าวราคาแพงที่รับจำนำมา ไปขายที่ไหนครับ?

ณ ตอนนี้ ข้าวในสต๊อกมีกว่า ๑๗ ล้านตัน เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่เดือน ข้าวนาปรังก็เตรียมมาแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวการขายข้าวระบายข้าวที่เป็นหลักเป็นการว่าขายได้จริง มีแต่ราคาคุยจากรัฐบาลเท่านั้นเอง แต่บอกไม่ได้ว่าขายใคร (ตลกมาก)

เช่นกัน อย่างที่เคยบอกไว้ข้างต้น ราคาข้าวมันลดลงตามกาลเวลา เก็บไว้ ๑ ปีนี่ราคาเหลือแค่ราวครึ่งนึงหรือกว่าก็นิดหน่อยแล้วครับ

ข้อมูลเพิ่มเติมจากทีดีอาร์ไอ จากที่ลงทุนไป ๓.๓ แสนล้าน ณ ปัจจุบัน มีเงินที่ถึงชาวนาจริง ๆ แค่เพียง ๗ หมื่นกว่าล้านเท่านั้นเอง ที่เหลือ โน่น โรงสี พ่อค้าคนกลาง

มันคุ้มไหม?

เรื่องตัวเลขเงินที่ถึงชาวนา นี่ผมงงอะครับ
ถึงมือชาวนาแค่ 7 หมื่นล้าน/ ตันละ 15,000 บาท = 4.6 ล้านตัน
ข้อเท็จจริงคือ ข้าวเปลือกเข้าโครงการกว่า 18 ล้านตัน เงินเข้าบัญชี ธกส. ของชาวนาทุกคน

แต่ส่วนขาดทุนของรัฐบาล มันเกิดจาก พวกข้าราชการ โรงสี ผู้ส่งออก
เพราะมีการเอาข้าวสารคุณภาพต่ำ เช่น ข้าวต่างชาติ ข้าวเก่า จากโครงการเก่า มาส่งมอบคลังกลาง
แทนข้าวคุณภาพดี ของชาวนา
ทั้งหมด มันเป็นความพกพร่อง ของคนทำงาน หรือรัฐบาล เองที่ทำให้รัฐบาลขาดทุนมากกว่าที่ควร
ตรงนี้คือส่วนที่เราต้อง โจมตี

ที่บอกว่า ไม่บ้าก็เมา ที่จะประกันรายได้ 15,000 บาท/ตัน
เพราะมันเป็นการแย่งชิงคะแนนเสียง ของ 16 ล้านเสียง จากภาคเกษตรกรรม ครับ
ชาวนาเขาดูผลประโยชน์ที่เขาได้รับ เป็นหลัก
เราจึงต้องสร้างกลไก ที่ทำให้ นักการเมือง เอาไปใช้หาเสียงได้ อย่างมีข้อจำกัด

อย่างที่ผมบอก ทั้งประกัน หรือจำนำ ราคา เป็นตัวสร้างภาระให้รัฐบาล
ถ้าเราไม่จำกัด งบประมาณ ในการดำเนินโครงการ หรือ ความสูญเสีย ที่ยอมรับได้
พวกนักการเมือง จะเอามาเป็นตัวหาเสียง โดยไม่ได้คำนึงถึง ความรู้สึกของคน ในภาคส่วนอื่น ของประเทศ