Find content
ชาย
Credit: ห่วยตูน
Coup in Thailand
คลายเครียดครับ 
Ricebeanoil
เป็นสมาชิกตั้งแต่ 18 กุมภาพันธ์ 2554ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: ส่วนตัว
#1191272 เกาะติดสถานการณ์ บิ๊กตู่ กู้วิกฤติเหลือบ "ทักษิโณมิก" กลืนกินประเทศ ส...
โดย
on 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 11:03
#1188544 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
โดย
on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 22:48
ใครจะด่าผมก็ตามสบาย แต่ผมเห็นด้วยกับคนที่บอกว่าอภิสิทธิ์ควรจะงดมาพูดเรื่องทางการเมือง แล้วหันมาลงมือมีส่วนช่วยในการทำงานเพื่อปฎิรูปประเทศเสียยังดีกว่ามาโพสต์แสดงความเห็นแบบเชิงการเมืองอุดมการณ์แบบเก่าๆอยู่ ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมงานกับคณะก็ได้ แต่ก็ลงไปดูแลชาวบ้าน ลงมือตรวจสอบงานอะไรให้มันเห็นเป็นรูปธรรมบ้าง ไม่ใช่ทำแบบที่ผ่านๆมา เล่นการเมืองกับใจเย็นมากเกิน ฟังแต่เสียงรอบข้างแล้วหวังอะไรลมๆแล้งๆ ที่คุณถูกปรามาสไว้ว่าเป็นพวกดีแต่พูดน่ะ มันไม่ใช่เกินเลยหรอก บุคลิกความเป็นผู้นำคุณมีจริง แต่ความเด็ดขาดกับการแก้ปัญหาเนี่ย หลายอย่างมันยังไม่พอ คุณยังติดกับการเล่นการเมืองแบบอุดมคติในตำราเกินไป จนไม่ดูความเป็นจริงของการเมืองไทยว่ามันเน่าแค่ไหน ถ้าคุณยังไม่ปฎิรูปตัวเองกับพรรคไปด้วย ถึงเพื่อไทยกับบรรดาสมุนของทักษิณจะตายหรือโดนตัดสิทธิ์ทางการเมืองถาวรยังไง ก็ไม่เห็นแนวโน้มที่พรรคคุณจะกลับมาเป็นรัฐบาลได้เลย
ลาออกจากสส. ทั้งพรรคนี่ยังไม่เด็ดขาดอีกหรือครับ อย่ายกย่องคนโดยการเหยียบอีกคนเลยครับ มีวันนี้ได้เพราะหลายฝ่ายร่วมมือกันทำครับ ทุกคนต่างเล่นในบทบาทของตัวเองทั้งนั้นถ้าขาดปัจจัยใดปัจจัยนึง มันไม่มาถึงจุดนี้หรอกครับ ลองทบทวนดูเอาเองครับ ว่าใครที่คัดค้าน พรบ นิรโทษกรรม เดินสายทั่วประเทศ เป็นแม่เหล็กในการเริ่มม็อบ ทำหน้าที่ในสภา จนเกิดสูญญากาศ ทั้งประธาน สว. สส. ลาออกจากสส. ทั้งพรรคเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ไม่ลง สมัคร สส. รวมถึงแสดงเจตจำนงค์ชัดเจน ว่าจะต้องปฎิรูปก่อนเลือกตั้ง บทบาทที่เขาต้องเล่นเขาก็ทำได้สมบูรณ์แล้วครับ การแสดงความเห็นแนวนี้ก็เป็นอีกบทบาทที่จำเป็นต้องแสดงออกครับ
ไม่ยักกะรู้ ว่าแค่คนเป็นนักการเมือง พูดสิ่งที่คิดในใจตามมุมมองของนักการเมือง จะถูกด่าเหมือนหมูเหมือนหมาขนาดนี้
อภิสิทธิ์สู้มาเท่าไหร่ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายถูกตีในรถ ถูกตามขู่ฆ่าเท่าไหร่ เค้าก็สู้ในมุมของเค้า ในฐานะเค้าเป็นนักการเมือง
การจัดเวทีสัญจรเรื่องต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อปูพื้นฐานของการชุมนุม เค้าก็เป็นคนทำ
ลาออกทั้งพรรค ลากกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าศาลรัฐธรรมนูญ ก็ทำแล้ว โดนข้อหาต่างๆ ตั้งกี่ข้อหา
เพียงแค่วันนี้ เค้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจในฐานะนักการเมืองตามอาชีพที่เค้าเป็น พวกคุณก็ด่าเค้าเหมือนหมูเหมือนหมา เพราะเค้าพูดไม่ถูกใจคุณแค่นั้น
ผมว่าถ้าเป็นแบบนี้อภิสิทธิ์ไม่ควรเกิดเป็นคนไทยด้วยซ้ำ ถ้าสันดานคนในประเทศนี้ยังเป็นแบบนี้
หลังมี คสช. มีสาวกไอ้แป็ะเข้ากระทู้มากขึ้น ซึ่งพวกนี้จ้องตีคน ปชป.อยู่แล้ว (ไม่ได้หมายถึงท่าน barroc)
ประกอบกับอารมณ์เชียร์ คสช.สุดลิ่มทิ่มประตูอยู่ ใครด่าคนที่ไม่คล้อยตามคณะ คสช.เสียทั้งหมด ทั้งสาวกไอ้แป๊ะและไม่ใช่ก็ร่วมวงกันสนุก โดยที่ลืมไปว่าเขาทำอะไรมาขนาดไหน
จำกันได้มั๊ย แม้แต่ลุงกำนันก็บอกไม่ต้องการปฏิวัติเมื่อวันก่อนๆ ถ้าวันนี้ลุงกำนันออกมายืนยันอย่างเดิม เชื่อว่าสมาชิกไม่น้อยหันมาด่าลุงกำนัน โดยไม่ยอมยั้งคิดว่าลุงกำนันทำอะไรมาบ้างเหนื่อยแค่ไหน
กระทู้นี้กำลังกลายพันธุ์ เกี่ยวข้องกับกำนันและมวลมหาประชาชนน้อยลงเรื่อยๆ และเริ่มขัดแย้งกันมากขึ้น น่าจะแยกกระทู้เสีย เสียดายบรรยากาศเก่าๆที่ร่วมกันเชียร์ให้กำลังใจกำนัน แกนนำ และมวลมหาประชาชน แยกเก็บบรรยากาศดีๆไว้ ตั้งกระทู้ใหม่ เป็นเกาะติด คสช.ก็ว่าไป
- ประชาราบ, ตะนิ่นตาญี, robbo and 24 others like this
#1188402 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
โดย
on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 21:32
ใครจะด่าผมก็ตามสบาย แต่ผมเห็นด้วยกับคนที่บอกว่าอภิสิทธิ์ควรจะงดมาพูดเรื่องทางการเมือง แล้วหันมาลงมือมีส่วนช่วยในการทำงานเพื่อปฎิรูปประเทศเสียยังดีกว่ามาโพสต์แสดงความเห็นแบบเชิงการเมืองอุดมการณ์แบบเก่าๆอยู่ ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมงานกับคณะก็ได้ แต่ก็ลงไปดูแลชาวบ้าน ลงมือตรวจสอบงานอะไรให้มันเห็นเป็นรูปธรรมบ้าง ไม่ใช่ทำแบบที่ผ่านๆมา เล่นการเมืองกับใจเย็นมากเกิน ฟังแต่เสียงรอบข้างแล้วหวังอะไรลมๆแล้งๆ ที่คุณถูกปรามาสไว้ว่าเป็นพวกดีแต่พูดน่ะ มันไม่ใช่เกินเลยหรอก บุคลิกความเป็นผู้นำคุณมีจริง แต่ความเด็ดขาดกับการแก้ปัญหาเนี่ย หลายอย่างมันยังไม่พอ คุณยังติดกับการเล่นการเมืองแบบอุดมคติในตำราเกินไป จนไม่ดูความเป็นจริงของการเมืองไทยว่ามันเน่าแค่ไหน ถ้าคุณยังไม่ปฎิรูปตัวเองกับพรรคไปด้วย ถึงเพื่อไทยกับบรรดาสมุนของทักษิณจะตายหรือโดนตัดสิทธิ์ทางการเมืองถาวรยังไง ก็ไม่เห็นแนวโน้มที่พรรคคุณจะกลับมาเป็นรัฐบาลได้เลย
ลาออกจากสส. ทั้งพรรคนี่ยังไม่เด็ดขาดอีกหรือครับ อย่ายกย่องคนโดยการเหยียบอีกคนเลยครับ มีวันนี้ได้เพราะหลายฝ่ายร่วมมือกันทำครับ ทุกคนต่างเล่นในบทบาทของตัวเองทั้งนั้นถ้าขาดปัจจัยใดปัจจัยนึง มันไม่มาถึงจุดนี้หรอกครับ ลองทบทวนดูเอาเองครับ ว่าใครที่คัดค้าน พรบ นิรโทษกรรม เดินสายทั่วประเทศ เป็นแม่เหล็กในการเริ่มม็อบ ทำหน้าที่ในสภา จนเกิดสูญญากาศ ทั้งประธาน สว. สส. ลาออกจากสส. ทั้งพรรคเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ไม่ลง สมัคร สส. รวมถึงแสดงเจตจำนงค์ชัดเจน ว่าจะต้องปฎิรูปก่อนเลือกตั้ง บทบาทที่เขาต้องเล่นเขาก็ทำได้สมบูรณ์แล้วครับ การแสดงความเห็นแนวนี้ก็เป็นอีกบทบาทที่จำเป็นต้องแสดงออกครับ
#1188196 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
โดย
on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 19:58
#1187725 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
โดย
on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 15:53
#1187537 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
โดย
on 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 13:51
#เราจะไม่มีวันลืม ท่านยังคงอยู่ในใจของพี่น้อง มวลประชาเสมอและตลอดไป
#ขอสดุดี ด้วยจิตคารวะ"วีรชน คนกล้า"!!
- Abraxas, Iona, สมชายสายชม and 54 others like this
#1185204 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
โดย
on 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 13:12
somroutai @jin_nation 31m
อภิสิทธิ์ โพส FB "ขออภัย" ไม่สามารถผลักดันปฏิรูป+ปกป้องประชาธิปไตย #nna pic.twitter.com/ej6Jq3WgCI
แนวทางของมาร์ค มันไม่สะเด็ดน้ำ
แต่ก็ถือว่าพยายามที่สุดแล้ว... ผมขอขอบคุณจากใจ
ผมนึกถึงตอนที่มาร์คพยายามเดินสายพูดคุยหาทางออก แล้วถูกพวกเรากันเองนี่แหละรุมถล่มต่างๆนาๆ.. สงสารว่ะ
อย่าลืมว่าเวทีมวลมหาประชาชนมีจุดกำเนิดมาจากเวทีผ่าความจริง ซึ่งมาร์คจัดว่าเป็นผู้ปราศรัยระดับแม่เหล็กยิ่งกว่าลุงกำนันเสียอีก
นึกถึงเวทีสามเสน มาร์คจะขึ้นพูดสี่ซ้าห้าทุ่มคนก็รอ ถึงเวลาคนก็แน่นจนไม่มีที่จะยืนด้วยซ้ำ
ผมว่าคนที่ยอมเปลี่ยนลุคตัวเองจากนักการเมืองมาดนุ่ม ยึดหลักการมาเป็นนักปราศรัยฝีปากจัดจ้านชั่วคราว ผมถือว่าเสียสละมาก
ใครจะว่าอย่างไรผมไม่สน.... ผมถือว่านี่คือนักการเมืองที่สะอาดจริงๆ
#1176897 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
โดย
on 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 12:41
ผมเป็นนศ.ม.หัวเฉียว คณะสังคมสงเคราะห์สาศตร์และสวัสดิ์การสังคม ผมได้ไปฝึกงานที่เทศบาลตำบลบางพลี ระหว่างที่ผมลงพื้นที่ไฟไหม้ที่ตลาดโบรานบางพลี ภาพที่ผมเห็นคือ ทุกอย่างไหม้หมด ไม่เหลือแม้แต่ตอตะโก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ไหม้ไปกับไฟ นั่นก็คือรูปของ"#พ่อหลวง"ของเรา ผมเห็น2รูปนี้ ผมน้ำตาจะไหล พร้อมกับนำมือทั้ง2ข้างประกบรูปนี้เป็นท่าพนมมือ แล้วชูขึ้นเหนือศรีษะ ทันใดนั้นขนก็ลุกขึ้นมาทันที=>#ขอพระองค์ทรงพระเจริญ (-/\-)
https://www.facebook...&type=1
เพราะพระบารมีแห่งพระโพธิสัตว์เจ้า - ตรงกับสุภาษิตที่ว่า คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
- Abraxas, patchakorn, Zecret and 22 others like this
#1176367 ไม่ว่าสุดท้ายจะลงเอยต่างฝ่ายต่างกลับบ้านหรือไม่ แต่อยากให้นึกถึงคนกลุ่มหนึ่งด...
โดย
on 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 00:52
ผมทราบดีว่าอาจไม่เหมาะที่เอ่ยถึงท่านเหล่านี้
ผมอยากเอ่ยถึง "ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมของเหล่ามวลมหาประชาชน"
รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิต ทราบดีว่า กำนัน แกนนำ และ มวลมหาประชาชน
ได้จัดทำ จัดสร้างกองทุน แก่ผู้เสียชีวิต รวมถึงลูกหลานของผู้เสียชีวิต
นั่นคือความคิดที่ยอดเยี่ยม และไม่เคยปรากฏในหัวคนรวยล้นฟ้าอย่างคนหนีคุก เช่น ทักษิณ
หรือ แม้แต่ในหัวของแกนนำ นปช. ได้แต่ใช้ภาษีประชาชนจ่ายไปต่อรายถึงเจ็ดล้านกว่าบาท
ผมอยากเรียกร้องให้มีการรับผิดชอบที่เท่าเทียมกัน ต่อผู้ชุมนุมฝั่งมวลมหาประชาชน และ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิต
ถ้าไม่ได้จริงๆ ช่วยส่งเสริมและผ่านกฎหมายในสองหัวข้อด้วย สองหัวข้อนี้ผมเคยมีความฝันว่าจะผลักดัน
ถ้ามีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล และ กุมเสียงข้างมาก
1. คดีคอร์รัปชั่น มีบทลงโทษประหารชีวิต พร้อมยึดทรัพย์ คดีไม่มีอายุความ
2. ควบคุมอาวุธสงคราม เมื่อตรวจพบ มีโทษประหารชีวิต พร้อมยึดทรัพย์ ซัดทอดผู้บงการ พร้อมจับกุมผู้บงการภายหลังได้
ลดโทษยึดทรัพย์ ลดโทษประหารชีวิต เหลือจำคุกตลอดชีวิต ผู้บงการประหารชีวิต พร้อมยึดทรัพย์ คดีไม่มีอายุความ
ถ้าผ่านกฎหมายสองหัวข้อนี้ได้ ผมเชื่อเหลือเกินพวกเขาต้องดีใจ คนไทยทั้งประเทศก็รู้สึกยินดีเช่นกัน
ยกเว้นพวกที่กระทำความผิดสองหัวข้อนี้ไม่อยากให้ผ่าน สิ่งที่ผมเสนอถือว่าเป็นการทำแก่วีรชนผู้เสียชีวิต
ในเหตุการชุมนุมตลอดหลายเดือนมานี้
ขอคารวะทุกดวงวิญญาณที่เสียชีวิตตลอดเหตุการชุมนุมที่ผ่านมา
โจโฉ นายกตลอดกาล
ผมอยากเอ่ยถึง "ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมของเหล่ามวลมหาประชาชน"
รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิต ทราบดีว่า กำนัน แกนนำ และ มวลมหาประชาชน
ได้จัดทำ จัดสร้างกองทุน แก่ผู้เสียชีวิต รวมถึงลูกหลานของผู้เสียชีวิต
นั่นคือความคิดที่ยอดเยี่ยม และไม่เคยปรากฏในหัวคนรวยล้นฟ้าอย่างคนหนีคุก เช่น ทักษิณ
หรือ แม้แต่ในหัวของแกนนำ นปช. ได้แต่ใช้ภาษีประชาชนจ่ายไปต่อรายถึงเจ็ดล้านกว่าบาท
ผมอยากเรียกร้องให้มีการรับผิดชอบที่เท่าเทียมกัน ต่อผู้ชุมนุมฝั่งมวลมหาประชาชน และ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิต
ถ้าไม่ได้จริงๆ ช่วยส่งเสริมและผ่านกฎหมายในสองหัวข้อด้วย สองหัวข้อนี้ผมเคยมีความฝันว่าจะผลักดัน
ถ้ามีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล และ กุมเสียงข้างมาก
1. คดีคอร์รัปชั่น มีบทลงโทษประหารชีวิต พร้อมยึดทรัพย์ คดีไม่มีอายุความ
2. ควบคุมอาวุธสงคราม เมื่อตรวจพบ มีโทษประหารชีวิต พร้อมยึดทรัพย์ ซัดทอดผู้บงการ พร้อมจับกุมผู้บงการภายหลังได้
ลดโทษยึดทรัพย์ ลดโทษประหารชีวิต เหลือจำคุกตลอดชีวิต ผู้บงการประหารชีวิต พร้อมยึดทรัพย์ คดีไม่มีอายุความ
ถ้าผ่านกฎหมายสองหัวข้อนี้ได้ ผมเชื่อเหลือเกินพวกเขาต้องดีใจ คนไทยทั้งประเทศก็รู้สึกยินดีเช่นกัน
ยกเว้นพวกที่กระทำความผิดสองหัวข้อนี้ไม่อยากให้ผ่าน สิ่งที่ผมเสนอถือว่าเป็นการทำแก่วีรชนผู้เสียชีวิต
ในเหตุการชุมนุมตลอดหลายเดือนมานี้
ขอคารวะทุกดวงวิญญาณที่เสียชีวิตตลอดเหตุการชุมนุมที่ผ่านมา
โจโฉ นายกตลอดกาล
- Cylonn, คนไทยคนหนึ่ง, Abraxas and 42 others like this
#1164837 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
โดย
on 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 - 03:40
สงสาร ประเทศไทย.
ข้อความในเฟสบุ๊ค เขียนโดยผู้พิพากษา ไม่ระบุชื่อ :
"พระรูปนี้ อายุ 58 ไม่มีสมณศักดิ์ใดๆ ทั้งสิ้น แม้ตำแหน่งเจ้าอาวาสผู้ดูแลอารามก็ไม่มี ท่านสร้างวัดที่ อ. กำแพงแสน นครปฐม ชื่อวัดอ้อน้อย ทีวัดมีพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ขนาดใหญ่สูงเท่าตึก มูลค่าเหยียบ 2000 ล้าน นี่ยังไม่นับรวมวิหาร โบสถ์กลางน้ำ และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ลูกศิษย์ลูกหาที่มาทำบุญก็เป็นขั้นเศรษฐี ทหารใหญ่ จะหาเงินหาทองมาซื้อเบ๊นซ์นั่ง จะหาอารามนอนแอร์หลังโต จะขบฉันให้วิเศษอย่างไรไม่ใช่เรื่องยาก แต่ชีวิตความเป็นอยู่ข้างต้นไม่ใช่ของพระรูปนี้ ถ้าใครไปที่วัด ภาพอันชินตาคือจะเห็นท่านรักษาโรค อบรมพระ สอนกรรมฐาน ทำยา หั่นสมุนไพร ตรวจงานก่อสร้าง ปั้นพระ เขียนหนังสือ นำลูกศิษย์ทำอาหารไปช่วยคนน้ำท่วม ไปสวดมนต์ให้ในหลวงที่โรงพยาบาลศิริราช และอื่นๆ อีกมากมาย มือท่านไม่เคยว่าง และท่านไม่เคยหายใจทิ้งเปล่าสักขณะจิตเดียว
ปีหนึ่งท่านจะว่างเพียง 3-7 วัน ช่วงวันเกิดท่านจะเข้าป่าเดินธุดงค์ ไปอยู่กับป่ากับความมืดความสงัดเพื่อพักผ่อนร่างกาย นี่เป็นเพียงรางวัลชิ้นเดียวที่ท่านให้กับตัวเอง
วันนี้ท่านออกมาจากวัด มาจากป่า มาอยู่บนถนน นำทัพประชาชนมารักษาศูนย์ราชการ ให้ความปลอดภัยกับศาลรัฐธรรมนูญและ ปปช. นำทัพประชาชนสำแดงพลังและประกาศเจตจำนงค์ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศชาติ มวลชนแจ้งวัฒนะเป็นกองหน้าของมวลชนทั้งมวลหรือไม่ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ท่านเป็นกองหน้าของมวลชนซึ่งเป็นลูกหลานท่าน ท่านถึงได้มีสภาพเช่นนี้ (ภาพประกอบเป็นภาพตอนหลวงปู่กำลังใส่อ๊อกซิเจน)
พระอายุ 58 ท่านมาทำอะไรที่นี่ ใช่เพื่อยศฐา ใช่เพื่อเงินทอง ใช่เพื่อความสะดวกสะบายในภายภาคหน้า ใช่เพื่อสนองความอยากมีชื่อเสียงความเคารพยอมรับหรือไม่ คำตอบอยู่ในใจของแต่ละคน
แต่สำหรับผม คิดว่ากว่าครึ่งหนึ่งของชีวิตเราล้วนดำรงอยู่ได้จากเมตตาของผู้อื่น จากมือที่มองไม่เห็น ไม่ว่าคุณจะสวมเสื้อสีอะไร จะชมหรือด่า จะโลกสวย แมงสาบ หรือทุยแดง คุณจะได้รับผลจากการทุ่มของพระอายุ 58 รูปนี้ พระที่แขนของท่านโอบอุ้มคนทุกสี พระที่บ่าของท่านไม่ได้แบกกรด แต่แบกชาติ ศาสน์ กษัตริย์ไว้ แบกไปด้วยใจของฟ้า ด้วยบ่าที่กว้างดั่งแผ่นดิน คนไทยทุกคนเป็นหนี้พระอายุ 58 รูปนี้ จำชื่อท่านไว้ "หลวงปู่พุทธอิสระ"
"พระรูปนี้ อายุ 58 ไม่มีสมณศักดิ์ใดๆ ทั้งสิ้น แม้ตำแหน่งเจ้าอาวาสผู้ดูแลอารามก็ไม่มี ท่านสร้างวัดที่ อ. กำแพงแสน นครปฐม ชื่อวัดอ้อน้อย ทีวัดมีพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ขนาดใหญ่สูงเท่าตึก มูลค่าเหยียบ 2000 ล้าน นี่ยังไม่นับรวมวิหาร โบสถ์กลางน้ำ และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ลูกศิษย์ลูกหาที่มาทำบุญก็เป็นขั้นเศรษฐี ทหารใหญ่ จะหาเงินหาทองมาซื้อเบ๊นซ์นั่ง จะหาอารามนอนแอร์หลังโต จะขบฉันให้วิเศษอย่างไรไม่ใช่เรื่องยาก แต่ชีวิตความเป็นอยู่ข้างต้นไม่ใช่ของพระรูปนี้ ถ้าใครไปที่วัด ภาพอันชินตาคือจะเห็นท่านรักษาโรค อบรมพระ สอนกรรมฐาน ทำยา หั่นสมุนไพร ตรวจงานก่อสร้าง ปั้นพระ เขียนหนังสือ นำลูกศิษย์ทำอาหารไปช่วยคนน้ำท่วม ไปสวดมนต์ให้ในหลวงที่โรงพยาบาลศิริราช และอื่นๆ อีกมากมาย มือท่านไม่เคยว่าง และท่านไม่เคยหายใจทิ้งเปล่าสักขณะจิตเดียว
ปีหนึ่งท่านจะว่างเพียง 3-7 วัน ช่วงวันเกิดท่านจะเข้าป่าเดินธุดงค์ ไปอยู่กับป่ากับความมืดความสงัดเพื่อพักผ่อนร่างกาย นี่เป็นเพียงรางวัลชิ้นเดียวที่ท่านให้กับตัวเอง
วันนี้ท่านออกมาจากวัด มาจากป่า มาอยู่บนถนน นำทัพประชาชนมารักษาศูนย์ราชการ ให้ความปลอดภัยกับศาลรัฐธรรมนูญและ ปปช. นำทัพประชาชนสำแดงพลังและประกาศเจตจำนงค์ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศชาติ มวลชนแจ้งวัฒนะเป็นกองหน้าของมวลชนทั้งมวลหรือไม่ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ท่านเป็นกองหน้าของมวลชนซึ่งเป็นลูกหลานท่าน ท่านถึงได้มีสภาพเช่นนี้ (ภาพประกอบเป็นภาพตอนหลวงปู่กำลังใส่อ๊อกซิเจน)
พระอายุ 58 ท่านมาทำอะไรที่นี่ ใช่เพื่อยศฐา ใช่เพื่อเงินทอง ใช่เพื่อความสะดวกสะบายในภายภาคหน้า ใช่เพื่อสนองความอยากมีชื่อเสียงความเคารพยอมรับหรือไม่ คำตอบอยู่ในใจของแต่ละคน
แต่สำหรับผม คิดว่ากว่าครึ่งหนึ่งของชีวิตเราล้วนดำรงอยู่ได้จากเมตตาของผู้อื่น จากมือที่มองไม่เห็น ไม่ว่าคุณจะสวมเสื้อสีอะไร จะชมหรือด่า จะโลกสวย แมงสาบ หรือทุยแดง คุณจะได้รับผลจากการทุ่มของพระอายุ 58 รูปนี้ พระที่แขนของท่านโอบอุ้มคนทุกสี พระที่บ่าของท่านไม่ได้แบกกรด แต่แบกชาติ ศาสน์ กษัตริย์ไว้ แบกไปด้วยใจของฟ้า ด้วยบ่าที่กว้างดั่งแผ่นดิน คนไทยทุกคนเป็นหนี้พระอายุ 58 รูปนี้ จำชื่อท่านไว้ "หลวงปู่พุทธอิสระ"
- หน้าตาไม่ดี แต่เร้าใจ, เสือยิ้มยาก, firestong and 21 others like this
#1139389 555 ไม่แปลกใจครับที่เวปนี้ไม่มีใครบริจาค มี modเสรีไทยหัวใจสลิ่ม ด่าทักษิณ...
โดย
on 19 เมษายน พ.ศ. 2557 - 19:07
เท่าที่เช็คล่าสุด ก็มีเยอะอยู่นะครับ
ไม่ได้เอาเงินบริจาคไปเที่ยวยุโรปน่ะครับ ไม่ต้องการเยอะ เดี๋ยวบัญชีเต็มครับ 
- 55555, เสือยิ้มยาก, คนทุกที่ and 50 others like this
#1133859 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
โดย
on 12 เมษายน พ.ศ. 2557 - 00:15
อุบาทว์ *** จริงๆๆ ปากหมาที่สุด
ลิงค์เฟสมัน https://www.facebook.com/chalermwut.chaichumpoo?fref=ts
ไม่เคยผิดหวังจริงๆ ตั๊ก บงกช
- หน้าตาไม่ดี แต่เร้าใจ, Rxxxx, Bookmarks and 27 others like this
#1132621 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
โดย
on 10 เมษายน พ.ศ. 2557 - 18:19
Thai Translation of Tony Cartalucci article:
Thailand: West Tearing Down Old World to Build a “New” One
ประเทศไทย: ชาวตะวันตกฉีกโลกเก่าทิ้งเพื่อจะสร้างโลก”ใหม่”
Author: Tony Cartalucci
เขียนโดย: Tony Cartalucci
จากนิตยสารออนไลน์ “New Eastern Outlook”
ขั้นตอนแรกในการปราบปรามประชาชนคือการระบุแหล่งที่มาของความแข็งแรง , ทำลายมันและในที่สุดก็กำจัดมัน ตำรากลยุทธ์นี้ใช้โดยจักรวรรดิตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ยังคงถูกนำไปใช้ทั่วโลกในรูปแบบของ วอลล์สตรีท และ ลอนดอน ที่มีพยายามหาหนทางที่จะบรรลุผลแห่งการยึดครองโลก ในอดีตที่ผ่านมามันทำได้โดยให้สัญญาที่ว่า จักรวรรดิสง่างามคือ สังคม,เศรษฐกิจและกองทัพอันเกรียงไกร และควบรวมประเทศอื่น ๆ โดยที่ว่า มันจะทำให้ก้าวพ้นความล้าหลังและก้าวเข้าสู่ความเป็นศิวิไลซ์ วันนี้แบรนด์ของ “ศิวิไลซ์” จะรวมถึง "สิทธิมนุษยชน” ของ West และ เปลือกของ “ประชาธิปไตย" (human rights” and “democracy” racket)
ต้นกำเนิดของความแข็งแกร่งของไทย
มีความเป็นตัวของตัวเองและเป็นชาตินิยมอย่างรุนแรง และเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถหลีกเลี่ยงการเป็นอาณานิคมของยุโรป อธิปไตยของไทยได้รับความคุ้มครองนานกว่า 800 ปีโดยพระมหากษัตริย์ที่เคารพเทิดทูน ราชวงศ์ปัจจุบัน ราชวงศ์จักรี ครองราชสมบัติเกือบจะยาวนานเท่ากับการมีอยู่ของชนชาติอเมริกา และพระมหากษัตริย์ในปัจจุบันเปรียบได้ดั่ง “พ่อผู้สร้าง” ที่ยังดำรงอยู่ และเช่นเดียวกันกับที่มีมา 800 ปี ในวันนี้สถาบันกษัตริย์ไทย ยังคงมีคำตอบที่ตื่นตาตื่นใจและเต็มไปด้วยความหมายให้กับภัยคุกคามที่ราชอาณาจักรกำลังเผชิญอยู่ - รวมทั้งความหายนะทางเศรษฐกิจและความยากจน (immense corporate-financier monopolies)
คำตอบก็คือ ความพอเพียง การเป็นอยู่อย่างพอเพียงของคนในชาติ ในจังหวัด ในชุมชน และ ในครอบครัว แนวคิด “ทฤษฎีใหม่” หรือ “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระมหากษัตริย์ไทยเป็นที่น่ายกย่อง และ สะท้อนถึงความพยายามที่คล้ายกันที่พบได้ทั่วโลก ที่จะขจัดการกดขี่และการแสวงหาผลประโยชน์ ที่เป็นผลพวงมาจากระบบโลกาภิวัฒน์ที่มีกันอยู่ทั่วโลก โดยที่อำนาจการผูกขาดเป็นของกลุ่มสถาบันการเงิน
โดยสร้างสูตรสำเร็จ ในการปลุก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ให้ทำลายความสามารถในการจัดการการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของเอเชีย ในช่วงปลายปี 2533 ในขณะที่ "ทฤษฎีใหม่“ เรียกร้องให้ทั้งส่วนรวม และ ปัจเจคบุคคล เติบโตอย่างยั่งยืน โดยการหลีกเลี่ยงการกู้ยืม และลงทุนในสิ่งที่ขยายตัวที่จับต้องได้, สินทรัพย์ทางด้านเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดความหลากหลายและการเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภายภาคหน้า
ชนชาติที่พอเพียง คือชนชาติที่เป็นรุ่งเรืองที่สุด - เป็นชาติหนึ่ง ที่เลือกวิธีการที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับส่วนที่เหลือของโลกในแบบที่ตัวเองกำหนด มากกว่าที่ชาติหนึ่งที่ก้มตัวลงเป็นหนึ่งข้ารับใช้ที่ต้องพึ่งพาการค้าขายระหว่างประะทศ, "สถาบัน ระหว่างประเทศ" และ แก๊งค์ ธนาคารระหว่างประเทศ ประเทศที่พอเพียงดังกล่าวเป็นเสมือนคำสาปแช่งไปสู่พวกยึดครองโลกของ วอลล์สตรีท และ ลอนดอน
เพราะบาปของมนุษย์ที่ต่อต้านโลกาภิวัตน์ ประเทศไทยได้ตกเป็นเป้าหมายมาอย่างยาวนาน ครั้งแรกโดยจักรวรรดิอังกฤษและฝรั่งเศส แล้วต่อมาก็ แองโกลอเมริกัน ในต้องการที่จะบั่นทอนเสถีนรภาพ, ทำลาย และ จัดการใหม่ ในปี 1932 ได้มีการทำรัฐประหาร โดยกองทัพที่มีสหราชอาณาจักรหนุนหลังอยุ่ที่นำโดย ปรีดี พนมยงค์ เพื่อล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของประเทศไทย และในปี 1946 เขาก็ถูกข้อกล่าวหาที่ว่าลอบสังหารกษัตริย์อันเป็นที่รักของปวงชน กษัตริย์ อนันทมหิดล เมื่อครั้งที่เขากลับมายังประเทศไทย ปรีดีหนีไปด้วยความช่วยเหลือของสหรัฐและอังกฤษ และกลับมาช่วงสั้นๆในปี 1949 เพื่อนำการทำรัฐประหารครั้งที่สองแต่ก็ไม่สำเร็จ แล้วเขาก็จะใช้เวลาที่เหลือของชีวิตของเขาอย่างผู้ถูกเนรเทศ
ในช่วงปี 1970 และปี 1980 ที่เรียกว่า "คอมมิวนิสต์" ได้พยายามที่จะล้มล้างอำนาจทางการเมืองของประเทศไทยรวมทั้งสถาบันกษัตริย์ และล่าสุดไม่จานมานี้เอง มหาเศรษฐีที่มีสหรัฐอเมริกาหนุนหลัง เป็นอาชญากร ถูกข้อกล่าวหาในเรื่องการสังหารหมู่ และเป็นนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นหัวหน้านำการบ่อนทำลายและล้มล้างสถาบันกษัตริย์ไทยมาเป็นเวลา 10 ปี โดยใช้ สิ่งที่เรียกว่าการเคลื่อนไหวเพื่อ “สนับสนุน ประชาธิปไดย”
“สนับสนุน - ประชาธิปไตย" การเคลื่อนไหวที่นึกไม่ถึง
ส่วนใหญ่ ของผู้สนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร กราบไหว้และเคารพพระมหากษัตริย์ไทย โดยไม่ได้คำนึงอย่างจริงจังถึง สิ่งที่ทักษิณ ชินวัตร และ ผู้สนับสนุนต่างชาติของเขาออกแบบไว้ พวกเขาเชื่อว่าการต่อสู้ของพวกเขาหนึ่งของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เป็นตัวแทนที่ดีกว่า และกลุ่มคนส่วนใหญ่ของส่ิงที่กำล้งดำเนินอยู่--ที่พวกเค้าได้รับฟังมาว่าจัดขึ้นโดยพวกชนชั้นสูงในกรุงเทพมหานคร ระบอบทักษิณมีความระมัดระวังในการแบ่งช่วงตอน ของ แผนการที่จะจัดรูปแบบใหม่ของการเมืองในประเทศไทย ให้การสนับสนุนเลี้ยงผู้สนับสนุนส่วนใหญ่ ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ให้โหมกระพือโฆษณาชวนเชื่อ และในวงในก็เพาะบ่ม พวกที่คิดล้มล้างสถาบันแบบสุดขั้ว ผู้ที่สนับสนุนทางออกแบบ “รูปแบบการปฏิวัติฝรั่งเศส” เพื่อที่จะยึดอำนาจและ เปลี่ยนแปลงประเทศไทย
อย่างไรก็ดี การเติบโตของการต่อต้านกลไกทางการเมืองของทักษิณ ชินวัตร ที่เริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคม 2556 และยังคงดำเนินอยู่ ได้สร้างความบาดแผลฉกรรจ์ให้กับชินวัตร ในความเจ็บปวดเจียนตายนี้ ทำให้ระบอบนี้เผยโฉมหน้าออกมา ซึ่งบางทีอาจจะไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งได้ออกแบบที่จะประจัญหน้าเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์และสถาบันรากฐานของไทยโดยตรง — โดยการเช้ามาแทนที่ด้วย ระบอบที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาของทักษิณ ชินวัตร ที่มีความตั้งใจและจุดมุ่งหมายทั้งหมดที่การเป็นเผต็จการเบ็ดเสร็จ ที่มีสืบทอดทายาทมาจากเผด็จการ เป็นการมีอำนาจสมบูรณ์เหนืองปวงขน มากกว่าที่สมบูรณาญาสิทธิราชของราชวงศ์จักรีที่พวกเค้าต่อต้าน หลายเท่าตัว
ใน สารคดีที่ไม่มีความถูกต้องเลยของ นิตยสาร VICE ที่มีหัวเรื่อง “Bangkok Rising” (การลุกขึ้นสู้ของกรุงเทพฯ) หัวหน้าฝ่ายใข้กำลังความรุนแรงของผู้สนับสนุนระบอบ วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ (โก๊ะตี๋) ประกาศอย่างเปิดเผยว่าเขา จะต่อสู้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทย ซึ่งเขา อ้างว่า เป็น “ผู้บงการ” และอยู่เบื้องหลัง "ทุกอย่าง" แม้ว่าพระมหากษัตริย์ จะทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ บนรถเข็นและที่โรงพยาบาล โก๊ะตี๋ยังคงประกาศความตั้งใจของเขา ที่จะเริ่มต้น "สงครามทุกฝ่าย" ในประเทศไทย
แม้จะมีอคติพจน์ของโก๊ะตี๋ ความคิดของสงครามกลางเมืองในประเทศไทยก็คงยังเป็นเรื่องเพ้อฝัน ระดับความนิยมของ ชินวัตร มีเพียงแค่ 7%ที่ระบุว่าตัวเองเป็น "แดง" หมายถึง ผู้สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร อย่างบ้าคลั่ง ที่เรียกเก็บเงินในการเป็น"เสื้อแดง” นั่นเมื่อตอนปี 2010
นับแต่นั้นมา ระบอบการปกครองของเขาที่ขณะนี้นำโดยน้องสาวของเค้าเอง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ทำความหายนะอย่างน่าเศร้าเสียใจต่อ ข้าว ไทย ด้วยโครงการเงินอุดหนุนข้าวทีมีเจตนาอันเลวร้ายเพื่อซื้อเสียง และนับแต่โครงการล้มเหลว ชาวนาหลายๆพันคนไม่ได้เงิน, ยากจน และ สิ้นหวัง ฐานซึ่งครั้งหนึ่งเป็นผู้สนับสนุนทางการเมืองของชินวัตร ได้ถูกผลักดันให้เป็นแปรเปลี่ยนเป็นฝ่ายตรงช้าม มีการปิดถนนหลายจุดในพื้นที่ที่เป็นจุดแข็งของทักษิณ ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่กลุ่มอื่นๆ ก็เดินทาเข้ากรุงเทพฯและเข้าร่วมการประท้วงที่เติบโตมากขึ้นที่นั่น
แม้จะมีความฝันเฟื่อง ของการก่อจลาจลรุนแรง ที่มุ่งล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ไทย ของโก๊ะตี๋, ส่วนของฐานสนับสนุนของทักษิณ ชินวัตร ส่วนใหญ่จะไม่สนใจในภาพนั้น หลายคนยังคงประดับประดาบ้านของพวกเขา ยานพาหนะ และ ร่างกาย ด้วยภาพของการแสดงความเคารพต่อองค์กษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ของเขา ไม่ได้ตระหนักอย่างแท้จริง ของการออกแบบ รื้อทิ้งโลกเก่าของไทย ที่ชินวัตรและผู้สนับสนุนเงินทุนต่างประเทศของเขาได้ออกแบบไว้ และสร้างอำนาจการบงการของรัฐแบบใหม่ โดยมีความพยายามเมื่อไม่นานมานี้ที่จะแบ่งแยก “สาธารณะรัฐทักษิณ” ที่ภาคเหนือของประเทศไทยเพื่อบงการ รื้อทิ้งของโลกเก่าของประเทศไทย ที่ภาคเหนือของประเทศไทย แต่โดนทำให้เป็นฝันสลายโดยผู้ที่น่าจะเป็นผู้สนับสนุนเสียด้วยซ้ำ การล้มล้างสถาบันอาจจะแปรเปลี่ยนฝันสลายนั้นให้กลายเป็นการก่อให้การแข็งขืนไปทั่วในหมู่ของผู้ที่เคยนิยมชมชอบที่นับวันก็จะลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆอยู่แล้วก็เป็นได้
ของเก่าจงไป ของใหม่จงมา
ในขณะที่หลายคนอาจยินดีต่อการล้มเลิกระบอบรัฐธรรมนูญของประเทศไทยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่าเป็นสัญลักษณ์ของ “ความก้าวหน้า" แม้แต่ผู้ที่อยู่ใน ประเทศที่มกษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญของตัวเอง นี่ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของชาวตะวันตกเกี่ยวกับว่าสถาบันกษัตริย์คืออะไร - ไม่มีความรู้ว่า สถาบันของไทย มีทั้งในแง่ ที่แตกต่างกันกับสถาบันกษัตริย์ในโลกตะวันตก และเป็นศูนย์รวมชาวไทยที่ก่อให้เกิดความรุ่งเรืองอันยาวนาน ขอเพิ่มเติมว่า การมองหาสิ่งที่จะมาแทนที่นั้นอยู่บนพื้นฐานของการรับรู้ที่โง่เขลา
ทักษิณ ชินวัตร มีอำนาจในช่วงพศ. 2544-2549 นับแต่นั้นมาก็ยึดครองการเมืองไทยไว้ในอุ้งมืออย่างเหนียวแน่นผ่านชุดร่างทรงที่ได้รับมอบฉันทะต่อกันมา พี่เขย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้รับอำนาจในปี 2551 พี่สาวน้องสาวของเขาดำรงตำแหน่งต่างๆภายในพรรคทางการเมืองของเขา และปัจจุบันนี้น้องสาวคนสุดท้องของเขา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำหน้าที่เป็น "นายกฯ” ในฐานะตัวแทนของเขา ในขณะที่เขาเลี่ยงโทษจำคุก 2 ปี, หมายจับหลายหมาย และ บัญชีรายการคดีที่รอขึ้นศาลอีกที่ยาวเหยียด
หรือจะพูดได้อีกอย่างว่า สิ่งที่พยายามที่จะเข้ามาแทนที่ระบอบรัฐธรรมนูญอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของไทย คือ ระบอบที่มีเผ่าพันธู์ชัดเจน ชี้ตรงไปที่การให้อำนาจทางการเมืองผูกขาดกับตระกูลเพียงตระกูลเดียว ในขณะที่ผู้สนับสนุนที่บ้าคลั่งอย่าง โก๊ะตี๋ กล่าวอ้างอย่างไร้หลักฐานว่า กษัตริย์ไทย เป็น “ผู้บงการ” ตระกูลชินวัตรกำหนดอำนาจเผด็จการที่จะปกครองเหนืออาณาจักรไทยอย่างชัดเจน หาช่องทางที่จะเขียนกฎบัญญัติแห่งชาติใหม่ เอื้อให้ตัวเองมีอำนาจเพิ่มขึ้น และลดทอนการตรวจสอบใดๆและทั้งหมด และ การถ่วงดุลอำนาจ ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มอำนาจทางการเมืองของพวกเขา
ด้วยการ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จับลูกชายขี้งอนของเขา พานทองแท้ "โอ๊ค" ชินวัตร แต่งเนื่อแต่งตัวเพื่อที่จะก้าว เข้าสู่เวทีการเมืองสักวัน ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับการล้มล้าง ระบอบรัฐธรรมนูญที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอันเป็นพื้นฐานของความรุ่งเรืองของพวกเขา และ ถูกแทนที่ด้วยระบอบทายาทเผด็จการที่มีต่างชาติหนุนหลังอยู่ ถ้าจะวัดว่ามีจำนวนต่างชาติให้การสนับสนุนทักษิณ ชินวัตร มาแค่ไหน ส่ิงเดียวที่ต้องทำคือลองดูบัญชีรายชื่อที่ยาวเหยียดของลอบบี้ยิสต์ที่ วอชิงตัน ที่ยืนเข้าแถวตามอยู๋ข้างหลังทักษิณ (the long list of Washington lobbyists that have lined up ) รวมถึงยังมีการโยงไยมากมาย ไปยัง Carlyle Group (of which Shinawatra was an adviser to ) ที่ซึ่ง ซินวัตรเป็นที่ปรึกษาให้ก่อนที่จะเข้าสู่ที่ทำงานในปี 2544
อีกครั้งที่ "หลักการ" ของตะวันตก ระเหยได้อย่างรวดเร็ว เผยให้เห็น การแสวงมาให้ได้ซึ่งอำนาจโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ - รวมทั้งที่ จะแทนที่ราชวงศ์ที่เป็นที่เคารพเทิดทูน และเป็นเอกเทศที่ไม่เกียวข้องกับใครอื่นใด ด้วยการสนับสนุนระบอบทายาทที่เป็นสมุนน้อมรับใช้ความทะเยอทะยานของพวกตะวันตก ให้ประจานใส่ร้าย
สำหรับคนไทย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ที่ถูกแบ่งแยกทางการเมือง พวกเค้าจะต้องเข้าใจความทะเยอทะยาน ที่แท้จริงของ ทักษิณ ชินวัตร และ การออกแบบที่ชาวต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วม พวกเขาจะต้องถามตัวเองว่าระบอบการปกครองที่สืบทอดทายาทที่ให้ผลประโยชน์กับต่างชาตินั้น แท้จริงแล้วเกี่ยวกับ “ประชาธิปไตย” หรือ “ความก้าวหน้า” หรือ? และถ้าหากการยกเลิกสถาบันที่เป็นรากฐานอันยาวนานเพื่อแลกกับกลุ่มพวกพ้องที่แฝงด้วยเล่ห์เหลี่ยมที่ร้ายกาจนั้นเป็นประโยชน์ที่ดีที่สุดของพวกเค้า? มันก็คงไม่เสียหายอะไรที่จะสันนิษฐานว่า ผู้ที่เป็น “เสื้อแดง” ของทักษิณ ชินวัตร ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้ที่ยังคงเป็นอยู่เหล่านั้นได้ยินคำพูดของ โก๊ะตี๋ และพวกเค้าจะถอนตัวออกมา เฉกเช่นเดียวกับคนไทยจำนวนหลายล้านคนที่เห็นแจ้งและเข้าใจ เรื่องการสมคบคิดทำร้ายชาติของพวกเค้า (the conspiracy against their nation)
Tony Cartalucci, นักวิจัยภูมิศาสตร์การเมืองและนักเขียน โดยเฉพาะสำหรับนิตยสารออนไลน์ “New Eastern Outlook”
Tony Cartalucci, Bangkok-based geopolitical researcher and writer, especially for the online magazine “New Eastern Outlook”.
- Zecret, ตะนิ่นตาญี, iba and 14 others like this
#1130519 เกาะติดสถานการณ์ สุเทพ ทวงคืนอำนาจจากรัฐบาลเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
โดย
on 8 เมษายน พ.ศ. 2557 - 19:53
แม่ครับ...
..... ผมรู้จักแม่เมื่อ 11 ปีที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ผมไปกราบขอคะแนนจากแม่ให้เลือกผมเป็น นักการเมือง
..... คู่ต่อสู้ซึ่งเขาใช้เงินไปเกือบ 4 ล้าน ผมหมดปัญญาหาเงินสู้เขา ขอยอมแพ้
..... ผมคิดว่าผมแพ้แล้ว เพราะไม่เห็นหนทางในการต่อสู้กับอำนาจเงินมหาศาลขนาดนั้น
..... แต่แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น เมื่อเสียงนับคะแนนจากบัตรเลือกตั้งใบแรก คณะกรรมการขานว่าเป็นบัตรที่เป็นคะแนนของผม และของผมๆๆๆ ... จนสุดท้าย แม่ก็ทำให้ผมชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเกือบหนึ่งหมื่นคะแนน
..... ตั้งแต่นั้นมา ผมก็รักแม่เหมือนแม่แท้ๆ และ แม่ก็รักผมเหมือนลูก แถมเรียกผมว่า"ลูก" ทุกคำ ผมจึงเป็นนักการเมืองที่มีพ่อและแม่อยู่หลายพันคนในพื้นที่ชนบท
..... ผมเป็นลูกชายของแม่ ไม่ใช่เป็น สจ.ของแม่ ... เพราะแม่ไม่เคยเรียกผมว่า "ท่าน สจ."
..... เสียงอันสั่นเครือของแม่เรียกผมว่า "บักหล่าตั้ม" อยู่เรื่อยเสมอมา
..... บางวัน มีเสียงโทรศัพท์กลางดึกมาปลุกผมบอกว่า แม่สิ้นลมแล้ว และขณะนี้ร่างแม่รออยู่ในห้องดับจิตที่โรงพยาบาลมหาสารคาม
..... ต่อให้ผมเหนื่อยและง่วงแค่ไหน ผมก็จะรีบไปถึงที่นั่นทันที
..... ผมจะกราบแม่และอุ้มร่างของแม่ขึ้นแนบในอ้อมอก ก่อนพาร่างไร้วิญญาณของแม่กลับบ้านในยามวิกาล ไม่เคยคิดรังเกียจศพของแม่เลย มีแต่คิดว่านี่คือแม่แท้ๆผู้ให้ชีวิตทางการเมือง
..... แม่ไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายชั่วคนนั้น แต่แม่ก็รักมันสุดหัวใจ ซึ่งผมก็ไม่เคยโกรธแม่และยังรักแม่เหมือนเดิม ผมรู้ว่าแม่กตัญญูต่อบุญคุณที่มันเอาเงินมาให้กู้ในกองทุนหมู่บ้าน และ จำนำข้าวในราคาสูงๆ ฯลฯ มิหนำซ้ำ มันยังบอกแม่ว่า มันจงรักภักดีต่อในหลวงที่แม่รักนักหนา
..... แต่วันนี้แม่โกรธและน้อยใจผม ที่ผมลุกขึ้นสู้กับผู้ชายชั่วคนนั้น เพราะแม่คงไม่รู้ว่า เป็นเพราะผมไม่อาจทนเห็นแม่ถูกมันหลอกได้อีกต่อไป
..... จนมีบางคนไปยุแหย่ให้แม่เกลียดผม สส.ขี้ข้ามันบางคน ไปบอกให้แม่ไม่ต้องเลือกผมเป็นนักการเมืองอีก แล้วแม่จะเชื่อเขาอย่างนั้นหรือ?
..... ลูกน้องผมในพื้นที่หลายคน หน้าตาตื่นวิ่งมาบอกผมให้ผมหยุดสู้ เพราะแม่ไม่ชอบใจ อาจตัดเป็นตัดตายกับลูกชายคนนี้
..... ผมตอบกลับไปว่า มันโกงข้าวแม่กู มันสูบเลือดพี่น้องกู มันหมิ่นพ่อหลวงของกู แล้วมึงยังจะให้กูหมอบตัวร่างขดหดหัวกลัวตายอยู่เฉยๆอย่างนั้นหรือ!
..... ลูกน้องผมเถียงคืนกลับมาว่า ก็ไม่เห็นนักการเมืองคนอื่นเป็นบ้าเหมือนเฮีย ไม่มีใครเขากล้าลุกขึ้นมาต่อสู้กับผู้ชายชั่วคนนั้นหรอก มันอันตราย!!!
..... ผมตอบว่า " กูไม่อาจไปบังคับจิตใจนักการเมืองคนอื่นได้ แต่กูก็ไม่อาจทนมองดูแม่ต้องถูกผีปอบสูบกินเลือดเนื้อจากแม่จนตายไปต่อหน้า ต่อตาได้เช่นกัน"
.... แม่โกรธผมก็ไม่เป็นไร ผมยอมรับชะตากรรม ไม่เป็นนักการเมืองต่อก็ไม่เป็นไร
.... แต่ผมยืนยันว่า ถ้าผมตายก่อนแม่ ก็ขอให้แม่มาเผาผม หรือ ถ้าแม่ตายก่อนผม ผมก็จะไปเผาศพแม่
.... ผมแค่อยากให้แม่รู้ว่า ผู้ชายชั่วคนนั้น มันไม่ได้มาเผาร่างของเราทั้งสองคนหรอก ไม่ว่าแม่หรือผม ใครจะตายก่อนใคร ... มันไม่รู้จักเราเสียด้วยซ้ำไป
.... ก็คงมีแค่แม่และผมที่จะดูแลกันไป ทะนุถนอมกันและกัน จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะต้องลาจากกันไปเท่านั้นเอง
cr. เพจ สจ.ตั้ม-พิสุทธิ์ จันทรจำนงค์
- Abraxas, paper punch, สมชายสายชม and 30 others like this
#1129926 คําพูดของสุเทพเรื่องแก้ตัวให้ประยุทธ์พูดไป ยิ่งหมดความน่าเชื่อถือ
โดย
on 8 เมษายน พ.ศ. 2557 - 10:27
